ตอนที่แล้วบทที่ 23 คำถามที่พบบ่อย (FAQ) ตอน 4
ทั้งหมดรายชื่อตอน

บทที่ 24 คำถามที่พบบ่อย (FAQ) ตอน 5


บทที่ 24 คำถามที่พบบ่อย (FAQ) ตอน 5

1. ฉันได้อ่านบทความแนะนำการเขียนนิยายเบื้องต้นออนไลน์เกี่ยวกับประสบการณ์การเขียนส่วนตัวของนักเขียนมืออาชีพ บทความนี้แนะนำว่า นวนิยายออนไลน์ต้องมีความขัดแย้งในบทแรกที่ทำให้ตัวละครหลักตกทุกข์ได้ยาก แนะนำปัจจัยความได้เปรียบในบทที่สอง และการหักหน้าอย่างไม่คาดฝันในบทที่สาม ฉันต้องการจะถามอาจารย์นักเขียนว่า นวนิยายออนไลน์ทุกเรื่องต้องทำตามสูตรซ้ำซากนี้? ฉันเป็นนักอ่านตัวยงอยู่แล้ว และฉันเบื่อที่จะอ่านเรื่องที่เนื้อเรื่องซ้ำซากจริงๆ นั่นทำให้ฉันตัดสินใจว่า ฉันจะเขียนเรื่องให้แตกต่างออกไป แม้ว่าฉันไม่เคยพิจารณาว่านิยายของฉันจะได้รับความนิยมแค่ไหน ฉันยังต้องการให้นิยายของฉันได้รับการจดจำจากผู้อ่านอยู่เหมือนกัน ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าหลงทางเล็กน้อย หวังว่าท่านอาจารย์นักเขียนจะช่วยแนะนำฉันได้บ้าง

คำตอบ: อาจารย์นักเขียนได้ให้คำตอบมาว่า ความซ้ำซากนั้นมันไม่ตายตัว คุณสามารถปรับเปลี่ยนให้แตกต่างกันอย่างนับไม่ถ้วน แต่อย่างไรก็ตาม มันมีกฎพื้นฐานตามธรรมชาติของนวนิยายออนไลน์ที่ต้องทำตามอย่างเคร่งครัด ต่อไปนี้คือตัวอย่างบางส่วน ความซ้ำซากเรื่องต้องมีความขัดแย้งในบทแรก และนำเสนอปัจจัยความได้เปรียบในบทที่สองสามารถสลับไปมาได้ ตัวอย่างเช่น ไม่มีความเสียหายอะไรในการแนะนำปัจจัยความได้เปรียบในบทแรกและความซ้ำซากในบทที่สอง แต่อย่างไรก็ตาม กฎรากฐานของการเขียนยังเป็นสิ่งต้องปฏิบัติ เช่นว่าการเริ่มเรื่องควรจะเข้าใจได้ง่าย และตรงไปตรงมา การเริ่มเรื่องต้องดึงดูดผู้อ่าน นี่เป็นกฎธรรมชาติของการเขียนเรื่องที่นักเขียนต้องยึดมั่นไว้ ไม่อย่างนั้นจะมีผลกระทบกับความนิยมของนิยายอย่างมาก

2. ทำอย่างไรถึงจะเขียนให้ผู้อ่านรู้สึกตื่นเต้นในเหตุการณ์ต่อสู้ของนิยายแฟนตาซี? ฉันควรบรรยายฉากต่อสู้อย่างไรดี? และฉันควรพุ่งความสนใจไปที่อารมณ์ของเหตุการณ์หรือรายละเอียดของเหตุการณ์ดี? พูดง่ายๆ ก็คือ...ฉันมักจะเขียนบรรยายเหตุการณ์ต่อสู้ได้ไม่ดีเลย ทำอย่างไรถึงจะพัฒนาฝีมือในส่วนนี้ได้...? 

คำตอบ: การทำให้ผู้อ่านรู้สึกตื่นเต้นนั้นแน่นอนว่าต้องเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ มากกว่าตัวการต่อสู้ ยกตัวอย่าง คำพูดดูถูกเหยียดหยามของคู่ต่อสู้หรือท่าทางก้าวร้าวที่จะทำให้ตัวละครหลักโมโห และผู้อ่านก็จะโมโหตามเช่นเดียวกัน สำหรับเรื่องการบรรยายอารมณ์กับบรรยายเหตุการณ์ ควรจะเน้นอย่างไหนมากกว่ากัน ขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการให้เหตุการณ์เป็นแบบไหน ตัวอย่างเช่น คุณต้องการเน้นว่าตัวละครหลักมีความโกรธมากขนาดไหน? ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ตามหลักการแล้วน่าจะเน้นทั้งสองอย่างเท่ากันโดยประมาณ หรือบางทีคุณควรพุ่งความสนใจไปที่การบรรยายการต่อสู้ให้มากขึ้น สำหรับเรื่องการพัฒนาฝีมือให้ดีขึ้น อาจารย์นักเขียนได้เอ่ยถึงบ่อยๆ ในบทความก่อนหน้านี้แล้วหลายครั้ง ถ้าพูดให้ง่ายๆ ก็คือ คุณต้องอ่านมากขึ้น เขียนมากขึ้น และคิดมากขึ้น นี่ดูอาจเหมือนเป็นคำแนะนำพื้นๆ แต่ที่จริงแล้วเป็นคำแนะนำที่ปฏิบัติได้จริงทีเดียว

3. ฉันควรทำอย่างไรเมื่อพล็อตเรื่องของฉันออกนอกเรื่องไปจากโครงเรื่องโดยรวมมากเกินไป? ฉันกำลังเขียนนิยายลึกลับ ความตั้งใจดั้งเดิมคือ ฉันตั้งใจว่าจะให้มีไคลแมกซ์ที่ยิ่งใหญ่ที่ 200,000 คำ กับการต่อสู้มหัศจรรย์ที่ศาลยุติธรรม ฉันยังมีโครงเรื่องย่อยสำหรับพล็อตรองแค่สามสี่เหตุการณ์ก่อนถึง 200,000 คำ แต่อย่างไรก็ตาม ฉันมักคิดเรื่องไคลแมกซ์ใหญ่เสมอเมื่อเวลาที่ลงมือเขียน ฉันเกรงว่าฉันจะเขียนมันออกนอกลู่นอกทาง ดังนั้นฉันจึงมักเร่งการดำเนินเรื่องพล็อตหลักอยู่เสมอเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ตอนนี้ฉันเขียนกำลังจะถึงไคลแมกซ์ใหญ่แล้วที่ 100,000 คำ ฉันเลยต้องคิดพล็อตรองใหม่เพิ่ม เพื่อมาเขียนเติมให้ได้ความยาวตามจำนวนคำที่ฉันวางแผนไว้ จะมีวิธีที่ดีกว่าที่ฉันกำลังทำอยู่ไหม?

คำตอบ: ก่อนอื่น คุณไม่ควรมองว่า มีความแตกต่างส่วนใหญ่ระหว่างนิยายของคุณและโครงเรื่องโดยรวม ก่อนอื่นให้ดูว่าอะไรที่คุณได้เขียนไปแล้ว การดำเนินเรื่องที่คุณเขียนในขณะนี้ลื่นไหลดีหรือเปล่า? หากคุณได้รักษาระดับความลื่นไหลของเรื่องไว้ได้ดีอยู่ ถ้างั้นคุณไม่ต้องใส่ใจกับมันแต่อย่างใด หากว่าความยาวของมันจะเกินไปจากจำนวนคำที่วางแผนไว้ในโครงเรื่องโดยรวมของคุณ แค่เขียนตามโครงเรื่องโดยรวมของคุณต่อไปอย่างที่ตั้งใจไว้แต่เดิม แต่อย่างไรก็ตาม หากคุณรู้สึกว่าสิ่งที่เขียนในขณะนั้นกลายเป็นตัวถ่วงพล็อตหลักมากเกินไป หรือคุณเขียนให้การดำเนินเรื่องรวดเร็วเกินไป ถ้าอย่างนั้นคุณจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนบางอย่าง คุณจะต้องขยายหรือย่นย่อเนื้อเรื่องลง อีกทั้งถ้าคุณทำผิดพลาดเรื่องการเขียนออกนอกเรื่องไปจากพล็อตหลักบ่อยๆ ในพัฒนาการของเนื้อเรื่อง งั้นคุณต้องเริ่มใส่ใจในการเขียนเรื่องให้เป็นไปตามโครงเรื่องโดยรวมในอนาคต ยิ่งคุณควบคุมเนื้อเรื่องให้อยู่ในโครงเรื่องได้มากเท่าไร คุณยิ่งสามารถควบคุมความเร็วของการดำเนินเรื่องได้มากเท่านั้น

4. ฉันรู้สึกว่าฝีมือการเขียนของฉันพัฒนาขึ้น อย่างไรก็ตาม ฉันเริ่มเขียนนิยายแนวแฟนตาซีเมื่อไม่นานมานี้ แต่พบว่าฉันไม่สามารถได้รับการทำสัญญาเผยแพร่กับเว็บไซต์ได้เลย ฉันไม่ได้เริ่มเรื่องด้วยปัจจัยความได้เปรียบที่เห็นได้ง่าย หรือตัวละครหลักที่ไร้ค่าดุจขยะตั้งแต่ต้นเรื่อง ฉันต้องการดำเนินเรื่องไปด้วยความระทึกขวัญ นั่นหมายความว่าเรื่องของฉันถูกกำหนดให้มีการเริ่มเรื่องช้า สิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้อ่านหมดความกระตือรือร้นที่จะอ่านหรือ?

คำตอบ: อาจใช่ คุณไม่จำเป็นต้องให้มีปัจจัยความได้เปรียบตั้งแต่ตอนเริ่มเรื่อง หรือจำเป็นต้องใส่อะไรที่เฉพาะเจาะจงลงไป แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น กฎรากฐานของการเขียนนิยายที่เปลี่ยนไม่ได้นั่นคือ การเริ่มต้นเรื่องในนิยายของคุณจะต้องดึงดูดผู้อ่าน ดังนั้น คุณอาจลองวิเคราะห์การเริ่มเรื่องของคุณว่าอะไรในเรื่องจะเป็นตัวดึงดูดผู้อ่านได้? ลองบอกกับผู้อ่านว่าเรื่องของคุณจะสนุกมากและแตกต่างเป็นพิเศษ บอกพวกเขาว่าตัวละครหลักของคุณจะมีประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมในเนื้อเรื่อง เขาจะเพิ่มระดับพลังอย่างรวดเร็ว และสร้างความไม่คาดฝันกับผู้อ่านในเวลาอันใกล้นี้ คุณใช้วิธีการแบบไหนในการเขียนเนื้อเรื่องตอนเริ่มต้นเพื่อดึงดูดผู้อ่าน? มันได้ผลเพียงพอไหม? ถ้าไม่ ขอแนะนำว่าให้ทำตามวิธีเดิมที่ซ้ำซากจะดีกว่า อย่างเช่นปัจจัยความได้เปรียบในบทแรก เพิ่มระดับในบทที่สอง และการหักหน้าแบบไม่คาดฝันในบทที่สาม ความซ้ำซากนั้นไม่ได้จำเป็นที่สุด แต่มันช่วยให้กระบวนการเขียนเรื่องง่ายขึ้นอย่างแน่นอน สำหรับนักเขียนที่ไม่มีประสบการณ์ในหัวข้อที่กำลังเขียนอยู่

5. นวนิยายหลายเรื่องเริ่มเรื่องจากตัวละครหลักตื่นขึ้นมาในอีกโลกหนึ่ง นี่เป็นวิธีที่ง่ายในการได้รับเซ็นสัญญากับเว็บไซต์หรือเพื่อดึงดูดผู้อ่าน? ฉันต้องการเขียนช่วงเริ่มต้นเรื่องที่แตกต่างออกไป อีกทั้งยังช่วยเปิดเผยปัจจัยความได้เปรียบให้ตัวละครหลักไปในตัว แบบนี้จะใช้ได้ไหม? มันจะช่วยให้ฉันได้รับการเซ็นสัญญาไหม?

คำตอบ: วิธีนี้ไม่ใช่วิธีที่เยี่ยมที่สุดของการเขียนเรื่อง แต่มันเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด และทำให้งานคงเส้นคงวามากที่สุด และที่จริงมันได้ผลดีทีเดียว นักเขียนจะสามารถเขียนเพียงไม่กี่คำเพื่อบอกให้ผู้อ่านรู้ได้อย่างชัดเจนว่าตัวละครหลักจะเผชิญเรื่องราวแบบใด หากคุณสามารถเปลี่ยนวิธีเล่าเรื่องตอนเริ่มต้น แต่ได้ผลลัพธ์อย่างเดียวกัน แน่นอนว่านั่นเป็นสิ่งที่ดียิ่งขึ้นอีก

6. ทำอย่างไรฉันถึงจะแก้ปัญหาผู้อ่านไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วมกับตัวละครหลัก? เรื่องของฉันมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดสนุกๆ มากมายในเรื่อง อย่างไรก็ตาม ในเนื้อเรื่องก่อนหน้าจะค่อนข้างรุนแรงเกินกว่าผู้อ่านหลายคนจะรับมือได้

คำตอบ: อาจารย์นักเขียนได้อธิบายว่า นั่นไม่น่าจะใช่ปัญหาของการสร้างอารมณ์ร่วม เหมือนเป็นปัญหาความไม่ลงรอยกันระหว่างจริยธรรมของผู้อ่านกับการกระทำตัวละครหลัก ความเป็นจริงก็คือ ผู้อ่านจะสร้างอารมณ์ร่วมไปกับตัวละครหลักโดยอัตโนมัติกับนิยายทุกเรื่อง แต่เป็นเพราะตัวละครหลักบางเรื่อง จะมีการกระทำที่แตกต่างไปจากที่ผู้อ่านคาดว่าตนจะทำหากอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน ปัญหาเรื่องการสร้างอารมณ์ร่วมจะเกิดขึ้นทันที โดยเฉพาะเมื่อผู้อ่านรู้สึกไม่เห็นด้วยกับการกระทำของตัวละครหลัก ดังนั้นปัญหานี้แก้ได้ไม่ยากอย่างที่คิด ก่อนอื่นคุณจำเป็นต้องเข้าใจอุปนิสัยทั่วไปของกลุ่มผู้อ่านของคุณ ว่าพวกเขามีวิธีคิดแบบไหน หลังจากนั้นดูว่าตัวละครหลักของคุณมีวิธีจัดการกับสถานการณ์ในเรื่องเป็นแนวเดียวกับผู้อ่านหรือเปล่า และนี่ไม่ได้หมายถึงในรายละเอียด ตัวอย่างเช่น ถ้าตัวละครหลักของคุณโปรดปรานอาหารหวาน แต่เกลียดอาหารเค็ม อย่างนี้ไม่เป็นอะไรเลยแม้ว่าผู้อ่านจะชอบแบบตรงข้ามก็ตาม

7. ผู้อ่านชอบอ่านแบบไหนในขณะนี้? ตัวละครหลักเป็นคนธรรมดา แล้วกลับกลายเป็นสุดยอดฝีมือเพียงชั่วข้ามคืนหลังจากได้รับปัจจัยความได้เปรียบ หรือการได้รับปัจจัยความได้เปรียบในลักษณะเป็นแค่โอกาสในเหตุการณ์ และไม่ได้สำคัญมากไปกว่าการทำงานหนักของตัวละครหลักเอง?

คำตอบ: คำถามนี้ตอบง่ายทีเดียว ผู้อ่านคาดหวังว่าตัวละครหลักจะประสบความสำเร็จในชีวิต และมีชัยชนะเหนือฝ่ายตรงข้ามทั้งปวง ต้องขอบใจปัจจัยความได้เปรียบที่ทำให้เกิดผลเช่นนี้ได้ แต่ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็ไม่ต้องการอ่านเรื่องที่ตัวละครหลักที่สามารถปราบกลุ่มศัตรูที่ทรงพลังทั้งหมดได้ภายในกระบวนท่าเดียว ผู้อ่านไม่ต้องการปัจจัยความได้เปรียบที่มีพลังมากเกินไป ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือ ให้ปัจจัยความได้เปรียบที่ทรงพลัง ที่จะเปิดทางให้ตัวละครหลักสามารถเพิ่มระดับพลังได้อย่างรวดเร็ว และเหนือกว่าศัตรูตลอดไป แต่เรายังจำเป็นต้องลดพล็อตโชคช่วยที่ตัวละครหลักได้รับทุกสิ่งฟรีๆ ตัวละครหลักควรจะยังต้องทำงานหนักทุกวัน แม้ว่าจะได้รับพลังความได้เปรียบแล้วก็ตาม ซึ่งจะช่วยปกปิดความจริงที่ว่า เขาได้รับพลังความได้เปรียบที่สุดพิเศษโดยปราศจากทำงานหนักใดๆ นี่จะช่วยให้ผู้อ่านลืมเลือนไปว่าแท้ที่จริงตัวละครหลักก็จะเป็นแค่คนอ่อนแอธรรมดาถ้าไม่มีพลังความได้เปรียบ แม้ว่าถ้าตัวละครหลักจะฝึกหนักจนตายก็ตาม

8. ฉันจะเขียนโครงเรื่องโดยรวมอย่างไรดี? ไม่ทราบว่าท่านอาจารย์นักเขียนจะยกตัวอย่างแบบละเอียดได้ไหม?

คำตอบ: ยกตัวอย่างว่าคุณต้องการเขียนเรื่องเกี่ยวกับเด็กหนุ่มบ้านนอกผู้ซึ่งเติบโตขึ้นมากลายเป็นจอมยุทธ์จักรพรรดิอมตะค้ำฟ้า เรื่องจะเริ่มที่หมู่บ้านเล็กๆ บนเทือกเขา และจบลงด้วยเขาประสบความสำเร็จได้รับสถานะระดับจักรพรรดิอมตะค้ำฟ้า ซึ่งจะใช้ความยาวทั้งหมดประมาณ 3,000,000 คำ เรื่องในโลกของมนุษย์จะใช้พื้นที่ครึ่งหนึ่งของนิยายทั้งเรื่อง ในขณะที่เหตุการณ์ในโลกอมตะจะใช้พื้นที่อีกครึ่งหลังของเรื่อง สำหรับโลกของมนุษย์ จะเริ่มที่เขาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านบนเขา จะใช้ 50,000 คำ ตัวละครหลักเข้าร่วมประลองวิชากำลังภายในที่สำนักวิชาศิลปะการต่อสู้สาขาแห่งหนึ่ง จะใช้ 300,000 คำ เดินทางไปสำนักวิชาสำนักใหญ่จะใช้ 450,000 คำ เดินทางออกจากสำนักไปท่องโลกเพื่อเอาชนะทุกหนแห่ง จะใช้ 700,000 คำ ทุกเหตุการณ์ย่อยควรมีจุดเริ่มต้นและจุดจบ และจะต้องมีความชัดเจนว่าตัวละครหลักจะมีระดับพลังขึ้นถึงระดับไหน ตัวอย่างเช่น ช่วงแรกของตอนเริ่มเรื่อง จะเป็นเรื่องของตัวละครหลักได้รับพลังความได้เปรียบ ที่ในหมู่บ้านบนภูเขา บทสรุปของช่วงแรกจะเป็นตัวละครหลักปราบลูกชายเกเรของหัวหน้าหมู่บ้านได้ และตัวละครหลักจะฝึกวิชาจนขึ้นถึงระดับ 7 ตามระบบพลังในเรื่อง และออกจากหมู่บ้านไป หลังจากนั้น ให้คุณเพิ่มรายละเอียดที่เฉพาะเจาะจงในแต่ละเหตุการณ์ย่อยของโครงเรื่องโดยรวม ตัวอย่างเช่น จะใช้ 50,000 คำสำหรับช่วงเริ่มเรื่องที่หมู่บ้านบนเขา ซึ่งสามารถแบ่งเป็นส่วนย่อยหลายส่วน แต่ละส่วนย่อยสามารถเขียนอธิบายไว้แค่สองสามประโยค เกี่ยวกับเหตุการณ์หลักที่จะเกิดขึ้นเพื่อผลักเรื่องให้เดินไปข้างหน้า เอ่ยถึงว่าตัวละครสำคัญตัวไหนจะเกี่ยวข้องในแต่ละส่วนย่อย ระดับพลังของพวกเขาอยู่ระดับใด แต่ละคนมีอุปนิสัยอย่างไร และข้อมูลอื่นที่จำเป็น การกำหนดข้อมูลเหล่านี้ที่ชัดเจน จะช่วยให้โครงเรื่องทั่วไปของคุณเสร็จสมบูรณ์ และตอนเริ่มต้นเรื่อง คุณแค่ต้องคิดรายละเอียดของส่วนแรกของเนื้อเรื่อง ส่วนที่เหลือสามารถดำเนินไปตามกรอบการทำงานของเรื่องแนวนั้นๆ ได้เลย

9. เรื่องของฉันดำเนินไปอย่างนี้ ตัวละครหลักของฉันตื่นขึ้นมา ได้รับการสอนจากผู้เฒ่า เข้าสู่สังคมและเริ่มฝึกฝนวิชา ช่วยครอบครัวปราบสัตว์ประหลาดสำเร็จ แล้วได้รับการแนะนำให้เข้าร่วมสำนักวิชาแห่งหนึ่ง แล้วเขาก็ทำภารกิจให้สำนักสำเร็จสองครั้ง ฉันใช้แค่ 30,000 คำเท่านั้นในการเขียนทั้งหมดที่กล่าวมานี้ เมื่อฉันอ่านนิยายของตัวเอง ฉันรู้สึกเหมือนว่า ตัวละครหลักยุ่งวุ่นวายเกินไป ฉันจะจัดการกับสิ่งนี้อย่างไร?

คำตอบ: ตัวละครหลักดูยุ่งวุ่นวายไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร ปัญหาคือเหตุการณ์เหล่านี้ดูเหมือนสับสนวุ่นวายหรือไม่ ในทางหนึ่ง เหตุการณ์ทั้งหมดในเรื่องของคุณต้องลำดับความสำคัญให้มัน และตัวละครหลักของคุณต้องการทั้งเป้าหมายระยะสั้นและระยะยาว ในขณะที่อีกทาง เหตุการณ์ทุกอย่างต้องมีความสัมพันธ์กัน ตัวอย่างเช่น การปราบสัตว์ประหลาด ช่วยให้ชื่อเสียงของเขาเป็นที่รู้จัก และนำไปสู่การได้รับคำแนะนำให้เข้าเป็นสมาชิกของสำนักแห่งหนึ่ง หลังจากนั้นเขาก็ต้องทำตามกฎสำนัก คือการสำเร็จภารกิจพื้นฐานให้ได้ หากคุณทำให้ทุกเหตุการณ์ติดต่อสัมพันธ์กัน แล้วมันจะไม่ดูเหมือนวุ่นวายอีกต่อไป

10. บางที เมื่อฉันจินตนาการเรื่องที่จะเขียน ฉันคิดว่ามันดีมาก แต่พอเมื่อเขียนเป็นโครงเรื่องโดยรวมเสร็จ ฉันถึงรู้สึกว่าเรื่องมันธรรมดามาก นี่มันเป็นปัญหาจากความรู้สึกของฉันเอง หรือเรื่องที่ฉันคิดไว้ไม่ดีพอที่จะเอามาเขียนนิยายจริงกันแน่?

คำตอบ: มีความเป็นไปได้ที่เกิดจากทั้งสองอย่าง ไม่สำคัญว่าจะเป็นเรื่องโดยรวมหรือพล็อตบางอย่าง เป็นธรรมดาที่เมื่อเวลาเราจินตนาการมันตอนแรก เราจะรู้สึกว่าเรื่องมันยอดเยี่ยมมาก อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพราะพลังจินตนาการในหัวของเราทำให้เรารู้สึกว่ามันพิเศษ เมื่อเราลงมือเขียนเรื่องตัวจริงแล้ว เป็นธรรมดาที่จะค้นพบว่าเรื่องมันไม่ได้ดีเยี่ยมอย่างที่เราจินตนาการไว้ นี่เป็นเพราะว่าเรื่องที่เขียนลงไปถูกขัดเกลาเอาจินตนาการที่เลิศเลอล้วนๆ ออกไป เช่นเดียวกันกับที่นักเขียนต้องละทิ้งพล็อตรองที่ขัดแย้งกันเองและใช้ไม่ได้จริงในการเขียนเรื่อง เราจำเป็นต้องละทิ้งอุดมคติให้กับความเป็นจริงแทน ไม่เพียงเท่านั้น ธรรมชาติของโครงเรื่องโดยรวมขนาดใหญ่ที่จบสมบูรณ์แล้ว ส่วนใหญ่จะดูเหมือนน่าเบื่ออยู่แล้ว คุณไม่จำเป็นต้องใส่ใจมันมากนัก

11. ฉันจะทำอย่างไรให้เหตุการณ์ต่อสู้ที่ยาวนานต่อเนื่องในเรื่องไม่รู้สึกน่าเบื่อ?

คำตอบ: อย่างแรกเลย ทุกสิ่งต้องมีขีดจำกัด หากคุณบอกว่า “ยาวนานต่อเนื่อง” นั่นโดยทั่วไปไม่ใช่วิธีที่ดี นี่เป็นสิ่งที่เราต้องพยายามเลี่ยงที่สุด อย่างไรก็ตาม บางครั้งก็เป็นการยากที่จะเลี่ยงเหตุการณ์ต่อสู้ใหญ่ในพล็อตเรื่องบางช่วง เราสามารถลองทำให้การต่อสู้ทั้งหมดแตกต่างกันไป ลองมองหาลักษณะพิเศษของเหตุการณ์ ตัวอย่างเช่น บางทีอาจเป็นการต่อสู้ครั้งแรกของตัวละครหลักกับคู่ต่อสู้ที่มีความว่องไวสูง ตามด้วยคู่ต่อสู้ที่ร่างกายแข็งแกร่งพิเศษ การต่อสู้สองครั้งนี้จะแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด อีกวิธีหนึ่งคือเน้นสิ่งอื่นในเหตุการณ์มากกว่าการต่อสู้ เช่น ใครสู้กับใคร ทำไมพวกเขาถึงสู้กัน มันมีความหมายอย่างไร อะไรคือผลที่ตามมาและผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ทั้งสองฝ่ายมีปฏิกิริยาอย่างไร และอื่นๆ ปัจจัยเหล่านี้มีความเป็นไปได้อย่างนับไม่ถ้วน

12. ในนิยายของฉัน ฉันได้เขียนโครงเรื่องทั่วไปและแผนสำหรับเหตุการณ์ในอนาคตเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ฉันรู้สึกว่าความต่อเนื่องของเหตุการณ์ต่างๆ ดูเหมือนยัดเยียดให้เกิดขึ้นเกินไป ฉันจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร?

คำตอบ: หากคุณเพิ่มเหตุผลของความต่อเนื่องระหว่างเหตุการณ์ให้มากขึ้นในเรื่อง แน่นอนว่าคุณจะไม่รู้สึกเหมือนยัดเยียดอีกต่อไป ตัวอย่างเช่น ตัวละครหลักนั่งเล่นเกมอยู่ในห้อง แต่ทันใดนั้นก็ปิดเครื่องเกมแล้วไปอ่านหนังสือเรียน นั่นจะดูเหมือนยัดเยียด แต่ถ้าคุณเพิ่มความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองอย่าง เช่น ตัวละครหลักดันไปเจอครูของเขาในเกมออนไลน์ และเขาโดนครูดุเรื่องการสอบพรุ่งนี้ อย่างนี้แล้ว มันเป็นธรรมชาติที่เขาจะเลิกเล่นเกมและไปอ่านหนังสือเรียนแทน

...................................................................................

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด