ตอนที่ 43 โกลาหล
“นายน้อย เราพาผู้หญิงที่พูดถึงมาแล้ว”
คนเหนือมนุษย์คนนึ่งก็เดินเข้ามาข้างหวังยี่แล้วกระซิบบอก
“เยี่ยมมาก เอาเธอเข้ามา” ดวงตาของหวังยี่ก็เป็นระกายแล้วโบกมือสั่งลูกน้องให้พาคนอื่นออกไ
ทันใดนั้นสาวงามนางหนึ่งก็เดินเข้ามาข้างในซึ่งทำให้หวังยี่กลืนน้ำลายดังเอื้อก ใบหน้าอันแสนเย็นชา เรือนร่างที่น่าหลงไหลนั้นทำให้หวังยี่รู้สึกร้อนรุ่มไปหมด
“คุณผู้หญิง บางทีคุณอาจจะไม่รู้จักผม ก่อนอื่นผมขอแนะนำตัวก่อนแล้วกัน ผมวังยี่ นายน้อยตระกูลหวัง จะเรียกผมว่าหวงเซ่าก็ได้….”หวังยี่ก็พล่ามออกมา
เหลิงหยูเหว่ยนั้นก็ยังคงแสดงสีหน้าเย็นชาแต่ในใจเธอนั้นกำลังคิดถึงเรื่องที่ซูเฉินบอกให้เธอฟัง
“เมื่อเธอคนๆนั้น ให้หาวิธีถ่วงเวลาไว้ พวกเราจะไปช่วยเธอทีหลัง”
เธอนั้นรู้สึกเชื่อมั่นในคำพูดของซูเฉิน ดังนั้นเธอจึงต้องเล่นกับหวังยี่ไปก่อน
เมื่อเรดาห์ตรวจพบว่าเหลิงหยูเหว่ยนั้นเดินทางไปถึงโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง ทันใดนั้นซูเฉินก็ลืมตาขึ้นพร้อมกับพูดว่า “ลงมือได้!!”
ทันทีที่เขาพูดออกมา ซูยี่นั้นก็ขยับมือบดขยี้กุญแจมือที่รัดข้อมือเขาให้กลายเป็นผุยผง จากนั้นแล้วเขาก็เตะเปิดกรงขังก่อนจะออกสู้กับทหารยาม
ทางซูเอ้อนั้นก็เข้าไปช่วยแก้มัดผู้คนที่โดนขังคนอื่นๆ เน่าองจากไม่มีใครรู้ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของพวกเขา พวกนั้นจึงปฏิบัติกับเขาเหมือนเป็นคนเหนือมนุษย์ระดับ 2 ดาว ดังนั้นนี่จึงเปิดโอกาสให้พวกเขาได้ลงมือ
เสียงแจ้งเตือนก็ได้ดังขึ้นภายในคุก ซูเฉินนั้นจึงได้ให้ลั่วฮางและจางเถาไปช่วยคนอื่นๆหนีออกจากคุกในขณะที่เขา ซูยี่และซูเอ้อจะคอยต่อสู้กับทหารที่มาจากด้านบน
ดูเหมือนว่าเมืองฐานทัพนั้นจะไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบน้ ผู้คนจึงสับสนอลหม่านกันไปหมด
“พวกนายจะรออะไรกันเล่า? หนีสิโว้ย!!”ลั่วฮางนั้นพบว่าเขานั้นเปิดกรงขังแล้วแต่นักโทษในนั้นกลับยืนโง่ๆอยู่แบบนั้น เขาจึงตะโกนใส่
หลังจากได้ยินเสียงตะโกน นักโทษทุกคนนั้นก็ดูเหมือนจะตื่นจากฝันก่อนจะรีบวิ่งหนีกันออกมา ตราบใดที่พวกเขาสามารถหนีรอดจากระยะของเมืองฐานทัพได้ นั่นก็เท่ากับว่าพวกเขาเป็นอิสระแล้ว
ซูยี่นั้นเป็นทหารระดับ 5 ดาว ส่วนซูเอ้อเป็นทหารระดับ 4 ดาวสูงสุด ทั้งสองนั้นก็ได้พุ่งเข้าปะทะกับศัตรูซึ่งไม่มีใครสามารถหยุดพวกเขาได้
“ไม่นะ นั่นมันคนเหนือมนุษย์ระดับ 5 ดาวหนิ รีบเรียกกำลังเสริมเร็ว!!”เมื่อทหารยามนายหนึ่งพบว่าปืนของพวกเขานั้นไม่สามารถใช้กับซูยี่ได้ พวกเขาก็ตื่นตระหนกกันขึ้นมา
คนเหนือมนุษย์ระดับ 5 ดาวนั้นเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งและสูงส่ง มันต้องใช้เวลาอยู่กว่าจะได้ระดับนั้นมาช่วย
หลังจากแหกคุกกันได้แล้ว ซูเฉินและคนอื่นๆนั้นก็ได้เข้าต่อสู้กับทหารที่อยู่ด้านนอก ด้วยความที่พวกเขานั้นแข็งแกร่งเกินไป จึงไม่มีใครอยากจะเข้ามาหยุดพวกเขา
ต่อมาพวกเขาก็ได้พบเข้ากับรถ ลั่วฮางจึงเปิดประตูแล้วสตาร์ทเครื่องอย่างง่ายดาย
พอเห็นซูเฉินส่งสายตาแปลกๆ ลั่วฮางจึงอธิบาย “พอดีตอนผมเป็นเด็ก ผมเรียนรู้วิธีต่างๆในการเอาชีวิตรอดหน่ะ”
ซูเฉินจึงพยักหน้าอย่างเข้าใจ เขานั้นรู้ดีว่าเด็กๆที่อาศัยอยู่ในสถานที่รวมตัวที่ไม่รู้อะไรเลยนั้นก็ทำได้แค่อดตาย
รถยนต์ก็ได้ส่งเสียงคำรามออกมาในขณะที่พวกเขามุ่งไปยังทิศทางที่ซูเฉินบอกก่อนจะมุ่งหน้าไปยังโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง
โชคดีที่โรงแรมแห่งนั้นยังอยู่ใน เขต C ถ้าหากว่าอยู่ในเขต B มันจะต้องเป็นปัญหาใหญ่กว่านี้แน่
ไม่นานนักความวุ่นวายในคุกก็ได้สงบลง นักโทษจำนวนเล็กน้อยที่แหกคุกไปได้นั้นได้สร้างความวุ่นวายขึ้นในมืองฐานทัพ ถึงขั้นที่บุคคลากรระดับสูงของเมืองฐานทัพรับรู้กันเลย
“ให้จ้าวจูจางจัดการ ให้เวลามันหนึ่งวันในการจับกุมนักโทษทั้งหมดที่หลบหนี ถ้าหากมันพลาดแม้แต่คนเดียวล่ะก็ ให้เอาหัวของมันมาแทน!!”พวกคนระดับสูงต่างโมโหกันมาก
พวกเขานั้นพึ่งจะพ่ายแพ้ให้กับฐานทัพทหารมาไม่นาน และตอนนี้เหตุการณ์นี้ก็ไปสะกิดให้พวกเขาโมโหขึ้นมาแล้ว
เขต C ของเมืองฐานทัพนั้นก็ได้ตกอยู่ในความวุ่นวาย หน่วยป้องกันเมืองจึงได้เริ่มออกตามหานักโทษที่หลบหนีรวมถึงซูเฉินและพรรคพวก
โชคร้ายที่ในที่นี่นั้นมีไม่กี่คนที่มีโทรศัพท์และก็ไม่มีใครถ่ายรูปของซูเฉินกับพรรคพวกไว้ในตอนที่พวกเขาโดนจับขัง พวกเขารู้แค่ว่าคนที่ถูกจับล่าสุดนั้นแข็งแกร่งมาก และหนึ่งในนั้นก็เป็นคนเหนือมนุษย์ระดับ 5 ดาว
ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าซูเฉินและพรรคพวกนั้นจะไม่แอบซ่อนตัว พวกเขานั้นได้พึ่งทะยานเข้าไปยังโรงแรมหรูและมุ่งหน้าไปห้องส่วนตัวระดับ VIP ในทันที
บู้ม!!
ซูเฉินก็เตะเปิดประตู ส่วนหวังยี่ที่กำลังคุยกับเหลิงหยูเหว่ยนั้นก็โมโหขึ้นมาทันที ใครกันบังอาจเข้ามาเสือก?
แต่ก่อนที่หวังยี่จะได้พูดอะไร หมัดอันร้อนระอุก็ได้พุ่งเข้าใส่หัวของเขา หวังยี่นั้นเป็นคนเหนือมนุษย์ระดับ 5 ดาว เขาจึงโต้ตอบได้อย่างรวดเร็วโดยการหลบการโจมตี แต่อีกฝ่ายดูเหมือนจะตั้งใจจะมาสู้กับเขา
ซูเฉินนั้นก็ไม่ได้สนใจอีกฝ่ายเลย เขานั้นเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของซูยี่ ถ้าหากซูยี่สามารถทำภารกิจเลื่อนระดับสำเร็จ นั่นแสดงว่าซูยี่นั้นมีศักยภาพอันเพรียบพร้อม และในระดับเดียวกับซูยี่นั้นไม่มีใครสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของซูยี่ได้เลย
“เป็นอะไรใหม?”ซูเฉินก็หันไปมองเหลิงหยูเหว่ย เขานั้นยอมรับเลยว่าการได้เห็นด้วยตาตัวเองนั้นแตกต่างกับสิ่งที่เรดาห์แสดงให้เขาเห็นเลย
แม้กระทั่งซูเฉินก็ยังตกตะลึงกับหน้าตาของเหลิงหยูเหว่ยในขณะนี้
เหลิงหยูเหว่ยนั้นก็สังเกตเห็นสายตาของซูเฉิน เธอจึงยิ้มออกมาอย่างสดใส “ฉันไม่เป็นไร นายมาทันเวลาพอดี”
“ดีแล้ว เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปกันเถอะ”ซูเฉินก็กลับมาทำหน้านิ่งตามเดิม
ด้วยการเกิดเหตุการณ์ใหญ่โตแบบนี้ พวกเขาจึงไม่สามารถอยู่ในเขต C ต่อไปได้แล้ว แต่พวกเขานั้นก็ไม่สามารถเข้ายังเขต A และ B ได้ เพราะทหารคุ้มกันที่นั่นเข้มงวดกว่าอีก
ดังนั้นพวกเขามีสถานที่เดียวที่สามารถไปได้ เขต D นั่นเอง!!
ในขณะที่ซูเฉินกำลังคุยอยู่นั้น ซูยี่ก็ได้สยบหวังยี่ได้สำเร็จแล้วจึงพาตัวมาหาซูเฉิน
“นายน้อย เราจะทำอะไรกับหมอนี่ดีครับ?”ซูเฉินก็เหลิบมองหวังยี่และจำได้ทันทีว่าหมอนี่มันคือผู้บัญชาการกองกำลังที่มาโจมตีฐานทัพของเขา ช่างบังเอิญจริง!
ซูเฉินจึงโบกมือสั่งการโดยไม่ลังเล “ฆ่ามันซะ”
หวังยี่ก็ดวงตาเบิกกว้างพร้อมกับคิดว่า “นี่นายไม่ทำตามขั้นตอนเลยหรือไง อย่างน้อยก็ถามถึงตัวตนของฉันก่อนจะตัดสินใจสิโว้ย!”
“เดี๋ยวก่อน ฉันเป็นคนของตระกูลหวังนะ ลุงของฉันเป็นคนควบคุมเมืองฐานทัพ ถ้าหากแกฆ่าฉัน แกได้เจอดีแน่!!”หวังยี่จึงรีบเปิดเผยตัวตนของเขา
เขานั้นกังวลว่าอีกฝ่ายจะไม่เข้าใจและไม่รู้ว่าเขานั้นเป็นใคร เขาจึงรีบพูดคนหนุนหลังของเขาในทันที
“โอ้ ลุงของแกเป็นคนควบคุมเมืองฐานทัพงั้นหรอ?”ซูเฉินก็ดูเหมือนจะสนใจ
“ใช่แล้ว ลุงของฉันกำลังจะกลายเป็นคนเหนือมนุษย์ระดับ 7 พอถึงตอนนั้น เขาก็จะสามารถควบคุมได้ทุกอย่าง ถ้าหากแกปล่อยฉันไป ฉันรับประกันได้เลยว่าตระกูลหวังจะไม่สร้างปัญหาให้แกแน่”หวังยี่นั้นก็แสดงสีหน้าซื่อตรงออกมา
ความจริงแล้ว เขานั้นกำลังคิดหาวิธีทรมานซูเฉินแบบโหดๆอยู่ เมื่อเขาหนีได้แล้ว เขาก็จะใช้ทุกวิถีทางในการจับกุมคนพวกนี้แล้วเอามาทรมานจนตาย!!
“งั้นหรอกหรอ? แต่ฉันไม่ได้สนใจสักนิด”คำพูดของซูเฉินนั้นก็ดุจดั่งเสียงกระซิบของยมทูตที่ดังก้องในหูของเขา นี่ก็คือคำพูดสุดท้ายที่เขาได้ยิน