Chapter 5 : ความสามารถอันทรงพลังของพรสวรรค์หนึ่งเดียว
ลู่หยวนชี้ไปที่สกิลที่ชื่อว่า [เงาติดตาม] บนหน้าจอและมองไปที่อันเดร
บนหน้าจอนั้นมีสกิลระดับตำนานอยู่กว่าสิบสกิลและแต่ละสกิลนั้นล้วนสามารถกล่าวได้ว่าทรงพลังอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตามลู่หยวนกลับเลือก [เงาติดตาม] หลังจากคิดดูดีๆแล้ว
[เงาติดตาม] นั้นสามารถเรียกได้ว่าเป็นสกิลขั้นสูงของสกิลลอบเร้นและสามารถเรียนรู้ได้เมื่อไปถึงระดับ ‘พิเศษ’ แล้วเท่านั้น
แค่เพียงเรื่องที่ว่าสามารถโจมตีได้โดยไม่หลุดจากการหายตัวนั้นก็แสดงให้เห็นแล้วว่าสกิลนี้ทรงพลังเพียงใด
กระนั้นแล้วสกิลนี้ก็มีระยะเวลาเพียง30วินาทีเท่านั้นแต่ในอโพคาลิปนั้น30วินาทีก็มากพอจะใช้ทำอะไรต่อมิอะไรได้แล้ว
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเขาสามารถทำภารกิจที่ดูเหมือนจะไม่มีทางเป็นไปได้ในชีวิตที่แล้วให้ลุล่วงได้ด้วยสกิลนี้
“ตามที่เจ้าต้องการ” อันเดรพยักหน้าและเหยียดมือออกมากุมหัวของลู่หยวนเอาไว้ ท่าทีของเขาดูราวกับเทพเทวาที่กำลังอำนวยพรให้เขาแข็งแกร่งขึ้นก็ไม่ปาน
[NPCอันเดรได้สอนสกิลระดับตำนาน [เงาติดตาม] ให้แก่ท่าน]
[กำลังทำการถ่ายทอด...]
[กำลังทำการถ่ายทอด...]
เมื่อเสียงแจ้งเตือนจากระบบดังขึ้นลู่หยวนพลันรู้สึกวิงเวียนขึ้นมาเล็กน้อราวกับกำลังผ่านการชำระล้าง
[การถ่ายทอดสกิลเสร็จสมบูรณ์ ขอแสดงความยินดีกับผู้เล่นด้วยที่ได้เรียนรู้สกิลระดับตำนาน [เงาติดตาม] ได้สำเร็จ]
[เนื่องจากท่านคือผู้เล่นคนแรกของทั้งเซิร์พเวอร์ที่สามารถเรียนรู้สกิลระดับตำนานได้สำเร็จ ระบบจะประกาศข่าวดีนี้ไปทั่วทั้งเซิร์พเวอร์ – ผู้เล่นต้องการซ่อนชื่อหรือไม่?]
“ไม่” ลู่หยวนเบ้ปาก
ในเมื่อเขาย้อนเวลากลับมาแล้วจะขี้ขลาดตาขาวได้ยังไง? เมื่อใดที่โลกแห่งเกมรุกรานโลกแห่งความเป็นจริงในอนาคต โลกมนุษย์ก็จำต้องมีผู้บัญชาการและผู้บัญชาการนั้นต้องมีทั้งชื่อเสียงและความแข็งแกร่ง
ไม่เพียงลู่หยวนไม่กลัวจะมีชื่อเสียงเท่านั้น ในทางกลับกันเขากลับปรารถนามันด้วยซ้ำไป
การประกาศทั่วทั้งเซิร์พเวอร์ของทางระบบนั้นเป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น
[ขอแสดงความยินดีกับผู้เล่น ‘ลู่หยวน’ ด้วยที่ได้รับสกิลระดับตำนานของจอมโจร ในฐานะผู้เล่นคนแรกของทั้งเซิร์พเวอร์ที่ได้รับสกิลระดับตำนาน ผู้เล่นลู่หยวนจะได้รับแต้มตำนาน1แต้มและค่าชื่อเสียง10แต้ม]
[ขอแสดงความยินดีกับผู้เล่น ‘ลู่หยวน’ ด้วยที่ได้รับสกิลระดับตำนานของจอมโจร ในฐานะผู้เล่นคนแรกของทั้งเซิร์พเวอร์ที่ได้รับสกิลระดับตำนาน ผู้เล่นลู่หยวนจะได้รับแต้มตำนาน1แต้มและค่าชื่อเสียง10แต้ม]
[ขอแสดงความยินดีกับผู้เล่น ‘ลู่หยวน’ ด้วยที่ได้รับสกิลระดับตำนานของจอมโจร ในฐานะผู้เล่นคนแรกของทั้งเซิร์พเวอร์ที่ได้รับสกิลระดับตำนาน ผู้เล่นลู่หยวนจะได้รับแต้มตำนาน1แต้มและค่าชื่อเสียง10แต้ม]
เสียงประกาศจากระบบสามครั้งติดนั้นดังกึกก้องไปทั่วฟ้าและเข้าสู่โสตประสาทการได้ยินของผู้เล่นทุกคนในอโพคาลิป
...
“เชี่ย...ลู่หยวนคนนี้คือใครวะเนี่ย? เขาแมร่งโคตรเจ๋งเลย ถึงฉันจะไม่รู้ว่าสกิลระดับตตำนานมันอยู่ในระดับไหนแต่กระทั่งระบบก็ยังประกาศออกมาแบบนี้ก็ต้องแข็งแกร่งมากแน่ๆ”
“ดูจากชื่อแล้วน่าจะเป็นคนจีนนะ คงต้องกล่าวจริงๆว่าจีนนี่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาลจริงๆ”
“ฉันรู้จักลู่หยวนนะ เขากับฉันเราเป็นเพื่อนร่วมมหาลัยกัน พวกเราเป็นเพื่อนสนิทกันเลยแหละ ถ้าใครอยากจะรู้เรื่องเกี่ยวกับลู่หยวนมากกว่านี้ก็เพิ่มเพื่อนมาได้เลย มาคุยส่วนตัวกันเถอะ”
...
ทันทีที่เสียงแจ้งเตือนจากระบบดังไปทั่วทั้งเซิร์พเวอร์นั้น ผู้เล่นจำนวนนับไม่ถ้วนก็พากันพูดคุยเกี่ยวกับตัวตนของลู่หยวน มีกระทั่งผู้เล่นหลายคนที่แสร้งว่าเป็นคนในครอบครัวหรือสหายของเขาด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทุกคนอยากรู้มากที่สุดคือรายละเอียดเกี่ยวกับสกิลระดับตำนานที่ระบบประกาศถึงนั่นต่างหาก
...
ภายในพื้นที่เก็บเลเวลบริเวณทุ่งราบเมเปิ้ลของหมู่บ้านมือใหม่หมายเลข46734 ชายหนุ่มที่ถือธนูและลูกธนูเอาไว้ในมือได้สังหารแมงมุมทะเลทราบเบื้องหน้าลงภายในลูกศรเดียว จากนั้นเขาก็หยุดทุกการกระทำ
“ลู่หยวน? หมอนี่ค่อนข้างโอ้อวดไม่เบา..น่าสนใจ” ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเอง
...
“สกิลระดับตำนาน? หาข้อมูลเกี่ยวกับลู่หยวนมาซะ ไม่ว่าต้องจ่ายเท่าไหร่ก็ต้องให้เขาเข้ากิลพวกเราให้ได้”
...
ด้านนอกหมู่บ้านมือใหม่ ลู่หยวนบอกลาอันเดรและก้าวเดินออกจากหมู่บ้านไป
เขาตอนนี้ได้สกิลระดับตำนานมาแล้ว เป้าหมายถัดไปก็คือการเก็บเลเวล
หลังจากคิดอยู่ซักพักลู่หยวนก็เปิดหน้าต่างค่าสถานะขึ้นมาดู
—
[ชื่อ : ลู่หยวน]
[เผ่าพันธุ์ : มนุษย์]
[พรสวรรค์เผ่าพันธุ์ : ใจแห่งปัญญา (ไร้ระดับ)]
[พรสวรรค์อาชีพ : ไม่มี]
[พรสวรรค์ตัวละคร : สกิลอัพเกรดไร้ขีดจำกัด (พรสวรรค์เทวะหนึ่งเดียว)]
[ค่าสถานะ : ความแข็งแกร่ง 15 , ร่างกาย 15 , ความเร็ว 15 , สติปัญญา 15 , การรับรู้ 15 , เสน่ห์ 19]
[ฝ่าย : เป็นกลาง]
[อาชีพ : อาชีพเสรีเลเวล5]
[พลังชีวิต : 150]
[มานา : 150]
[แต้มสกิลคงเหลือ : ไม่มี]
[แต้มค่าสถานะคงเหลือ : 5]
[สถานะ : ดี]
[สกิลอาชีพ : เงาติดตาม(เลเวลเต็ม)]
[สกิลเสริม : ไม่มี]
[ความชำนาญ : ไม่มี]
[แต้มตำนาน : 1 (แต้มตำนานนั้นจะได้รับก็ต่อเมื่อผู้เล่นบรรลุเหตุการณ์ระดับตำนานในโลกอโพคาลิป ภารกิจลับหรือเหตุการณ์บางเหตุการณ์นั้นจำเป็นต้องใช้แต้มตำนานในการเปิดภารกิจ)]
[ค่าชื่อเสียง : 10 (ชื่อเสียงของผู้เล่นภายในโลกอโพคาลิป)]
[การประเมิน : ในฐานะของอาชีพเสรีท่านจึงไม่มีสกิลของอาชีพหรือแนวโน้มที่จะโดดเด่นทางด้านใดเป็นพิเศษ ค่าสถานะของท่านอยู่ในเกณฑ์ค่าเฉลี่ย ความได้เปรียบเดียวคือท่านมีหน้าตาค่อนข้างจะหล่อเหลา ขอแนะนำให้ท่านเดินไปยังเมือง บางทีอาจจะมีหญิงสาวชนชั้นสูงบางคนสนใจในตัวท่าน...]
—
ค่าประสบการณ์ที่ได้จากภารกิจลับของอันเดรนั้นทำให้เลเวลของลู่หยวนเพิ่มขึ้นมาถึง5เลเวลและค่าสถานะหลักแต่ละอย่างเองก็เพิ่มมาค่าละ1แต้มต่อเลเวล
ในโลกอโพคาลิปนั้นทุกครั้งที่อาชีพระดับหนึ่งเลเวลอัพจะได้รับแต้มค่าสถานะฟรี1แต้ม ลู่หยวนยังไม่เลือกเพิ่มค่าสถานะใดและปรายตาไปมองที่สกิล [เงาติดตาม] กับพรสวรรค์ตัวละครของเขาแทน
‘จากคำอธิบายพรสวรรค์ของฉันฉันสามารถอัพเลเวลของสกิลได้สองครั้งต่อวันและยังสามารถทำลายขีดจำกัดเลเวลของสกิลได้ด้วยสินะ ถ้าฉันใช้กับสกิล [เงาติดตาม] จะได้ผลรึเปล่า?’ ลู่หยวนจมลงสู่ห้วงความคิด
คิดได้ดังนี้แล้วลู่หยวนก็ไม่ลังเลอีก
เขามองไปที่สกิล [เงาติดตาม] และคิดกับตัวเอง ‘ ใช้สกิลพรสวรรค์ เป้าหมายสกิลคือ [เงาติดตาม] ’
[ตรวจพบว่าสกิล [เงาติดตาม] นั้นไม่สามารถเพิ่มเลเวลได้...สกิลพรสวรรค์สามารถทำลายขีดจำกัดเลเวลของสกิลได้...ทำลายขีดจำกัดสำเร็จ...เลเวลของ [เงาติดตาม] +1] เสียงแจ้งเตือนจากระบบดังขึ้น
เชี่ย ได้ผลจริงๆด้วย...ดวงตาของลู่หยวนเปล่งประกายขึ้นมาพร้อมกับรีบเปิดดูรายละเอียดสกิลในทันที เขาอยากจะรู้ว่าสกิลระดับตำนานที่ทรงพลังสุดๆอยู่แล้วนั้นหลังจากโดนฝืนอัพเลเวลโดยพรสวรรค์ของเขาแล้วมันจะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใดบ้าง
[สกิลระดับตำนาน : เงาติดตาม+1]
[คำอธิบาย : สกิลเรียกใช้งาน - สกิลเทวะที่หาได้ยากยิ่งในหมู่จอมโจรในตำนาน เผาผลาญมานา100หน่วยเพื่อเข้าสู่สภาวะเงาที่จะทำให้สามารถโจมตีได้โดยไม่ถูกค้นพบ ภายใต้สภาวะเงานั้นผู้เล่นจะได้รับความสามารถในการต้านทานความเสียหาย27% คงอยู่เป็นระยะเวลา1นาที ระยะเวลาคูลดาวน์ : 28นาที (หมายเหตุ : ไม่สามารถอัพเกรดได้)]
มานาที่ต้องใช้เพิ่มขึ้นมาเป็นเท่าตัวแต่ความสามารถในการต้านทานความเสียหายและระยะเวลาเองก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน กระทั่งระยะเวลาคูลดาวน์เองก็ลดลงไประดับหนึ่ง
แม้ว่าจะไม่ได้มากมายแต่อย่าได้ลืมว่าลู่หยวนสามารถเลเวลอัพมันได้สองครั้งในทุกวัน เมื่อเวลาผ่านไปสกิลนี้จะถูกเสริมแกร่งจนถึงขั้นไหนคงไม่มีใครทราบได้
ลู่หยวนใช้โควตาในการอัพเกรดครั้งสุดท้ายของวันนี้กับสกิล [เงาติดตาม] อย่างไม่ลังเล
[สกิลระดับตำนาน : เงาติดตาม+2]
[คำอธิบาย : สกิลเรียกใช้งาน - สกิลเทวะที่หาได้ยากยิ่งในหมู่จอมโจรในตำนาน เผาผลาญมานา150หน่วยเพื่อเข้าสู่สภาวะเงาที่จะทำให้สามารถโจมตีได้โดยไม่ถูกค้นพบ ภายใต้สภาวะเงานั้นผู้เล่นจะได้รับความสามารถในการต้านทานความเสียหาย30% คงอยู่เป็นระยะเวลา2นาที ระยะเวลาคูลดาวน์ : 25นาที (หมายเหตุ : ไม่สามารถอัพเกรดได้)]
“ไร้เทียมทานแล้วสิเรา บางทีเราควรจะลองไปเก็บเลเวลที่พื้นที่เก็บเลเวลระดับสูงดูนะเนี่ย” ลู่หยวนถอนหายใจออกมาพร้อมกับปิดหน้าต่างค่าสถานะ
สกิล [เงาติดตาม] ที่ถูกอัพเลเวลมาสองเลเวลติดนั้นทรงพลังอย่างยิ่ง ระยะเวลาสองนาทีนั้นมากพอจะทำอะไรก็ได้แล้ว
หลังจากได้สกิลระดับตำนานมา ลู่หยวนก็เดินกระโดดเริงร่าไปทีละก้าวๆและไม่นานนักเขาก็มาถึงเหมืองแห่งหนึ่ง
ใกล้ๆกับหมู่บ้านมือใหม่นั้นมีเหมืองอยู่หลายแห่งและเหมืองที่อยู่เบื้องหน้าเขาก็คือหนึ่งในนั้น
จอมเวทย์อสูรดินจำนวนมากที่มีเลเวลระหว่างเลเวล8-10เดินเตร่ไปเตร่มาอยู่ภายในเหมืองเหล่านี้ จอมเวทย์อสูรดินนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตพิเศษภายในโลกแห่งอโพคาลิป พวกมันวิวัฒนาการมาจากจอมเวทย์มนุษย์ที่ตกลงสู่ความชั่วร้าย
ร่างกายของพวกมันแข็งแกร่งกว่าจอมเวทย์ทั่วๆไปเล็กน้อยแต่หากเทียบกับสิ่งมีชีวิตในเลเวลเดียวกันแล้วก็ถือว่าร่างกายของพวกมันนั้นยังอ่อนแออยู่มาก
สิ่งเดียวที่พอจะยกมาอวดโอ่ได้มีเพียงเวทย์มนตร์ของพวกมันเท่านั้นซึ่งเรียกได้ว่ามีพลังทำลายอันน่าตะลึงเลยทีเดียว
สำหรับผู้เล่นคนอื่นนั้นการเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ที่มีพลังโจมตีสูงแต่พลังชีวิตต่ำพวกนี้อาจจะเป็นเรื่องน่าปวดหัวอยู่บ้าง นั่นก็เพราะว่าพวกเขาอาจจะถูกฆ่าได้ทันทีหากถูกพวกมันพบเข้าแถมยังเข้าใกล้พวกมันไม่ได้เลยด้วย ถึงแม้ว่าร่างกายของจอมเวทย์อสูรดินจะอ่อนแอแต่พวกเขาก็ทำอะไรพวกมันไม่ได้อยู่ดี
หากแต่สำหรับลู่หยวนที่มี [เงาติดตาม] นั้นที่แห่งนี้ถือเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การเก็บเลเวลที่สุด
ก่อนจะเข้าไปในเหมือง ลู่หยวนสังเกตเห็นว่าด้านหน้าเมืองนั้นมีจอมเวทย์อสูรดินจำนวนหนึ่งเดินเตร่ไปเตร่มา เขาจึงเปิดใช้งานสกิลเงาติดตามในทันที
ร่างกายของเขาดูเหมือนจะเปลี่ยนเป็นเงามืดกลมกลืนไปกับความมืดและในที่สุดก็หายไปอย่างสมบูรณ์
ภายใต้สภาวะเงานั้น ลู่หยวนกระชับมีดสั้นมืดใหม่ที่ระบบให้มาเอาไว้แน่นและกเวเข้าไปหาหนึ่งในจอมเวทย์อสูรดินทีละก้าวๆ
หลังจากเข้าระยะโจมตีลู่หยวนก็แทงเข้าใส่หลังของจอมเวทย์อสูรดินตัวนั้นอย่างรุนแรง
[-11!]
ตัวเลขความเสียหายสีแดงเด้งขึ้นมาจากร่างของจอมเวทย์อสูรดินและในเวลาเดียวกันข้อมูลของมันก็ปรากฏขึ้นมา
[จอมเวทย์อสูรดิน]
[เลเวล : 8]
[พลังชีวิต : 500]
[สกิล : ไม่ทราบ]
[คำอธิบาย : ในฐานะของจอมเวทย์ฝึกหัดเมื่อเขาได้สัมผัสเข้ากับเสียงกระซิบจากขุมนรกเข้า ตัวเขาก็พลันเปี่ยมล้นไปด้วยความยาก ความไม่ยินดีและความทะเยอทะยานจนทำให้เขาถูกครอบงำและตกลงสู่ห้วงอเวจี]
NPCsภายในโลกแห่งอโพคาลิปนั้นไม่มีค่าสถานะตายตัว ความแข็งแกร่งของพวกเขาขึ้นอยู่กับเลเวลและสกิลที่มีล้วนๆ
และเนื่องจากลู่หยวนยังไม่ได้เรียนรู้สกิลตรวจสอบเขาจึงมองเห็นเพียงข้อมูลพื้นฐานส่วนใหญ่เท่านั้น
จากนั้นเขาก็สะบัดมือเหวี่ยงมีดสั้นลงไปอีกหน!
ลู่หยวนลงมืออย่างไม่ลังเล [เงาติดตาม] นั้นมีผลเพียงแค่สองนาทีเท่านั้นและตัวเขาเองก็ไม่ได้เรียนรู้สกิลโจมตีเลยด้วย ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงแทงมีดสั้นเข้าใส่ร่างของจอมเวทย์อสูรดินครั้งแล้วครั้งเล่า
ในโลกแห่งอโพคาลิปนั้นมีสิ่งที่เรียกว่าการโจมตีจุดอ่อนอยู่ด้วย..ลู่หยวนที่อยู่ในสถานะล่องหนจึงสามารถปรับตำแหน่งอย่างช้าๆเพื่อให้มั่นใจได้ว่าทุกการโจมตีของเขาจะสร้างความเสียหายให้แก่จุดอ่อนของอีกฝ่าย