ตอนที่แล้ว1342 - สำนักกระบี่ซูซาน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป1344 - ภูเขาต้องห้ามโบราณ

1343 - การรู้แจ้ง


บทที่ 1343 การรู้แจ้ง

บนยอดเขาแห่งนี้มีต้นสนโบราณหลายต้นหยั่งรากอยู่ริมแม่น้ำ ไม่รู้ว่าต้นไม้เหล่านี้อายุเท่าไหร่ กิ่งก้านของมันดูเหมือนมันกรสองสามตัวขดตัว ทอดยาวไปสู่ท้องฟ้าด้วยความแข็งแกร่งที่ไม่มีสิ่งใดเทียบได้

ใต้ต้นไม้โบราณมีโต๊ะหินหยาบ เรียบง่ายเป็นธรรมชาติ ถูกแกะสลักจากก้อนหิน มีหินหยกโบราณสามชิ้นวางอยู่บนนั้นเต็มไปด้วยฝุ่นอายุน่าจะหลายพันปี

หลังจากศึกษามรดกของเจ้าหุบเขาเมื่อห้าร้อยปีก่อนอย่างระมัดระวังเย่ฟ่านก็ค้นพบว่ามีเพียงต้องรวบรวมหยกโบราณได้ครบเก้าชิ้นเท่านั้นมันจึงจะเปิดเผยความลับที่ซุกซ่อนอยู่ภายในออกมา

เขาก้าวไปข้างหน้ายอดเขา รู้สึกถึงเจตจำนงกระบี่อันทรงพลังของพี่คงอยู่ที่นี่มานานนับพันปี พลังของมันเพียงพอที่จะหั่นร่างของราชาผู้ยิ่งใหญ่ออกจากกันได้อย่างง่ายดาย

ที่นี่เย่ฟ่านไม่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังปราณสวรรค์พิภพได้แม้แต่น้อย ราวกับว่ามันกลายเป็นดินแดนแห่งความตายโดยสมบูรณ์แล้ว

ปราณกระบี่อันแหลมคมแผ่โจมตีพลังออกมาอย่างแข็งแกร่ง หากไม่ใช่เพราะร่างกายของเขาแข็งแกร่งมากกว่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์ป่านนี้มันคงถูกหั่นเป็นชิ้นๆแล้ว

หม้อปราณปฐพีต้นกำเนิดของเขาบินอยู่ด้านบนและปกป้องไม่ให้เย่ฟ่านได้รับผลกระทบอะไร

เย่ฟ่านให้เสี่ยวซงอยู่ในหม้อ เพราะกลัวว่าจะมีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น เจตจำนงแห่งกระบี่ของฉือซ่งจื้อนั้นน่าทึ่งมาก แม้จะผ่านไปนานนับพันปีแต่มันก็ยังไม่หายสาบสูญไปที่ไหน

“หากพลังมันยังคงแข็งแกร่งเหมือนเช่นตอนที่ถูกทิ้งไว้ ต่อให้เป็นเซียนโบราณมาด้วยตัวเองก็ยังยากจะเอาตัวรอดได้”

เย่ฟ่านหยุดเมื่อเขาอยู่ห่างจากโต๊ะหินเพียงไม่กี่ก้าว เขาไม่สามารถเข้าไปใกล้ได้อีก มันเหมือนกับมีกระบี่หมื่นเล่มชี้มาตรงหน้า แม้ว่าจะมีร่างกายศักดิ์สิทธิ์แต่เขาเองก็ทรามานเหมือนร่างจะแตกออก

นี่คือเจตจำนงแห่งกระบี่อันกว้างใหญ่ของอี้เหอที่ไม่มีใครเทียบได้ รอยกระบี่ปรากฏขึ้นในความว่างเปล่าเพียงพอที่จะบดขยี้ร่างของเทพแห่งเต๋า

เย่ฟ่านใช้ทักษะซิงจื่อเพื่อหยิบหยกโบราณสามชิ้นออกมา ทันใดนั้นแสงแห่งนิรันดร์ส่องประกายขึ้นอย่างมหัศจรรย์!

ปราณกระบี่อันน่าสะพรึงกลัวฟาดฟันเข้าหาร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว มันไม่อนุญาตให้เขาหยิบหยกทั้งทั้งชิ้นออกไปอย่างเด็ดขาด

เสียงที่เกิดจากการระเบิดน่ากลัวยิ่งกว่าเสียงฟ้าร้อง หม้อปราณปฐพีต้นกำเนิดสั่นอย่างรุนแรง เย่ฟ่านกระอักเลือดคำใหญ่ก่อนที่ร่างของเขาจะพุ่งออกจากยอดเขาทันที

ในเวลาเดียวกันปราณกระบี่นับแสนเล่มก็ไล่ตามเย่ฟ่านคล้ายกับไม่คิดจะปล่อยให้เขามีชีวิตรอดอย่างเด็ดขาด

เย่ฟ่านบินออกไปหลายลี้ ปาดเลือดที่มุมปากของตัวเองพร้อมกับกระแทกหมัดหกสังสารวัฏให้ปะทะกับกระบี่เหล่านั้น

ปัง!

คลื่นที่เกิดจากการปะทะกวาดออกไปรอบทิศทาง พลังนั้นยิ่งใหญ่เกินไป แสงกระบี่เมื่อครู่สามารถสังหารเซียนได้อย่างง่ายดาย แม้แต่หม้อปราณปฐพีต้นกำเนิดที่ปกป้องเขายังได้รับความเสียหาย

“ฉือซ่งจื้อเป็นหนึ่งในคนที่แข็งแกร่งที่สุดในสมัยโบราณ”

ตอนนี้เขาแน่ใจแล้วว่าคนๆนี้จะต้องเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน

ซุนหงอคงบินตามมาด้วยใบหน้าที่ซีดเซียวและถามเย่ฟ่านว่าได้รับบาดเจ็บหรืออะไรหรือไม่ เหตุการณ์เมื่อครู่ยังคงสั่นสะเทือนจิตใจของเขาอย่างรุนแรง

เย่ฟ่านส่ายหน้า เขาหยิบยาศักดิ์สิทธิ์ออกมาและเริ่มรักษาตัวเองทันที

เย่ฟ่านขึ้นไปบนยอดเขาอีกครั้ง เดินไปที่โต๊ะหินท่ามกลางแสงกระบี่นับพันเล่ม เพราะต้องการเอาหยกโบราณออกมาให้ได้

แต่คราวนี้มันเลวร้ายยิ่งกว่า พวกเขายืนอยู่ห่างออกไปหลายสิบก้าวแต่แสงกระบี่ได้เริ่มโจมตีพวกเขาแล้ว

คราวนี้เย่ฟ่านต้องถอยห่างออกไปมากขึ้น หัวใจของเขาตะลึง แล้วเขาจะหยิบหยกเหล่านั้นออกมาได้อย่างไร

ฉือซ่งจื้อตายไปแล้ว นี่เป็นเพียงเจตจำนงกระบี่ที่เขาทิ้งไว้ พลังที่เขาแสดงออกมาในตอนนี้ต่อให้อยู่ในเป่ยโต่วเขาก็สามารถต่อสู้กับจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ทุกคนได้อย่างแน่นอน

เย่ฟ่านขึ้นไปอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาเพียงปล่อยเสี่ยวซ่งออกมาข้างนอกแต่ไม่อนุญาตให้มันติดตามไปด้วย

เย่ฟ่านไม่ได้วางแผนที่จะเข้าไปข้างในอีกแล้ว เขารู้ดีว่าการที่เขาจะได้รับสมบัติเช่นนั้นมามีเพียงต้องเรียนรู้ทักษะกระบี่ของฉือซ่งจื้อก่อน ไม่เช่นนั้นก็ไม่สามารถเข้าใกล้โต๊ะหินได้

เขายืนอยู่ที่เดิมเป็นเวลาหลายชั่วยาม แม้แต่เสี่ยวซงที่มีนิสัยขี้เล่นก็ยังมีลักษณะเค่ร่งขรึมถือระฆังหินและฝึกฝนอย่างจริงจัง

เย่ฟ่านตกตะลีงกับพลังของกระบี่ มันยิ่งใหญ่ไม่อาจคาดเดาได้!

“ใช่แล้ว ข้าจะฝึกฝนอย่างหนักที่นี่”

เย่ฟ่าเคร่งขรึมฝึกฝนอย่างจริงจัง พยายามค้นหาเต๋าของฉือซ่งจื้อและแกะสลักความรู้ความเข้าใจทั้งหมดของตัวเองลงไปในหม้อปราณปฐพีต้นกำเนิด

เมื่อความเข้าใจถึงระดับหนึ่งแล้ว เจตจำนงกระบี่นี้ดูเหมือนจะไม่ใช่สิ่งที่จับต้องไม่ได้อีกต่อไป นี่เป็นทักษะที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง เพราะไม่ว่าจะหยิบจับอะไรขึ้นมาก็สามารถเปลี่ยนให้เป็นกระบี่ได้

ที่น่ากลัวที่สุดคือพลังการโจมตีของมันรุ่นแรงเพียงพอที่จะป่นภูเขาบดขยี้แม่น้ำให้พังพินาศอย่างง่ายดาย

หัวใจของเย่ฟ่านเต้นระรัวด้วยความตกตะลึง เจตจำนงแห่งกระบี่ของฉือซ่งจื้อนั้นไม่มีสิ่งใดเทียบได้อย่างแน่นอน แม้กระทั่งคัมภีร์ของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่หลายเล่มยังไม่มีพลังถึงขนาดนี้

“เมื่อถึงระดับนั้นแล้วไม่มีอะไรต้องกลัว การเดินทางข้ามทุ่งดวงดาวมากมายก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป”

เย่ฟ่านตกตะลึง แม้แต่ผู้มีพลังเช่นนี้ชีวิตก็ยังไม่สามารถรอดพ้นจากความตายได้

เย่ฟ่านนั่งเงียบๆ คิดอย่างรอบคอบ และทำความเข้าใจกระบี่นี้ด้วยตนเอง แทนที่จะลอกเรียนทักษะของผู้อื่น เขาเพียงนำแนวคิดที่แฝงอยู่ในทักษะกระบี่มาปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับตัวเองยิ่งขึ้น

อาวูธเดียวทำลายกฏทั้งหมด!

เย่ฟ่านต้องจำประโยคนี้ไว้ นี่คือสิ่งที่เขารู้จักในอดีต หากเจ้าแข็งแกร่งจริงๆ ท่อนเหล็กเพียงท่อนเดียวก็สามารถปราบปรามสวรรค์พิภพได้แล้ว

ตอนนี้หม้อขนาดเล็กที่ลอยอยู่เหนือศีรษะของเย่ฟ่านเลื่อนต่ำลงมาอย่างช้าๆ ในเวลาต่อมามันก็จมเข้าไปในหน้าผากของเขา

เย่ฟ่านอาศัยหลักการเดียวกันเขาจะเปลี่ยนให้หม้อของเขากลายเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถทำลายทุกสิ่งทุกอย่างได้!

เมื่อมันมีพลังอย่างไม่สิ้นสุดไม่เพียงแต่จะทำให้พลังการต่อสู้เย่ฟ่านเพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ความรู้แจ้งในเต๋าของเขายังจะบรรลุขอบเขตใหม่อีกด้วย

อีกชั่วยามผ่านไปก่อนที่เย่ฟ่านจะลืมตาและลุกขึ้นยืน เขาไม่ได้เลียนแบบการต่อสู้ของฉือซ่งจื้อแต่เขาได้อะไรมามากมายจากการศึกษาเจตจำนงกระบี่นี้

เย่ฟ่านเหลือบมองเสี่ยวซงแล้วพบว่าเจ้าตัวเล็กดูเหมือนจะได้อะไรบางอย่างแล้วเหมือนกัน

เย่ฟ่านกดไม่ได้ที่จะสำรวจความคิดของเสี่ยวซงและเขาต้องตกตะลึงอย่างมาก เย่ฟ่านไม่คิดว่าเจ้าตัวเล็กนี้จะกล้าหาญพอที่จะสร้างจักรวาลใหม่ในหัวใจของตัวเองขึ้นมา

เมื่อมองใกล้ๆ เขาไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ กระรอกตัวน้อยนี้มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะทำลายจักรวาลด้วยความแข็งแกร่งของตัวเอง

เย่ฟ่านวางกระรอกสีม่วงในหม้อโดยไม่ปลุกให้มันตื่นขึ้นมา ไม่ว่าความคิดของมันจะไร้สาระแค่ไหน แต่เย่ฟ่านเชื่อมั่นว่าขอเพียงมันยังมีความตั้งใจเช่นนี้ในอนาคตมันจะมีโอกาสประสบความสำเร็จได้

ฉือซ่งจื้อไม่ได้สร้างค่ายกลสังหารที่นี่ แต่เพราะเขาฝึกฝนกระบี่ที่นี่ตลอดหลายปีจึงทิ้งร่องรอยของเต๋าและพลังอันน่าสะพรึงกลัวของกระบี่ไว้

เย่ฟ่านมาที่นี่เพื่อดูเต๋าของฉือซ่งจื้อ ในที่สุดเย่ฟ่านก็เดินเข้าไปที่โต๊ะหินหยิบเอาหยกโบราณสามชิ้นออกมาได้สำเร็จ

จากนั้นเย่ฟ่านก็เดินไปที่ริมฝั่ทะเลสาบ จ้องมองไปยังน้ำ มีแสงกระบี่นับพันเส้นรวมตัวกันอยู่ในนั้น นี่คือสระน้ำที่ฉือซ่งจื้อล้างกระบี่ เขาอยู่ที่นี่มาเกือบทั้งชีวิต สระน้ำนี้จึงมีเจตจำนงกระบี่ของเขาถูกทิ้งไว้เช่นกัน

เย่ฟ่านเพียงแค่เดินรอบๆ เขารู้ดีว่าเจตจำนงกระบี่ที่อยู่ในน้ำนั้นอันตรายอย่างยิ่งหากสัมผัสแม้เพียงเลสัมผัสแม้เพียงเล็กน้อยอาจเป็นหายนะร้ายแรงสำหรับเขาได้เลย

หลังจากการดูอย่างรอบคอบ ฉือซ่งจื้อดูเหมือนจะใช้ชีวิตที่เรียบง่ายมาก เขาแค่อยากเป็นอมตะไม่ได้สนใจอย่างอื่น และไม่ได้ทิ้งอะไรที่พิเศษไว้

เย่ฟ่านออกจากที่นี่หลังจากเข้าใจทุกอย่างแล้ว เมื่อเขาปรากฏตัวซุนหงอคงก็ทักทายด้วยความตื่นเต้นทันที

“ข้าเจอมันแล้ว ไปที่หุบเขาหมื่นอสูรแล้วรวมเข้ากับหยกทั้งหกเพื่อค้นหาความจริงกันเถอะ” เย่ฟ่านกล่าว

เมื่อกลับมาที่หุบเขาหมื่นอสูร ซุนหงอคงก็หยิบหยกออกมาหกชิ้นและวางลงบนโต๊ะหินพร้อมกับหยกทั้งสามของเย่ฟ่าน

ตอนนนั้นฉือซ่งจื้อมีเพียงสามชิ้น เจ้าหุบเขาหมื่นอสูรมีสองชิ้น ส่วนที่เหลืออีกสี่ชิ้นถูกรวบรวมโดยเจ้าหุบเขาหมื่อสูรในในยุคหลังๆ

“หยกโบราณทั้งเก้ามีสีทีแตกต่างกัน แต่เห็นได้อย่างชัดเจนว่ามันเป็นหยกชิ้นเดียวซึ่งถูกแยกออกจากกันอย่างแน่นอน แต่เหตุใดพวกมันจึงมีถึงเก้าสี?” ซุนหงอคงกล่าวอย่างตื่นเต้น

“แต่เดิมเป็นคัมภีร์หยกที่แสดงให้เห็นถึงเส้นทางโบราณซึ่งนำไปสู่ดินแดนลึกลับอันยิ่งใหญ่แต่ถูกแยกออกในภายหลัง”

เย่ฟ่านเองก็เกิดความตื่นเต้นอย่างถึงที่สุดเช่นกัน

คำที่จารึกในแผ่นหยกเขียนด้วยถ้อยคำที่กระชับ ยืนยันการมีอยู่ของผู้อมตะในโลก

หลังจากที่รวบรวมหยกเข้าด้วยกัน มังกรทั้งเก้าสิบเก้าตัวก็ปรากฏขึ้น หากมองใกล้ๆพวกมันคือภูเขามังกรสิบเก้าลูก ขดตัวในท่าทางที่สง่างามน่าประทับใจ

นี่เป็นภูมิประเทศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เย่ฟ่านเคยเห็น แม้แต่ในภูเขาจักรพรรดิของเป่ยโต้วยังเทียบไม่ได้

“นี่คือดินแดนอะไร? ไม่ต้องพูดถึงสิ่งอื่นๆ เพียงเส้นเลือดมังกรนี้ก็น่าสะพรึงกลัวอย่างถึงที่สุดแล้ว!”

เย่ฟ่านศึกษาตำราโบราณมามากมายแต่เขาไม่เคยเห็นสถานที่แบบนี้มาก่อน

“ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน ข้าเดินทางมาแล้วทั่วโลกแต่ไม่มีดินแดนเช่นนี้” ซุนหงอคงส่ายหน้า

…………

1 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด