ตอนที่ 42 ไม่มีผู้หญิงคนใหนกล้าปฏิเสธฉันได้!!
การพบปะพูดคุยดีๆก็ถูกคนนอกเข้ามารบกวน ดังนั้นซูเฉินและพรรคพวกจึงตัดสินใจออกไปจากที่พักชั่วครู่ของเหลิงหยูเหว่ยและทีมของเธอ
ในเมืองฐานทัพนั้นมีผู้คนหลายคนพันอาศัยอยู่ที่นี่ซ่างนั่นทำให้พื้นที่อยู่อาศัยนั้นขาดแคลมาก เมืองฐานทัพถูกแบ่งพื้นที่ออกเป็น 4 ส่วนซึ่งคือ A ,B, C และ D เขต A นั้นเป็นพื้นที่สำคัญที่ตระกูลใหญ่ทั้ง 10 อาศัยอยู่และก็เป็นสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมดีที่สุดในเมืองฐานทัพ เขต B ก็คือเขตที่ตระกูลและขุมกำลังบางส่วนอาศัยอยู่ และมีเพียงคนเหนือมนุษย์เท่านั้นที่จะได้รับอนุญาตเข้ามาในเขตนี้ เขต C เป็นพื้นที่ที่คนอาศัยอยู่มากที่สุดซึ่งมีทั้งคนธรรมดาและคนเหนือมนุษย์อาศัยอยู่ ส่วนเขต D เป็นสถานที่ที่คนธรรมดาอาศัยอยู่และกล่าวได้ว่ามันเป็นแคมป์ลี้ภัยภายในเมืองฐานทัพ ผู้คนที่ต่างตะเกียกตะกายเพื่อจะเอาชีวิตรอดไปในแต่ละวันยกเว้นว่าพวกเขาจะบังเอิญกลายเป็นคนเหนือมนุษย์ขึ้นมา
เรื่องนี้ทำให้สภาพการใช้ชีวิตอยู่ในเขต C นั้นอุดอู้มาก เหลิงหยูเหว่ยและทีมของเธอนั้นต้องอาศัยอยู่ในที่ที่แต่ละคนมีห้องที่มีขนาดเพียง 20 ตารางเมตรเท่านั้นซึ่งเป็นสิทธิพิเศษที่พวกเขาได้รับเพราะสถานะคนเหนือมนุษย์
หากเป็นคนธรรมดา พวกเขาก็ต้องใช้ชีวิตอยู่กับคนอีก 10 คนในพื้นที่ขนาด 10 ตารางเมตร
“สภาพแวดล้อมที่มีมันแย่ไปหน่อยแหะ เอาไว้ฉันยึดเมืองฐานทัพได้ ฉันจะมอบบ้านหลังโตๆให้”
เหลิงหยูเหว่ยนั้นก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่ เธอนั้นไม่ได้เรื่องมากกับสถานที่อยู่อาศัยแต่ลั่วฮางนั้นไม่ใช่ เมื่อได้ยิน เขาก็ดวงตาเป็นประกายขึ้นมาทันที “จริงหรอ ฉันอยากได้บ้านใหญ่ที่มีพื้นที่พันตารางเมตรเอาไว้กลิ้งได้อะ”
“ไม่มีปัญหา แต่ก่อนอื่นนายต้องพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเอง แล้วก็อย่าไปหาเรื่องตายง่ายๆหล่ะ ไม่งั้นจะอดได้บ้านเอา”
ทั้งสามคนนั้นไม่ได้ออกไปทำภารกิจอะไรในช่วงนี้ และคริสตัลพลังงานที่ซูเฉินมอบให้ก็พอให้พวกเขาใช้ไปได้หลายเดือน
หากพวกเขาออกไปทำภารกิจ มันก็มีแต่อันตรายเสี่ยงตายแถมสัตว์กลายพันธุ์ข้างนอกก็ไม่ต้องกล่าวถึงเลย
ในขณะที่พวกเขากำลังคุยกัน ทันใดนั้นก็มีคนวิ่งเข้ามาในตึกของพวกเขาและเดินมายังชั้นที่เหลิงหยูเหว่ยอยู่
“คนที่อยู่ข้างในหน่ะเปิดประตูเดี๋ยวนี้ พวกเรามาจากหน่วยป้องกันเมือง มีคนรายงานว่าที่นี่มีอาชญากรระดับ A หลบซ่อนตัวอยู่ เปิดประตูซะ”
ใบหน้าของเหลิงหยูเหว่ยก็เปลี่ยนไปเมื่อได้ยินว่าเป็นคนจากหน่วยป้องกันเมือง
คนของหน่วยป้องกันเมืองนั้นเป็นแผนกที่คอยปกป้องเมือง สมาชิกของหน่วยส่วนใหญ่เป็นคนธรรมดาแต่ ในฐานะบุคคลากรทางการของเมืองฐานทัพ แม้กระทั่งบุคคลพิเศษก็ยังไม่กล้ายุ่งกับหน่วยนี้
ถ้าหากว่าไปหาเรื่องหน่วยป้องกันเมืองหล่ะก็ ได้ยุ่งแน่
“พวกเราจะไปแอบซ่อนอาชญากรระดับ A ได้ไงกัน? พวกนั้นคงจงใจมาที่นี่แน่ๆ”ลั่วฮางนั้นก็ไม่พอใจ
แม้ว่าจะไม่พอใจขนาดใหน พวกเขาก็ไม่สามารถไปหาเรื่องหน่วยป้องกนเมืองได้ ไม่งั้นพวกเขาได้มีชีวิตลำบากแน่
ลั่วฮางจึงไปเปิดประตู แต่ก่อนที่เขาะจได้พูด หน่วยป้องกันเมืองทั้งกลุ่มก็ได้พุ่งกันเข้ามาพร้อมกบยกปืนจ่อน้าพวกเขา
ซูยี่ และซูเอ้อจึงเอามือไพ่หลังและมายืนอยู่ข้างหน้าซูเฉินเพื่อป้องกันไม่ให้กระสุนพุ่งออกมาโดนซูเฉิน
ในฐานะทหารเร้ดอะเริ้ท ความปลอดภัยของผู้บัญชาการนั้นต้องมาก่อน
คนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าหน่วยป้องกันเมืองก็จ้องมองทุกคนก่อนจะหันไปมองเหลิงหยูเหว่ย ทีนี้ซูเฉินนั้นก็เข้าใจแล้วว่าหน่วยป้องกันเมืองนั้นจะต้องเป็นคนที่เชิญเหลิงหยูเหว่ยไปเข้าร่วมงานเลี้ยงแน่ๆ
คนที่สามารถเรียกหน่วยป้องกันเมืองมาที่นี่ได้นั้นแสดงให้เห็นว่าสถานะของเขาน้นไม่ได้ธรรมดาแน่ๆและดูเหมือนจะเป็นบุคคลระดับสูงด้วย
การที่บุคคลระดับนั้นหมายตัวเหลิงหยูเหว่ย หากว่าเหลิงหยูเหว่ยเป็นคนธรรมดา มันก็อันตรายอยู่แต่ว่าเธอไม่ใช่
ซูเฉินจึงส่งซิกให้เหลิงหยูเหว่ยและบอกให้พวกเขาไม่ต้องขัดขืนและทันใดนั้นพวกเขาก็ถูกหน่วยป้องกันเมืองจับกุมตัวแล้วพากลับไปสอบสวน
ด้วยความที่พวกเขาโดนเหม็นขี้หน้า ทันทีที่พวกเขาไปถึงหน่วยป้องกันเมือง พวกเขาก็ถูกจับขังทันที
แน่นอนว่าเหลิงหยูเหว่ยไม่ได้รวมอยู่ด้วย เธอนั้นถูกพาตัวไป
“พี่เฉิน พี่จะต้องช่วยพี่สาวให้ได้นะ ตอนนี้เธอจะต้องตกอยู่ในอันตรายแน่”ลั่วฮางก็รู้สึกกระวนกระวายใจ
ในฐานะสมาชิกทีมกุหลาบ เขานั้นรู้สึกเป็นห่วงเหลิงหยูเหว่ยมากๆ ไม่งั้นเขาคงไม่ติดตามเธอหรอก
กล่าวได้ว่าลั่วฮางนั้นนับถือเหลิงหยูเหว่ยในฐานะพี่สาวของเขาก็ว่าได้
“ไม่ต้องห่วงไป ที่ฉันปล่อยให้เธอถูกจับตัวไปก็เพื่อจะหาคนสั่งการเรื่องนี้”ซูเฉินก็หรี่ตาพร้อมกับที่ดวงตาเปร่งประกายเย็นชาออกมา “ถ้าหากมันกล้าทำอะไรฉันหล่ะก็ ฉันจะทำมันต้องตายอย่างทรมานเลย”
ซูเฉินนั้นได้แอบสั่งการระบบให้จับตาดูเหลิงหยูเหว่ย
ตราบใดที่ซูเฉินต้องการ เขาก็จะสามารถมองดูการเคลื่อนไหวของเหลิงหยูเหว่ยทุกฝีก้าวภายในระยะเรดาห์ได้ทุกที่ไม่จำเป็นต้องอยู่ในห้องบัญชาการ
ในวินาทีต่อมา ภาพของเหลิงหยูเหว่ยก็ปรากฏขึ้นในใจของซูเฉิน เขานั้นมองเห็นว่าเหลิงหยูเหว่ยกำลังนั่งอยู่ในรถคันหรูและกำลังสวมชุดเดรสสฟ้าพร้อมทั้งแต่งหน้าบางๆซึ่งทำให้เธอดูงดงามกว่าเดิมหลายสิบเท่า
เดิมทีแล้วเหลิงหยูเหว่ยนั้นเป็นผู้หญิงที่สวยอยู่แล้ว แต่หลังจากแต่งหน้าแต่งตัว เธอกลับสวยจนไม่อาจจะอธิบายได้
“โอ้ แจ๋วเลย”ซูเฉินก็พึมพำ
“พี่เฉิน เมื่อกี้พี่พูดว่าไงนะ”
“ไม่มีอะไร เดี๋ยวรอสักแปป เราค่อยออกไปกัน หลังจากออกไปได้ก็ไปปล่อยคนออกมาสร้างความวุ่นวายด้วยหล่ะ”ในขณะพูด ซูเฉินก็หันไปมองกรงขังอันอื่น
ที่นี่นั้นมีคนถูกขังเยอะแยะเลย จากที่ซูเฉินเห็น ที่นี่มีคนถูกขังหลายร้อยคนและหลายสิบคนในนั้นก็เป็นคนเหนือมนุษย์ด้วย
การที่คนเหนือมนุษย์ถูกขังที่นี่โดยไม่มีเหตุผลนั้นมันเป็นไปไม่ได้ เหตุผลนั้นคงมีเรื่องเดียวนั่นคือมีคนจงใจใช้หน่วยป้องกันเมืองเข้าจับกุมคนพวกนี้มาใส่ในคุก
ส่วนอีกด้าน ภายในห้องอันยิ่งใหญ่ หวังยี่นั้นก็พูดคุยเล่นสนุกสนานไปในขณะโอบไหล่สาวสวยที่สวมชุดเดรส
ในฐานะคนใหญ่คนโตในตระกูลหวัง ชีวิตของเขาไหลลื่นสะดวกสบายมากจนกระทั่งเขาได้พ่ายแพ้ให้กับซูเฉิน ชีวิตของเขาในตอนนี้ไม่ได้สะดวกสบายเหมือนแต่ก่อน
คนอื่นๆในตระกูลหวังต่างก็รังเกียจเขา และกระทั่งมีบางคนที่ไม่ได้ให้ความเคารพเขาอย่างเมื่อก่อน
ด้วยความโมโห หวังยี่จึงได้มาเที่ยวเล่นพักผ่อนหย่อนใจ และมันก็บังเอิฐว่าลูกน้องของเขานั้นบอกว่าพวกนั้นได้ไปพบสาวสวยเข้า เขาเลยสั่งให้พวกมันไปเชิญผู้หญิงคนนั้นมา
สิ่งที่ทำให้เขาไม่พอใจหนักมากก็คืออีกฝ่ายนั้นไม่เห็นแก่หน้าของเขา ดังนั้นเขาจึงใชอำนาจของเขาสั่งการให้หน่วยป้องกันเมืองไปจัดการ และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขานั้นใช้วิธีนี้
เขานั้นได้รับข่าวจากลูกน้องของเขาว่าสาวสวยคนนั้นกำลังเดินทางมา และเธอนั้นก็งดงามกกว่าผู้หญิงที่เขาเคยพบด้วย
ทางเขาก็เข้าใจในลูกน้องของเขาดี พวกมันนั้นพูดจากการมองด้วยสายตาของมันซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้หญิงคนนั้นจะต้องไม่แย่แน่นอน
“ไม่มีผู้หญิงคนใหนกล้าปฏิเสธฉัน เพราะไม่มีใครรับผลที่ตามมาจากการปฏิเสธฉันได้หรอก”หวังยี่ก็รู้สึกภูมิใจในตัวเองมาก เขานั้นมีพลังอำนาจที่คนมากมายต่างอิจฉาเพราะเขานั้นเป็นนายน้อยตระกูลหวัง
แต่เมื่อเขานึกถึงความผิดพลาดครั้งล่าสุด เขาก็รู้สึกโมโหมากจนแทบกระอักเลือด เรื่องทั้งหมดนั้นมันเป็นเพราะเจ้าของฐานทัพทหารนั่น ถ้าหากเขาไม่ได้อยู่ที่นั่น ป่านนี้เขาก็คงไม่ต้องมานั่งทุกข์แบบนี้หรอก