ตอนที่แล้วนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 598 - การฟื้นฟูสัมบูรณ์!!!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 600 -เหลืออีก 2!!

นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 599 - ผู้ชม!


บนท้องฟ้าที่อยู่ไกลออกไปจากเมืองของตระกูลฮันเตอร์หลายร้อยกิโลเมตร เรือเหาะขนาดใหญ่หลายลำกำลังลอยตัวนิ่งอยู่กลางอากาศ ภาพเหตุการณ์การต่อสู้ระหว่างเดวิดกับครึ่งเทพทั้ง 3 ฉายปรากฏอยู่บนหน้าจอโฮโลแกรมของแต่ละห้องควบคุม ไม่รู้ว่าเทคโนโลยีหรือกล้องที่ใช้จับภาพนั้นซ่อนอยู่ตรงไหนหรือมีประสิทธิภาพดีเยี่ยมเพียงไร แต่ทุกรายละเอียดของการต่อสู้ถูกบันทึกเอาไว้เรียบร้อยแล้ว

เรือเหาะที่ลอยอยู่ตรงกลางของขบวนมีสีสันและรูปลักษณ์ใกล้เคียงกับหัวหมาป่าไม่น้อย และในห้องควบคุมใหญ่ที่ตกแต่งเอาไว้อย่างหรูหรา ไนฮุนยืนอยู่ในนั้นด้วยสีหน้าอันเคร่งขรึม สายตาที่จับจ้องอยู่บนหน้าจอเต็มไปด้วยความตกตะลึง ระดับของการต่อสู้ในครั้งนี้เป็นอะไรที่เขาคาดไม่ถึงเลย

“เจ้าเคยพบกับเจ้าหนุ่มเดวิดคนนี้มาก่อนใช่มั้ย?” ชายร่างกำยำที่ยืนอยู่ด้านข้างของเขาเอ่ยถามออกมา ชายวัยกลางคนผู้นี้มีเส้นผมสีเขียวเป็นประกาย นอกจากนั้นแล้ว รูปร่างหน้าตาที่เหลือแทบจะไม่ต่างจากไนฮุนเลยด้วยซ้ำ สายตาจ้องเขม็งอยู่ที่การต่อสู้บนหน้าจอเช่นกัน เสียงที่เอ่ยถามออกมานั้นราบเรียบไร้อารมณ์

ไนฮุนสะบัดหน้าอย่างแรกเพื่อไล่ความสับสนแตกตื่นออกไป ก่อนจะพยักหน้าตอบด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่เต็มไปด้วยความเคารพ “ใช่แล้วท่านพ่อ! ระหว่างที่ถูกส่งออกไปหาประสบการณ์ในสถาบัน! ข้าเคยพบกับเขาอยู่ 2-3 ครั้ง”

คิ้วของชายวัยกลางคนขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนที่คำถามจะถูกเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่แฝงความไม่พอใจอยู่เล็กน้อย

“ถ้าอย่างนั้น! เจ้าต้องสัมผัสอะไรบางอย่างจากตัวเจ้าหนุ่มนั่นได้ในตอนที่พบกันมิใช่หรือ? เสือ 2 ตัวไม่อาจอยู่ในถ้ำเดียวกันได้ จ่าฝูงไม่อาจมีพร้อมกันมากกว่า 1 ตัว! เจ้าต้องรู้เรื่องนั้นดี! แล้วทำไม? ทำไมเจ้าถึงไม่พยายามดึงตัวอีกฝ่ายเข้ามาอยู่ใต้อำนาจของตระกูล หรือทำไมไม่กำจัดอีกฝ่ายให้สิ้นซากไปเสียตั้งแต่ต้น?”

ใบหน้าของไนฮุนบิดเบี้ยวไปเล็กน้อย “ท่านพ่อ! การจัดการกับเดวิดไม่ใช่เรื่องง่ายแบบนั้นเลย เขาไม่ใช่คนที่จะยอมตกอยู่ในอำนาจของใคร นิสัยแปลกประหลาดและแข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อ พวกเราเคยปะมือกันครั้งหนึ่งตั้งแต่ยังเป็นสไปรเยอร์อยู่ ข้าไม่สามารถเอาชนะเขาได้ ทั้ง ๆ ที่กระตุ้นใช้ความสามารถของสายเลือดออกไปแล้ว คลื่นประกาศิตก็ใช้การอะไรไม่ได้ ข้าไม่คิดว่าเขาในตอนนั้นจะเป็นมนุษย์หมาป่าเสียด้วยซ้ำ”

“หืม? มีเหตุการณ์อย่างนั้นเกิดขึ้นด้วยหรือ? ทำไมข้าถึงไม่เคยได้รับรู้ข้อมูลมาก่อน สไปรเยอร์ที่แข็งแกร่งกว่าเจ้า? ทำไมถึงไม่แจ้งเรื่องนี้ให้ทางตระกูลให้รับรู้? เรื่องแบบนี้แค่ส่งผู้อาวุโสออกไปจัดการแค่คนเดียวก็เรียบร้อยแล้ว ดูตอนนี้สิ! ต่อให้ข้าลงมือเอง การจะควบคุมเจ้าเด็กนั่นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ” น้ำเสียงนั้นเริ่มแข็งกร้าวขึ้น มันไม่ใช่น้ำเสียงของพ่อที่จะใช้พูดกับลูกชายของตัวเองเลย แต่เป็นน้ำเสียงของหัวหน้าตระกูลที่ใช้กล่าวกับผู้อยู่ใต้บังคับบัญชามากกว่า

“ท่านพ่อ! ข้า..”

“ฮึ่ม!!” เสียงคำรามในลำคอดังขึ้นมาขัดจังหวะคำพูดของไนฮุนจนไม่สามารถกล่าวอะไรออกมาได้อีก สีหน้าของเขากลายเป็นซีดเผือด เสียงคำรามสั้น ๆ ที่แฝงไปด้วยอำนาจสั่งการของคลื่นประกาศิตทำให้ชายหนุ่มต้องทรุดตัวเอาเข่าข้างหนึ่งแตะพื้นเอาไว้ กรามของเขาขบเข้ากันแน่นเพื่อพยายามต้านทานอย่างเต็มที่ ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม แต่! นั่นก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ทำได้ ไนฮุนยังไม่สามารถต้านทานคลื่นประกาศิตที่ส่งออกมาจากพ่อของตัวเองได้ ไม่มีโอกาสเลยแม้แต่น้อย

ดวงตาของผู้นำตระกูลไลแคนในตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีทองที่เปล่งประกาย ใบหน้าที่หันจ้องมองมายังไนฮุนมีความผิดหวังไม่พอใจปรากฏอยู่ให้เห็นเล็ก ๆ “ด้วยศักยภาพของเจ้าหนุ่มนั่น ถ้าได้รับการฝึกฝนอย่างถูกวิธี และได้รับทรัพยากรที่มากพอ ระยะเวลาที่ผ่านมา 2-3 ปีนี้จะต้องแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นกว่าที่เห็นอยู่ในตอนนี้ไม่รู้กี่เท่าตัว เขาจะต้องกลายเป็นกำลังหลักของตระกูลไลแคนของพวกเราอย่างแน่นอน เจ้ารู้ตัวบ้างมั้ย? ความผิดพลาดของตัวเองสร้างความเสียหายให้ตระกูลมากมายแค่ไหน? แล้วรู้ตัวหรือยังว่าทำไมข้าถึงเลือกน้องสาวของเจ้ามารับการฝึกฝนอย่างใกล้ชิดแทนเจ้า!”

หลังจากสุดลมหายใจเข้าไปลึก ๆ ครั้งหนึ่ง ผู้นำตระกูลของไลแคนก็ถอนสายตาออกจากลูกชายของตัวเอง และหันกลับไปจ้องมองดูการต่อสู่บนหน้าจอโฮโลแกรมอีกครั้ง “ครึ่งเทพ 3 คน!? ต่อให้เจ้าหนุ่มนั่นมี 9 ชีวิตก็ไม่มีทางหนีรอดชะตากรรมไปได้แน่!”

หลังจากพึมพำจบ ชายวัยกลางคนก็ส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับออกไปจากห้องควบคุมทันที

“ท่านพ่อ!” ไนฮุนที่ดิ้นรนจนกลับมาลุกขึ้นยืนได้อีกครั้งกล่าวเรียกออกมา สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยการตัดสินใจที่หนักแน่น

“ข-ข้า! ถ้าเดวิดหนีรอดออกจากวงล้อมไปได้ ข้าสัญญาว่าคราวนี้จะนำเขามาที่ตระกูลให้ได้อย่างแน่นอน”

พ่อของเขาหันกลับมามองด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความสมเพช “ร่างสมบูรณ์คนหนึ่งกับครึ่งเทพ 3 คน! ครึ่งเทพ 3 คนที่แข็งแกร่งที่สุดบนโลกใบนี้! เจ้ายังคิดอีกหรือว่าจะทำอย่างที่พูดได้? ต่อให้เจ้าหนุ่มนั่นจะโชคดีหนีรอดไปได้ เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าความสามารถของตัวเองเพียงพอ! แล้วเจ้าใช้สมองส่วนไหนคิดว่าเจ้านั่นจะหนีรอดไปได้! เจ้าลูกโง่เอ้ย!!” หลังจากกล่าวจบ ร่างของผู้นำตระกูลก็เดินพ้นออกไปจากประตูของห้องควบคุมโดยไม่หันหลังกลับมาอีกเลย

ไนฮุนได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่ด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น

........

เดวิดเคลื่อนที่อยู่ด้วยความเร็วสูงสุดของตัวเอง ครึ่งเทพทั้ง 3 คนกำลังเคลื่อนที่ไล่ตามมาอย่างสุดกำลัง ระยะห่างระหว่างผู้ถูกล่ากับผู้ไล่ล่าหดสั้นลงตามระยะเวลาที่ผ่านไป สมองของชายหนุ่มกำลังทำงานอย่างหนัก การหนีโดยตรงแบบนี้มันไม่ช่วยให้เขาเอาตัวรอดไปได้อย่างแน่นอน

เร็ว! เดวิดถือว่าเร็วที่สุดในระดับร่างสมบูรณ์ด้วยกัน น่าจะเร็วกว่ายอดฝีมือระดับอาตมันทั้งหมดบนโลกใบนี้แล้วด้วยซ้ำ แต่ผู้ที่ตามไล่ล่าอยู่ในตอนนี้คือครึ่งเทพ เขารู้ดีว่าการถูกติดตามทันมันเป็นแค่เรื่องของเวลาเท่านั้น ถ้าหยุดชะงักการเคลื่อนไหวเพียงแค่เสี้ยววินาที อีกฝ่ายจะเข้ามาถึงตัวอย่างแน่นอน

ในที่สุด แววตาของเดวิดก็เปล่งประกายอันหนักแน่นแบบตัดสินใจได้แล้วออกมา กล้ามเนื้อทั่วทั้งร่างกายสั่นไหวด้วยคลื่นความถี่อันแปลกประหลาด ลมหายใจถูกบังคับควบคุมให้หมุนเวียนส่งคลื่นสมองไปทั่วร่างกาย อุณหภูมิของเซลล์แต่ละเซลล์ทะยานสูงขึ้นอย่างกะทันหัน ก่อนที่มันจะถูกผลักดันเป็นคลื่นความร้อนอันมหาศาลออกมาปกคลุมอยู่ทั่วตัว ทักษะเพลิงพิโรธถูกกระตุ้นตามออกมาในเสี้ยววินาที คลื่นความร้อนสูงสุดเท่าที่ทักษะเพลิงไร้ลักษณ์จะทำได้ถูกใช้เป็นตัวตั้งต้น เปลวเพลิงสีทองลุกโชนส่องสว่างออกมาอย่างร้อนแรง

มันเป็นความร้อนที่ร่างกายของเดวิดในตอนนี้ทนทานไม่ได้! ใช่แล้ว! เขายอมเผาผลาญตัวเองเพื่อเพิ่มอำนาจทำลายล้างให้สูงขึ้นถึงระดับที่จะทำลายการป้องกันของครึ่งเทพได้ พลังงานในร่างกายถูกหมุนวนซ่อมแซมเซลล์ที่เสียหายอย่างต่อเนื่อง การผสานเสริมพลังของเพลิงไร้ลักษณ์และเพลิงพิโรธเข้าด้วยกันไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ก่อนหน้านี้เดวิดไม่เคยกระตุ้นใช้มันจนสามารถเผาผลาญตัวเองได้ และเขารู้ดีว่าตัวเองทนความร้อนที่สร้างขึ้นมาได้ไม่นานนักเลย

ฟุบ!!!!

เดวิดหยุดการเคลื่อนไหวลงและหมุนตัวกลับอย่างกะทันหัน ร่างที่ปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงสีทองราวกับเป็นเทพอัคคีหันไปเผชิญหน้ากับจ้าวกิเลนที่พุ่งนำหน้าเข้ามาเป็นคนแรก คลื่นพลังอันมหาศาลถูกปลดปล่อยออกไปจนเปลวเพลิงสีทองกระจายตัวออกเป็นรัศมีกว้างเกือบ 1 กิโลเมตร เสียงตวาดอันเลื่อนลั่นดังก้องออกมาจากปาก

“ตาย!!!!!”

สีหน้าของจ้าวกิเลน!? มันเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดและเคร่งขรึมขึ้นมาอย่างกะทันหันเมื่อเห็นเหตุการณ์ที่เปลี่ยนไปอย่างไม่คาดคิด คลื่นพลังอันมหาศาลที่สัมผัสได้ในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรับมือ เขารีบกระตุ้นปล่อยพลังต้นกำเนิดให้สูงมากขึ้นทันที ประกายสีรุ้งอันเข้มข้นเจิดจ้าปรากฏขึ้นรอบตัวก่อนจะพุ่งมารวมกันอยู่บนฝ่ามือ ความเร็วในการเคลื่อนไหวลดลงเล็กน้อย ความคิดเกี่ยวกับการป้องกันตัวเองไม่ให้ได้รับบาดเจ็บมากเกิดไปวาบขึ้นมาในหัว เจ้าเด็กนี่สติแตกไปแล้ว! จ้าวกิเลนไม่คิดจะเอาตัวเข้าไปเสี่ยงจนได้รับบาดเจ็บหนักกับเหยื่อที่พร้อมสู้อย่างจนตรอกเลย มันไม่คุ้มกัน

ในฐานะของผู้นำตระกูลเคียร์ริน! ความแข็งแกร่งของจ้าวกิเลนอ่อนด้อยกว่าทั้งอาร์คฮันเตอร์และจ้าวมังกรอยู่ขั้นหนึ่ง ถ้าวัดกันตัวต่อตัว! เขาเหนือกว่าผู้นำของตระกูลไลแคนอยู่เล็กน้อยเท่านั้น การได้รับบาดเจ็บหนักไม่ได้เป็นผลดีกับทั้งตัวเองและตระกูลเคียร์รินเลย อาร์คฮันเตอร์ จ้าวมังกร รวมถึงตระกูลอื่น ๆ ไม่เปิดโอกาสให้มีเวลาได้ฟื้นตัวอย่างแน่นอน ถ้าเขาไม่ได้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ สงครามการแก่งแย่งทรัพยากรและอาณาเขตในการปกครองจะถูกพุ่งเป้ามาที่ตระกูลเคียร์รินแน่ และจ้าวกิเลนไม่คิดที่จะปล่อยให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น

ฝ่ามือที่ฟาดออกไปไม่ใช่เป็นการทุ่มอย่างสุดตัว มันมีเจตนาเพียงเพื่อหยุดยั้งป้องกันให้ตัวเองไม่ได้รับบาดเจ็บเท่านั้น....

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด