Chapter 13 : เข้าสู่เควส
ลู่หยวนไม่มีความคิดจะหลบหนีจากคนเหล่านี้แต่อย่างใด
ภายใต้ความต่างของเลเวล ความเสียหายที่พวกนั้นทำต่อเขาได้จึงต่ำมาก นอกจากนี้เขายังได้ความสามารถในการต้านทานความเสียหายจากสภาวะ ‘เงาติดตาม’ อีก ดังนั้นต่อให้ลู่หยวนยืนนิ่งๆปล่อยให้คนพวกนั้นโจมตีก็คงลดพลังชีวิตของเขาได้แค่ไม่กี่หน่วยต่อให้ใช้สกิลก็ตาม
ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ว่าลู่หยวนเองก็ไม่ใช่พวกโง่เง่าพอจะยืนให้โจมตีด้วย
หลังจากเก็บกวาดเลี่ยรู่เฟิงแล้ว ลู่หยวนก็มองไปยังกลุ่มผู้เล่นที่ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีและหมดความสนใจที่จะสังหารเขาไปแล้วเหล่านี้
กลุ่มคนเหล่านี้ ลู่หยวนรู้สึกว่าต่อให้ฆ่าไปก็เสียเวลาเปล่า
เขาหยิบไอเทมที่เลี่ยรู่เฟิงดรอปเอาไว้ขึ้นมาและหมุนตัวจากไป
[เครื่องรางของซานเป่า]
[ระดับความหายาก : สีเทา]
[คำอธิบาย : นี่คือเครื่องรางที่มารดาของซานเป่าทำให้แก่ซานเป่า]
[ความสามารถ : ความเร็วในการเคลื่อนที่+1]
ลู่หยวนโยนมันลงกระเป๋าอย่างลวกๆ เขาวางแผนว่าจะนำมันไปวางขายเมื่อตั้งแผงลอยอีกครั้งหลังจากกลับออกจากเควสเพื่อยั่วโมโหเลี่ยรู่เฟิง
หลังจากเดินผ่านพื้นที่เก็บเลเวลเลเวล6มาแล้ว ลู่หยวนก็มาถึงหุบเขาแห่งหนึ่ง
หุบเขาบรรพตเพ่งพิศ
ลู่หยวนเดินเข้าไปในหุบเขาบรรพตเพ่งพิศและมุ่งหน้าไปยังพื้นที่รกร้างแห่งหนึ่ง จากนั้นเขาก็หยิบ [พรจากเทพีแห่งกาลเวลา] ออกมา
จากนั้นเขาก็กดใช้งานมันทันที
วินาทีต่อมาจี้ห้อยคอนั้นก็เปล่งแสงสีขาวอ่อนละมุนออกมาซึ่งเข้าปกคลุมร่างของลู่หยวนเอาไว้ทั้งตัว
ลู่หยวนรู้สึกราวกับว่าสัมผัสทั้งห้าของเขาสูญเสียความสามารถในการใช้งานไปอย่างสิ้นเชิง เขาไม่อาจได้ยิน ไม่อาจมองเห็นหรือไม่อาจรับรู้ได้กระทั่งการไหลของเวลา
[กำลังเข้าสู่เควสปัจเจก]
[ทำการสร้างเควส...]
[กฏเกณฑ์แห่งกาลเวลากำลังจ้องมองท่าน ขอให้ผู้เล่นลู่หยวนโชคดี]
เมื่อเขาเปิดเปลือกตาอีกครั้งลู่หยวนก็พบว่าตัวเองอยู่ท่ามกลางกองหิมะแล้ว
ชุดตัวเลขปรากฏขึ้นมาด้านบนซ้ายของมุมมองของเขาซึ่งแสดงตัวเลข 11.59เอาไว้
ตัวเลขนี้คือเวลาแน่นอนแต่ลู่หยวนไม่ทราบว่าเวลานี้มันเป็นตัวแทนของอะไร
อาจจะเป็นระยะเวลาที่เขาสามารถอยู่ในเควสนี้ได้ก็เป็นได้
ที่แห่งนี้หิมะตกหนักมาก
ร่างของลู่หยวนทั้งตัวถูกปกคลุมเอาไว้ภายใต้ชั้นหิมะหนาหลังจากยืนอยู่ตรงจุดเดิมมาได้ซักพัก
[ภารกิจแรกของเควสได้ถูกแจกจ่าย โปรดตามหาแอนนาในเขตตะวันตกของเมืองแอมเบอร์]
หลังจากดูภารกิจแล้ว ลู่หยวนก็เปิดแผนที่เพื่อยืนยันทิศทางของเมืองแอมเบอร์
เขาเดินฝ่าหิมะไปอย่างยากลำบากทีละก้าวๆ
ทุกก้าวของเขานั้นจะสร้างหลุมลึกลงบนพื้นหิมะและหิมะนี้ก็ทั้งหนักและหนาถึงน่องของเขาเลยทีเดียว
“สกิลเองก็ดูเหมือนจะหายไปหมดเลยสินะ?” ลู่หยวนขมวดคิ้ว เขาอยากจะใช้สกิลแต่ไม่ว่าพยายามเท่าไหร่ก็ใช้ไม่ได้
สิ่งเดียวที่พอจะทำให้ใจชื้นอยู่บ้างก็คือค่าสถานะของเขานั้นยังอยู่
ไม่อย่างนั้นแล้วถ้าเขากลายเป็นคนธรรมดาขึ้นมาก็ไม่ต้องกล่าวถึงเคลียร์เควสเลย คงได้ตายอยู่กลางหิมะนี่แหละ
หลังจากผ่านไปกว่าชั่วโมงลู่หยวนที่อยู่กลางทุ่งหิมะก็พอจะมองเห็นเมืองแอมเบอร์ได้ลางๆแล้ว เขาสลัดเกล็ดหิมะบนตัวออกและออกเดินต่อไป
ในชีวิตที่แล้วของเขาก็เคยประสบกับความยากลำบากแบบนี้มาแล้ว ตอนนี้เขาก็แค่ต้องเดินฝ่าหิมะไปเรื่อยๆ สำหรับเขาแล้วมันก็เหมือนของเด็กเล่นนั่นแหละ
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ลู่หยวนก็ได้มายืนอยู่หน้าทางเข้าเมืองแอมเบอร์เสียที
“หยุด! เจ้าต้องจ่ายค่าเข้าก่อน” ในตอนที่ลู่หยวนกำลังจะเข้าเมืองอยู่นั้นกลับมียามเฝ้าประตูมาขวางเขาเอาไว้
“เท่าไหร่?”
“10ทองแดง”
ลู่หยวนปรายตามองยามเฝ้าประตูคราหนึ่งและคิดจะหยิบเงิน10ทองแดงออกมาจากกระเป๋า
แต่สิ่งที่ทำให้เขาต้องสิ้นหวังก็คือช่องเก็บของของเขานั้นดูเหมือนจะถูกผนึกเอาไว้และเขาไม่สามารถนำอะไรออกมาได้เลย
“พี่ชายรบกวนหน่อยเถอะ ข้าสูญเสียทุกอย่างไปในหิมะหมดแล้ว ตอนนี้ข้าทำอะไรไม่ได้จริงๆ” ลู่หยวนกล่าวด้วยปากที่ซีดเซียว
แม้เขาจะมีร่างกายอันทรงพลังแต่ร่างกายที่ต้องเดินฝ่าหิมะมาเกือบสองชั่วโมงนั้นก็แทบจะทนรับไม่ไหวแล้ว
ชายหนุ่มยามเฝ้าประตูที่หยุดลู่หยวนไม่ให้เข้าเมืองเองก็ทนเห็นสภาพแบบนี้ของเขาไม่ไหว ในตอนที่เขากำลังจะกล่าวออกมานั่นเองเขากลับถูกยามเฝ้าประตูที่ดูอาวุโสกว่าซึ่งยืนอยู่ข้างๆหยุดเอาไว้
“เป็นไปไม่ได้ที่จะละเว้นค่าธรรมเนียมการเข้าเมืองจากเจ้า กฎก็คือกฎ...ข้าจะช่วยเจ้าจ่ายก็แล้วกัน” ยามเฝ้าประตูอาวุโสเปลี่ยนน้ำเสียงและหยิบเงิน10ทองแดงออกมาและโยนลงไปในกล่อง
“ขอบคุณพี่ชาย! ข้าจะนำเงินนี้มาคืนแก่ท่านแน่!” ลู่หยวนเอ่ยขอบคุณ
คำว่าพี่ชายนั้นเขาพูดออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจเลยทีเดียว
หลังจากเข้าเมืองแอมเบอร์มาแล้วลู่หยวนก็เปิดแผนที่เพื่อตรวจสอบทิศทางของภารกิจและออกเดินตรงไปยังเขตตะวันตกของเมือง
ด้วยระบบนำทางทำให้ไม่นานเขาก็มาถึงอาคารสองชั้นแห่งหนึ่ง
ลู่หยวนที่ยืนอยู่ด้านล่างบันไดยกมือขึ้นเคาะประตูเบาๆ
“ใครกัน?” เสียงสตรีฟังดูมีชีวิตชีวาดังขึ้นมา
“ท่านครูชขอให้ข้ามาที่นี่” ลู่หยวนเอ่ย
“พ่องั้นหรอ?” เสียงสตรีนั้นลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะค่อยๆแง้มประตูออกมา
“ไม่ใช่ว่าพ่อข้าไปบรรยายที่เมืองโม๊คหรอกรึ? แล้วเหตุใดเขาจึงขอให้เจ้ามาที่นี่กันล่ะ? นอกจากนี้ข้ายังจำได้ด้วยว่าพ่อของข้าไม่น่าจะมีสหายแบบเจ้านี่?” แอนนามองมาที่ลู่หยวนด้วยความระแวดระวัง ถ้าไม่ใช่เพราะว่าตอนนี้เป็นเวลากลางวันและบ้านของนางอยู่ในเมืองนางคงจะไม่เลือกเปิดประตูเป็นแน่
เป็นสาวน้อยที่สวยมาก!
ถ้าต่อยไปซักหมัดคงจะทำให้เธอร้องไห้ข้ามวันเลยมั้งเนี่ย?
ตัวละครสุดโด่งดังภายในโลกแห่งเกมนั้นส่วนใหญ่จะดูดีโดยเฉพาะพวกเทพธิดาทั้งหลาย พวกเธอแต่ละคนนั้นต่างมีหน้าตาระดับสาวงามล่มประเทศกันเลยทีเดียว
กระทั่งลู่หยวนที่เคยเห็นเทพธิดาทั้งหลายมาแล้ว เวลาที่มองไปที่เธอก็ยังถูกดึงดูดไปกับรูปลักษณ์ของอีกฝ่าย
ผิวของแอนนาทั้งเรียบเนียนและประณีต ภายใต้ดวงตาทรงอัลมอนต์งดงามและผมสีทองปลิวไสวนั้น ทำให้ลักษณะของเธอดูคล้ายกับการผสมผสานระหว่างสาวตะวันตกกับสาวงามแห่งเจียงหนาน
ไม่แปลกใจเลยที่กระทั่งกลางวันแซกๆแบบนี้เธอก็ยังระวังตัวถึงเพียงนี้..ลู่หยวนเข้าใจดี
การที่เธอมีท่าทีเช่นนี้ก็เข้าใจได้ ยังไงซะโลกมันก็วุ่นวายจริงๆ
“ข้าไม่ใช่สหายของบิดาเจ้าจริงๆนั่นแหละแต่ที่บิดาเจ้าให้ข้ามานั้นเป็นเรื่องจริง” ลู่หยวนถอนสายตาและเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เดิมทีความระมัดระวังของแอนนาที่มีต่อเขาลดลงแล้วเนื่องจากท่าทีตอนที่ลู่หยวนเห็นเธอแต่ตอนนี้มันกลับเพิ่มขึ้นมาอีกครั้ง
“เรื่องอะไรล่ะ? เจ้าคิดจะกวนประสาทข้ารึไง?” แอนนาโมโหขึ้นมาเล็กน้อย ความประทับใจดีๆที่มีให้อีกฝ่ายมลายสิ้นในพริบตา
มารดาของนางกล่าวถูกจริงๆ พวกผู้ชายดูดีส่วนใหญ่ไม่ค่อยจริงใจกับผู้ใด...แอนนาสามารถยืนยันคำกล่าวของมารดาได้เลย
“ฟังข้าช้าๆแล้วเจ้าจะทราบเอง” ลู่หยวนพยายามปลอบประโลมแอนนา
จากนั้นเขาก็เล่าทุกอย่างให้แอนนาฟังรวมไปถึงเรื่องที่เขาได้จี้และมาที่นี่ได้ยังไงด้วย
“เจ้าจะบอกว่าเจ้ามาจากอนาคตงั้นสินะ?” แอนนากรอกตามองบน
“ข้ารู้ว่ามันยากจะเชื่อแต่เจ้าลองดูนี่เถอะ” ลู่หยวนหยิบจี้ห้อยคอขึ้นมา
โชคดีที่เขาจำเป็นต้องนำจี้ออกมาก่อนถึงจะเข้าสู่เควสได้ ไม่อย่างนั้นแล้วการจะกล่อมให้แอนนายอมรับความจริงคงยากแน่หากเขาเปิดช่องเก็บของไม่ได้
“วิธีการสร้างของชิ้นนี้ดูคุ้นตามาก มันมีทั้งเงาของแม่กับพ่อผสมอยู่” แอนนาตรวจสอบจี้ห้อยคออย่างระมัดระวัง
ในฐานะบุตรีของสองสุดยอดนักแปรธาตุ พรสวรรค์ด้านการแปรธาตุของแอนนาจึงไม่อ่อนโทรม อาจจะกล่าวได้ว่าแข็งแกร่งมากก็ว่าได้
เพียงแค่ปรายตามองเธอก็สามารถบอกได้ทันทีว่าจี้ห้อยคอนี้ไม่ใช่ของเลียนแบบที่ถูกสร้างขึ้นโดยผู้อื่น
“ดังนั้นข้ากำลังจะตายสินะ?” แอนนาดูไม่ยินยอมซักเท่าไหร่นัก
ถ้าเป็นคนอื่นทั่วไปแล้วมีคนเข้ามาบอกว่าพวกเขากำลังจะตายคงไม่มีใครเชื่อเป็นแน่
“ให้ข้าเข้าไปก่อนแล้วค่อยๆคุยกันได้หรือไม่? หลังจากเดินฝ่าหิมะมาสองชั่วโมงข้าพูดตรงๆว่าข้าจะหนาวตายแล้ว”
“เอ๋? อ่า...ขออภัยด้วย โปรดเข้ามาก่อนเถอะ” แอนนาเปิดทางให้ลู่หยวนเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว
[ภารกิจเสร็จสิ้น เควสกำลังจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ!]