Chapter 166: The Eccentric Daoist, Lin Yazhu, Sect Master of Azure Wood Sect
พิธีการสร้างรากฐานครั้งนี้สำเร็จลุล่วงอย่างงดงาม
ทั้งแขกและเจ้าภาพต่างปลาบปลื้มใจ ใครเล่าจะโง่เขลาพอที่จะก่อเรื่องวุ่นวายต่อหน้าผู้บ่มเพาะระดับแกนทองอย่างนั้น
โจวสุ่ยปรากฏตัว จึงเป็นจุดสนใจของทุกคนในทันที ชื่อเสียงของเขาเลื่องลือไปทั่วนิกาย ศิษย์นับไม่ถ้วนต่างรู้จักเขา
ในฐานะสามีของผู้บ่มเพาะระดับแกนทอง ย่อมเป็นที่ดึงดูดสายตา
"ในที่สุดข้าก็ได้เห็นสามีของท่านเจ้านิกายด้วยตาตนเอง สมคำร่ำลือจริงๆ คิ้วคมดั่งดาบ ดวงตาประกายดั่งดวงดาว บุคลิกโดดเด่น ดวงตาใสซื่อราวกับเด็กน้อย หากไม่ใช่สามีของท่านเจ้านิกาย ข้าคงคิดว่าเขาเป็นเซียนหนุ่มผู้เลอโฉม" ศิษย์หญิงจากนิกายหมอกศักดิ์สิทธิ์อดแสดงท่าทางคลั่งไคล้ไม่ได้
ในวินาทีที่เธอได้เห็นโจวสุ่ย เธอก็รู้สึกหัวใจเต้นรัวทันที เธอได้รู้ซึ้งถึงความหมายของคำว่ารักแรกพบเสียที
พ่ายแพ้ในชั่วพริบตา ไร้เหตุผลใดๆ ที่จะแก้ตัว
"บ้าจริง! ท่านพูดอะไรอยู่นั่น ผู้บ่มเพาะรุ่นเยาว์คนนั้น ท่านไม่รู้จักฉายาของเขาหรือนี่? 'เซียนหยกแห่งสรวงสวรรค์' นะ! ท่านเจ้านิกายย่ำยีเขาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่หน"
ศิษย์ชายจากนิกายหมอกศักดิ์สิทธิ์ถึงกับอึ้ง เขาเองก็รูปงามไม่แพ้กัน แต่ไม่เคยเห็นศิษย์หญิงคลั่งไคล้ใครขนาดนี้มาก่อน เห็นทีจะต้องปล่อยให้พวกนางฝันต่อไป
ความอิจฉาริษยาแทรกซึมอยู่ในหัวใจของเขา
"ถึงจะเป็นเช่นนั้น ข้าก็เชื่อว่าพี่โจวนั้นทำเพราะไม่มีทางเลือก"
"ถูกต้องแล้ว เพียงแค่เห็นหน้าพี่โจ ข้าก็รู้ว่าต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่าง"
“ก็โทษท่านพี่โจไม่ได้หรอก ใครใช้ท่านพี่โจเป็นแค่คนพเนจรล่ะ สมัยก่อนยังแค่ระดับรวมลมปราณ จะไปต่อกรกับเจ้านิกายได้อย่างไร”
“ใช่ๆ ถ้าพวกเจ้าเจอเจ้านิกายล่ะก็ คงคลานเข่าไปเร็วกว่าใครเพื่อน ไหนยังจะกล้าดูถูกท่านพี่โจอีก มองตัวเองให้ดีซะก่อนว่าตัวเองเป็นคนอย่างไร”
เหล่าสาวๆ นิกายหมอกศักดิ์สิทธิ์ต่างหัวเราะเยาะอย่างเย็นชา มองดูศิษย์ชายคนอื่นๆ อย่างดูถูก
พวกเธอคิดว่าการที่ โจสุ่ย ยอมจำนนต่อจ้าวนิกาย เล่งอวีซีต้องมีสาเหตุบางอย่างแน่ๆ
สุดท้ายแล้ว ภายใต้อำนาจผู้บ่มเพาะ มีใครจะต้านทานได้
ไอ้นี่มันช่างหน้าไม่อายจริงๆ มีเมียตั้งสามคน ก่อนที่จะเจอกับเจ้านิกายก็ยังมีเมียอยู่แล้ว พวกแกยังบอกว่าไอ้นี่มันน่าสงสาร ไอ้นี่มันเกิดมาเพื่อกินข้าวเปล่าชัดๆ!
(ผู้ชายกินข้าวเปล่า" คือ "ผู้ชายที่อาศัยผู้หญิงเลี้ยงดู)
"เพื่อเอาอกเอาใจนางเซียน ไอ้หน้าขาวนี่ทำทุกวิถีทางเลยจริงๆ"
“พวกหล่อนต้องมองให้ทะลุถึงตัวตนที่แท้จริงของไอ้นี่ให้ได้”
"ศิษย์ชายจากนิกายหมอกศักดิ์สิทธิ์ถึงกับโกรธจนแทบขาดใจ
เขารู้สึกว่าพวกผู้หญิงเหล่านี้ช่างไร้เหตุผล ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
ชายคนนี้เป็นเพียงชายผู้ไร้ความสามารถ ไร้ซึ่งฝีมือ ไร้ซึ่งทรัพย์สินสมบัติ แต่กลับมีเสน่ห์เหลือล้น จนดึงดูดใจสตรีจำนวนมากให้หลงใหล
"แล้วจะแปลกอะไรกับการมีภรรยาสามคน สำหรับบุรุษพิเศษอย่างท่านอาวุโสโจว แม้จะมีสามสิบคนก็มิใช่เรื่องเกินเลย"
"พูดจริงนะ ถ้าไม่กลัวเจ้านิกายโกรธ ฉันก็อยากแต่งงานกับผู้อาวุโสโจวเป็นภรรยาน้อยเหมือนกัน"
"ฮึ่ม! อยากจะเป็นนางบำเรอของผู้อาวุโจวเนี่ยน่ะ ช่างหน้าด้านเสียจริง แต่อย่างมากก็คงได้เป็นแค่สาวล้างเท้าเท่านั้นแหละ"
“การเป็นสาวใช้ล้างเท้าก็ไม่เลว อย่างน้อยก็สามารถใกล้ชิดกับผู้อาวุโสโจวได้”
เหล่าศิษย์หญิงนิกายหมอกศักดิ์สิทธิ์ต่างวิพากษ์วิจารณ์กันไม่หยุดหย่อน เผยให้เห็นท่าทางของหญิงสาวที่คลั่งไคล้ผู้ชาย"
เหล่าศิษย์ชายหลายต่อหลายคนได้แต่ยืนอึ้ง ไม่รู้จะเอ่ยคำใด
พวกเขาแอบดีใจ
โชคดีที่ไอ้หน้าขาวนั่นเป็นสามีของเจ้านิกาย ถ้าเป็นศิษย์นิกายภายในล่ะก็ กลัวว่าบรรดาผู้บ่มเพาะหญิงทั้งหลายคงจะถูกไอ้หน้าขาวนั่นแย่งไปหมด
เหลือพวกเขาไว้ร่อนเร่พเนจรอยู่ในซ่องโคม แม้หาคู่ครองก็คงไม่สมหวัง
...
แน่นอน เรื่องราวนี้มิได้กระจายอยู่เฉพาะภายในนิกายหมอกศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น
แม้กระทั่งนิกายชิงมู่ ปรุงยา, เงาปีศาจ, หุบเขาหวงเฟิง, และอีกหลายนิกาย ต่างก็ล้วนทราบ
ขณะนี้ ณ นิกายชิงมู่
ภูเขาสูงตระหง่าน ต้นไม้ใหญ่ชะอุ่มขึ้นรอบด้าน ทั่วบริเวณอบอวลไปด้วยพลังไม้อันเข้มข้น เหมาะแก่การดำรงชีวิตของบรรดาผู้บ่มเพาะธาตุไม้
ท่ามกลางแสงแดดยามเช้า หญิงงามผู้หนึ่งนั่งไขว่ห้างอยู่บนยอดเขา กระโปรงสีฟ้ารัดรูปของเธอเผยให้เห็นรูปร่างที่งดงามราวกับนางฟ้า ใบหน้าของเธอสง่างามและนิ่งสงบ ราวกับไม่ได้สัมผัสกับโลกมนุษย์อันวุ่นวาย
นางคือ หลินเหยาจู เจ้านิกายชิงมู่ ผู้บ่มเพาะแกนทองคำขั้นปลาย วัยสามร้อยปี
บุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดในนิกาย ชิงมู่คนนี้ แม้แต่ผู้อาวุโสสูงสุด ซ่ง เฟยหง ก็ไม่สามารถเทียบเทียมได้
และแม้จะมีอายุถึงสี่ร้อยแปดสิบปีแล้ว ซ่งเฟิย หงก็ยังเป็นผู้บ่มเพาะระดับแกนทองขั้นกลางนเท่านั้น และใกล้จะถึงวาระสุดท้ายแล้ว
กล่าวได้ว่า หลินเ หยาจู เป็นอัจฉริยะที่ดีที่สุดของชิงมู่ ในรอบนับพันปีที่ผ่านมา เธอมีรากวิญญาณระดับหนึ่ง
"อาจารย์!"
ในเวลานี้ หญิงสาวอีกคนหนึ่งในชุดยาวสีม่วงบินขึ้นมา เธอคือจางเสว่ ศิษย์เอกของหลินเหยาจู ผู้บ่มเพาะสร้างรากฐานขั้นกลาง อายุมากกว่าแปดสิบปี และมีรากวิญญาณระดับสาม
"มีสิ่งใดเกิดขึ้น?"
หลิน เหยาจู เจ้านิกายชิงมู่ เปิดเปลือกตาอันงดงาม ร่างของเธอเปล่งประกายด้วยอำนาจ ซึ่งเป็นอาณาเขตเฉพาะของระดับแกนทอง
"อาจารย์! เรื่องใหญ่เกิดขึ้นที่นิกายหมอกศักดิ์สิทธิ์ ข่าวลือว่า เล่งอวี้ซี เจ้านิกายที่เพิ่งก้าวเข้าสู่ระดับแกนทอง ได้แต่งงานกับชายคนหนึ่งนาม โจวสุ่ย"
"คนๆ นี้ก่อนหน้านี้เป็นเพียงผู้บ่มเพาะอิสระ"
"แต่ได้รับการช่วยเหลือจากเล่งอวี้ซี ทำให้สามารถเลื่อนขั้นเป็นสร้างรากฐานได้ และเพิ่งจัดงานฉลองเลื่อนขั้นสร้างรากฐานขึ้นในนิกายหมอกศักดิ์สิทธิ์"
จางเสว่กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม เล่าเรื่องโจวสุ่ยให้ฟัง
"โจวสุ่ย? คู่ครองของเล่งอวี่?"
"น่าสนใจ ท่านอาจารย์ เป็นเพียงผู้บ่มเพาะอิสระ กลับสามารถครองใจเล่งอวี่ได้?"
หลิน เหยาจูขมวดคิ้ว
"ว่ากันว่าผู้ชายคนนี้รูปงาม สง่างาม ราวกับเทพบุตร"
"อีกทั้งยังเชี่ยวชาญวิทยายุทธพิศดาร จึงได้ครอบครองหัวใจของท่านอาจารย์เล่ง"
(น่าจะหมายถึงเรื่องบนเตียงเอาได้หลายท่า ไรพันนี้ครับ)
จางเสว่มีสีหน้าแปลกๆ ราวกับนึกถึงข่าวลือต่างๆ ที่เคยได้ยิน
แต่ข่าวลือเหล่านี้ช่างเป็นคำพูดที่สกปรกและน่ารังเกียจเสียจริง แต่จะบอกให้อาจารย์ของเธอฟังได้อย่างไร
"ไร้สาระ ผู้บ่มเพาะระดับแกนทองจะหลงเสน่ห์รูปลักษณ์ได้อย่างไร"
"เล่งอวี้ซีผู้นี้ นับว่าเป็นอัจฉริยะโดดเด่นของเกาะเซียนเซี่ยในรอบพันปี"
"เธออายุเพียงแปดสิบปีเท่านั้นก็สำเร็จเป็นผู้บ่มเพาะระดับแกนทองแล้ว ส่วนฉันเองก็ต้องใช้เวลาถึงหนึ่งร้อยยี่สิบปีกว่าจะสำเร็จ"
"และยังได้รับความช่วยเหลือจากชิงมู่ซงทั้งสำนัก จึงจะสำเร็จได้"
"แต่เล่งอวี้ซีนั้น ในสถานการณ์ถูกนิกายเงาปิศาจไล่ล่า และถูกพิษร้ายเข้าโจมตี เธอก็ยังสามารถสำเร็จเป็นผู้บ่มเพาะระดับแกนทองได้"
"เพียงพอที่จะพิสูจน์ว่าเธอทั้งพรสวรรค์และจิตใจล้วนแข็งแกร่งเป็นอันดับหนึ่ง"
"หากเธอยังคงฝึกฝนต่อไปแบบนี้ เป็นไปได้ว่ามีโอกาสสำเร็จเป็นเซียน"
หลินเหยาจู เจ้าสำนักชิงมู่กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
อะไรนะ!
ได้ยินคำพูดเหล่านี้ จางเสว่ก็ตกตะลึง เธอไม่คิดว่าอาจารย์ของเธอจะชื่นชมกับเล่งอวี้ซีเช่นนี้
"เอาละ คนรักของเจ้านิกายเล่ง อีกทั้งยังเป็นขั้นสร้างฐาน ในฐานะมิตร ย่อมต้องส่งของขวัญไปแสดงความยินดี"
"ส่งยาเอ๋อมู่สามขวดเป็นของขวัญแสดงความยินดี"
หลินเหย่าจู เจ้านิกายชิงมู่สั่งการ
"เจ้าค่ะ"
จจางเสว่พยักหน้า ยาเอ๋อมู่เป็นยาระดับสอง เหมาะสำหรับผู้บ่มเพาะสร้างรากฐานพื่อเพิ่มพลังการฝึกฝน มีค่ามหาศาล
แม้ว่าสำหรับผู้บ่มเพาะระดับแกนทองแล้ว ยาเช่นนี้อาจไม่สำคัญอะไร แต่สำหรับผู้บ่มเพาะพเนจรที่เพิ่งสำเร็จผู้บ่มเพาะสร้างรากฐาน ยาเช่นนี้ก็นับว่าดีเยี่ยม เปรียบเสมือนช่วยชีวิต
(จบบท)