ตอนที่แล้วChapter 11 : ประกอบ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 13 : เข้าสู่เควส

Chapter 12 : กุญแจเควสปัจเจก


“ขอบคุณมากเถ้าแก่” ลู่หยวนเดินเข้ามารับของ

โซ่ของแอนนี่กับจี้ของครูชได้ถูกผสานเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์โดยปราศจากรอยต่ออย่างชัดเจน กระทั่งชื่อเองก็เปลี่ยนไปด้วย

[พรจากเทพีแห่งกาลเวลา]

[ระดับความหายาก : ไอเทมพิเศษหนึ่งเดียว]

[คำอธิบาย : บุตรีของแอนนี่และครูชสิ้นชีพลงในฤดูหนาวปีนั้น ความตายของสตรีวัยเยาว์ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเมืองๆนี้หากแต่สำหรับแอนนี่กับครูชแล้วนี่คือหายนะ พวกเขาเฝ้าภาวนาต่อทวยเทพเพื่อขอให้พวกตนได้ย้อนเวลากลับไปยังอดีตอีกครา]

[ความสามารถ : หลังจากผู้เล่นใช้งานมันผู้เล่นจะเข้าสู่เควสปัจเจกและย้อนเวลากลับไปยังฤดูกาลปีนั้นเพื่อทำความปรารถนาที่ไม่เป็นจริงของครูชและแอนนี่ให้เป็นจริง]

[หมายเหตุ : ระดับความยากของเควสนั้นขึ้นอยู่กับเลเวลของผู้เล่น]

เควสปัจเจก!

เมื่อลู่หยวนเห็นคำว่า ‘เควสปัจเจก’ เขาก็รู้ทันทีว่าตนได้กำไรก้อนโตมาแล้ว

ในโลกแห่งอโพคาลิปนั้นเมื่อผู้เล่นไปถึงเลเวล10 เควสสาธารณะจะเปิดให้พวกเขาใช้งานได้

เควสเหล่านั้นเป็นเควสส่วนรวมและทุกคนสามารถเข้าไปทำได้

หากแต่นอกจากเควสเหล่านั้นแล้วก็ยังมีเควสบางเควสที่พิเศษเป็นอย่างยิ่ง ส่วนใหญ่นั้นจะเข้าได้เพียงครั้งเดียว

เช่นนี้แล้วต่อให้ผู้เล่นรวมตัวกันเต็มปาร์ตี้เพื่อเข้าสู่เควสพิเศษประเภทนี้ หากแต่แต่ละเควสนั้นสามารถรองรับผู้เล่นได้ครั้งละไม่เกิน10คนเท่านั้น

เควสเหล่านี้รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่าเควสปัจเจก

เควสปัจเจกนั้นอนุญาตให้ผู้เล่นตั้งปาร์ตี้และเข้าไปได้แต่ผู้เล่นส่วนใหญ่นั้นย่อมไม่ยินดีจะเผยออกไปแน่ว่าตนได้เควสปัจเจกมา

ลู่หยวนเก็บจี้ลงไปอย่างเงียบๆ ฝีเท้าของเขาขณะที่เดินออกจากร้านขายอุปกรณ์นั้นทั้งเบาและรวดเร็ว

เควสปัจเจกแน่นอนว่าไม่ง่ายที่จะเปิดเควส

ลู่หยวนต้องทำภารกิจลับถึงสองภารกิจกว่าจะได้กุญแจมาประกอบ ถ้าพลาดกลางทางกุญแจที่ได้มาก็จะไม่มีวันได้เห็นแสงตะวันอีกตลอดกาล

“เติมของก่อนแล้วค่อยเข้าเควสดีกว่า” ลู่หยวนเป็นคนที่ต้องเตรียมการให้พร้อมสำหรับสิ่งที่จะทำอย่างถัดไป

เขาทำการซื้อโพชั่นจำนวนมากมาจากร้านขายโพชั่นจากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังโรงเตี๊ยมและร้านขายเสื้อผ้าเพื่อหาซื้ออาหารและเสื้อกันหนาว หลังจากนั้นเขาก็ออกจากเกมไปหาอะไรกิน

หลังจากทานข้าวเสร็จ อาบน้ำและนอนหลับพักผ่อนแล้ว วันถัดมาลู่หยวนก็ลุกขึ้นมาจัดแจงอาหารเช้าเล็กน้อยก่อนจะเข้าสู่เกม

หลังจากเข้าสู่เกมลู่หยวนก็ตรงไปยังชายขอบของหมู่บ้านมือใหม่ในทันที

การเข้าสู่เควสปัจเจกนั้นค่อนข้างอึกทึกซักเล็กน้อย เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาลู่หยวนจึงคิดจะหาที่ที่ร้างผู้คนก่อนถึงจะเข้าเควส

จากคำอธิบายของกุญแจนั้น โลกในเควสนี้ดูเหมือนจะเป็นฤดูหนาว

ในเมื่อเป็นฤดูหนาวการตระเตรียมอาหารและเสื้อผ้าให้มากหน่อยก็ไม่ใช่เรื่องผิด ยังไงซะไอเทมเหล่านี้ก็มีราคาถูกมากอยู่แล้ว ข้อเสียเดียวก็คือพวกมันค่อนข้างกินช่องในกระเป๋าไม่น้อย

“ออกมาเถอะ นี่ตามฉันมานานแค่ไหนกันแล้วเนี่ย?” ลู่หยวนค่อนข้างคุ้นชินกับความสามารถ ‘ลอบเร้น’ ของจอมโจรเป็นอย่างดีเนื่องจากเขาใช้ ‘เงาติดตาม’ อยู่บ่อยครั้ง

ลู่หยวนถึงขั้นรู้สึกเลยว่าถ้าเขาใช้ ‘เงาติดตาม’ อีกซักครั้งสองครั้งอาจจะเรียนรู้สกิล ‘ลอบเร้น’ ได้ก็เป็นได้

ทันทีที่เขาออกจากหมู่บ้านมือใหม่ ลู่หยวนก็สัมผัสได้ถึงสายตาที่จ้องมองมาจากรอบๆ

ลู่หยวนทราบดีว่าตอนนี้เขาค่อนข้างมีชื่อเสียงในหมู่บ้านมือใหม่ ดังนั้นเขาจึงไม่แปลกใจเท่าไหร่นักแต่ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะลอบตามเขามาโดยใช้สกิลลอบเร้นเช่นนี้

“ไม่คิดจะโผล่หัวใช่ไหม?” ลู่หยวนที่เห็นว่าผู้เล่นจอมโจรพวกนั้นไม่ยอมโผล่มาซักทีจึงหยิบหินขึ้นมาและปาไปยังต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง

[-1!]

หลังจากได้รับความเสียหาย ผู้เล่นที่ซ่อนอยู่ตรงหน้าต้นไม้ก็พลันถูกบังคับให้เผยตัว

เมื่อจอมโจรคนอื่นเห็นว่าลู่หยวนสามารถมองผ่านการลอบเร้นของพวกเขาได้จริงๆ พวกเขาก็ตกตะลึงยิ่งนักและไม่คิดจะซ่อนตัวอีกต่อไปและพากันเดินออกมาจากเงา

ในเวลาเดียวกัน ภายในป่ารอบๆนั้นก็พลันปรากฏร่างของผู้เล่นจำนวนกว่า100คนเข้าโอบล้อมลู่หยวนเอาไว้

“ฉันเป็นคนอัธยาศัยดีดังนั้นยืนอยู่เฉยๆอย่าต่อต้านแล้วจะให้ไปสบายๆ” ผู้เล่นที่เป็นผู้นำซึ่งมีชื่อว่า ‘เลี่ยรู่เฟิง’ กล่าวพร้อมกับแหวกฝูงชนออกมา

“ก็คิดว่าใครที่ไหน? ที่แท้ก็กิลอินเฟอร์โน่สุดฉาวนี่เอง” ลู่หยวนเอ่ยเสียดสี

สายตาที่เขามองไปยังเลี่ยรู่เฟิงนั้นเต็มไปด้วยความเกลียดชัง

ในชีวิตที่แล้วของเขา กิลอินเฟอร์โน่ที่นำ โดยเลี่ยรู่เฟิงผู้นี้ชอบเอารัดเอาเปรียบผู้เล่นทั่วๆไปภายในเกมอโพคาลิปเป็นอาจิณ

กิลเพียงกิลเดียวนี้กลับสวาปามทรัพยากรในเกมไปอย่างมหาศาลจนทำให้อัตราการเติบโตของผู้เล่นทั่วไปบางส่วนนั้นติดอยู่กับที่

หลังจากโลกผสานเข้าด้วยกันและเหล่านักบุญจุติลงมา เลี่ยรู่เฟิงที่สวาปามทรัพยากรไปมากมายเพียงนั้นกลับไม่คิดจะปกป้องประเทศและอารยธรรมของตน กลับกันเขากลับเลือกหันไปเข้ากับอารยธรรมเกมและกลายเป็นสุนัขให้กับพวกผู้รุกราน

ในชีวิตที่แล้วของเขานักรบแนวหน้าของโลกถูกจัดการลงก็เพราะการหักหลังอย่างฉับพลันของเลี่ยรู่เฟิงผู้นี้ ผลลัพธ์นั้นทำให้ผู้เล่นระดับสูงจำนวนนับไม่ถ้วนต้องตายลงอย่างน่าสังเวช

ตอนนี้ดูเหมือนว่าความคิดอันชั่วร้ายของเลี่ยรู่เฟิงจะมุ่งเป้ามาที่ตัวเขา

“ฉาวงั้นหรอ? แล้วยังไง? ในเกมนี้ถ้ายังเล่นตามกฎแล้วจะเล่นทำไม? ถอดอุปกรณ์สวมใส่ทั้งหมดออกซะแล้วฉันจะปล่อยแกไป ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่คิดมากที่จะปิดจุดคืนชีพและค่อยๆรีดไอเทมของแกออกมาทีละชิ้นๆหรอกนะ” เลี่ยรู่เฟิงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหยิ่งผยอง

ก็เหมือนที่ลู่หยวน ‘สรรเสริญ’ ไปนั่นแหละ

“แกนี่สิ้นหวังแล้วจริงๆ” ลู่หยวนส่ายหัวและเรียกมีดสั้นหมาป่าออกมาถือเอาไว้

“ในเมื่อสุราคารวะไม่เอาถ้างั้นก็ต้องสุราจบกรอก ฆ่ามัน ใครที่ฆ่าได้ฉันจะให้ครั้งละหมื่นหยวน...ไม่มีขีดจำกัด” เลี่ยรู่เฟิงตะโกนบอก เมื่อรางวัลมหาศาลเช่นนี้ถูกเสนอออกมาเหล่าสหายผู้หล้าย่อมกระโจนออกมางับชิ้นปลามัน เมื่อผู้เล่นได้ยินว่าได้เงินครั้งละ10000หยวนทุกครั้งที่ฆ่าลู่หยวนได้ ดวงตาของพวกเขาก็พลันสั่นสะท้านไปด้วยความโลภและเข้าโอบล้อมลู่หยวนในทันที

ส่วนเลี่ยรู่เฟิงนั้นเขากลับยืนมองอย่างเงียบๆ

เขารู้ดีว่าความแข็งแกร่งของลู่หยวนนั้นไม่อาจประมาทได้จากเรื่องที่ว่าอีกฝ่ายนั้นคือคนแรกที่ได้สกิลระดับตำนานไปครองจากทั่วทั้งเซิร์พเวอร์และสามารถโซโล่บอสเลเวล5ได้เพียงลำพัง

ถ้าเขาพุ่งออกไปแนวหน้าอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง ลู่หยวนอาจจะใช้โอกาสนี้ฆ่าเขาในพริบตาก็เป็นได้

สุภาพบุรุษที่ดีย่อมไม่ยืนอยู่ใต้กำแพงใกล้พัง

เลี่ยรู่เฟิงจึงเลือกที่ยืนอยู่ห่างๆและคอยดูสถานการณ์

“ระวังตัวดีจริงๆนะ” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ยอมเข้ามาร่วมวง ลู่หยวนก็ตัดสินใจว่าจะไม่รออีกต่อไป เขาเปิดใช้งานสกิล ‘เงาติดตาม’ ในทันทีและสลายร่างหายไปกับเงา

“หมอนี่เป็นจอมโจรนี่เอง” ผู้เล่นบางคนกล่าวขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ ในความคิดของพวกเขานั้นลู่หยวนน่าจะใช้สกิล ‘ลอบเร้น’ ของจอมโจรถึงได้หายตัวไปเช่นนี้

“อาชีพระยะไกลใช้สกิลวงกว้างขุดมันออกมา” ผู้เล่นที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้ากองเอ่ยสั่งการ

เมื่อเห็นว่ามีคนกล้าก้าวออกมาสั่งการ ลู่หยวนก็มุ่งตรงเข้าหาอีกฝ่ายในทันที มีดในมือของเขานั้นเฉือนเข้าใส่ลำคอของหัวหน้ากองผู้นั้นอย่างรุนแรง

ตัดคอ!

[-82!]

[-56!]

[-37!]

สามการโจมตีในหนึ่งวินาที

หัวหน้ากองผู้นั้นไม่ทันได้ตอบสนองด้วยซ้ำก็ล้มตึงลงบนพื้นและกลายเป็นศพเย็นเยียบไปแล้ว

“อัญเชิญเปลวเพลิง!” ลู่หยวนเรียกบอลเพลิงออกมาอย่างลวกๆ

เนื่องจากผู้เล่นกิลอินเฟอร์โน่นั้นยืนอยู่ติดๆกัน สกิลนี้จึงระเบิดสร้างความเสียหายได้ครั้งละหกถึงเจ็ดคนเลยทีเดียว

[-127!]

[-137!]

[-112!]

...

“ขนาดโจมตีแล้วก็ยังไม่โผล่หัวออกมาเนี่ยนะ?” ผู้เล่นบางคนเริ่มตื่นตระหนก

เมื่อพวกเขาเห็นว่าสหายของตนตกตายเป็นใบไม้ร่วงแต่อีกฝ่ายกลับยังไม่โผล่มาแม้แต่เงา ความรู้สึกสิ้นหวังก็เริ่มประเดประดังเข้ามา

“เหอะ! พวกน่าเบื่อก็งี้” เมื่อเห็นว่าผู้เล่นเหล่านี้หวาดกลัวจนไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว ลู่หยวนก็ไม่สนใจพวกเขาอีกและหมุนตัวฉีกออกจากวงล้อมตรงไปหาเลี่ยรู่เฟิงแทน

การต่อสู้ครั้งนี้อยู่ในสายตาของเลี่ยรู่เฟิงตั้งแต่ต้น

เมื่อเห็นว่าไม่มีผู้เล่นฝั่งตนตายมาได้ซักพักแล้ว เส้นเลือดบนใบหน้าของเลี่ยรู่เฟิงก็กระตุกถี่ยิบและรีบคำรามออกมา “รีบกลับมาหาฉันเดี๋ยวนี้”

“สายไปแล้ว!” นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ลู่หยวนเอ่ยออกมาขณะที่อยู่ในสถานะซ่อนเงา หลังจากเขากระซิบคำเหล่านี้ข้างหูของเลี่ยรู่เฟิงอย่างแผ่วเบาแล้ว เขาก็คว้าลำคอของเลี่ยรู่เฟิงเอาไว้ด้วยมือเดียวและแทงมีดสั้นหมาป่าที่ถืออยู่อีกมือใส่อีกฝ่ายไปสามครั้งติด

[-94!]

[-43!]

เลี่ยรู่เฟิงกลายเป็นศพปราศจากร่องรอยแห่งชีวิตหลังจากโดนแทงไปเพียงสองครั้งเท่านั้น

จากนั้นศพของเลี่ยรู่เฟิงก็กลายเป็นแสงสีขาวก่อนจะสลายหายไป

บนพื้นนั้นมีเพียงไอเทมถูกทิ้งเอาไว้อย่างเงียบงัน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด