Chapter 6 : เหมือง
จอมเวทย์อสูรดินที่ถูกลู่หยวนโจมตีสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเสียดแทงที่ส่งผ่านมาจากร่างกาย มันคำรามอยู่ในลำคอและมองไปรอบๆด้วยความระแวดระวังหมายจะหาตัวผู้ที่กล้าโจมตีมันในเหมืองแห่งนี้
หากแต่หลังจากมองไปรอบๆ จอมเวทย์อสูรดินกลับต้องสับสนยิ่งกว่าเดิม
รอบๆนี้ไม่มีผู้ใดเลย ถ้าไม่ใช่เพราะความเจ็บปวดที่แผดเผาร่างกายมันอยู่นั้นจอมเวทย์อสูรดินคงจะคิดไปว่ามันแค่หลอนไปเองเป็นแน่
ลู่หยวนเบ้ปากกับการกระทำของจอมเวทย์อสูรดินและแทงใส่มันต่ออย่างไม่ลังเล
[-17!]
[-21!]
[-13!]
[-19!]
...
หลังจากนั้นราวสิบวินาที
จอมเวทย์อสูรดินก็ล้มลงบนพื้นและกลายเป็นลำแสงสีขาวก่อนจะสิ้นชีพลงภายในเหมือง
กระทั่งจนตอนตายมันก็ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองตายได้ยังไง
อัตราการดรอปไอเทมในโลกแห่งอโพคาลิปนั้นต่ำมากและต่อให้ลู่หยวนสังหารมอนสเตอร์ที่เลเวลสูงกว่าถึง3เลเวลอย่างจอมเวทย์อสูรดินตัวนี้เขาก็ได้เงินมาเพียงไม่กี่เหรียญทองแดงเท่านั้น
อย่างไรก็ตามการสังหารข้ามระดับนั้นทำให้ได้โบนัสค่าประสบการณ์มากพอสมควร เขาสังหารจอมเวทย์อสูรดินไปเพียงตัวเดียวแต่มันกลับให้ค่าประสบการณ์ถึง20แต้ม ทำให้หลอดค่าประสบการณ์ของเขาเพิ่มมาถึง1%
ลู่หยวนไม่ได้ประหลาดใจแต่อย่างใด เขาเก็บเหรียญทองแดงขึ้นมาอย่างเงียบๆและมองไปที่จอมเวทย์อสูรดินตัวถัดไป
แล้วภาพเดิมก็ฉายซ้ำ
ลู่หยวนเร้นกายอยู่ในเงาประหนึ่งว่าเป็นยมทูตที่ซ่อนอยู่ในความมืด คอยเก็บเกี่ยวชีวิตของจอมเวทย์อสูรดินอย่างเลือดเย็น
ไม่นานนักลู่หยวนก็ถอยกลับออกมานอกเหมืองด้วยความรู้สึกกระปรี้ประเปร่ายิ่งนัก
การสังหารจอมเวทย์อสูรดินกว่าสิบตัวนั้นทำให้หลอดค่าประสบการณ์ของเขาขึ้นมาถึง19% ยิ่งไปกว่านั้นเขายังได้เงินมาถึง700เหรียญทองแดง โพชั่นฟื้นฟูมานาขนาดเล็ก3ขวดและหนังสือสกิลของจอมเวทย์อีกเล่มหนึ่ง
ดูเหมือนเขาจะโชคดีไม่น้อยถึงได้หนังสือสกิลมาในการฟาร์มรอบแรกแบบนี้
ลู่หยวนยิ้มแต้ เขาได้หนังสือสกิลมาหลังจากฆ่ามอนสเตอร์ไปเพียงไม่กี่สิบตัวเท่านั้นแถมหนังสือสกิลที่ว่ายังเป็นของอาชีพจอมเวทย์อีกด้วย
เจ้านี่สามารถกลบจุดด้อยในเรื่องที่เขาขาดสกิลโจมตีได้อย่างพอดิบพอดี
ส่วนที่สำคัญที่สุดในภารกิจของเขาเสร็จสิ้นลงแล้ว
[เวทย์ไฟระดับหนึ่ง : อัญเชิญเปลวเพลิง]
[คำอธิบาย : ในฐานะของเวทย์ระดับหนึ่งอันเป็นระดับเริ่มต้นแล้ว มันคือจุดเริ่มต้นสำหรับเวทย์มนตร์ประเภทธาตุ สามารถเรียกได้ว่าเป็นเวทย์แก่นแท้ของจอมเวทย์ทุกคน การเรียนรู้มันจะช่วยให้ท่านสามารถเข้าใจลำนำของธาตุได้]
[ความสามารถ : เผาผลาญมานา20หน่วยเพื่ออัญเชิญบอลเพลิงออกมา - สร้างความเสียหายเวทย์มนตร์35+1.6*ค่าสติปัญญา ใส่ศัตรูเบื้องหหน้า ระยะเวลาคูลดาวน์ : 5วินาที]
ลู่หยวนเปิดหนังสือสกิลออกและทำการเรียนรู้ในทันที
หลังจากสกิลอัญเชิญเปลวเพลิงถูกเพิ่มเข้ามาในหน้าต่างค่าสถานะแล้วเขาก็มองไปที่โพชั่นฟื้นฟูมานาขนาดเล็ก3ขวดในช่องเก็บของ
[โพชั่นฟื้นฟูมานาขนาดเล็ก]
[คำอธิบาย : ผลงานทั่วไปของนักแปรธาตุระดับ2 แม้ว่าจะเป็นเพียงโพชั่นฟื้นฟูมานาขั้นพื้นฐานแต่ก็สามารถฟื้นฟูมานาให้กับนักผจญภัยมือใหม่ได้ในระดับหนึ่ง]
[ความสามารถ : ฟื้นฟูมานา10หน่วยต่อวินาที - คงอยู่เป็นระยะเวลา10วินาที]
ลู่หยวนทำการเพิ่มค่าสถานะคงเหลือทั้งหมดไปที่ค่าสติปัญญาทั้งหมดทำให้มานาสูงสุดของเขาเพิ่มขึ้นมาเป็น200หน่วย จากนั้นเขาก็ดื่มโพชั่นฟื้นฟูพลังเวทย์ขนาดเล็กลงไปสองขวดติดๆกัน
หลังจากรอให้มานาเต็มอยู่ราว20วินาที ลู่หยวนก็เดินไปเดินมารอบๆเหมืองและพบกับNPCที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสนอนอยู่บนพื้น
[โซลาก้า , เลเวล19 , ทหารยามเมืองแอมเบอร์ (บาดเจ็บสาหัส)]
“สวัสดีมีอะไรให้ข้าช่วยไหม?” ลู่หยวนเดินเข้าไปหาอีกฝ่าย ในฐานะมนุษย์ผู้บริสุทธิ์ผุดผ่องแล้วตัวเขาจึงมีข้อได้เปรียบกว่าเผ่าพันธุ์อื่นเมื่ออยู่ต่อหน้าNPCsอย่างทหารยามประจำเมือง
กระทั่งในโลกแห่งอโพคาลิปนั้นก็ยังมีเรื่องที่เรียกกันว่าต่างเผ่าต่างความคิดและอาจจะถูกมองว่าเป็นศัตรูได้อยู่เช่นกัน
“สวัสดีสหายร่วมเผ่าพันธุ์ ข้าต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าจริงๆแต่เจ้านั้นอ่อนแอเกินไป ข้าไม่อยากให้เจ้าตายเพราะเรื่องนี้” โซลาก้ากล่าวพร้อมกับขยับริมฝีปากซีดเผือดตอบกลับลู่หยวน
“ข้าเป็นศิษย์ของท่านนอร์ม่าและข้าคิดว่าท่านต้องการความช่วยเหลือนะ” ลู่หยวนเอ่ยและอัญเชิญบอลเพลิงออกมาอย่างสบายๆ
มานา25หน่วยสูญสลายไปในพริบตาแต่กลับกันเขาก็ได้บอลเพลิงที่สามารถเปลี่ยนรูปได้ตามใจนึกมาแทน
“ถ้าเช่นนั้นก็เยี่ยมเลย อย่างไรก็ตามข้าก็จำเป็นต้องทดสอบความแข็งแกร่งของเจ้าก่อน เจ้าช่วยข้าสังหารราชันย์หมาป่าและนำเขี้ยวของมันกลับมาได้หรือไม่?” โซลาก้ากล่าว
ราชันย์หมาป่าเป็นบอสภายในหมู่บ้านมือใหม่ แม้ว่ามันจะมีเลเวลเพียง5แต่ด้วยความที่เป็นบอสนั้นทำให้ความแข็งแกร่งของมันไม่ด้อยไปกว่าจอมเวทย์อสูรดินทั่วๆไปเลย
ภารกิจแรกก็ให้ไปฆ่าบอสเลเวล5แล้ว ใครที่เห็นก็คงบอกได้ทันทีว่าภารกิจนี้ยากเย็นเพียงใด
“ได้ช่วยท่านนับว่าเป็นเกียรติของข้าแล้ว” ลู่หยวนค้อมหัวให้เล็กน้อย มารยาทของเขานั้นดีกว่าชาวพื้นเมืองบางคนด้วยซ้ำ
[โซลาก้ามีภารกิจให้แก่ท่าน ท่านต้องการรับภารกิจหรือไม่?]
[ชื่อภารกิจ : นำเขี้ยวของหมาป่ามา]
[ระดับภารกิจ : ระดับหนึ่ง]
[ความต้องการของภารกิจ : โซลาก้าผู้ได้รับบาดเจ็บหนักต้องการเขี้ยวของราชันย์หมาป่ามาใช้เป็นยารักษาบาดแผล โปรดไปนำเขี้ยวของหมาป่ามาภายในเวลาหนึ่งชั่วโมง]
[รางวัลภารกิจ : ค่าความชื่นชอบของโซลาก้า+20 , เปิดภารกิจถัดไป , ค่าประสบการณ์150แต้ม , ผู้เล่นสามารถเลือกหนังสือสกิลระดับหนึ่งของอาชีพใดก็ได้]
ลู่หยวนรับภารกิจมาและเดินจากไป
โซลาก้ามีภารกิจต่อเรื่องให้แก่เขาและกระทั่งตัวโซลาก้าเองก็นับได้ว่าเป็นขุมสมบัติกองโต
เพราะโซลาก้าคือนักแปรธาตุ
ถ้าค่าความชื่นชอบของซลาก้าเพิ่มขึ้นเป็นชอบก็จะสามารถเปิดระบบอาชีพรองเพื่อเรียนรู้วิชาแปรธาตุจากโซลาก้าได้โดยการจ่ายเงิน
หลังออกจากเหมืองลู่หยวนก็เดินตรงไปยังพื้นที่เก็บเลเวลเลเวล2
หมาป่านั้นมีเลเวลเพียง2เท่านั้นและจะเกิดแค่เพียงแค่พื้นที่เลเวล2เท่านั้น
การเก็บค่าประสบการณ์ในอโพคาลิปนั้นเป็นเรื่องยากพอสมควร
ตอนนี้ผู้เล่นส่วนใหญ่ยังเลเวล1อยู่และมีเพียงคนที่บรรลุภารกิจลับและได้รับรางวัลมหาศาลอย่างลู่หยวนเท่านั้นที่สามารถอัพเลเวลได้ในเวลาสั้นๆ
ดังนั้นพื้นที่เลเวล2จึงมีผู้เล่นอยู่ไม่มากนัก
เมื่อลู่หยวนมาถึงก็พบว่าในพื้นที่เลเวล2นั้นมีผู้เล่นไม่กี่คนกระจัดกระจายเก็บเลเวลกันอยู่ ผู้เล่นส่วนใหญ่เหล่านี้มักจะรวมกลุ่มกันตามอาชีพเพื่อล่ามอนสเตอร์
หลังจากเข้ามาในพื้นที่เลเวล2ลู่หยวนก็ตรงเข้าหาหมาป่าตัวหนึ่งในทันที เมื่อเขาเข้าไปในระยะห้าเมตรก็ดึงดูดความโกรธของมันมาได้ หมาป่าตัวนั้นหันมามองลู่หยวนด้วยดวงตาสีแดงเข้มของมัน
“เฮ้พี่ชายรีบออกไปจะดีกว่า นี่มันพื้นที่เก็บเลเวลเลเวล2นะและนายคนเดียวไม่มีทางจัดการกับมอนสเตอร์ได้แน่ บทลงโทษจากการตายในอโพคาลิปมันรุนแรงดังนั้นอย่าหาเรื่องเลยน่ะ”
ผู้เล่นอาชีพนักบวชคนหนึ่งที่กำลังฟาร์มหมาป่าอยู่หันมาเห็นการกระทำราวกับคนหนุ่มเลือดร้อนของลู่หยวนจึงพยายามเอ่ยเตือนเขาให้ออกไปจากพื้นที่นี้
ในโลกแห่งอโพคาลิปนั้นมีระบบบทลงโทษจากการตายอยู่ด้วยหลังจากตายไปครั้งหนึ่งผู้เล่นจะติดสถานะอ่อนแอ ค่าสถานะทั้งหมดจะลดลง50%เป็นเวลา3ชั่วโมง
อาจจะกล่าวได้ว่าระบบนั้นเข้มงวดมาก
เพื่อเป็นการตอบสนองคำเตือนฉันท์มิตรของผู้เล่นนักบวชคนนั้น ลู่หยวนจึงหันไปยิ้มให้ ในเวลาเดียวกันมือของเขาก็ไม่ได้หยุดอยู่เฉยๆและอัญเชิญบอลเพลิงออกไปก่อนจะปาเข้าใส่หมาป่าที่กำลังกระโจนเข้ามา
ปัง!
เปลวเพลิงระเบิดออก
หมาป่าตัวนั้นถูกเป่าจนกระเด็น
ตัวเลขสีแดงขนาดมหึมาโผล่ออกมาจากร่างของมัน
[-108]
ตามปกติแล้วหากไม่นับเรื่องพลังป้องกันเวทย์มนตร์ เวทย์อัญเชิญเปลวเพลิงของลู่หยวนจะสร้างความเสียหายได้เพียง67หน่วยต่อครั้งเท่านั้น (35+(1.6*20))
หากแต่ในโลกแห่งอโพคาลิปนั้นถ้าความแตกต่างของเลเวลมากเกินไปก็จะมีเรื่องของการสะกดข่มด้านเลเวลด้วยเช่นกัน ดังนั้นเมื่อลู่หยวนที่มีเลเวล5สู้กับหมาป่าเลเวล2 ความเสียหายที่เขาทำได้จึงเพิ่มขึ้น50%
หมาป่านั้นมีพลังชีวิตไม่ถึง150หน่วยด้วยซ้ำ ดังนั้นอัญเชิญเปลวเพลิงของลู่หยวนจึงลดเลือดของมันไปกว่าสองในสาม
หมาป่าตัวนั้นเงยหน้าหอนเสียงดังพร้อมกัยลุกขึ้นมาและมองมาที่ลู่หยวนก่อนจะกระโจนเข้าใส่เขาอีกครั้ง
สกิลยังติดคูลดาวน์อยู่ก็จริงแต่ลู่หยวนก็ไม่ได้คิดจะยืนอยู่เฉยๆ เขาเดินตรงเข้าไปหาหมาป่าและแทงมีดสั้นมือใหม่เข้าใส่ลำคอของมัน
[-49!]
พร้อมกับตัวเลขสีแดงสด หมาป่าตัวนั้นก็ล้มตึงลงบนพื้นและกลายเป็นแสงสีขาว
ลู่หยวนเก็บไอเทมดรอปจากหมาป่าเข้าไปในช่องเก็บของอย่างลวกๆก่อนจะเบนเข็มไปหาหมาป่าตัวต่อไป
ภายใต้การสะกดข่มด้านเลเวล เลเวล5เจอกับเลเวล2ก็เหมือนสู้กับเด็กนั่นแหละ ลู่หยวนไม่จำเป็นต้องใช้สกิลเลยด้วยซ้ำเพียงแค่โจมตีมันไปซักสามครั้งก็มากพอจะสังหารหมาป่าลงได้แล้ว
ผู้เล่นนักบวชที่อยู่อีกด้านหนึ่งนั้นมองดูเหตุการณ์อยู่ตลอดเวลาและพบว่าลู่หยวนสามารถสังหารหมาป่าได้อย่างไม่ยากเย็น ริมฝีปากของเธอเผยอออกเล็กน้อยและพึมพำออกมา “ตายแล้ว!”
“ฉันจะตายแล้วจริงๆนะ พี่ชิงฮีลหน่อยยย” ด้านหน้าของนักบวชผู้นั้น นักรบที่ถือดาบเอเป้ในมือกำลังขวางหมาป่าเอาไว้ ในตอนนี้หลอดพลังชีวิตของเขาแดงก่ำแล้ว
“มาแล้วๆ” ผู้เล่นนักบวชคนนั้นที่พึ่งจะได้สติกลับมารีบร่ายเวทย์ฮีลในทันทีทำให้หลอดพลังชีวิตของนักรบฟื้นกลับมาข้อหนึ่ง
เมื่อเห็นว่าหมาป่าเบื้องหน้าใกล้จะถูกพวกเขาจัดการลงได้แล้ว นักบวชจึงหวนนึกไปถึงตอนที่ลู่หยวนใช้เวทย์สร้างความเสียหายได้ถึง108หน่วย เธออดที่จะลองขึ้นมาไม่ได้จึงเดินตรงเข้าไปเงื้อหมัดต่อยเข้าใส่ร่างของหมาป่า
[-1!]
ผู้เล่นนักบวชมองตัวเลขความเสียหาย [-1] และขบริมฝีปากของตัวเองเบาๆ จากนั้นเธอก็จมลงสู่ห้วงความคิดของตัวเอง
เมื่อเห็นว่าจอมโจรในปาร์ตี้ของเธอสร้างความเสียหายได้เพียง9หน่วยในการโจมตีหนึ่งครั้งเธอก็เข้าใจในทันที
“เข้าเป็นผู้เชี่ยวชาญ” คิดได้ดังนี้ภาพที่เธอเอ่ยเตือนเขาว่าอย่าส่งตัวเองมาตายก็ทำให้ใบหน้าของเธอต้องร้อนผ่าวขึ้นมา
“พี่สาวชิงทำไมถึงเหม่ออีกแล้วล่ะ? ฮีลผมทีขอร้องล่ะ ผมจะตายแล้วจริงๆนะ!”