นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 592 - ลึกลงไปในป้อมปราการ!
“ไปกันเถอะ! ท่านพ่อกับเหล่าผู้อาวุโสกำลังรอพบนายอยู่”
แอลลิสันหันกลับมาเร่งอีกครั้ง ก่อนที่ดวงตาของสาวน้อยจะเป็นประกายขึ้นมาเมื่อเห็นฟลินท์ที่นอนอยู่บนไหล่ของเดวิดอย่างชัดเจน
“โอ้! แล้วเจ้าตัวน้อยนี่คือใครกันนะ?”
ไม่มีการรีรอ! เจ้าฟลินท์น้อยกระโจนออกจากบ่าแข็ง ๆ ของเดวิด พุ่งเข้าไปหาที่นอนอันนุ่มนวลกว่าทันที มันซุกตัวเข้าไปอยู่ระหว่างเนินเขาสีขาวนวลที่ตั้งเด่นของแอลลิสันทันที พร้อมกับส่งเสียงร้องอ้อนออกมาอย่างน่ารัก มันเป็นเสียงที่เดวิดไม่เคยได้ยินมาก่อนด้วยซ้ำ
“มันชื่อฟลินท์” หลังจากที่คำรามออกมาเล็กน้อย เขาก็กล่าวแนะนำชื่อสัตว์เลี้ยงให้สาวน้อยได้รับรู้
“โอ้! มันขี้อ้อนมากเลย นายยกให้ฉันได้มั้ย?” แอลลิสันลูบหัวเจ้าตัวน้อยอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นถามเดวิดด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยประกายและความหวัง
เดวิดกระพริบตาถี่ ก่อนจะกล่าวเปลี่ยนเรื่องด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขึ้น “เหตุผลที่ฉันมาที่นี่คืออาจารย์ของตัวเอง เขาอยู่ไหน? ขอให้ฉันเห็นหน้าเขาก่อนจะได้หรือไม่?”
แอลลิสันยักไหล่ออกมาเบา ๆ ดูเหมือนว่าเธอจะไม่หงุดหงิดที่ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่องไม่ตอบคำถามของตัวเองแม้แต่น้อย เสียงอันราบเรียบเอ่ยขึ้นมาด้วยท่าทีที่จริงจังขึ้น
“เรื่องนั้นฉันตัดสินใจไม่ได้ นายต้องถามกับท่านพ่อด้วยตัวเอง ตามฉันมา! ท่านพ่อทราบเรื่องการมาของนายแล้ว ท่านกับเหล่าผู้อาวุโสกำลังรวมตัวรออยู่ด้านใน”
ไม่มีทางเลือกอื่น เดวิดได้แต่เดินตามคุณหนูของตระกูลฮันเตอร์ที่พาลัดเลาะลึกเข้าไปตามช่องทางที่เจาะสร้างอย่างวิจิตรตระการตาแบบเงียบ ๆ ในฐานะของผู้มาเยือน เขาไม่สามารถทำอะไรตามใจตัวเองได้อีก การตื่นตัวจนถึงขีดสุดเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรับมือ เดวิดไม่ปล่อยให้ตัวเองประมาทเลยแม้แต่น้อย
ลิฟต์ขนาดใหญ่เคลื่อนตัวด้วยความเร็วสูงพาพวกเขาทั้งคู่ขึ้นสู่ด้านบนเกือบ 5 นาที สิ่งที่ทำให้เดวิดแปลกใจก็คือ เมื่อออกมาจากลิฟต์แล้ว มันยังไม่ใช่จุดหมายปลายทาง ไม่แม้แต่จะใกล้เคียงเลยด้วยซ้ำ มันเป็นแค่เพียงห้องโถงโล่ง ๆ ที่มียามรักษาการณ์เฝ้าคุมอย่างแน่นหนาทั้ง ๆ ไม่มีอะไรอยู่เลย
“ตามมา! พวกเราจะเข้าไปที่ชั้นในของตระกูลฮันเตอร์อย่างแท้จริงแล้ว!” แอลลิสันหันมาเอ่ยบอกกับเดวิดที่หันมองซ้ายมองขวาอย่างมึนงงด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะเล็กน้อย มือของเธอยังลูบหัวของเจ้าฟลินท์อยู่ไม่หยุด และเจ้าตัวน้อยก็พริ้มตาซุกตัวอยู่ในซอกอกอย่างน่าอิจฉา ตอนนี้มันกลายเป็นลูกแมวน้อยไปอย่างเต็มตัวแล้ว
เขาเดินตามสาวน้อยเข้าไปในลิฟต์อีกตัวอย่างพอจะเข้าใจในสถานการณ์ขึ้นมาบ้างแล้ว ที่นี่คือจุดตรวจสอบป้องกันผู้บุกรุกชั้นดี หากต้องการเข้าไปสู่ใจกลางของตระกูลฮันเตอร์ ผู้ที่บุกรุกเข้ามาจะต้องเผชิญหน้ากับยามรักษาการณ์ระดับร่างสมบูรณ์มากว่า 10 คนที่เฝ้าคุมปากทางอยู่ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทะลวงผ่านแทรกซึมเข้าไปโดยที่ด้านในไม่รู้ตัว
แต่แล้วคิ้วของเดวิดก็ต้องเลิกสูงขึ้นอีกครั้ง ทิศทางของลิฟต์ตัวนี้ไม่ได้เป็นไปตามความคาดหมายเลย มันไม่ได้พุ่งสูงขึ้นไปด้านบนอย่างที่คิด แต่กลับพุ่งตัวลงสู่ด้านล่างด้วยความเร็วที่สูงกว่าตอนขึ้นมาเสียอีก และคราวนี้ต้องใช้เวลาเกือบ 10 นาทีกว่าที่ลิฟต์จะหยุดตัวลง แอลลิสันเดินนำหน้าออกจากลิฟต์ทันทีที่มันเปิดตัวขึ้น สีหน้าและแววตาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมและจริงจังมากขึ้น ไม่เหลือแววแห่งความขี้เล่นอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว
“มาเถอะ! พวกเขารอนายอยู่ในห้องประชุมใหญ่ของโถงบัญชาการ”
“อืม? นึกไม่ถึงเลยว่าตระกูลฮันเตอร์จะเลือกซ่อนตัวอยู่ใต้ดินแบบนี้”
“มันไม่ใช่เรื่องแปลกไม่ใช่หรือ? ด้วยภูเขาที่สูงขนาดนั้น ไม่ว่าใครก็ต้องคิดว่าศูนย์กลางของพวกเราต้องอยู่ด้านบนอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้น! พื้นที่ด้านล่างนี้จึงปลอดภัยมากที่สุด ไม่มีใครบุกรุกเข้ามาถึงใจกลางของตระกูลได้โดยไม่รู้ตัวอย่างแน่นอน!”
คุณหนูของตระกูลฮันเตอร์เดินนำทางเดวิดไปอย่างคล่องแคล่ว หลังจากออกมาจากลิฟต์ได้ไม่ถึง 2 นาที ทั้งคู่ก็มาปรากฏตัวอยู่หน้าประตูสีทองขนาดใหญ่ที่มีการรักษาการณ์อย่างเข้มงวด
“คุณหนูแอลลิสัน!” ยามรักษาการโค้งหัวทักทายทำความเคารพ ก่อนจะเหลือบมองเดวิดด้วยความเป็นกังวลเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา เพียงแค่หมุนตัวกลับไปดึงประตูให้เปิดออก แอลลิสันเดินนำหน้าเข้าไปโดยไม่กล่าวอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว
ด้านหลังประตูคือห้องโถงขนาดใหญ่ที่ประดับตกแต่งเอาไว้อย่างสวยงาม ไม่มีบัลลังก์ตั้งอยู่อย่างที่ควรจะเป็น ที่ใจกลางห้องมีเพียงโต๊ะกลมขนาดใหญ่ที่มีชายชรา 5 คน และชายหนุ่มรุ่นเยาว์อีก 5 คนนั่งชุมนุมกันอยู่เท่านั้น แม้ว่าเสียงประตูที่ถูกเปิดออกจะมีเสียงดังกังวาน แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้สนใจกับการที่แอลลิสันและเดวิดเดินเข้ามาเลยแม้แต่น้อย เสียงพูดจาปรึกษายังดังอยู่อย่างต่อเนื่อง
“อีกไม่เกิน 100 ปีข้างหน้า ทรัพยากรที่ตระกูลของพวกเรามีอยู่ก็จะหมดลงอย่างแน่นอน ถ้าพวกเรายังนิ่งนอนใจอยู่อย่างนี้ อนาคตจะต้องยากลำบากมากขึ้น พวกเราต้องหาแหล่งทรัพยากรใหม่ให้ได้โดยเร็วที่สุด” มันเป็นเสียงของชายชราคนหนึ่งที่เอ่ยขึ้นมาอย่างจริงจัง
“ที่ท่านพูดมานั้นก็ถูก แต่มันยังไม่ใช่เวลาที่จะใช้เรื่องทรัพยากรมาเป็นข้ออ้างในการทำสงครามกับตระกูลอื่น ต้องคิดถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นด้วย หากศัตรูรวมตัวกันเป็นพันธมิตรได้! แค่ 2-3 ตระกูลใน 9 ตระกูลใหญ่จับมือกัน พวกเราก็รับมือได้อย่างลำบากแล้ว”
“ข้าไม่คิดว่านั่นจะเป็นปัญหาเลย! พันธมิตรแล้วจะอย่างไร? ตระกูลฮันเตอร์ของพวกเราเคยกลัวที่จะทำสงครามด้วยอย่างนั้นหรือ? พวกเราแข็งแกร่งที่สุดในโลกใบนี้ พวกเราคือนักล่า ต่อให้ทั้ง 8 ตระกูลรวมตัวกัน พวกนั้นก็เป็นได้แค่เหยื่อที่รอพวกเราออกไปล่าเท่านั้น!” เด็กหนุ่มคนหนึ่งโพล่งขึ้นมาอย่างเลือดร้อน ดูเหมือนว่าบนโต๊ะประชุมแห่งนี้จะไม่ถือเรื่องของความอาวุโสเลยแม้แต่นิดเดียว
“เจ้าหนุ่ม! อย่างเพิ่งพูดเรื่องที่ตัวเองยังไม่มีประสบการณ์จะดีกว่า นักล่าอย่างนั้นหรือ? แม้แต่สิงโตยังเคยถูกมดรุมกัดจนตายมาแล้วถ้าประมาท! จะทำสงคราม!? พวกเรายังต้องเตรียมตัวอีกไม่น้อย และบางทีนั่นอาจจะทำให้ทรัพยากรของพวกเราร่อยหรอลงไปเร็วกว่าที่คาดเอาไว้อีกก็ได้” ชายชราอีกคนหนึ่งกล่าวขัดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
นั่นทำให้ชายหนุ่มเลือดร้อนทิ้งตัวกลับลงไปนั่งบนเก้าอี้อีกครั้ง แต่สีหน้าแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าไม่ยินยอม และกำลังคิดหาคำพูดตอบโต้อยู่
“เฮ้! แอลลิสัน! เจ้ามาแล้วอย่างนั้นหรือ? แล้วที่อยู่ข้าง ๆ นั่นคือเดวิดใช่มั้ย?” ในที่สุด ชายร่างกำยำที่นั่งอยู่ที่หัวโต๊ะก็ลุกขึ้นยืน และกล่าวทักทายออกมา
เดวิดพยักหน้ารับ และกล่าวตอบออกไปด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ “ใช่! ผมคือเดวิด!”
“มา ๆ! นั่งลงก่อน ตรงไหนก็ได้ ที่นี่ไม่ได้เคร่งครัดเรื่องตำแหน่งอะไรมากนัก”
และเพื่อเป็นการตอบสนองต่อการเชิญชวนนั้น แอลลิสันเดินออกไปดึงเก้าอี้ออกมา 2 ตัว พยักหน้าให้เดวิดนั่งลง ก่อนที่จะกล่าวตอบชายร่างกำยำไปอย่างเคารพ “ขอบคุณท่านพ่อ!”
ดวงตาของเดวิดกระพริบเล็กน้อย ‘อ้อ! เจ้าแก่นั่นคือพ่อของเธอ ผู้นำตระกูลอย่างนั้นสินะ!’ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้อย่างง่าย ๆ
“เอาล่ะ! ทุกคนก็เห็นแล้วว่าพวกเรามีแขกมาเยือน เรื่องที่กำลังปรึกษากันอยู่ก็ให้พักเอาไว้ก่อน พวกเรายังมีเวลาที่จะคุยกันถึงเรื่องนั้นอย่างเหลือเฟือ” ชายร่างกำยำทรุดตัวลงนั่ง พร้อมกับกวาดตามองไปยังเหล่าสมาชิกของตระกูลทุกคน และเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ
“หึ! คุยทีหลังอีกล่ะ? ความแข็งแกร่งของทุกสิ่งทุกอย่าง กะอีแค่ 8 ตระกูลใหญ่ ยังจะต้องมารอปรึกษาอะไรกันอีก ยกพวกไปถล่มทีละตระกูลก็สิ้นเรื่องแล้ว” ชายหนุ่มอีกคนหนึ่งพึมพำออกมาเบา ๆ ก่อนจะก้มหน้าหุบปากลงไปในทันที เมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาแข็งกร้าวเย็นชาที่จ้องมองมาจากหัวโต๊ะ
“ตอนนี้! เรื่องที่พวกเราจะหยิบยกมาปรึกษากันก็คือเรื่องการผสานแผนที่ยีน โดยเฉพาะเรื่องการผสานทักษะระดับมรกดสืบทอด”
“ข้านึกว่าพวกเราสรุปกันได้แล้วเสียอีก? มันไม่มีทางเกิดขึ้นได้ไม่ใช่หรือ?” ใครบางคนพึมพำออกมา
“อ้า! ใช่! ก่อนหน้านี้ข้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน แต่ว่า! ลูกสาวของข้า แอลลิสัน! เธอมีข้อมูลใหม่ล่าสุดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่สิ! ต้องเรียกว่าความสำเร็จระดับหนึ่งมากกว่า เพื่อนของเธอจะเป็นคนแสดงให้พวกเราดู” ชายร่างกำยำยืนขึ้นมาอีกครั้ง มือข้างหนึ่งผายออกมาส่งสัญญาณ
ด้วยคิ้วที่ขมวดติดแน่นกัน เดวิดลุกขึ้นยืนอย่างไม่มีทางเลือก
“หือ? เจ้าหนุ่มนี่อย่างนั้นหรือ?”
“ข้านึกว่าเขาตายอยู่ในสนามรบโบราณแล้วเสียอีก!”
เสียงของผู้อาวุโสหลายคนพึมพำออกมาพร้อมกัน
“แสดงให้พวกเขาดู!” แอลลิสันพยักหน้าให้เบา ๆ
สีหน้าของเดวิดเต็มไปด้วยความครุ่นคิด ไม่นึกมาก่อนว่าตัวเองจะต้องมากลายเป็นหุ่นโชว์แสดงความสามารถต่อหน้าผู้คนแบบนี้ แต่หลังจากการชั่งใจอยู่ชั่วครู่ เขาก็ยื่นมือทั้ง 2 ข้างออกไปข้างหน้า กระตุ้นให้มือซ้ายแสดงลักษณะกงเล็บของมนุษย์หมาป่าที่เต็มไปด้วยขน และมือขวาที่กลายเป็นซีดขาวและมีเล็บยาวออกออกมาของแวมไพร์ ใช่! เดวิดแสดง ‘ร่างผสม’ ของตัวเองออกมาให้ที่ประชุมแห่งนี้ดู...