ตอนที่แล้วบทที่ 506: วิธีลึกลับ กลับคืนสู่มังกรศักดิ์สิทธิ์!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 508: กองทัพต่างเผ่าพันธุ์ โจมตีจากบนฟ้า!

บทที่ 507: สงครามกำลังจะเกิด สนธิกำลัง!


เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็ 1 เดือนแล้ว

ในช่วงนี้เมืองเชิ่งหลงครึกครื้นมากขึ้นอยู่ตลอดเวลา ทุก ๆ ที่จะเห็นฉากพลุกพล่านจอแจ

หลังจากที่หลิงซูจื่อมาถึงเมืองเชิ่งหลงก็พักผ่อนเพียงวันเดียวและมาขอให้ถังเจิ้นสร้างโหลวเฉิงห้องโถงยักษ์ไว้บนซากปรักหักพังของเย่โหลวยอดเขา

เผ่าพันธุ์ของหลิงซูจื่อชื่อเผ่าหลิง (วิญญาณ) ซึ่งก็มีแนวคล้าย ๆ กับโลกโหลวเฉิงตรงที่ด้อยเรื่องเทคโนโลยี แต่เด่นเรื่องการฝึกฝน

จากที่สัญญากันไว้ระหว่างทั้งคู่ หลังจากที่สร้างโหลวเฉิงห้องโถงยักษ์เสร็จสิ้นแล้ว นักเดินทางทุกคนที่มาเข้าร่างของเผ่าหลิงจะต้องเข้ารับมรดกวิชาของเผ่าหลิงในห้องโถงแห่งนี้

หากเป็นไปตามนี้ล่ะก็นักเดินทางคนนั้น ๆ จะสามารถแตะสัมผัสกับดวงดาวในห้องโถงเพื่อลองเช็กดูว่าจะสามารถรับมรดกประสบการณ์การฝึกวิชาที่อยู่ในดวงวิญญาณไร้สติเหล่านั้นได้หรือไม่

ยอดเขานี้แต่เดิมเป็นของโลกเดิมของหลิงซูจื่อ ดังนั้นจึงเหมาะสมแล้วที่จะเอาเย่โหลวห้องโถงยักษ์มาตั้งไว้ยังเย่โหลวยอดเขาแห่งนี้เพื่อสร้างสถานที่สืบสานมรดกของเผ่าพันธุ์

ซึ่งถังเจิ้นเองก็เห็นด้วยกับไอเดียนี้

ถ้าอีกฝ่ายอยากให้เผ่าพันธุ์ยังคงอยู่ต่อก็ต้องรับการสนับสนุนจากเมืองเชิ่งหลงอย่างเลี่ยงไม่ได้ และร่างของชาวเผ่าของหลิงซูจื่อเองก็เป็นสิ่งที่ถังเจิ้นต้องการอย่างเร่งด่วนอยู่พอดีเช่นกัน

แม้ว่าถังคู่จะอยู่ในสภาพร่วมมือกันก็ตาม แต่เมื่อคิดดูดี ๆ แล้วทางด้านเมืองเชิ่งหลงกลับเหมือนเป็นฝ่ายได้เปรียบมากกว่า ดังนั้นถังเจิ้นเลยไม่มีเหตุผลที่ต้องปฏิเสธ

เมื่อเตรียมของเสร็จแล้วถังเจิ้นจึงสร้างโหลวเฉิงห้องโถงยักษ์ไว้ที่กึ่งกลางของภูเขา

ซึ่งกระบวนการนี้ไม่มีอะไรให้ต้องตื่นเต้น ใช้เวลาเพียงไม่นานก็สามารถสร้างโหลวเฉิงโถงมรดกของเผ่าหลิงที่ล้อมรอบด้วยเสาหินขนาดยักษ์หลายสิบต้นดูงดงามมากขึ้นมาได้สำเร็จ

เมื่อสร้างเสร็จก็แน่นอนว่าต้องมีฉากมอนสเตอร์ปิดล้อมเมือง ทว่าจำนวนของพวกมันก็ช่างน่าสมเพชเกินจะกล่าว

แน่นอนว่าถังเจิ้นนึกไว้แล้วว่าสถานการณ์ที่ดูผิดปกติเช่นนี้มันต้องมี

เป็นเพราะเขาได้ขยายพื้นที่ปกครองของเมืองเชิ่งหลงทำให้พื้นที่โดยรอบหลายร้อยตารางกิโลเมตรได้กลายเป็นเขตเมืองชั้นนอกจากการใช้กำแพงกั้น ทำให้ตอนนี้มอนสเตอร์ที่เคยมีอยู่ในส่วนเมืองชั้นนอกได้หายไปหมดแล้ว!

ทำให้เมื่อสร้างโหลวเฉิงขึ้นในเมืองเชิ่งหลงจึงได้มีมอนสเตอร์ปิดล้อมเมืองในจำนวนที่จำกัดจำเขี่ยอย่างมาก สรุปคือเมื่อขยายดินแดนที่ปกครองให้กว้างไกลออกไปแล้ว เวลาสร้างโหลวเฉิงเลเวลต่ำ ๆ ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องปัญหามอนสเตอร์ปิดล้อมเมืองอีกต่อไป

แถว ๆ นี้มีเมืองที่ทรงพลังอย่างโหลวเฉิงสาขาของเอลฟ์กับเมืองเชิ่งหลงปกครองพื้นที่ขนาดใหญ่อยู่ ทำให้จำนวนมอนสเตอร์ในบริเวณนี้เหลือน้อยมากซึ่งแตกต่างจากสมัยที่สร้างเมืองเชิ่งหลงตอนแรกสุด

ประกอบกับเรื่องที่ว่าเมื่อเลื่อนระดับโหลวเฉิงขึ้นเป็นเลเวล 6 แล้วจะไม่ต้องเผชิญกับมอนสเตอร์ปิดล้อมเมือง แต่ต้องเจอกับโหลวเฉิงอีก 4 แห่งที่ใช้โลกที่ล่มสลายร่วมกันผ่านทางเส้นทางต่างโลกเข้ามาบุกตี!

หรือก็คือการอัปเกรดโหลวเฉิงตั้งแต่เลเวล 6 ขึ้นไปนั้นแทบไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับมอนสเตอร์ แต่จะเป็นสงครามในอีกรูปแบบหนึ่งไปเลยนั่นเอง

ซึ่งก็ช่างหัวมันก่อน เอาตอนนี้ก็คือโถงมรดกของเผ่าหลิงได้ถูกสร้างขึ้นมาแล้วตามคำขอของหลิงซูจื่อ

หลังจากก่อตั้งโถงมรดกเสร็จแล้วหลิงซูจื่อก็ช่วยถังเจิ้นจัดการกับร่างของชนเผ่าหลิงทันที

นักเดินทางกลุ่มแรกที่เข้ามาประทับร่างของเผ่าหลิงนั้นขณะที่เข้ารับมรดกการฝึกฝนของเผ่าหลิงก็ยังเข้าทำงานในสายอาชีพของตนไปด้วยโดยที่หน้าที่ทั้ง 2 ไม่มีการรบกวนกันให้ต้องชักช้าในด้านใดด้านหนึ่ง

หลิงซูจื่อได้เห็นฉากนี้ก็ยิ้มแก้มปริปากฉีกถึงรูหูได้ทุกวี่วันด้วยความสมใจอย่างยิ่ง

ช่วงเวลานี้ร่างที่เมืองเชิ่งหลงได้เตรียมไว้ถูกใช้หมดแล้ว มีนักเดินทางนับหมื่น ๆ คนได้มายังโลกโหลวเฉิงและช่วยเพิ่มความเป็นเอกลักษณ์ให้แก่เมืองเชิ่งหลง

ทั้งในเมืองและนอกเมืองจะสามารถเห็นนักเดินทางจากโลกเดิมได้ทุกหนแห่ง ซึ่งทุก ๆ คนต่างทำงานของตนกันอย่างขยันขันแข็งตลอดเวลา

การก่อสร้างเมืองชั้นนอกเองก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาบ้างแล้ว พื้นที่ในรัศมี 100 กิโลเมตรจะเห็นโครงร่างของอาคารเป็นหย่อม ๆ โดยมีชาวเชิ่งหลงเคลื่อนไหวไปมาอยู่แถว ๆ นั้นตลอด

บนทางเดินหินที่กว้างขวางและทอดยาวตรงไปมียานพาหนะนับไม่ถ้วนวิ่งสวนกันไปมาผ่านกองคาราวานที่เดินทางไปยังเมืองเชิ่งหลงให้เห็นอยู่บ่อย ๆ

เมื่อใดก็ตามที่กองคาราวานต่างเผ่าได้เห็นฉากนี้ก็จะสะดุ้งตกใจกันตลอด จากนั้นก็ประเมินความแข็งแกร่งของเมืองเชิ่งหลงเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย

เมืองเชิ่งหลงในปัจจุบันได้เข้าสู่ช่วงเวลาของการพัฒนาแบบก้าวกระโดด และหากจะพูดว่ามันได้เปลี่ยนแปลงไปในทางเจริญขึ้นในแต่ละวันก็ยังไม่ถือว่าพูดเกินไป

พวกชาวเชิ่งหลงเดิมได้เห็นฉากนี้ก็ยินดีอยู่ในใจ เพราะยิ่งเมืองเชิ่งหลงแข็งแกร่งขึ้นมากเท่าไหร่ สวัสดิการที่พวกตนจะได้ก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นชาวเชิ่งหลงจึงยินดีต้อนรับนักเดินทางจากโลกเดิมของถังเจิ้น

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ภาพความเจริญรุ่งเรืองนี้กำลังดำเนินเดินไปนั้นเอง มันกลับมีวิกฤตการณ์ต่อเมืองเชิ่งหลงกำลังเกิดขึ้นอย่างเงียบ ๆ

********************************

ถังเจิ้นนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่ในห้องประชุมของเมืองโดยกำลังอ่านข่าวที่พึ่งจะได้รับ

ที่นั่งข้าง ๆ ล้วนเป็นผู้บริหารระดับสูงของกองทัพอย่างไทสันและเฉียนหลงรวมถึงนักเดินทางทางที่เป็นนายทหารจากโลกเดิมอีกประมาณหกเจ็ดคน

ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ยืนอยู่หน้าแผนที่และกำลังชี้ที่จุดหนึ่งพร้อมกับรายงานว่า “ตามข้อมูลที่เครื่องบินลาดตระเวนส่งมาคือมีกลุ่มศัตรูจำนวนประมาณหนึ่งแสนกำลังเคลื่อนทัพและจะมาถึงเมืองเชิ่งหลงในอีกสามวัน”

พูดพล้อมชี้ที่จอด้านข้างซึ่งมีรูปถ่ายจากท้องฟ้าปรากฏให้เห็น ซึ่งเป็นภาพของชาวต่างเผ่าจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังเคลื่อนพลมายังเมืองเชิ่งหลงดังคำอธิบาย

ภาพกองทหาร 100,000 นายรวมตัวกันนี้ดูแล้วต้องขนลุก!

ซึ่งเมื่อดู ๆ แล้วจะเห็นว่าในบรรดากองกำลังจากต่างเผ่าที่มานี้เกินครึ่งเป็นเผ่าโคโบลด์

แปลว่าปฏิบัติการต่อเมืองเชิ่งหลงนี้เกิดจากฝีมือของไอ้พวกโคโบลด์อีกแล้วนั่นเอง!

นับตั้งแต่ก่อตั้งเมืองเชิ่งหลงมาก็ได้ต่อสู้กับพวกโคโบลด์มาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ระหว่างทั้งสองฝ่ายมีความแค้นที่มิอาจปล่อยวาง

ซึ่งธรรมชาติอันโอหังของไอ้พวกนี้ก็เล่นเอาถังเจิ้นพูดอะไรไม่ออกจริง ๆ

พวกมันเป็นเผ่าพันธุ์แบบนี้แหละ เวลาที่ไม่พอใจอะไรก็จะทำทุกอย่างที่เป็นไปได้เพื่อแก้แค้น ต่อให้จะต้องเสียหายหนักขนาดไหนก็ตาม แต่ความดื้อรั้นของพวกมันก็ไม่เคยลดลง

อันที่จริงถ้าโหลวเฉิงของพวกมันอยู่ไม่ห่างจากเมืองเชิ่งหลงนักล่ะก็ถังเจิ้นคงจะหาวิธีจัดการกับพวกมันให้จบ ๆ ไปนานแล้ว

ส่วนตอนนี้เรื่องที่พวกมันจะมาบุกนั้นไม่ใช่เรื่องที่เขาจะให้ความสำคัญอะไรนัก แค่มาได้จังหวะเหมาะเจาะให้เขาได้ใช้ทดสอบประสิทธิภาพในการรบของเมืองในตอนนี้เท่านั้น

คิดได้ดังนี้ถังเจิ้นค่อยเงยหน้าขึ้นมองทุก ๆ คนก่อนจะพูดเสียงเย็นชา “ไอ้พวกโคโบลด์อีกแล้ว! ครั้งนี้มันเอามาเป็นแสนเลย แบบนี่มันกวนส้นตีนกันชัด ๆ!

ก็ในเมื่อตอนนี้มันกล้าเอาชีวิตมาถวายให้ถึงหน้าประตูบ้านแล้ว งั้นก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่รับไว้ เพราะงั้นเราจะถล่มมันซะก่อนเลย!

รับคำสั่ง!”

ทันทีที่พูดจบทุกคนก็ยืนขึ้นและมองถังเจิ้นทันที

“ไทสันนำกองพันที่หนึ่งกับสองรวมทั้งหมดหนึ่งหมื่นนายไปเป็นกำลังหลักเผชิญหน้ากับทัพโคโบลด์!

เฉียนหลงนำหน่วยนักรบรวมหนึ่งพันคนคอยเป็นกำลังเสริม มีภารกิจพิเศษคือฆ่าให้เกลี้ยง!

หวางเทานำกองทหารปืนใหญ่กับรถหุ้มเกราะเข้าร่วมรบกับกำลังหลัก!

จอห์นนำหน่วยเฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธบินตามกำลังหลักและพร้อมยิงถล่มพวกมันทุกเมื่อ!

ส่วนหน่วยอื่น ๆ ให้ร่วมมือกันตามสถานการณ์หน้างานและให้แน่ใจว่าทุกอย่างจะไม่ล่าช้า!”

หลังจากออกคำสั่งเสร็จถังเจิ้นพูดเสริม “จากความแข็งแกร่งในเชิงการทางทหารของเราในตอนนี้แน่นอนว่าสามารถเอาชนะศัตรูที่มารุกรายได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นสงครามในครั้งนี้จะให้ใช้เพื่อฝึกหัดสำหรับปฏิบัติการทางทหารในอนาคต!”

ทุกคนพยักหน้ารับคำสั่งและรีบแยกย้ายไปจัดการงานของตนอย่างเร็ว

เมื่อมีสถานการณ์อย่างศัตรูบุกเกิดขึ้น เมืองเฉิงหลงก็เลยตกอยู่ในสภาวะตึงเครียดและยุ่งวุ่นวายทันที หน่วยงานต่าง ๆ ได้เริ่มลงมือทำงานกันอย่างฉับไว

ทว่าแม้สงครามกำลังจะเกิดแต่ย่านการค้าก็ยังคงไม่เจอผลกระทบอะไรใด ๆ ทั้งสิ้น ถึงพวกพ่อค้าวานิชจะยังรู้สึกว่าบรรยากาศแบบนี้มันไม่ควรก็เถอะ แต่มือก็ยังจับจ่ายใช้สอยซื้อมาขายไปจนเป็นระวิงเหมือนเดิม

เห็นได้ชัดว่าสงครามระหว่างโหลวเฉิงนั้นกลายเป็นเรื่องธรรมดาโคตร ๆ สำหรับคนเหล่านี้ไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องมากระโตกกระตากอะไรเลย

ไม่ว่าเมืองเฉิงหลงจะชนะหรือแพ้ก็ตาม จริง ๆ แล้วมันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกพ่อค้าวานิชจากต่างเผ่าพันธุ์เหล่านี้เลยด้วยซ้ำ ส่วนสิ่งที่เกี่ยวข้องคือเรื่องธุรกิจเท่านั้นและเป็นสิ่งที่ไม่ว่ายังไงก็ต้องจัดการให้เสร็จเรียบร้อยด้วย

เช้าวันรุ่งขึ้น ที่ค่ายทหารแห่งหนึ่งนอกเมืองเฉิงหลง ทหารโหลวเฉิงหลายหมื่นนายพร้อมอาวุธครบมือได้มารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว

วันนี้ทหารเชิ่งหลงได้เปลี่ยนเครื่องแบบอีกแล้ว แต่ละคนสวมเกราะสีดำเหน็บดาบสะพายปืนและอาวุธอื่น ๆ อีกเพียบ แต่ละคนดูเหมือนนักฆ่า

หลังจากที่ระดมพลก่อนทำสงครามไทสันก็มายืนอยู่บนเวทีสูงและโบกมือออกคำสั่ง

ทหารที่กระตือรือร้นกันเป็นทุนเดิมเริ่มขึ้นรถกันไปเป็นทีม จากนั้นก็เกิดเสียงคำรามของเครื่องยนต์ รถได้วิ่งออกจากค่ายทหารตรงไปยังทัพโคโบลด์

หลังขบวนรถของกำลังหลักได้มีรถหุ้มเกราะและรถถังดูราวกับสัตว์ประหลาดอันประกอบไปด้วยกองทหารอีกจำนวนมาก

และบนท้องฟ้าเหนือขบวนรถนั้นมีเฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธมากกว่า 20 ลำและเครื่องบินรบอีก 2 ลำบินอยู่ด้วยความเร็วสูง!

นอกจากกองกำลังติดอาวุธประจำการเหล่านี้แล้วก็ยังมีกองกำลังพิเศษที่อยู่ระหว่างก่อตั้งอีกบางส่วนถูกส่งออกไปรบในครั้งนี้ด้วย

เป็นกองพันโอเกอร์ที่มีต้าสยงเป็นผู้นำ กองพันมอนสเตอร์อันประกอบไปด้วยมอนสเตอร์ที่ดูโหด ๆ อีกเป็นร้อย และกองกำลังเสริมที่ประกอบด้วยทหารรับจ้าง ฯลฯ โดยทั้งหมดขี่ยานพาหนะดัดแปลงและมุ่งหน้าตรงไปยังสนามรบด้วยกัน!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด