ตอนที่แล้วChapter 12 : กุญแจเควสปัจเจก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 14 : สิบสองอสูรแห่งหายนะ - เฮอร์เนส

Chapter 13 : เข้าสู่เควส


ลู่หยวนไม่มีความคิดจะหลบหนีจากคนเหล่านี้แต่อย่างใด

ภายใต้ความต่างของเลเวล ความเสียหายที่พวกนั้นทำต่อเขาได้จึงต่ำมาก นอกจากนี้เขายังได้ความสามารถในการต้านทานความเสียหายจากสภาวะ ‘เงาติดตาม’ อีก ดังนั้นต่อให้ลู่หยวนยืนนิ่งๆปล่อยให้คนพวกนั้นโจมตีก็คงลดพลังชีวิตของเขาได้แค่ไม่กี่หน่วยต่อให้ใช้สกิลก็ตาม

ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ว่าลู่หยวนเองก็ไม่ใช่พวกโง่เง่าพอจะยืนให้โจมตีด้วย

หลังจากเก็บกวาดเลี่ยรู่เฟิงแล้ว ลู่หยวนก็มองไปยังกลุ่มผู้เล่นที่ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีและหมดความสนใจที่จะสังหารเขาไปแล้วเหล่านี้

กลุ่มคนเหล่านี้ ลู่หยวนรู้สึกว่าต่อให้ฆ่าไปก็เสียเวลาเปล่า

เขาหยิบไอเทมที่เลี่ยรู่เฟิงดรอปเอาไว้ขึ้นมาและหมุนตัวจากไป

[เครื่องรางของซานเป่า]

[ระดับความหายาก : สีเทา]

[คำอธิบาย : นี่คือเครื่องรางที่มารดาของซานเป่าทำให้แก่ซานเป่า]

[ความสามารถ : ความเร็วในการเคลื่อนที่+1]

ลู่หยวนโยนมันลงกระเป๋าอย่างลวกๆ เขาวางแผนว่าจะนำมันไปวางขายเมื่อตั้งแผงลอยอีกครั้งหลังจากกลับออกจากเควสเพื่อยั่วโมโหเลี่ยรู่เฟิง

หลังจากเดินผ่านพื้นที่เก็บเลเวลเลเวล6มาแล้ว ลู่หยวนก็มาถึงหุบเขาแห่งหนึ่ง

หุบเขาบรรพตเพ่งพิศ

ลู่หยวนเดินเข้าไปในหุบเขาบรรพตเพ่งพิศและมุ่งหน้าไปยังพื้นที่รกร้างแห่งหนึ่ง จากนั้นเขาก็หยิบ [พรจากเทพีแห่งกาลเวลา] ออกมา

จากนั้นเขาก็กดใช้งานมันทันที

วินาทีต่อมาจี้ห้อยคอนั้นก็เปล่งแสงสีขาวอ่อนละมุนออกมาซึ่งเข้าปกคลุมร่างของลู่หยวนเอาไว้ทั้งตัว

ลู่หยวนรู้สึกราวกับว่าสัมผัสทั้งห้าของเขาสูญเสียความสามารถในการใช้งานไปอย่างสิ้นเชิง เขาไม่อาจได้ยิน ไม่อาจมองเห็นหรือไม่อาจรับรู้ได้กระทั่งการไหลของเวลา

[กำลังเข้าสู่เควสปัจเจก]

[ทำการสร้างเควส...]

[กฏเกณฑ์แห่งกาลเวลากำลังจ้องมองท่าน ขอให้ผู้เล่นลู่หยวนโชคดี]

เมื่อเขาเปิดเปลือกตาอีกครั้งลู่หยวนก็พบว่าตัวเองอยู่ท่ามกลางกองหิมะแล้ว

ชุดตัวเลขปรากฏขึ้นมาด้านบนซ้ายของมุมมองของเขาซึ่งแสดงตัวเลข 11.59เอาไว้

ตัวเลขนี้คือเวลาแน่นอนแต่ลู่หยวนไม่ทราบว่าเวลานี้มันเป็นตัวแทนของอะไร

อาจจะเป็นระยะเวลาที่เขาสามารถอยู่ในเควสนี้ได้ก็เป็นได้

ที่แห่งนี้หิมะตกหนักมาก

ร่างของลู่หยวนทั้งตัวถูกปกคลุมเอาไว้ภายใต้ชั้นหิมะหนาหลังจากยืนอยู่ตรงจุดเดิมมาได้ซักพัก

[ภารกิจแรกของเควสได้ถูกแจกจ่าย โปรดตามหาแอนนาในเขตตะวันตกของเมืองแอมเบอร์]

หลังจากดูภารกิจแล้ว ลู่หยวนก็เปิดแผนที่เพื่อยืนยันทิศทางของเมืองแอมเบอร์

เขาเดินฝ่าหิมะไปอย่างยากลำบากทีละก้าวๆ

ทุกก้าวของเขานั้นจะสร้างหลุมลึกลงบนพื้นหิมะและหิมะนี้ก็ทั้งหนักและหนาถึงน่องของเขาเลยทีเดียว

“สกิลเองก็ดูเหมือนจะหายไปหมดเลยสินะ?” ลู่หยวนขมวดคิ้ว เขาอยากจะใช้สกิลแต่ไม่ว่าพยายามเท่าไหร่ก็ใช้ไม่ได้

สิ่งเดียวที่พอจะทำให้ใจชื้นอยู่บ้างก็คือค่าสถานะของเขานั้นยังอยู่

ไม่อย่างนั้นแล้วถ้าเขากลายเป็นคนธรรมดาขึ้นมาก็ไม่ต้องกล่าวถึงเคลียร์เควสเลย คงได้ตายอยู่กลางหิมะนี่แหละ

หลังจากผ่านไปกว่าชั่วโมงลู่หยวนที่อยู่กลางทุ่งหิมะก็พอจะมองเห็นเมืองแอมเบอร์ได้ลางๆแล้ว เขาสลัดเกล็ดหิมะบนตัวออกและออกเดินต่อไป

ในชีวิตที่แล้วของเขาก็เคยประสบกับความยากลำบากแบบนี้มาแล้ว ตอนนี้เขาก็แค่ต้องเดินฝ่าหิมะไปเรื่อยๆ สำหรับเขาแล้วมันก็เหมือนของเด็กเล่นนั่นแหละ

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ลู่หยวนก็ได้มายืนอยู่หน้าทางเข้าเมืองแอมเบอร์เสียที

“หยุด! เจ้าต้องจ่ายค่าเข้าก่อน” ในตอนที่ลู่หยวนกำลังจะเข้าเมืองอยู่นั้นกลับมียามเฝ้าประตูมาขวางเขาเอาไว้

“เท่าไหร่?”

“10ทองแดง”

ลู่หยวนปรายตามองยามเฝ้าประตูคราหนึ่งและคิดจะหยิบเงิน10ทองแดงออกมาจากกระเป๋า

แต่สิ่งที่ทำให้เขาต้องสิ้นหวังก็คือช่องเก็บของของเขานั้นดูเหมือนจะถูกผนึกเอาไว้และเขาไม่สามารถนำอะไรออกมาได้เลย

“พี่ชายรบกวนหน่อยเถอะ ข้าสูญเสียทุกอย่างไปในหิมะหมดแล้ว ตอนนี้ข้าทำอะไรไม่ได้จริงๆ” ลู่หยวนกล่าวด้วยปากที่ซีดเซียว

แม้เขาจะมีร่างกายอันทรงพลังแต่ร่างกายที่ต้องเดินฝ่าหิมะมาเกือบสองชั่วโมงนั้นก็แทบจะทนรับไม่ไหวแล้ว

ชายหนุ่มยามเฝ้าประตูที่หยุดลู่หยวนไม่ให้เข้าเมืองเองก็ทนเห็นสภาพแบบนี้ของเขาไม่ไหว ในตอนที่เขากำลังจะกล่าวออกมานั่นเองเขากลับถูกยามเฝ้าประตูที่ดูอาวุโสกว่าซึ่งยืนอยู่ข้างๆหยุดเอาไว้

“เป็นไปไม่ได้ที่จะละเว้นค่าธรรมเนียมการเข้าเมืองจากเจ้า กฎก็คือกฎ...ข้าจะช่วยเจ้าจ่ายก็แล้วกัน” ยามเฝ้าประตูอาวุโสเปลี่ยนน้ำเสียงและหยิบเงิน10ทองแดงออกมาและโยนลงไปในกล่อง

“ขอบคุณพี่ชาย! ข้าจะนำเงินนี้มาคืนแก่ท่านแน่!” ลู่หยวนเอ่ยขอบคุณ

คำว่าพี่ชายนั้นเขาพูดออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจเลยทีเดียว

หลังจากเข้าเมืองแอมเบอร์มาแล้วลู่หยวนก็เปิดแผนที่เพื่อตรวจสอบทิศทางของภารกิจและออกเดินตรงไปยังเขตตะวันตกของเมือง

ด้วยระบบนำทางทำให้ไม่นานเขาก็มาถึงอาคารสองชั้นแห่งหนึ่ง

ลู่หยวนที่ยืนอยู่ด้านล่างบันไดยกมือขึ้นเคาะประตูเบาๆ

“ใครกัน?” เสียงสตรีฟังดูมีชีวิตชีวาดังขึ้นมา

“ท่านครูชขอให้ข้ามาที่นี่” ลู่หยวนเอ่ย

“พ่องั้นหรอ?” เสียงสตรีนั้นลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะค่อยๆแง้มประตูออกมา

“ไม่ใช่ว่าพ่อข้าไปบรรยายที่เมืองโม๊คหรอกรึ? แล้วเหตุใดเขาจึงขอให้เจ้ามาที่นี่กันล่ะ? นอกจากนี้ข้ายังจำได้ด้วยว่าพ่อของข้าไม่น่าจะมีสหายแบบเจ้านี่?” แอนนามองมาที่ลู่หยวนด้วยความระแวดระวัง ถ้าไม่ใช่เพราะว่าตอนนี้เป็นเวลากลางวันและบ้านของนางอยู่ในเมืองนางคงจะไม่เลือกเปิดประตูเป็นแน่

เป็นสาวน้อยที่สวยมาก!

ถ้าต่อยไปซักหมัดคงจะทำให้เธอร้องไห้ข้ามวันเลยมั้งเนี่ย?

ตัวละครสุดโด่งดังภายในโลกแห่งเกมนั้นส่วนใหญ่จะดูดีโดยเฉพาะพวกเทพธิดาทั้งหลาย พวกเธอแต่ละคนนั้นต่างมีหน้าตาระดับสาวงามล่มประเทศกันเลยทีเดียว

กระทั่งลู่หยวนที่เคยเห็นเทพธิดาทั้งหลายมาแล้ว เวลาที่มองไปที่เธอก็ยังถูกดึงดูดไปกับรูปลักษณ์ของอีกฝ่าย

ผิวของแอนนาทั้งเรียบเนียนและประณีต ภายใต้ดวงตาทรงอัลมอนต์งดงามและผมสีทองปลิวไสวนั้น ทำให้ลักษณะของเธอดูคล้ายกับการผสมผสานระหว่างสาวตะวันตกกับสาวงามแห่งเจียงหนาน

ไม่แปลกใจเลยที่กระทั่งกลางวันแซกๆแบบนี้เธอก็ยังระวังตัวถึงเพียงนี้..ลู่หยวนเข้าใจดี

การที่เธอมีท่าทีเช่นนี้ก็เข้าใจได้ ยังไงซะโลกมันก็วุ่นวายจริงๆ

“ข้าไม่ใช่สหายของบิดาเจ้าจริงๆนั่นแหละแต่ที่บิดาเจ้าให้ข้ามานั้นเป็นเรื่องจริง” ลู่หยวนถอนสายตาและเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง

เดิมทีความระมัดระวังของแอนนาที่มีต่อเขาลดลงแล้วเนื่องจากท่าทีตอนที่ลู่หยวนเห็นเธอแต่ตอนนี้มันกลับเพิ่มขึ้นมาอีกครั้ง

“เรื่องอะไรล่ะ? เจ้าคิดจะกวนประสาทข้ารึไง?” แอนนาโมโหขึ้นมาเล็กน้อย ความประทับใจดีๆที่มีให้อีกฝ่ายมลายสิ้นในพริบตา

มารดาของนางกล่าวถูกจริงๆ พวกผู้ชายดูดีส่วนใหญ่ไม่ค่อยจริงใจกับผู้ใด...แอนนาสามารถยืนยันคำกล่าวของมารดาได้เลย

“ฟังข้าช้าๆแล้วเจ้าจะทราบเอง” ลู่หยวนพยายามปลอบประโลมแอนนา

จากนั้นเขาก็เล่าทุกอย่างให้แอนนาฟังรวมไปถึงเรื่องที่เขาได้จี้และมาที่นี่ได้ยังไงด้วย

“เจ้าจะบอกว่าเจ้ามาจากอนาคตงั้นสินะ?” แอนนากรอกตามองบน

“ข้ารู้ว่ามันยากจะเชื่อแต่เจ้าลองดูนี่เถอะ” ลู่หยวนหยิบจี้ห้อยคอขึ้นมา

โชคดีที่เขาจำเป็นต้องนำจี้ออกมาก่อนถึงจะเข้าสู่เควสได้ ไม่อย่างนั้นแล้วการจะกล่อมให้แอนนายอมรับความจริงคงยากแน่หากเขาเปิดช่องเก็บของไม่ได้

“วิธีการสร้างของชิ้นนี้ดูคุ้นตามาก มันมีทั้งเงาของแม่กับพ่อผสมอยู่” แอนนาตรวจสอบจี้ห้อยคออย่างระมัดระวัง

ในฐานะบุตรีของสองสุดยอดนักแปรธาตุ พรสวรรค์ด้านการแปรธาตุของแอนนาจึงไม่อ่อนโทรม อาจจะกล่าวได้ว่าแข็งแกร่งมากก็ว่าได้

เพียงแค่ปรายตามองเธอก็สามารถบอกได้ทันทีว่าจี้ห้อยคอนี้ไม่ใช่ของเลียนแบบที่ถูกสร้างขึ้นโดยผู้อื่น

“ดังนั้นข้ากำลังจะตายสินะ?” แอนนาดูไม่ยินยอมซักเท่าไหร่นัก

ถ้าเป็นคนอื่นทั่วไปแล้วมีคนเข้ามาบอกว่าพวกเขากำลังจะตายคงไม่มีใครเชื่อเป็นแน่

“ให้ข้าเข้าไปก่อนแล้วค่อยๆคุยกันได้หรือไม่? หลังจากเดินฝ่าหิมะมาสองชั่วโมงข้าพูดตรงๆว่าข้าจะหนาวตายแล้ว”

“เอ๋? อ่า...ขออภัยด้วย โปรดเข้ามาก่อนเถอะ” แอนนาเปิดทางให้ลู่หยวนเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว

[ภารกิจเสร็จสิ้น เควสกำลังจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ!]

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด