บทที่ 421: ความทะเยอทะยาน
เมื่อได้ยินคำพูดของ อวี้หยวนเจียง ซูเฉินก็ก้มหน้าลงและครุ่นคิด
หลังจากนั้น ไม่นาน ซูเฉินก็เงยหน้าขึ้นและตอบออกมา: "ข้าวางแผนที่จะให้กองทัพมังกรทองคำติดตามกองทัพของฝ่ายปกครองสหพันธรัฐภาคกลางและเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายของเจ้าเพื่อสำรวจอาณาจักรลับขั้นสูง นอกจากนี้ ข้าจะนำผู้ทรงพลังหลายคนจากอาณาจักรเทพยุทธ์เข้าร่วมสำรวจอาณาจักรลับขั้นสูงสุดด้วยกัน พอดีค่ามีทหารไม่ได้มากมายอะไรน่ะ!"
อวี้หยวนเจียง ก็พยักหน้ารับและได้พูดออกมา "เรื่องนี้เองก็ขึ้นอยู่กับอาณาจักรเทพยุทธ์ที่จะตัดสินใจด้วยเหมือนกัน ข้ามาที่นี่เพื่อแจ้งข่าวสารเท่านั้น เราจะรวมตัวกันที่สถานที่ลับทั้งสองในสามวัน โปรดส่งคนจากอาณาจักรเทพยุทธ์ของท่านไปร่วมตรงตามเวลาก็แล้วกัน!"
ซูเฉินได้พูดออกมา: "ไม่ต้องกังวล!"
จากนั้น อวี้หยวนเจียง จึงออกจากเมืองหลวงและบินไปในทิศทางของสหพันธรัฐภาคกลาง
และซูเฉินได้ประกาศเรื่องนี้ต่อเสนาบดีในที่ประชุมท้องพระโรงในวันรุ่งขึ้น
"คราวนี้ ข้าจะไปที่ที่ราบตอนกลางของแผ่นดินใหญ่เพื่อสำรวจอาณาจักรลับ ข้าวางแผนที่จะให้นายพลหยูเหวินจัวนำทหารกองทัพมังกรทองคำ 150,000 คนไปสำรวจอาณาจักรลับขั้นสูง"
ซูเฉินกล่าวกับเสนาบดี
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เสนาบดีกระทรวงกลาโหมก็ถามด้วยความสงสัย: "แล้วใครล่ะที่พวกเราควรปล่อยให้เป็นตัวแทนของอาณาจักรเทพยุทธ์เพื่อสำรวจดินแดนลับสุดยอดกันหรือพะย่ะค่ะ?"
ซูเฉินได้พูดออกมา: "ข้าวางแผนที่จะทำเอง นอกจากนี้ ข้าจะนำ หนิงเอ๋อ, หลิงอ้าย, จือหยาน, จินซี, เสี่ยวจิว,ซูยี่เข้าร่วม นอกจากนี้ผู้นำของ เครือข่ายน้ำแข็งทมิฬ เย่อิง, รวมถึงหลัวเฉิน และ เสี่ยวหยู พวกเจ้าทั้งสามไปสำรวจอาณาจักรลับสุดยอดนั้นด้วยกันเสีย!"
ในบรรดาเก้าคนที่ซูเฉินวางแผนที่จะพาไปด้วยกู่หนิงเอ๋อและ เย่หลิงอ้าย ต่างเป็นผู้บ่มเพาะระดับอาณาจักรที่สาม ระดับนิพพานขั้นสาม ในขณะที่ ซูจือหยาน ก้าวเข้าสู่ขอบเขตบ่มเพาะระดับอาณาจักรที่สาม ระดับนิพพานขั้นที่ห้าในช่วงเวลาที่ผ่านมา
น้องของเขาทั้งสองคนอย่าง ซูจินซี และ ซูเสี่ยวจิว เองต่างทะลวงผ่านอาณาจักรเล็ก ๆ สองแห่งในช่วงเวลานี้ และตอนนี้พวกเขาเป็นผู้บ่มระดับอาณาจักรที่สาม ระดับนิพพานขั้นที่สี่และระดับนิพพานขั้นหกตามระดับ
ในวันธรรมดา ซูยี่เป็นผู้ช่วยซูเฉินทบทวนตรวจสอบราชกิจของเสนาบดีในหอตำราของจักรพรรดิก็ทะลุผ่านอาณาจักรเล็ก ๆ สองแห่ง แต่การบ่มเพาะในปัจจุบันของเขาก็เหมือนกับภรรยาทั้งสองคือกู่หนิงเอ๋อและ เย่หลิงอ้าย ซึ่งเป็นผู้บ่มเพาะระดับอาณาจักรที่สาม ระดับนิพพานขั้นสาม
แม้ว่าพวกเขาทั้งสามจะมีอาณาจักรเดียวกัน แต่พลังการต่อสู้ของพวกเขานั้นแย่กว่ามาก
ท้ายที่สุดกู่หนิงเอ๋อมี กู่จิ้งของฝูซี เย่หลิงอ้าย มีคันธนูของอพอลโล แต่ซูยี่ทำได้เพียงแค่ซ่อนใบหน้าของตนและร้องไห้เพราะมีเพียงเคล็ดวิชา "เก้ามังกรขัดเกลาวิญญาณ" ในอ้อมแขนของเขาเพียงเท่านั้น
นอกจากนี้ ฐานการบ่มเพาะของ เย่อิง ยังพัฒนาได้เร็วที่สุด และเขาได้มาถึงขอบเขตบ่มระดับอาณาจักรที่สาม ระดับนิพพานขั้นเก้า และเขาสามารถเป็น ผู้บ่มเพาะระดับอาณาจักรที่สี่ ได้ทุกเมื่อ
ส่วน หลัวเฉิน และ เฟิงเสี่ยวหยู ก็ยังได้ปรับปรุงการฝึกฝนบ่มเพาะของพวกเขาด้วยเหมือนกัน
หลังจากที่ หลัวเฉิน ได้รับ กระบี่วิญญาณพยัคฆ์ ที่มอบให้โดยซูเฉิน เขาก็ใช้วิญญาณชั่วร้ายที่ไม่มีใครเทียบได้ใน กระบี่วิญญาณพยัคฆ์ เพื่อฝึกฝน และในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้เขาได้ทะลวงผ่านอาณาจักรเล็ก ๆ สามแห่งติดต่อกันจนเขาอยู่ในระดับบ่มเเพาะเดียวกับเย่อิง ระดับนิพพานขั้นเก้า
และหลังจากที่เฟิงเสี่ยวหยูผ่านการเข้าสำนักศิลปะการต่อสู้เพื่อฝึกฝนจนสำเร็จเคล็ดวิชาบ่มเพาะที่เหมาะสมกับเธอ พรสวรรค์ในการบ่มเพาะของเธอก็สะท้อนให้เห็นอย่างเต็มที่
เดิมทีเธอเป็นเพียงผู้บ่มเพาะระดับอาณาจักรที่หนึ่งขั้นเจ็ด แต่ตอนนี้เธอกลายเป็นผู้บ่มเพาะระดับอาณาจักรที่สอง ระดับเก้าดาวแล้ว!
นี่เป็นมากกว่าเรื่องการทะลวงข้ามขั้นอาณาจักรบ่มเพาะหลักทั่วไป มันทำให้แม้แต่ซูเฉินก็ยังประหลาดใจอย่างมาก
ความเร็วในการปรับปรุงฐานการฝึกฝนบ่มเพาะนี้เทียบได้กับของเขาเลยทีเดียว!
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าฐานการบ่มเพาะของคนทั้งเก้านี้จะพัฒนาอย่างรวดเร็ว แต่ฐานการบ่มเพาะของพวกเขาก็ไม่ใช่แม้แต่ ผู้บ่มเพาะระดับอาณาจักรที่สี่
ด้วยระดับบ่มเพาะนี้ ต่อให้เป็นการสำรวจอาณาจักรลับขนาดกลางที่เหล่าสัตว์ร้ายอาศัยอยู่ พวกเขาจะถูกฆ่าถ้าพวกเขาไม่ระวัง ไม่ต้องพูดถึงการสำรวจอาณาจักรลับสุดยอดแต่อย่างใดเลยไม่ใช่หรือ? !
ความจริงแล้ว ซูเฉินตั้งใจพาพวกเขาเก้าคนไปสำรวจอาณาจักรลับสุดยอด เหตุผลหลักๆก็คือให้พวกเขาทั้งเก้าได้มีประสบการณ์เพียงเท่านั้น เขาไม่ได้คาดหวังว่าคนทั้งเก้านี้จะมีส่วนร่วมในการสำรวจหรือเก็บเกี่ยวในอาณาจักรลับสุดยอดมากนัก …
สำหรับอันตราย ซูเฉินผู้มีขอบเขตพลังในขอบเขตเทพแห่งการต่อสู้ เขาไม่ได้กังวลว่าชีวิตของพวกเขาทั้งเก้าคนจะตกอยู่ในอันตรายแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ในอาณาจักรลับซึ่งเต็มไปด้วยความเสี่ยงและโอกาส การบาดเจ็บเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ซูเฉินจะไม่ลงมือ เว้นแต่จะมีอันตรายถึงขั้นพิการร้ายแรง
แน่นอนว่า ยกเว้นเพพียงภรรยาทั้งสองคือกู่หนิงเอ๋อและ เย่หลิงอ้ายเท่านั้นที่เขาจะปกป้องอย่างสุดความสามารถ
ไม่ว่าซูเฉินจะทนทานด้านได้แค่ไหนก็ตาม มันก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะทนเเห็นภรรยาสาวทั้งสองของเขาได้รับบาดเจ็บแม้จะเป็นเพียงการบาดเจ็บเล็กน้อยก็ตาม!
ไม่ต้องพูดถึงสัตว์ประหลาดที่อาจคุกคามชีวิตของพวกเขา แม้ว่าสัตว์ประหลาดที่มีอาณาจักรต่ำกว่า หากพวกมันทำท่าจะโจมตีทั้สอง ซูเฉินคิดว่าเขาอาจจะละเว้นพวกมันไม่ได้ในทันทีที่ได้รับรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้!
หลังจากการประชุมท้องพระโรง ซูเฉินบอกให้ซูจือหยาน ซูจินซี ซูเสี่ยวจิว ซูยี่ เย่อิง หลัวเฉิน และเฟิงเสี่ยวหยูทราบทันที และเรียกพวกเขาไปที่หอตำราของจักรพรรดิ
“ฝ่าบาท!”
เย่อิง สมควรแล้วที่เขาเป็นผู้นำของ เครือข่ายน้ำแข็งทมิฬ คุณสมบัติการต่อสู้ของเขาแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาผู้คนทั้งหมด สำหรับข้อกำหนดของซูเฉิน เขาเพียงแค่ปฏิบัติตามข้อกำหนดทั่วไปเพื่อที่จะได้ไม่มีใครโต้แย้งได้ก็เท่านั้น
ดังนั้น หลังจากที่ซูเฉินเรียกเขามาที่นี่ เขาก็มาที่หอตำราของจักรพรรดิก่อนคนอื่นๆ และทำความเคารพซูเฉิน
ซูเฉินโบกมือเล็กน้อย แสดงออกให้เห็นว่าเขาไม่ต้องการพิธีรีตรองในการพบเจอ หลังจากนั้น จึงรอการมาถึงของคนที่เหลือ
ในไม่ช้า ซูจือหยาน, ซูจินซี, ซูเสี่ยวจิว และซูยี่ก็มาถึงหอตำราของจักรพรรดิทีละคน
“ไม่เจอกันนานเลยนะเพคะ เสด็จพี่!”
ซูเสี่ยวจิวเป็นคนพูด เธอพูดด้วยรอยยิ้มกว้าง
“เสด็จพี่!”
ซูจือหยานเป็นคนพูด เขาก็พยักหน้ารับให้ซูเฉินอย่างหมดจดและพูดด้วยรอยยิ้ม
“เสด็จพี่ มีอะไรอย่างนั้นหรือเพคะ”
ซูจินซีเป็นคนพูด เธอมองไปที่ซูเฉินด้วยความสงสัย เมื่อซูเฉินเรียกให้เธอมา เขาไม่ได้อธิบายจุดประสงค์ของการมาที่นี่แต่อย่างใด
“เสด็จพี่เฉิน เสด็จพี่จะไม่ทรงงานในการตรวจสอบกิจการของเสนาบดีอีกแล้วเหรอเพคะ!”
ไม่มีใครอื่นนอกจากซูยี่ที่สามารถพูดสิ่งนี้ได้ เขาบ่นอุบอย่างมากเมื่อเขาถูกมองว่าเป็นเพียงเครื่องมือตรวจสอบของซูเฉิน
การแสดงของทั้งสี่คนไม่เหมือนกัน
เมื่อทั้งสี่มาถึง หลัวเฉิน และ เฟิงเสี่ยวหยู ก็เดินประสานมือเข้าไปในหอตำราของจักรพรรดิ
"ท่านอาจารย์!"
ทั้งสองพูดพร้อมกันด้วยความเคารพเล็กน้อยบนใบหน้าของพวกเขา
เมื่อเห็นว่าทุกคนมาถึงแล้ว ซูเฉินก็ทักทายทุกคนแล้วบอกให้นั่งลง
หลังจากนั้น ซูเฉินมองทุกคนด้วยรอยยิ้มก่อนจะพูดออกมา "พูดถึงเรื่องนี้แล้ว นี่เป็นการรวมตัวเล็กๆ ครั้งแรกของเราหลังการต่อสู้กับนิกายหยวนจ้ง แน่นอนว่าเมื่อข้าเรียกพวกเจ้ามาที่นี่ มันไม่ใช่แค่การพูดคุยเล็กๆ น้อยๆ ใช่แล้ว ข้าวางแผนที่จะมอบประสบการณ์ให้แก่พวกเจ้า!"
คำพูดของซูเฉินมีความจริงจังเล็กน้อย
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนก็อดกลั้นสีหน้าเดิมและมองไปที่ซูเฉินอย่างจริงจัง
ซูเฉินบอกทุกคนเกี่ยวกับอาณาจักรลับสุดยอดที่กำลังจะมีขึ้นในที่ราบตอนกลางของแผ่นดินใหญ่
ซูเฉินได้พูดออกมา: "หากว่ามันเป็นอาณาจักรลับขนาดกลาง สัตว์ประหลาดที่อยู่ในนั้นอยู่ที่ด้านล่างสุดจะมีขอบเขตบ่มเพาะระดับอาณาจักรที่หนึ่ง มีสัตว์ประหลาดมากมายอยู่ในอาณาจักรบ่มเพาะระดับอาณาจักรที่สาม ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอาณาจักรลับสุดยอดนั้นว่าอันตรายมากเพียงใด ดังนั้น แม้แต่ข้าก็รับประกันไม่ได้ว่าพวกเจ้าจะไม่ตายในดินแดนลับนี้!"
"ดังนั้น ด้วยการที่ประสบการณ์ในครั้งนี้เกี่ยวข้องกับชีวิตของพวกเจ้า ข้าวางแผนที่จะให้โอกาสพววเจ้าเลือกว่าจะไปหรือไม่ไป พวกเจ้าเป็นคนสุดท้ายที่ต้องตัดสินใจในเรื่องนี้! แน่นอน สมบัติแห่งสวรรค์และโลกในดินแดนลับสุดยอดนี้ก็มีค่ามหาศาล มันล้ำค่ามากจนแม้แต่ข้าก็ยังโลภและอยากได้ทรัพยากรการฝึกฝนในนั้นมาเป็นของตัวเองแต่เพียงผู้เดียวเลยด้วยซ้ำไป!”
ในขณะที่ซูเฉินพูด เขามองไปที่ทุกคน
ในฐานะที่เป็นเทพแห่งการต่อสู้ แน่นอนว่าเขามีความสามารถในการปกป้องทุกคน แต่เขาไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้นออกมา
เพราะตัวเลือกนี้จะเป็นตัวกำหนดด้วยว่าคนเหล่านี้ที่ใกล้ชิดกับเขาที่สุดจะสามารถไปถึงจุดสูงสุดพร้อมกับเขาได้หรือไม่ในภายภาคหน้า!
ท้ายที่สุดแล้ว ความทะเยอทะยานของคนๆ หนึ่งก็คือหนึ่งในกุญแจสำคัญในการกำหนดความสำเร็จ!