ตอนที่ 13 : ความรักก็หายไปใช่ไหม?
แน่นอนว่าการมีเอฟเฟกต์เพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ แต่พวกเขายังต้องอาศัยการฝึกฝนให้เชี่ยวชาญเพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้นอีกด้วย
เฉินโม่กังวลว่าเสี่ยวจูจะเรียนรู้การเคลื่อนไหวแบบไหนมาหลังจากที่เธอสามารถปลุกพรสวรรค์ธาตุสายฟ้าได้แล้ว!
มันคงจะดีมากหากเธอสามารถไปได้ไกลกว่าเดิม และเรียนรู้สกิลกลับมาสักสองสามท่าหลังจากเข้าฝึกที่ยิมอสนีบาตนี่
“ไม่เอาน่า! หนุ่มน้อย ฉันยังไม่ได้ถามชื่อนายเลย”
“เฉินโม่ คุณเรียกผมว่า เสี่ยวเฉินหรือเสี่ยวโม่ก็ได้ครับ”
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะเรียกนายว่าเสี่ยวโม่ก็แล้วกัน พรุ่งนี้นายสามารถมาที่โรงยิมเพื่อเข้ารับการฝึกได้เลย แต่วันนี้ นายควรติดตามพี่ชายคนโตของเราไปก่อนเพื่อให้คุ้นเคยกับโรงยิมของเรา ฉีพิน ฉันจะปล่อยให้นายรับผิดชอบงานนี้นะ”
ฉีเหล่ยพูดกับชายหนุ่มอายุประมาณ 20 ปีที่ยืนอยู่ข้างๆ ผู้ชายคนนั้นสวมชุดยิมสีขาวและมีผมยาวแบบคนอินดี้
‘สกุลฉี น่าจะเป็นลูกชายไม่ก็หลานชายของปรมาจารย์ฉีงั้นสินะ’ เฉินโม่คิดอย่างเงียบ ๆ ในใจ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก
ด้วยพรสวรรค์ที่เขามีนี้ ตราบใดที่เขาอ่อนน้อมถ่อมตนและตั้งใจฝึกฝนพัฒนา เขาจะสามารถปีนขึ้นไปสู่จุดสูงสุดได้ในสักวันหนึ่ง เขาจึงไม่จําเป็นต้องประจบประแจงเพื่อเอาใจใคร
“ฉันไปโลกวิญญาณมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วและบังเอิญไปหยิบของเล็กๆ น้อยๆ ในหุบเขาเผยเล่มาได้ เพราะงั้นฉันขอยกหินฟ้าร้องชิ้นนี้เป็นของขวัญสําหรับการพบหน้าละกันนะ!”
เมื่อพูดจบ ฉีเหล่ยก็หยิบหินที่ส่องแสงสีเงินออกมาจากสร้อยข้อมือปรมาจารย์วิญญาณ
หินฟ้าร้องเป็นทรัพยากรหายากที่สามารถปรากฏได้เฉพาะในหุบเขาที่มีพายุฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นตลอดทั้งปีเท่านั้น มันมีพลังทางจิตวิญญาณของธาตุสายฟ้าที่อุดมสมบูรณ์ ซึ่งสามารถเร่งการเติบโตของสัตว์วิญญาณธาตุสายฟ้าระดับปลุกพลังและระดับพิเศษได้เป็นอย่างดี
แต่ราคาต่อหน่วยของมันในตลาดมีตั้งแต่ 30,000 ไปจนถึง 100,000 หยวน!!!
“ขอบคุณมากครับ แต่ของสิ่งนี้มันแพงเกินไป ผมคงรับไว้ไม่ได้ ต้องขอโทษด้วยครับ” เฉินโม่ขอบคุณเขา
"ไม่เอาน่า มันก็แค่ของเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ได้มีค่าอะไร มารับไปเร็วๆเข้า! เอาล่ะ ฉันต้องขอตัวก่อนละนะ พินพิน นายจะเสี่ยวโม่ไปเดินเล่นก่อนได้!"
หัวหน้าโรงยิมไม่ได้พูดอะไรมากและจากไปทันทีหลังจากได้รับการยืนยันว่า เฉินโม่เข้าร่วมยิมของเขาเรียบร้อยแล้ว
“น้องเฉิน ให้ฉันพานายไปเดินเล่นก่อนดีไหม? หรือนายอยากจะฝึกอีกสักพัก?”
หลังจากที่ฉีเหล่ยจากไป ฉีพินที่เคยเชิดหน้าและยืดอกสูง จู่ๆ ก็ดูห่อเหี่ยวในทันที น้ําเสียงของเขามีความเกียจคร้าน ราวกับคนยังไม่ตื่นนอน
“พี่ชาย สัตว์ร้ายของผมเพิ่งปลุกพลังใหม่ได้ ผมเลยอยากลองทำความคุ้นเคยกับมันดูก่อนสักพักได้ไหมครับ?”
เมื่อปลุกพลังขึ้นมา พลังที่ถูกปลุกขึ้นมาจะถือเป็นพรสวรรค์ในอีกรูปแบบหนึ่ง และเมื่อมีพรสวรรค์รูปแบบใหม่ สัตว์วิญญาณก็จะได้รับการสุ่มสกิลใหม่ด้วยเช่นกัน
"ตามสบายเลย ใช้เวลาของนายให้เต็มที่ เสร็จแล้วนายก็เรียกฉันแล้วกันนะ"
หลังจากพูดจบ ฉีพินก็นั่งลงกับพื้นและหลับตาลง ไม่รู้ว่าเขากําลังนั่งสมาธิหรือผล็อยหลับไปแล้วจริงๆ
มีสกิลใหม่ทั้งหมด 3 ท่าที่เสี่ยวจูได้รับมา นั่นคือ – กรงเล็บสายฟ้า, เงาอสนี และกระสุนฟ้าผ่า
เป็นสกิลระยะใกล้ 1 และสกิลระยะไกล 1 ส่วนอีกสกิลเป็นสกิลพิเศษ แต่ทั้งสามสกิลยังเป็นสกิลระดับต่ำอยู่
“เอาเลยเสี่ยวจู! แสดงสกิลใหม่ให้ฉันดูหน่อย!”
"หงิง!"
เสี่ยวจูปล่อยกรงเล็บสายฟ้าออกมาก่อนเป็นสกิลแรก จากนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงแพรวพราวพุ่งออกมาจากกรงเล็บของเสี่ยวจู
มันพุ่งแหวกอากาศออกไปอย่างรวดเร็ว ราวกับประกายดาบสีม่วง จนมันพุ่งไปกระแทกพื้นในที่สุด และระเบิดออกเป็นประกายแสงสีม่วง
แม้ว่าจะเป็นเพียงการสกิลระดับต่ำ แต่มันก็ทรงพลังมาก
ในส่วนของเงาอสนีนั้น มันสามารถช่วยเพิ่มความเร็วของเสี่ยวจูได้หลังจากที่ใช้งาน ในขณะที่ กระสุนฟ้าผ่านั้นเป็นการปล่อยลูกบอลสายฟ้าขนาดเท่ากําปั้นใส่คู่ต่อสู้
หลังจากฝึกฝนทักษะทั้งสามนี้เสร็จแล้ว เจ้าจิ้งจอกเพลิงจะมีความสามารถนการต่อสู้จริงๆได้
และเมื่อบวกกับเอฟเฟกต์ [ราชาแห่งสายฟ้า] สกิลที่เกี่ยวข้องกับธาตุสายฟ้าทั้งหมดของเสี่ยวจู ก็จะสามารถเพิ่มพลังขึ้นไปได้อีก แม้แต่ผู้เริ่มต้นอย่างพวกเขา ก็ยังพลังเทียบเท่ากับเหล่าผู้เชี่ยวชาญได้เลย
"พี่ชาย ผมฝึกเสร็จแล้วครับ"
หลังจากฝึกสกิลใหม่เสร็จ เฉินโม่ก็เดินไปหาฉีพิน
"โอ้ เร็วขนาดนี้เลย"
ฉีพินลืมตาขึ้นอย่างสับสน เขายังคงพูดด้วยน้ําเสียงติดขี้เกียจ
พี่ชายคนนี้ดูเหมือนว่าจะหลับไปจริงๆ เขาหลับในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดังขนาดนี้ได้ยังไงกันนะ ไม่รู้ว่าเมื่อคืนเขาไปทําอะไรมาถึงได้ดูเหนื่อยขนาดนี้
“นายควรคุ้นเคยกับสนามฝึกทั้งในและนอกโรงยิมของเราก่อน ดังนั้นฉันจะพานายเข้าไปด้านใน!”
ฉีพินยืนขึ้น ร่างกายของเขาโงนเงนไปมา ดูไม่มั่นคงเลยสักนิด
"พี่ชาย คุณโอเคไหมครับ?"
"ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ตามฉันมาสิ!"
ฉีพินพาเฉินโม่กลับไปที่สนามฝึกในร่มและเมื่อมาถึงประตูเหล็ก หลังจากแสกนลายนิ้วมือเสร็จแล้ว ประตูก็ค่อยๆ เปิดออก
“โรงยิมด้านในนี้ เป็นสนามฝึกซ้อมสําหรับสมาชิกและศิษย์สายในของเราเท่านั้น ฉันจะพานายไปบันทึกลายนิ้วมือทีหลัง ตอนนี้ ตามฉันมาก่อนเถอะ!”
เฉินโม่เดินตามเขาไปติดๆ
พื้นที่ภายในและภายนอกโรงยิมนั้นเกือบจะเหมือนๆกัน แต่สิ่งอํานวยความสะดวกที่นี่นั้นเพรียบพร้อมกว่ามาก
เวทีไซส์มาตรฐาน อุปกรณ์ออกกําลังกายต่างๆ สนามฝึกสายฟ้า ห้องทําสมาธิ และห้องพยาบาลขนาดเล็ก
แต่ในนี้มีคนน้อยมากเมื่อเทียบกับสนามฝึกด้านนอก จากสายตา เฉินโม่เห็นคนแค่เพียงสองคนเท่านั้น พวกเขาทั้งคู่ต่างสวมเครื่องแบบสีขาวที่พิมพ์โลโก้ ของยิมอสนีบาตเอาไว้
พวกเขาดูเหมือนจะกำลังดวลสัตว์วิญญาณกันอยู่
ที่ใจกลางเวที มีสัตว์วิญญาณธาตุสายฟ้าตัวหนึ่งที่มีความสูงพอๆกับตัวคนมันมีกระดิ่งสีทองแขวนอยู่ที่หน้าอก ส่วนอีกฝั่งเป็นหมาป่าเงินหนึ่งเขา ลำตัวของมันเป็นสีเงินทั้งหมดและมีเขาที่โดดเด่นอันหนึ่งอยู่บนหัว สัตว์วิญญาณแต่ละตัวเข้าประจำที่คนละมุมของเวที
จากนั้นไม่นาน ก็เกิดเป็นเส้นแสงสายฟ้ากระพริบไปรอบ ๆ ประกายสายฟ้า และพลังจิตวิญญาณของธาตุสายฟ้าควบแน่นจนเป็นเส้นสายสีทองหนาราวกับปากชามใบหนึ่ง มันพุ่งเข้าหาหมาป่าเงินเขาเดียวอย่างรวดเร็ว แต่เจ้าหมาป่าเงินเขาเดียวเองก็หลบได้อย่างรวดเร็ว เกิดเป็นภาพติดตาหลายภาพทับซ้อนกันไปมา เนื่องจากพวกมันเคลื่อนที่รวดเร็วมากจนตามองตามไม่ทัน
สัตว์ร้ายวิญญาณทั้งสองนี้ต่างอยู่ในระดับพิเศษ ดังนั้นความรุนแรงในการต่อสู้นั้น จึงไม่ใช่สิ่งที่สัตว์วิญญาณระดับปลุกพลังจะไปเทียบได้