ตอนที่ 88 พลังคำสาป
เมื่อนึกถึงคำสัญญานี้อารมณ์ที่ซาบซึ้งแต่แรกก็เริ่มเชี่ยวกรากขึ้นมา พลังศักดิ์สิทธิ์ของเทพแห่งแสงพยายามต่อต้านอำนาจกฎบทเพลงแห่งความอาดูรอย่างเต็มกำลังเพื่อปลุกสติของเบร์โตริโอ
แต่แค่ช่วงครึ่งลมหายใจ สำหรับผู้ทรงพลังขั้นครึ่งก้าวระดับศักดิ์สิทธิ์ก็เพียงพอแล้วที่จะตัดสินแพ้ชนะได้
อัคราธิการดูแมนพยุงร่างที่บาดเจ็บของตนเองขึ้นมาอย่างยากลำบาก เขาก้มหยิบคัมภีร์สอนศาสนาระดับศักดิ์สิทธิ์เทียมเพียงชิ้นเดียวของคณะนักเทศน์ตาบอดขึ้นมาและอัดฉีดพลังเวทย์ของขั้นครึ่งก้าวระดับศักดิ์สิทธิลงไปเต็มกำลัง ตัวอักขระสีดำพลายพันชิ้นล่องลอยออกมาจากคัมภีร์อีกครั้ง แต่ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่าหน้าปกและกระดาษบางส่วนที่มีร่องรอยของการถูกเผาด้วยพลังแห่งกฎ[อาทิตย์จำรัส]กำลังฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว
ตัวอักษรเรียงกันบนอากาศเป็นถ้อยคำแห่งคำสาปแช่งที่ทรงพลัง
คำแช่ง - บดกระดูก
รัศมีสีดำของความโชคร้ายล่อยลอยจากคัมภีร์เก่าแก่ไปที่ร่างเหม่อลอยของสมเด็จพระสันตะปาปาเฒ่า เพียงแค่สัมผัส กระดูกทั่วร่างของเขาก็จะแหลกเป็นผง
ทันใดนั้นเสื้อคลุมสีแดงปักด้วยดิ้นทองคำที่เบร์โตริโอสวมใส่ก็ส่องสว่างขึ้นอย่างไรเหตุผล พลังแห่งกฎแปลกใหม่ปรากฎขึ้นรอบร่างกายของสมเด็จพระสันตะปาปาเฒ่าอย่างฉับพรัน
กฎศักดิ์สิทธิ์ [ผู้โอบอุ้มปฐพี]
ปราการโปร่งใส่ผุดขึ้นใต้ดินล้อมรอบร่างของเบร์โตริโอเอาไว้ทุกส่วน รัศมีแห่งความโชคร้ายกรีดร้องเหมือนมีชีวิต แสงสีใสส่องออกมาจากปราการและทำลายรัศมีคำแช่งลงในพริบตา ภาพสัญลักษณ์ของฝ่ามือปริศนาที่กอบกุมผืนดินขนาดมโฬารเอาไว้ปรากฎขึ้นทางเบื้องขวาของเบร์โตริโอในทันที
เสื้อคลุมสีแดงก็เป็นวัตถุเวทมนตร์ระดับศักดิ์สิทธิ์เทียมเช่นเดียวกัน!
สติของเบร์โตริโอที่พยายามต่อต้าน[บทเพลงแห่งความอาดูร]เริ่มกลับมาแจ่มชัดทีละน้อย จนเมื่อกฎข้อที่สองของเขาเริ่มส่งผล กฎ[บทเพลงแห่งความอาดูร]ของคุณแม่อธิการเฟโอโดราก็ถูกสกัดเอาไว้อย่างสมบูรณ์
ในด้านของอวาเรย์ออน ในตอนที่เสื้อคลุมสีแดงตอบสนองต่อรัศมีคำแช่ง กระแสข้อมูลชุดใหม่ในระดับเทพเจ้าก็ถูกแทรกเข้ามา การแทรกแซงการควบคุมที่เขาเคยทำต่อคฑาสีทองถูกรบกวนทันที คฑาที่ลอยอยู่กลางอากาศกลับเข้าไปอยู่ในการควบคุมของเบร์โตริโออีกครั้ง
กระแสข้อมูลระดับเทพเจ้าสองชุด ทำให้อวาเรย์ออนในตอนนี้ที่ไม่ใช่ระดับศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริง ไม่อาจฝืนเรียนรู้และซึมซับได้ ร่างบางของบรรพชนแห่งเกลิออนกระอักโลหิตก้อนใหญ่ไปบนพื้น ผิวพรรณที่เคยมีสีทองเปร่งปรั่งกลับซีดเผือดลงอย่างรวดเร็ว พลังศักดิ์สิทธิ์ของเทพเจ้ากำลังจะหมดฤทธิ์ในอีกไม่ช้า
เกลิออนไม่มีอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์เทียม พลังแห่งกฎที่อวาเรย์ออนเรียกใช้เป็นกฎของเขาที่เรียนรู้ขึ้นมาเอง ส่วนคุณแม่อธิการเฟโอโดราแม้จะมีอาวุธที่ทรงพลังอยู่ชิ้นหนึ่งก็จริง แต่นางได้มอบให้กับกษัตริย์แดนเหนือไปแล้ว
สำหรับพวกเขาสามคน อาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์เทียมมีอยู่เพียงแค่ชิ้นเดียวนั่นก็คือคัมภีร์ศาสนาของคณะนักเทศน์ตาบอด
อวาเรย์ออนพยายามคงสภาพของภาพสัญลักษณ์กฎ[ความรู้อนันต์]เอาไว้อย่างยากลำบาก การที่จะเข้าไปยังกระแสความรู้อีกครั้งต้องสกัดกั้นวัตถุเวทมนตร์อีกชิ้นของเบร์โตริโอเอาไว้ เฟโอโดราเหมือนรับรู้ถึงความคิดนี้ของเขา นางรีบส่งกระแสจิตไปหาดูแมนทันที ครู่เดียวคัมภีร์ศาสนาก็ลอยมาทางเฟโอโดรา นางตัดแขนข้างหนึ่งออกเป็นเครื่องสังเวย เลือดสีแดงสดไหลอาบย้อมชุดคลุมเปลือกไม้จนชุ่ม สีแดงของเลือดสีน้ำตาลของชุดคลุมปนกันจนชุดคลุมแถบหนึ่งถูกย้อมเป็นสีดำ
พลังศักดิ์สิทธิ์ของเทพเจ้าในร่างของเฟโอโดราสั่นไหว พลังแห่งกฎศักดิ์สิทธิ์ข้อที่ห้า ต่อจาก[อาทิตย์จำรัส]กฎประจำคฑาสีทองของเบร์โตริโอ [บทเพลงแห่งความอาดูร]ที่มาจากกฎของเฟโอโราเอง [ความรู้อนันต์]ของอวาเรย์ออนบรรพชนเอลฟ์เกลิออน และ[ผู้โอบอุ้มปฐพี]จากเสื้อคลุมแดงของเบร์โตริโอวัตถุเวทมนตร์ชิ้นที่สอง
กฎข้อที่ห้านี้ชั่วร้ายกว่ากฎที่ผ่านมา อำนาจอัตลักษณ์ของมันเป็นสีดำสนิท มันมีเหตุผลที่เฟโอโดรายอมสังเวยแขนหนึ่งข้างเพื่อเรียกใช้
กฎศักดิ์สิทธิ์ [สาปแช่งทั้งโลก]
ที่จริงแล้วตัวคัมภีร์เดิมไม่ได้เป็นวัตถุเวทมนตร์ของคณะนักเทศน์ตาบอด แต่ในอดีตอันยาวนานมาแล้วพระเจ้าแห่งกลุ่มผู้เชื่อนี้ได้กักขังปีศาจมากมายนับแสนล้านจากทั่วทั้งเอกภพเอาไว้ในมิติแปลกแยกมิติหนึ่ง จากนั้นจึงถลกหนังของพระองค์ใช้เป็นผนึกและบรรจงใช้โลหิตของท่านเป็นหมึกเขียนคำสอนทางศาสนาของพระองค์ลงไปบนหน้ากระดาษ นานวันเข้าความทุกข์ทรมานอันไม่มีที่สิ้นสุดของเหล่าปีศาจนับไม่ถ้วนได้กลายเป็นต้นตอของคำสาปแช่งต่อเหล่าสิ่งมีชีวิตและแปรเปลี่ยนเป็นพลังหลักของคัมภีร์ มันจึงเป็นทั้งผนึกเคลื่อนที่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและเป็นวัตถุเวทมนตร์อันทรงพลังในเวลาเดียวกัน แม้แต่ในเวลานี้ก็ยังมีผู้คนนับไม่ถ้วนที่ยังจำชื่อเสียงของมันได้ แม้ว่าเทพเจ้าผู้สร้างมันจะร่วงหล่นไปนานแล้วก็ตาม
ปราการโปร่งใสมหึมาที่สร้างจากชุดคลุมถึงกับสั่นไหว ในระดับเทพเจ้าเองก็มีทั้งผู้ที่ทรงพลังและอ่อนแอ สำหรับวัตถุเวทมนตร์สองชิ้นของเบร์โตริโอมันสร้างมาจากร่างกายของเทพเจ้าองค์เดียวกันคือโอเรียริม ในระดับขั้นของกฎที่แตกฉานและพลังแห่งความศรัทธา โอเรียริมยังเป็นรองเทพเจ้าของเหล่าคณะนักเทศน์ตาบอดอยู่หลายขุม
เพราะเทพดั้งเดิมของคณะนักเทศน์ตาบอด คือ โมโรกัลมัค พระผู้เป็นเจ้าแห่งความไม่เที่ยงและวัฏไร้ตัวตน มหามรรคของพระองค์นั้นยิ่งใหญ่กว่ามรรคของเทพเจ้าองค์อื่น แต่เป็นเพราะเข้าใจลึกซึ้งในมรรคนี้ พระองค์จึงเมินเฉยและปล่อยวางต่อสรรพสิ่งทั้งมวล แม้แต่การร่วงหล่นของพระองค์ก็มาจากการจัดวางของพระองค์เอง
ไม่ใช่เทพทุกองค์ที่ปราถนาอำนาจและลาภยศสรรเสริญ
แผ่นหนังของเทพเจ้าและโลหิตที่ประกอบขึ้นเป็นตัวคัมภีร์เล่มนี้ช่วยเสริมให้พลังแห่งคำสาปแช่งรุนแรงมากขึ้น พลังศักดิ์สิทธิ์ที่โอบอุ่มร่างของเฟโอโดราเอาไว้ช่วยต้านทานการกัดกร่อนจากพลังเทพในคัมภีร์ หากเป็นช่วงปกติการสัมผัสมันโดยพละการอาจทำให้คนผู้นั้นได้รับการปนเปื้อนและกลายเป็นปีศาจร้ายก่อนจะตายด้วยความทุกข์ทรมาน อัคราธิการดูแมนนั้นต่างออกไปเขาคือตัวแทนของเทพเจ้าโมโรกัลมัคในโลกวัตถุ มีเทคนิคมากมายที่ช่วยเขาต้านทานการปนเปื้อนนี้
ภาพสัญลักษณ์ของห้วงอเวจีดำมืด ไม่มีแม้แต่แสงที่เล็กที่สุดเสียงกรีดร้องของปวงสรรพสัตว์ดังสะท้านสะเทือนไปจนถึงชั้นฟ้า พลังแห่งกฎที่ชั่วร้ายเลวทรามกลืนกินแสงอาทิตย์ของกฎอาทิตย์จำรัสไปทั้งหมด
ดวงอาทิตย์ดับวูบ ภาพสัญลักษณ์ของกฎอาทิตย์จำรัสแตกกระจาย หุบเขามืดมิดในทันใด
ปราการแสงเป็นสิ่งเดียวที่ยังคงอยู่ กฎสองชนิดตอนนี้เหลือเพียงหนึ่ง พลังศักดิ์สิทธิ์ของเทพแห่งแสงที่แบ่งปันกับเบร์โตริโอถูกเรียกออกมาใช้เพิ่มขึ้นหลายเท่า ถ้าปล่อยเช่นนี้ไว้ต่อไป ตัวมันจะแตกสลายกลายเป็นเศษเสี้ยงของแสงนับล้านชิ้น แต่มันไม่สนใจ
สมเด็จพระสันตะปาปาเฒ่ายกมือขึ้นมาประกบกัน นิ้วนางนิ้งกลางหดเข้าหาฝ่ามือนิ้วชี้นิ้วโป้งนิ้วก้อยเอามาแตะไว้กับมืออีกข้าง พลังแห่งกฎที่เบร์โตริโอรู้แจ้งด้วยตนเองเริ่มมีเค้าลางขึ้นมากลางอากาศด้านหลัง ในห้วงจิตสำนึกขุ่นมัวที่เต็มไปด้วยบาปหนาหลายชั้น มีแสงจางๆของความรู้สึกอันบริสุทธิ์อยู่ภายใน มันหลงเหลือไว้เพื่อคนเพียงผู้เดียว เบร์โตริโอบรรลุกฎนี้เพื่อคนผู้นั้น
กฎศักดิ์สิทธิ์ [แสงแห่งความหวัง]
กฎนี้พิศดารยิ่ง แม้แต่ในมิติระดับเทพเจ้าที่สับสนวุ่นวายที่สุด กฎของระดับศักดิ์สิทธิ์นี้จะยังคงส่องแสงออกมาได้ ตราบใดที่ผู้ใช้ไม่หมดสิ้นไปซึ่งความหวัง
ภาพสัญลักษณ์นี้เรียบง่ายมันคือเปลวเทียนท่ามกลางพายุ
แสงของเปลวเทียนเริ่มปรากฎขึ้นในใจกลางของหุบเขา เริ่มแรกมีเพียงหนึ่ง จากนั้นเป็นสอง เป็นสามตามลำดับ เพียงครู่เดียวดินแดนที่เคยมืดมิดด้วยพลังของกฎ[สาปแช่งทั้งโลก]ก็ถูกทำลายลง เปลวเทียนยังคงสั่นไหวมันไม่ได้ถูกจุดขึ้นในโลกของวัตถุอย่างเดียวแต่ถูกจุดขึ้นในจิตใต้สำนึกของผู้คนรอบด้านด้วย
เฟโอโรา อวาเรย์ออน ดูแมนและคณะนักเทศน์ที่ยังคงมีสติดีอยู่เริ่มกรีดร้องขึ้นด้วยอาการหวาดวิตก จู่ๆความหวังในจิตใจของพวกเขาก็ถูกเผาไหม้จนหมด ไม่มีเหลือแม้แต่น้อย การใช้ชีวิตด้วยความสิ้นหวัง มันคือความรู้สึกเช่นนี้นี่เอง
ผู้คนมากมายดิ้นพล่านด้วยท่าทางวิปริตต่างๆนาๆในขณะที่บางคนเริ่มทำร้ายตนเอง เสียงเพลงอ่อนโยนจากกฎ[บทเพลงแห่งความอาดูร]ของเฟโอโดราถูกเพิ่มพลังให้ดังก้องขึ้นอย่างฉับพลัน พลังของมันเป็นขั้วตรงข้ามกับความสิ้นหวัง สิ่งนี้ต้านทานพลังด้านลบได้บางส่วน คุณแม่อธิการผู้ชราดูเหมือนจะแก่ลงไปอีกหลายปี ภาระในการต้านทานกฎนี้ตกอยู่ที่เธอคนเดียว
ศึกครั้งนี้ใช้ถึงสามรุมหนึ่งแต่ก็ยังตึงมือเกินไป พวกเขาอาจพ่ายแพ้ ความหวังทั้งหมดอยู่ที่กฎ[สาปแช่งทั้งโลก] เท่านั้น นางหวังว่ามันจะทรงพลังพอที่จะกำราบสมเด็จพระสันตะปาปาแห่งเฮอราบอสลงได้
เปรี้ยง! เพล้ง!
เสียงแตกร้าวของปราการโปร่งแสงเหนือเบร์โตริโอดังขึ้น อำนาจคำสาปแช่งทะลุทะลวงกฎ[ผู้โอบอุ้มปฐพี]เข้ามาได้ แสงสว่างบนชุดคลุมสีแดงดูริบหรี่ลงอย่างเห็นได้ชัด แสงจากเปรวเทียนนับพันเล่มโบกสะบัดให้วูบไหวแต่ไม่ดับลง พวกมันพยายามอย่างเต็มที่เพื่อกลืนกินความมืดชั่วร้ายจากคำสาปแช่ง
เบร์โตริโอถอยหลังไปตามแรงผลักของกลุ่มพลังดำมืด ฝ่าเท้าของเขาที่ลอยอยู่เหนือพื้นถูกกดลงมาจนจมลึกไปเป็นนิ้ว โรคภัย ความเจ็บปวด ความทุกข์ทรมานทั้งร่างกายและจิตใจถาโถมเข้ามาสู่เบร์โตริโออย่างมุ่งร้าย ในขณะที่แสงแห่งความหวังจากเปรวเทียนพันเล่มยังคงช่วยเขาชำระล้างให้มันเป็นกลางต่อไป ใบหน้าเรียบนิ่งของสมเด็จพระสันตะปาปาเฒ่า ไม่เรียบนิ่งอีกต่อไป
อวาเรย์ออนใช้โอกาสนี้พึ่งพาพลังศักดิ์สิทธิ์ที่เหลือยู่เล็กน้อย ดำดิ่งลงไปในโลกของข้อมูลอีกครั้ง เขาพบกระแสความรู้ของระดับเทพเจ้าแหวกว่ายอยู่ในมหาสมุทรข้อมูลอันแสนวุ่นวาย เหมือนมันกำลังรอเขาอยู่ ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่ามันเป็นชุดข้อมูลที่นึกคิดเองได้ของคฑาสีทองด้ามนั้น
บรรพชนเอลฟ์แห่งเกลิออน เข้าควบคุมคฑาสีทองจากกระแสความรู้นี้อีกครั้ง คฑาที่เดิมหรี่แสงลงและนิ่งงั้นด้วยพลังทำลายล้างของกฎ[สาปแช่งทั้งโลก] เริ่มลอยมาทางอวาเรย์ออนทีละน้อย เบร์โตริโอเห็นภาพนี้อยู่ตลอดเวลาแต่อนิจจา เขากลับไม่สามารถห้ามการขบฏของคฑาสีทองได้ ตอนนี้เขาเองก็กำลังแย่เช่นกัน
คฑาสีทองตกอยู่ในมือของอวาเรย์ออนตามคาด พลังศักดิ์สิทธิ์สีทองของเขาที่แทบหมดสิ้นถูกใช้เป็นครั้งสุดท้าย พลังของคฑาระเบิดตู้ม! ขยายออกไปทุกทิศทุกทาง กฎ[อาทิตย์จำรัส] ถูกอวาเรย์ออนเรียกออกมาอีกครั้ง
คลื่นแสงและความร้อนกลืนกินเปลวเทียนพันเล่มลงไปจนกลายเป็นดวงไฟดวงเดียวกัน เปลวเทียนแห่งความหวังไม่อาจดับลงได้ก็จริง แต่ใช่ว่ามันจะถูกกลืนกินและเปลี่ยนแปลงเป็นพลังอื่นไม่ได้ เมื่อหมดสิ้นเปลวเทียนที่คอยชำระล้างคำสาปเอาไว้ พลังดำมืดก็กลืนกินสมเด็จพระสันตะปาปาเฒ่าลงไป คำสาปนี้ฝังลึกถึงกระดูก เจ็บปวดยิ่งกว่าความตาย
พลังแห่งกฎทั้งหมดดับวูบ เบร์โตริโอล้มลง หุบเขากลับมาสงบอีกครั้ง