Chapter 11 : ประกอบ
“ชิ..น่าเบื่อยิ่งนัก ข้าพึ่งจะนึกขึ้นได้ว่ามนุษย์ต่างโลกเช่นพวกเจ้าดูเหมือนจะสามารถแยกแยะได้ว่าอีกฝ่ายนั้นมีเจตนาดีหรือร้ายต่อตน” โซลาก้ารู้สึกเหมือนกับถูกตบหน้าก็ไม่ปาน จากนั้นเขาก็หยิบเอาโซ่เส้นหนึ่งออกมาจากกระเป๋า
“เดิมทีข้าคิดจะเตรียมไอเทมอีกชิ้นเอาไว้ให้กับเจ้าแต่ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะมีจี้ของครูชอยู่กับตัว โซ่เส้นนี้เป็นโซ่ของจี้อันนั้น ข้าจะรอเจ้าที่เมืองแอมเบอร์”
หลังจากกล่าวจบโซลาก้าก็หายไปจากเหมือง
ลู่หยวนหมองโซ่ในมือ
[โซ่ของแอนนี่]
[คำอธิบาย : นี่คือสิ่งของกึ่งสำเร็จที่ถูกสร้างโดยนักแปรธาตุแอนนี่ มันไม่มีความสามารถใดๆ มีเพียงเมื่อเข้าคู่กับจี้ของครูชผู้เป็นสามีและผสานพวกมันเป็นหนึ่งเดียวเท่านั้นถึงจะเผยให้เห็นความอัศจรรย์ แน่นอนว่ามันยังเป็นจดหมายรักถึงพวกเขาในวัยเยาว์อีกด้วย]
กลายเป็นว่านี่คือวิธีใช้จี้ของครูชสินะ...ลู่หยวนหยิบจี้ของครูชขึ้นมาและนำพวกมันมาต่อกัน
ก่อนหน้านี้เมื่อตอนที่เขาทำภารกิจของอันเดรสำเร็จ เขาได้รางวัลมาเป็นสร้อยคอของครูชหากแต่ลู่หยวนยังหาวิธีใช้มันไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงหมดความสนใจและโยนมันเอาไว้ในช่องเก็บของ
ไม่คิดเลยว่าจะได้เครื่องประดับอีกชิ้นหนึ่งมาในเวลาอันสั้นเช่นนี้
[ท่านพบกับไอเทมที่สามารถผสมเข้าด้วยกันได้ โปรดไปยังร้านอุปกรณ์เพื่อผสมพวกมัน]
เสียงแจ้งเตือนจากระบบดังขึ้น
ลู่หยวนเก็บข้าวเก็บของและเดินกลับไปยังหมู่บ้านมือใหม่
เขาตั้งใจว่าจะจัดการเก็บกวาดไอเทมที่ไม่ใช้และแลกเปลี่ยนพวกมันเป็นเหรียญทองด้วย
เมื่อมาถึงหมู่บ้านมือใหม่ ลู่หยวนกลับไม่ได้ต้องไปที่ร้านอุปกรณ์เป็นลำดับแรกแต่กลับไปยังแผงลอยไร้คนขายแทน หลังจากจ่ายเงินไป500ทองแดงเพื่อเป็นค่าเช่าแผงแล้ว แผงลอยตรงนี้ก็ถือว่าเป็นของลู่หยวนชั่วคราว
“ร้านนี้มีอุปกรณ์สวมใส่เกรดสีเขียวกับสีขาวขาย มาก่อนได้ก่อน” ลู่หยวนเขียนประโยคง่ายๆเพื่ออธิบายร้านค้า จากนั้นเขาก็หยิบอุปกรณ์ทั้งหมดที่ไม่ต้องการออกมาจากช่องเก็บของ
อุปกรณ์แต่ละชิ้นนั้นมีเอฟเฟ็คพิเศษแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับระดับความหายาก เพื่อดึงดูดผู้คนแล้วลู่หยวนจึงไม่ได้ปิดเอ็ฟเฟ็คพิเศษเหล่านี้
อุปกรณ์บนร่างของลู่หยวนเปล่งประกายแสงสีเขียวออกมาซึ่งก็ดึงดูดสายตาของผู้เล่นทั้งหมดในตลาดได้เป็นอย่างดี
“ขายอุปกรณ์เกรดสีเขียว? เจ้าหมอนี่แข็งแกร่งจริงๆ..เชี่ย!” หนึ่งในผู้เล่นในฝูงชนจู่ๆก็ตะโกนขึ้นด้วยความประหลาดใจ
“เจ้าหมอนี่มีอุปกรณ์เกรดสีฟ้าด้วย สัตว์ประหลาดชัดๆ”
...
ฝูงชนมารวมตัวกันอยู่หน้าแผงลอยของลู่หยวน นกรบผู้หนึ่งชี้ไปที่แหวนบนนิ้วของลู่หยวนและถามออกมา “น้องชายแหวนนั่นขายรึเปล่า? ราคาพูดคุยต่อรองได้นะ”
“ไม่ขาย” ลู่หยวนมองไปที่นักรบผู้นั้นและเอ่ยออกมา
เมื่อเห็นว่าความสนใจของผู้เล่นส่วนใหญ่มุ่งเป้ามาที่แหวนที่เขาสวมใส่ ลู่หยวนจึงเอ่ยออกมาอีกครั้ง “ฉันขายแค่อุปกรณ์ที่วางอยู่บนแผงลอยเท่านั้นอย่างอื่นไม่ขาย”
“หลบหน่อยๆ” ในเวลานี้เองฝูงชนพลันถูกบีบให้ต้องแยกทาง จอมเวทย์ผู้หนึ่งที่ถูกลุมร้อมด้วยผู้เล่นเดินมาหยุดอยู่หน้าลู่หยวน
เป็นปิงชวงหลวนอู่ที่เขาเคยเจอมาแล้วหนหนึ่งนั่นเอง
“ฉันอยากได้อุปกรณ์สวมใส่ทั้งหมดที่นายมีขาย ทั้งหมดราคาเท่าไหร่?” ปิงชวงหลวนอู่ถาม
“ราคาถูกเขียนเอาไว้ชัดเจนแล้วว่าใครที่ให้ราคาสูงสุดก็ได้ไป ระยะเวลาจำกัดคือ10นาที” ลู่หยวนเอ่ยเสียงเย็น ท่าทีของเขานั้นแม้จะไม่อบอุ่นหากแต่ก็ไม่เย็นชา
ปิงชวงหลวนอู่สะอึกไปทันที คำกล่าวที่เขาเตรียมเอาไว้พลันถูกกลืนลงคอ
“เซียงป้าเจ้าสารเลวนี่แอบเพิ่มราคา” เมื่อเปิดดูราคาบนเครื่องประมูลบนแผงลอยขนาดเล็กเขาก็พบว่าราคาของอุปกรณ์เกรดสีเขียวหลายชิ้นนั้นขึ้นไปเป็น3เหรียญทองแล้ว
ชื่อที่อยู่ด้านบนสุดย่อมไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากเซียงป้าเทียนเซี่ย
ปิงชวนหลวนอู่เข้ามามีเอี่ยวด้วยในทันที
ลู่หยวนเขียนเอาไว้อย่างชัดเจนว่ารับเฉพาะเงินในเกมเท่านั้นทุกคนจึงไม่พูดถึงเงินจริงกันโดยปริยาย
ไม่นานนักเวลาสิบนาทีก็ผ่านพ้นและอุปกรณ์เกรดสีเขียวหลายชิ้นก็ถูกขายออกไปในราคารวมสูงถึง13เหรียญทอง อุปกรณ์เกรดสีขาวเองก็ถูกขายออกไปทั้งหมดเช่นกันแต่ราคานั้นโดยรวมแล้วต่ำกว่า1เหรียญทองด้วยซ้ำ
เงินตราในโลกแห่งอโพคาลิปนั้นมีค่ามากเป็นพิเศษ ผู้เล่นทั่วไปสามารถหาเงินได้เพียง1เหรียญทองต่อเดือนเท่านั้น หนึ่งเหรียญทองนั้นมีค่ามากแล้วสำหรับชนพื้นเมืองในโลกแห่งนี้
ตอนนี้อุปกรณ์หลายชิ้นที่เขาไม่ต้องการกลับขายออกไปได้ถึง13เหรียญทอง
อย่างไรก็ตามลู่หยวนสามารถเพลิดเพลินไปกับกำไรก้อนโตเช่นนี้ได้ก็แค่ช่วงเริ่มต้นของเกมเท่านั้น ตอนนี้ทุกคนกำลังแข่งกันเก็บเลเวล ต่อให้อัตราการดรอปอุปกรณ์สวมใส่ในโลกแห่งอโพคาลิปจะต่ำมากแต่ก็ยังมีอุปกรณ์เกรดสีเขียวหลุดมาบนตลาดแล้วบ้างเช่นกัน
แม้ว่าจะไม่มากแต่ก็ไม่ได้หายากขนาดนั้น
ข้อได้เปรียบของลู่หยวนก็คืออุปกรณ์เกรดสีเขียวสองชิ้นของเขานั้นเป็นเลเวล5 ผู้เล่นจะสามารถใช้มันได้ก็ต่อเมื่อไปถึงเลเวล5แล้ว
ไม่นานหลังจากขายไอเทมเสร็จลู่หยวนก็คิดจะตบตูดจากไป
“น้องชายลู่หยวนมาเพิ่มเพื่อนกันเอาไว้ดีไหม? ครั้งล่าสุดเห็นนายรีบๆฉันก็เลยไม่ได้ข้อเพิ่มเพื่อนเอาไว้ หนนี้ฉันไม่พลาดแน่” เซียงป้าเทียนเซี่ยเดินเข้ามาหาเขาแล้วพูดขึ้น
เป็นเรื่องปกติที่ผู้เล่นจะรวมกลุ่มกันภายในเกม ลู่หยวนพยักหน้าและส่งคำขอเพิ่มเพื่อนไปให้กับเซียงป้าเทียนเซี่ยหลังจากค้นหาชื่อเขาจนพบ
ตั้งแต่การประกาศครั้งล่าสุดลู่หยวนก็เปิดใช้งานออฟชั่นปฏิเสธคำขอเพิ่มเพื่อนอัตโนมัติไป ตอนนี้ถ้าเขาอยากจะเพิ่มเพื่อนใครเขาก็ต้องเป็นฝ่ายยื่นคำขอเอง
“ฉันด้วยๆ” ปิงชวงหลวนอู่วิ่งเข้ามาอย่างกระตือรือร้น ลักษณะหน้าตาของเขานั้นดูคล้ายกับชายวัยกลางคนหากแต่นิสัยกลับเหมือนเด็ก
ลู่หยวนขี้เกียจจะเสียเวลากับเขาจึงส่งคำขอไปอย่างลวกๆแล้วจากไปทันที
ด้วยเงินจำนวนมากที่ได้มาทำให้กระทั่งฝีเท้าเองก็ยังเบาหวิว
ไม่นานนักเขาก็มาถึงร้านขายอุปกรณ์สวมใส่ ลู่หยวนนำจี้ของครูชกับโซ่ของแอนนี่ออกมาจากช่องเก็บของและส่งให้กับเจ้าของร้าน
“เถ้าแก่ช่วยข้าประกอบพวกมันที” ลู่หยวนเอ่ย
“นี่มันไม่ง่ายเลยนะ! ขอข้าคิดซักครู่...” เจ้าของร้านขายอุปกรณ์สวมใส่รับไอเทมทั้งสองชิ้นไปมองดูผ่านเลนส์แว่นและขบคิดอย่างตั้งใจอยู่ชั่วครู่
“ข้าสามารถประกอบพวกมันได้แต่ต้องใช้เงินหนึ่งเหรียญทองเป็นค่าประกอบ” เจ้าของร้านเอ่ย
“ไอเทมบ้าอะไรมีค่าใช้จ่ายในการประกอบสูงขนาดนั้น?” ลู่หยวนโมโหเล็กน้อย แม้ว่าตอนนี้เขามีเงินเต็มกระเป๋าแต่ก็ไม่ได้อยากจะถูกรีดเลือดขนาดนั้น
“ราคานั้นแหละ” เจ้าของร้านขมวดคิ้วและตอบกลับ
“เอาเถอะ ถ้างั้นรบกวนท่านประกอบมันให้ด้วย” เมื่อเห็นว่ายังไงเจ้าของร้านก็ไม่ยอมอ่อนข้อ ลู่หยวนจึงทำได้เพียงสาปแช่งเจ้าพ่อค้าหน้าเลือดนี่ในใจ จากนั้นเขาก็ยอมวางเงินหนึ่งเหรียญทองลงบนโต๊ะแต่โดยดี
“ดี...รอข้าซักสิบนาทีแล้วกัน”
หลังจากวางเหรียญทองลงบนโต๊ะ เจ้าของร้านก็ไม่ลังเลอีกต่อไป ไม่นานเขาก็คว้าทั้งเหรียญทองและไอเทมทั้งสองชิ้นหายเข้าไปในห้องปฏิบัติงานด้านหลังร้าน
ลู่หยวนหาเก้าอี้นั่งรอและได้ยินเสียงก๊องแก๊งดังมาจากห้องปฏิบัติงาน
เขาที่รู้สึกเบื่อจึงเปิดฟอรั่มของอโพคาลิปขึ้นมาและเริ่มเลื่อนหาโพสต์อ่าน
เมื่อเปิดมาที่หน้าโพสต์ที่เป็นที่นิยม ชื่อของโพสต์แรกพลันดึงดูดความสนใจของลู่หยวนยิ่งนัก
‘ตรวจสอบโปรแกรมโกงอย่างเข้มงวด - ต่อต้านการใช้โปรแกรมโกง’
มีโปรแกรมโกงในเกมด้วย?
ทำไมเขาไม่เห็นรู้มาก่อนเลย?
น่าจะเป็นคลิ๊กเบทอีกแล้วล่ะมั้ง ลู่หยวนปรามาสในใจแต่ก็พ่ายแพ้ให้แก่ความสงสัยจนต้องเปิดดูวีดิโอ
เมื่อเขาดูไปเรื่อยๆก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“คนนี้มันฉันไม่ใช่หรอ? บอกว่าฉันโกงเนี่ยนะ? เออถ้างั้นก็เอาเถอะ” เมื่อมองไปยังหัวข้อโพสต์ ลู่หยวนก็ไม่รู้ว่าจะปฏิเสธยังไงดีเหมือนกัน
ยังไงซะสิ่งที่เขาทำมันก็ไม่แตกต่างจาการโกงจริงๆ
ในชีวิตที่แล้วของเขาเขาวุ่นหัวหมุนอยู่กับการต่อสู้และการสังหาร ตอนนี้เมื่อย้อนเวลากลับมาตัวเขาจึงรู้สึกโหยหาความมีชีวิตชีวาที่ห่างหายไปนานจนทำให้ความคิดของเขามีความเป็นวัยรุ่นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
“ของของเจ้าถูกประกอบเสร็จแล้ว” เวลานี้เองเจ้าของร้านก็ได้เดินออกมาจากห้องปฏิบัติงานและตะโกนบอกกับลู่หยวน