ตอนที่แล้วChapter 115 : เปิดกล่องลึกลับ - ฉันนี่แหละมือโปร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 117 : วิญญาณโจมตี - หอคอยสายฟ้า

Chapter 116 : การคาดเดาเกี่ยวกับถ้ำใต้ดิน


ถ้ำใต้ดินงั้นหรอ?

หลินเซวียนพยักหน้า ยังไงซะเขาก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว เขาย่อตัวนั่งยองๆลงด้านข้างๆและมองเหล่านักสู้พากันเปิดกล่องลึกลับ

บางคนก็เริ่มบ้าคลั่งและบางคนก็เริ่มซื้อทีละยี่สิบ สามสิบกล่องแล้วหลังจากไม่ได้อะไรเลยจากสิบกล่องแรก

หลิวเฉียงที่ยื่นมือออกไปรับแก่นแท้รู้สึกเพลิดเพลินยิ่งนัก รอยเหี่ยวย่นทุกจุดบนใบหน้าของเขาดูเหมือนจะเปี่ยมล้นไปด้วยความสุขใจ

สิบนาทีให้หลัง

เงาร่างๆหนึ่งพลันปรากฏตัวขึ้นหน้าแผง

“หืม? ทำไมนายถึงอยู่ที่นี่ด้วยล่ะเนี่ย?” หญิงสาวผู้นั้นมองเห็นหลินเซวียนนั่งยองๆอยู่ข้างๆหลิวเฉียงจึงเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ

หลินเซวียนเงยหน้ามองและพบว่าเป็นสตรีที่ไม่คุ้นตา เขามองดูดีๆอีกครั้งและจำได้ว่าเป็นเย่อู่ชิวนั่นเอง

“รู้จักกันงั้ยหรอ?” หลิวเฉียงถามขึ้นด้วยความสงสัย

หลินเซวียนพยักหน้า “เพื่อนน่ะ”

หลิวเฉียงหัวเราะและเอ่ยออกมา “ถ้างั้นฉันจะให้สหายของนายได้เลือกรังไหมศิลาไปซักก้อนแล้วกัน สาวน้อยเลือกไปซักก้อนสิ รังไหมศิลานี่เธอมีโอกาสจะได้อะไรก็ได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์สวมใส่ หนังสือสกิล รูน บางทีอาจจะสุ่มได้ก้อนที่มีไอเทมเกรดสีทองก็ได้นะ”

หลิวเฉียงเย้าเย่อู่ชิว

โอกาสที่จะเปิดได้ไอเทมเกรดสีทองนั้นต่ำมาก ดังนั้นโอกาสที่จะได้ไอเทมเกรดสืทองซักชิ้นจากรังไหมเพียงหนึ่งก้อนนั้นจึงต่ำเสียยิ่งกว่า

เย่อู่ชิวพยักหน้ารับราวกับคุ้นหน้าคุ้นตากับคนผู้นี้ดี สายตาของเธอกวาดมองไปยังกองรังไหมศิลาสีเหลืองดินและเลือกมาก้อนหนึ่งอย่างลวกๆ “ก้อนนี้แล้วกัน”

หลินเซวียนมองเข้าไปยังของที่อยู่ด้านในรังไหมศิลาแล้วทำหน้าเหยเก

เธอกลับเลือกก้อนที่มีไอเทมเกรดสีทองซึ่งเหลือเพียงก้อนเดียวออกมาได้จากรังไหมศิลาทั้งหมดที่เหลืออยู่

นักสู้รอบๆพากันส่งเสียงเชียร์

“หน้าใหม่อีกคนหนึ่งแล้ว”

“ถ้าเป็นเรื่องการเลือกรังไหมศิลายังไงก็ไม่มีใครเก่งไปกว่าฉันหรอก เธอมีโอกาส90%ที่จะได้ไอเทมเกรดสีเขียว ส่วนที่เหลืออีก10%นั้น...”

“ว่างเปล่าไงล่ะ!”

นักสู้เหล่านี้เสียเงินไปมหาศาลเนื่องจากกล่องลึกลับนี้ พวกเขาจึงพากันวนเวียนอยู่แถวนี้เพราะอยากจะเห็นคนอื่นล้มเหลวเหมือนตน เพื่อที่อย่างน้อยก็จะได้รู้สึกเหมือนได้ปลอบประโลมใจบ้าง

แม้ว่าโชคของพวกเขาจะไม่ดีนักแต่พวกเขาก็จะรู้สึกดีขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นว่าโชคของผู้อื่นเลวร้ายยิ่งกว่า

หลิวเฉียงหัวเราะและเอ่ยออกมา “เจ้าพวกนี้นี่นะ แล้วถ้าสาวน้อยคนนี้เปิดได้ไอเทมที่เหนือกว่าเกรดสีฟ้าล่ะ?”

เขาส่ายหัวและทำการผ่าเปิดรังไหมศิลาในทันที

วิ้ง!

แสงสีทองอีกแล้ว!

เหล่านักสู้ที่รอรับชมการแสดงกันอยู่นั้นพลันติดสตั้นไปตามๆกัน

“ห่าอะไรเนี่ย!”

หลิวเฉียงเองก็ตกตะลึงเหมือนกัน

ไม่มีทางน่า

สตรีผู้นี้กลับได้ไอเทมเกรดสีทองจากการเลือกรังไหมศิลาแบบลวกๆเนี่ยนะ?

มือที่สั่นสะท้านของหลิวเฉียงค่อยๆนำของบางอย่างออกมาจากแสงสีทองนั้น - เป็นเข็มขัด

เย่อู่ชิวรับมันมาดูและดูความสามารถของมัน “ไม่เลวเลย ขอบคุณมากค่ะ”

หลิวเฉียงไม่รู้แล้วว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

สาวน้อยคนนี้ไม่ประหลาดใจเลยงั้นหรอ?

หรือเธอจะเคยเปิดกล่องลึกลับมาบ่อยแล้ว? ไม่ถูกต้องสิ เขาเปิดร้านอยู่ที่นี่มากว่าสองปีแล้วแต่ไม่เคยเห็นสาวน้อยนางนี้มาก่อนเลย

“เชี่ย! วันนี้แผงของเหล่าหลิวมีไอเทมเกรดสีทองหลุดมาตั้งสามชิ้น! ถ้ากระทั่งหน้าใหม่ก็ยังได้ไอเทมเกรดสีทองฉันก็ต้องได้เหมือนกัน! ยังไงซะฉันก็มีประสบการณ์มากกว่า!”

“น่าอิจฉาโว้ย เหล่าหลิวเอามาอีกสิบ!”

แสงสีทองนี้เป็นตัวกระตุ้นสำหรับนักสู้เจ็ดถึงแปดคนเหล่านั้นที่ไม่ได้ไอเทมแม้แต่ชิ้นเดียวเหล่านั้นยิ่งนัก พวกเขากัดฟันและวิ่งกลับมาเปิดกล่องลึกลับกันอย่างบ้าคลั่ง

แน่นอนว่าพวกเขาก็คงไม่ได้อะไรเหมือนเดิม

ยังไงซะหลินเซวียนก็รู้แต่แรกแล้วว่าในกองรังไหมศิลาที่เหลือนั้นมีไอเทมเกรดสีทองเหลืออยู่เพียงสองชิ้นคือที่เขากับเย่อู่ชิวได้ไป

ครึ่งชั่วโมงให้หลัง รังไหมศิลาทั้งหมดก็ถูกเปิดออก

นักสู้บางคนเสียแก่นแท้ไปกว่าหนึ่งแสนในการพนันหนนี้ พวกเขาทั้งหมดพากันหมดอาลัยตายอยากไปตามๆกัน

“ถึงเวลาปิดร้านแล้ว! ช่วงบ่ายนี้ชั้นไปหาของมาเติม พรุ่งนี้จะมีกล่องลึกลับมาให้พวกนายเปิดมากกว่านี้อีก!” หลิวเฉียงโบกมือลาเหล่านักสู้ด้วยท่าทีสุภาพยิ่งนัก

นอกจากนี้เขายังเก็บกวาดเศษดินสีเหลืองบนพื้นจนเกลี้ยง

“หนุ่มน้อยไม่ใช่ว่านายอยากจะรู้ว่ารังไหมศิลามาจากไหนหรอกรึ? ตามมาสิ” หลิวฉียงโบกมือแสดงท่าทีให้หลินเซวียนตามไป

เย่อู่ชิวถาม “พวกนายกำลังทำอะไรกันอยู่?”

หลินเซวียนยิ้มและเอ่ยออกมา “ที่มาของรังไหมศิลาไง ผมอยากจะไปดูซักหน่อย”

เย่อู่ชิวลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะพยักหน้ารับคำ “ถ้างั้นฉันจะไปด้วย ฉันเองก็ค่อนข้างสนใจรังไหมศิลาเหมือนกัน”

คนทั้งสองเดินตามเหล่าหลิวออกจากโคโลนี่หมายเลข3ไป หลังจากเดินมาได้ราวๆ20กิโลเมตรพวกเขาก็พบเข้ากับหลุมมืดสนิทขนาดใหญ่

หลุมของถ้ำนั้นอ้ากว้างราวกับปากขนาดมหึมา

ทันทีที่คนทั้งสองมาถึงพวกเขาก็พบกับนักสู้จำนวนมากที่พากันคลานออกมาจากด้านในหลุม

เมื่อเห็นคนทั้งสองพวกเขากลับไม่ประหลาดใจ หากแต่กลับพยักหน้าให้จากที่ไกลๆเป็นการทักทาย

“พื้นที่บริเวณนี้คือถ้ำธรรมชาติที่เกิดขึ้นมาจากบรรพตเสี้ยววิญญาณ มันแผ่ขยายไปทุกทิศทุกทางและเมื่อผ่านไปซักพักรังไหมศิลาก็จะก่อตัวขึ้นในอุโมงค์ใต้ดินนี้”

“พวกเขาเองก็น่าจะมาที่นี่เพื่อหารังไหมศิลาเช่นกัน ไม่นานมานี้มีพวกคนไม่คุ้นหน้ามาตามหารังไหมศิลากันเยอะขึ้นมาก ยิ่งไปกว่านั้นไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่เร็วๆนี้จำนวนของรังไหมศิลากลับลดลงไปกว่าครึ่ง คนรู้จักของฉันหลายคนเองก็บ่นว่าพวกเขาได้มาเพียงร้อยนิดๆเท่านั้นแม้จะสำรวจไปกว่าค่อนวันก็ตาม”

กล่าวจบเขาก็หันมาหาหลินเซวียน “หนุ่มน้อยเห็นว่านายช่วยฉันขายของนะฉันเลยพานายมาที่นี่ แต่ตรงนี้พวกเราคงต้องจากกันแล้ว ฉันจะแยกไปเก็บสินค้าของฉันก่อน”

หลิวเฉียงผิวปากและเตรียมจะลงไปใต้ดินอีกครั้ง ก่อนที่จะลงไปนั้นเขาก็ไม่ลืมหันมาเตือนพวกเขา

“ฉันคิดว่าพวกนายยังเด็กแล้วก็น่าจะพึ่งเลื่อนขั้นมาเป็นขอบเขตที่7ใช่ไหม? เร็วๆนี้พื้นที่ใต้ดินค่อนข้างอันตรายมาก มีหลายต่อหลายคนต้องสังเวยชีวิตไป ถ้าหากพวกนายลงไปแค่สองคนคงเป็นเรื่องยากไปหาคนมาเพิ่มอีกซักคนหรือสองคนจะดีกว่า”

หลินเซวียนและเย่อู่ชิวมองจนหลิวเฉียงหายลงไปใต้ดิน

เย่อู่ชิวถามขึ้น “คิดอะไรอยู่?”

หลินเซวียนตอบ “ในบรรดานักสู้ในบรรพตเสี้ยววิญญษณมีแต่คนคล้ายๆกันทั้งนั้น ผมคิดว่าพวกนักสู้ของอินเดียจน่าจะลอบเข้ามานานมากแล้ว”

“แต่คนพวกนั้นดูไม่เหมือนชาวตะวันออกอย่างเรา...นั่นก็หมายความว่าพวกนั้นไม่มีทางปรากฏตัวออกมาง่ายๆแน่ ถ้าเป็นแบบนั้นสถานที่ซ่อนตัวของพวกนั้นก็แน่นอนว่ามีจำกัด”

ดวงตาของเย่อู่ชิวเปล่งประกาย “ถ้ำใต้ดินคือสถานที่ที่เหมาะแก่การซ่อนตัวที่สุด”

หลินเซวียนพยักหน้า “พวกนั้นน่าจะซ่อนตัวอยู่ใต้ดินและปล่อยให้พวกสปายซื้อหาอาหารกับน้ำดื่มมาให้”

“หลิวเฉียงเองก็เพิ่งจะบอกอยู่เมื่อกี้ว่าจำนวนของรังไหมศิลาช่วงที่ผ่านมาลดลงไปมาก เป็นไปได้สูงว่านักสู้อินเดียพวกนั้นจะลอบค้นหามันอย่างลับๆ”

“นี่ยังอธิบายได้อีกด้วยว่าทำไมจำนวนผู้เสียชีวิตของนักสู้ที่มาเก็บรังไหมศิลาถึงเพิ่มขึ้น พวกนั้นน่าจะไปชนเข้ากับนักสู้ของอินเดียเหล่านั้นนี่แหละ”

เย่อู่ชิวพยักหน้าจริงจัง เธอคิดว่าการวิเคราะห์ของโล่วิญญาณนั้นแม่นยำมาก

“แล้วนายคิดจะทำอะไร? หรืออยากจะลงไปด้วยกันและพยายามหารังของพวกมัน?”

หลินเซวียนส่ายหัว “คุณก็รู้นี่ว่าผมมีสกิลผู้เลี้ยงอสูร”

เย่อู่ชิวนึกขึ้นได้ทันทีจึงเอ่ยออกมาด้วยความประหลาดใจ “ฉลาดมาก นายคิดจะส่งอสูรลงไปสำรวจสินะ?”

หลินเซวียนพยักหน้ารับ

แน่นอนว่าเขาโกหกเย่อู่ชิว

ทักษะผู้เลี้ยงอสูรไม่ได้ทรงพลังขนาดนั้นและยากยิ่งนักที่จะเทมอสูรปิศาจ

สกิลนั้นอย่างมากก็ทำให้สามารถสื่อสารกับอสูรเพื่อหาข้อมูลได้เท่านั้น

อย่างไรก็ตามด้วยสติปัญญาของอสูรปิศาจทั่วๆไปคิดหรอว่าจะได้ข้อมูลอะไรดีๆ?

หลินเซวียนแท้จริงแล้ววางแผนที่จะยึดร่างของอสูรและสำรวจถ้ำใต้ดินนี้ผ่านมุมมองของพวกมันต่างหาก

ขณะที่คนทั้งสองกำลังคุยกันอยู่นั้น หลินเซวียนก็เหลือบไปเห็นอสรพิษเสี้ยวศิลาตนหนึ่งที่มุมหางตา มันบิดกายไปมาและเตรียมจะกระโจนลงสู่ถ้ำใต้ดิน

เขาทีเห็นจึงรีบตรงเข้าไปและเริ่มพูดคุยกับอสรพิษเสี้ยวศิลาตนนั้นอย่างเป็นกันเอง

การสื่อสารนั้นคือการปะทะด้วยร่างกายนั่นเอง

เมื่อได้ยินเสียงทุบตีกระทั่งเย่อู่ชิวก็ยังรับไม่ได้

ไม่ใช่ว่าพวกเขาควรจะคุยกันดีๆกับอสูรถึงจะสามารถสั่งการพวกมันได้ด้วยทักษะของผู้เลี้ยงอสูรหรอกเรอะ?

อย่างไรก็ตามวิธีการกระชับสัมพันธ์กับอสูรของหลินเซวียนทำให้เธอสับสนยิ่งนัก

หลินเซวียนกระหน่ำฟากค้อนเข้าใส่อีกฝ่ายและสังหารอสรพิษเสี้ยวศิลาเลเวล2ขอบเขตที่7ตนนี้ลงอย่างรวดเร็ว

จากนั้นเขาก็ยกเลิกหนึ่งในร่างอวตารที่อยู่ภายในภูเขาอัสนีร่วงและแทนที่ด้วยอสรพิษเสี้ยวศิลาตนนี้แทน

เย่อู่ชิวถามขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ “การทุบตีเองก็ส่วนหนึ่งของการสื่อสารกับอสูรงั้นหรอ?”

หลินเซวียนแสยะยิ้ม “การสื่อสารฉันท์มิตรมันเก่าแล้ว ตอนนี้ผมมักจะใช้วิธีนี้นี่แหละในการกระชับความสัมพันธ์กับอสูร”

“ดูสิไม่ใช่ว่ามันดูเชื่องขึ้นเยอะเลยรึไง?”

เขาชี้ไปที่อสรพิษเสี้ยวศิลาที่อยู่ข้างเท้าซึ่งมีขนาดใหญ่เท่าแขนและยาวกว่าสองเมตร “หมุนไปมาสองรอบซิ”

อสรพิษเสี้ยวศิลาหมุนไปมาตามคำสั่งในทันที

“ขดตัวเป็นรูปหัวใจซิ”

หน้าท้องของอสรพิษเสี้ยวศิลายันพื้นเอาไว้และหัวกับหางก็ม้วนอย่างยากลำบากจนกลายเป็นรูปหัวใจ

เย่อู่ชิวตกตะลึงยิ่งนัก

โล่วิญญาณคนนี้มีทักษะการควบคุมอสูรดีมากจริงๆ

ในเวลานี้เองแสงพุทธะพลันสาดส่องขึ้นมาเหนือท้องฟ้าพร้อมกับเสียงฟ้าผ่าดังสนั่น

กลิ่นผงไม้จันทร์ลอยละล่อง

ท้องฟ้าดูเหมือนจะมืดลงด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปปล่า

นี่คือสัญญาณที่ท้องฟ้าบ่งบอกว่ากำลังจะมืดแล้ว

“ใกล้มืดแล้ว” เย่อู่ชิวเอ่ยเสียงเข้ม

“กลับกันก่อนเถอะแล้วค่อยมาใหม่พรุ่งนี้ เจ้าอสรพิษเสี้ยวศิลาตัวนี้จะหาคำตอบมาให้เองเมื่อถึงเวลานั้น” หลินเซวียนโบกมือ

หลังจากพวกเขาจากไป นักสู้คนอื่นๆที่กำลังเก็บรังไหมศิลาอยู่ใต้ดินเองก็พากันวิ่งหนีออกมาเช่นเดียวกัน

“วันนี้ท้องฟ้ามันมืดเร็วกว่าปกตินะ...” หลิวเฉียงเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่ดูราวกับถูกย้อมด้วยสีดำและรู้สึกตกตะลึงในใจ

...

โคโลนี่หมายเลข3

หลินเซวียนกลับมายังห้องชั่วคราวของตนเอง

คนทั้งหกมุ่งหน้าไปยังโรงอาหารเพื่อหาซื้ออาหารและถือกลับมายังที่พัก พวกเขามารวมตัวกันอยู่ในห้องของไป๋ชิงเหอและพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องที่พบเจอระหว่างวัน

ไป๋ชิงเหอที่มักจะทำงานอย่างจริงจังอยู่ตลอดเป็นคนแรกที่พูดขึ้น “ฉันคุยกับสมาชิกเก่าแก่ของโคโลนี่หมายเลข3มาแล้ว พวกเขาบอกว่าช่วงที่ผ่านมานี้มาพวกหน้าใหม่ที่ไม่คุ้นหน้าโผล่มาเยอะจริงๆนั่นแหละ”

“ฉันได้รู้มาจากนักสู้หลายคนที่อยู่ที่นี่มาเป็นปีว่าท้องฟ้าดูเหมือนจะมืดเร็วขึ้นในช่วงเดือนที่ผ่านมา ยิ่งไปกว่านั้นยังมืดลงด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิมเยอะมาก” ระเบิดเพลิงเอ่ยเสียงเข้ม

หมาป่าเงินเอ่ยต่อ “ฉันไปรู้มาว่าโพชั่นฟื้นฟูพลังชีวิตที่นี่ค่อนข้างหาได้ยาก พวกเราสามารถใช้โอกาสนี้สร้างกำไรก้อนโตได้!”

คนอื่นๆ “...”

แบล็คแค่นเสียง “ช่วยจริงจังหน่อยได้ไหม? ฉันบอกให้นายไปตรวจสอบว่ามีอะไรแปลกๆเกิดขึ้นในโคโลนี่หมายเลข3รึเปล่า”

หมาป่าเงินแค่นเสียงตอกกลับเช่นกัน “แล้วฝั่งนายล่ะ?”

แบล็คหัวเราะและเอ่ยออกมา “ฉันไปรู้มาว่าเหล้าดีกรีหนักๆที่ถูกเคี้ยวโดยเจ้าของแผงลอยที่นี่อร่อยมาก พวกเขาใช้ผลไม้ของที่นี่ในการเคี่ยวพวกมัน”

คนอื่นๆ “...”

เย่อู่ชิวยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก “นายนี่เสพย์ติดเหล้าขั้นรุนแรงเลยนะ”

แบล็คหยิบขวดเหล้าออกมาและถามด้วยน้ำเสียงไม่ยี่หระ “แล้วพวกนายล่ะ?”

หลินเซวียนกับเย่อู่ชิวบอกเล่าสิ่งที่พวกเขาได้ประสบและได้ยินมาในวันนี้

หนนี้ทุกคนพากันตื่นเต้นขึ้นมา

โดยเฉพาะกับแบล็ค ตัวเขานั้นเคยมาเก็บเลเวลที่บรรพตเสี้ยววิญญาณอยู่ช่วงหนึ่งจึงรู้ดีว่าพื้นที่ของถ้ำใต้ดินนั้นมีขนาดใหญ่โตเพียงใด

นั่นคือสถานที่ที่เหมาะแก่การซ่อนตัวที่สุดจริงๆ

“ถ้างั้นแล้วเอายังไงดีล่ะ? พรุ่งนี้จะไปดูไหม?” ไป๋ชิงเหอกล่าวตรงประเด็น

เย่อู่ชิวส่ายหัว “ภารกิจของเราคือซ่อนตัวและรอให้อินเดียเปิดฉากโจมตีจากนั้นค่อยกวาดพวกมันในครั้งเดียวเพื่อให้อีกฝ่ายนั้นได้รับความเสียหายมากที่สุด”

“พวกเราจะเผยตัวออกไปไม่ได้ พวกเราแค่ต้องยืนยันให้ได้ก็พอว่ามีพวกเขาซ่อนอยู่จริงๆ”

คนอื่นๆพยักหน้ารับทันที

เย่อู่ชิวมองไปที่หลินเซวียน “โล่วิญญาณใช้ทักษะของผู้เลี้ยงอสูรทำการเทมอสรพิษเสี้ยวศิลาเอาไว้แล้วและให้มันช่วยตรวจสอบสถานการณ์ภายในถ้ำใต้ดิน”

หมาป่าเงินประหลาดใจยิ่งนัก

โล่วิญญาณยิ่งมาก็ยิ่งเชี่ยวชาญในการใช้ทักษะผู้เลี้ยงอสูรมากขึ้นเรื่อยๆ

ในเวลานี้เองเสียงแจ้งเตือนแสบแก้วหูก็พลันดังขึ้นมาจากด้านนอก

“คลื่นอสูรจู่ๆก็บุกเข้ามา! นักสู้ทุกคนโปรดรีบปีนขึ้นไปบนกำแพงเมืองเดี๋ยวนี้!”

“ย้ำอีกครั้ง! เป็นคลื่นอสูรขนาดกลาง!”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด