นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 591 - นี่ฉันเข้าใจผิดไปอย่างนั้นหรือ?
“1,000,000 เหรียญดาว!”
นั่นเป็นราคาที่ทำให้เดวิดถึงกับสะอึก เขากลืนน้ำลายลงไปเฮือกใหญ่ ก่อนจะเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่จริงจังมากยิ่งขึ้น
“บอกราคาจริง ๆ มา ไม่ต้องมาล้อเล่นกันแบบนี้!”
ชายชราขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้ว “นี่คือราคาของสร้อยเส้นนี้! จะซื้อหรือไม่ก็อยู่ที่คุณลูกค้าแล้ว!”
ดวงตาของเดวิดกระพริบตา ทั้งน้ำเสียง แววตา และสีหน้าของเจ้าของร้านไม่บ่งบอกเลยว่ากำลังล้อเล่นอยู่ ชายชราต้องการจะขายสร้อยเส้นนี้ที่ราคา 1,000,000 เหรียญดาวจริง ๆ
เขาใช้เวลาจ้องมองสร้อยเส้นที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์ สลับกับการจ้องมองท่าทางของเจ้าของร้านที่เริ่มก้มหน้าลงเช็ดถูข้าวของไปทั่วอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะเอ่ยออกมาหลังจากที่ตัดสินใจได้
“ซื้อ! ห่อเป็นของขวัญให้ด้วย”
สีหน้าของเจ้าของร้านมีรอยยิ้มขึ้นมาทันที “คุณลูกค้าตาถึงจริง ๆ! กรุณารอสักครู่!”
เดวิดถอนสายตาออกมาจากชายชรา ก่อนจะขมวดคิ้วและทำการสำรวจทรัพย์สินที่ยังเหลืออยู่ในแหวนของตัวเอง เหรียญดาวมีอยู่ไม่เพียงพอที่จะชำระราคาของสร้อยเส้นนี้เลยด้วยซ้ำ เขามีมันอยู่เพียงไม่ถึง 300,000 เหรียญดาวแล้ว แต่! นั่นไม่ใช่ปัญหา เดวิดไม่คิดที่จะจ่ายด้วยเหรียญดาวเลย
กะโหลกมนุษย์ที่เหลือเพียงกระดูกที่ขาวโพลนถูกหยิบขึ้นมาวางบนเคาน์เตอร์ แน่นอนว่ามันเป็นกะโหลกของซากศพระดับอาตมันที่มีมูลค่าสูงกว่า 1,000,000 เหรียญดาว ความเร้นลับที่แฝงอยู่ในกะโหลกเพียงพอที่จะช่วยให้ยอดฝีมือระดับร่างสมบูรณ์ศึกษา และยกระดับความแข็งแกร่งขึ้นไปอย่างมหาศาลในเวลาเพียง 2-3 ปีเท่านั้น คลื่นพลังที่แผ่กระจายออกทำให้ผู้คนที่เดินผ่านหน้าร้านถูกผลักออกไปอย่างไม่รู้ตัว ในร้านแห่งนี้เหลือเพียงเดวิดยืนอยู่กับเจ้าของร้านแค่ 2 คนเท่านั้น
สร้อยคอถูกห่อเป็นของขวัญวางอยู่บนเคาน์เตอร์อย่างรวดเร็ว และสายตาของเจ้าของร้านชราที่จ้องมองหัวกะโหลกสลับกับการมองหน้าของเดวิดเต็มไปด้วยความสับสน
“คุณลูกค้า! หยิบกะโหลกที่น่ากลัวขึ้นมาทำไม? ที่นี่ไม่รับซื้อกะโหลกของมนุษย์ธรรมดาหรอกนะ สินค้าห่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว กรุณาชำระเงิน 1,000,000 เหรียญดาวด้วยครับ”
รอยยิ้มบนใบหน้าที่เพิ่งเผยอขึ้นของเดวิดกลายเป็นแข็งค้าง กะโหลกของมนุษย์ธรรมดา!? ช่างกล้าพูดนัก! แค่ความสามารถในการยืนอยู่ท่ามกลางคลื่นพลังอันเข้มข้นที่แผ่ออกมาจากกะโหลกของชายชรา มันก็เป็นสิ่งที่ยืนยันแล้วว่าเจ้าของร้านคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา แม้ว่าจะสัมผัสไม่ได้ถึงพลังพันธุกรรมเลยแม้แต่น้อย แต่นี่เป็นยอดฝีมือระดับสูงแน่ กะโหลกของระดับอาตมันไม่พอใช่มั้ย? เดวิดขยับมืออีกครั้งทันที
ตุบ!
การที่เขาพาตัวเองเข้ามาในร้านแห่งนี้ไม่ใช่เพียงแค่เพราะสดุดตากับสร้อยเส้นนั้น และมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญด้วย เรื่องเล่ามากมายเกี่ยวกับยอดฝีมือระดับสูงที่เก็บตนเพื่อฝึกฝนจิตวิญญาณหลังจากที่ความแข็งแกร่งถึงทางตันแวบเข้ามาสู่หัวทันทีหลังจากที่เดวิดกวาดตามองเห็นเจ้าของร้านคนนี้ครั้งแรก เขาต้องการที่จะสร้างความสัมพันธ์บางอย่างไว้กับยอดฝีมือนิรนามผู้นี้ และนั่นเป็นเหตุผลที่ซากศพระดับครึ่งเทพถูกนำออกมาวางบนเคาน์เตอร์อย่างไม่ลังเล
สีหน้าของชายชราไม่เรียบเฉยอีกต่อไป มือของเขาเคลื่อนไหวไปกดปุ่มอะไรบางอย่างที่อยู่หลังเคาน์เตอร์อย่างรวดเร็ว ม่านพลังสีฟ้าก่อตัวขึ้นได้ทันก่อนที่คลื่นพลังอันรุนแรงของซากศพครึ่งเทพจะหลุดรอดออกไปนอกร้าน น้ำเสียงที่เปล่งออกมามีความเคร่งขรึมจริงจังเป็นอย่างยิ่ง
“เจ้าหนู! นี่ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะเอาออกมาโชว์อย่างมั่วซั่วได้ไม่รู้หรือยังไง?” แม้ปากจะกล่าวออกมาเช่นนั้น แต่มือก็ถูกขยับมากดตรวจสอบบนหน้าอกของซากศพ แววตาดูมีประกายที่แปลกประหลาดซ่อนอยู่
เดวิดยิ้ม “ไม่ทราบว่ามันเพียงพอที่จะใช้แลกกับสร้อยแล้วหรือไม่?”
“หนุ่มน้อย! นี่มันมากเกินไป เจ้ารีบเก็บเอาไปเสียจะดีกว่า ถ้ารับเอาไว้! ตอนที่จะขายมันออกไป แม้แต่ชีวิตของข้าก็คงจะไม่รอดอยู่แน่”
“ทำไมจะต้องขายล่ะ? ของแบบนี้มันเหมาะที่จะเก็บเอาไว้เป็นสมบัติให้ลูกให้หลานมากกว่าที่จะขายแลกเหรียญดาวอยู่แล้ว เหล่าทายาทของท่านจะได้ใช้ประโยชน์จากมันอย่างเต็มที่แน่นอน ผมไม่ได้ต้องการอะไรมากเลย แค่จะใช้มันแลกกับสร้อยเส้นนี้เท่านั้น!”
ชายชรานิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง สีหน้าบ่งบอกว่ากำลังคิดหนัก เดวิดยืนรออยู่เงียบ ๆ ไม่เอ่ยอะไรออกมารบกวนอีก จนในที่สุด เจ้าของร้านผู้ชราก็เหมือนจะตัดสินใจได้ ซากศพครึ่งเทพถูกเก็บลงไปในแหวนเก็บของ พร้อมกับผลักสร้อยที่ห่อเอาไว้เป็นของขวัญมาอยู่ตรงหน้าเดวิด
ด้วยรอยยิ้มกว้าง เขานำมันเก็บเข้าไปไว้ในโลกใบเล็กทันที ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากร้านไปโดยไม่พูดไม่จาอะไรอีก
“เจ้าจะไม่มีทางได้มอบสร้อยเส้นนั้นเป็นของขวัญแน่! ตลอดกาล!” ยังไม่ทันที่จะเดินพ้นออกมาจากม่านพลังที่ยังปกคลุมร้านอยู่ เสียงแผ่วเบาก็ลอยมาเข้าหูของเดวิด ทำให้เท้าของเขาชะงักลงเล็กน้อย ในดวงตาทอประกายหม่นหมองออกมาจนสังเกตได้
“นั่นก็ไม่แน่นักไม่ใช่หรือ? ถ้าท่านช่วย! ข้าอาจจะมีโอกาสเหลืออยู่เล็กน้อยก็ได้” เดวิดพึมพำออกมา ก่อนจะก้าวเท้าออกจากร้านไปโดยไม่ลังเลอีกเลย
...
หลังจากที่ใช้เวลาเดินตระเวนอยู่รอบ ๆ อีกประมาณ 1 ชั่วโมง เดวิดก็พาตัวเองเข้ามานั่งอยู่ในภัตตาคารที่ค่อนข้างจะหรูหราแห่งหนึ่ง สั่งอาหารจานเด็ดของร้านมาเต็มโต๊ะ ประหลาดใจเล็กน้อยที่สาวเสิร์ฟของภัตตาคารแห่งนี้เป็นผู้ฝึกตนระดับเฟสเซอร์ แต่นั่นไม่ได้เป็นสิ่งที่ขัดขวางเขาจากการลิ้มรสอาหารชั้นยอดเลย เดวิดไม่ได้กินอาหารดี ๆ อย่างนี้มานานเกินไป เขาใช้เวลาอีกเกือบ 1 ชั่วโมงในการจัดการกับอาหารมื้อนี้ แน่นอนว่ามีการสั่งซ้ำรอบที่ 2 และรอบที่ 3 อย่างไม่กลัวว่าท้องจะแตกตายเลยแม้แต่น้อย
“คุณหนูจัดการค่าใช้จ่ายทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว และหวังว่าท่านจะเพลิดเพลินกับการท่องเที่ยวพักผ่อนอยู่ในเมืองแห่งนี้” นี่คือคำกล่าวของสาวเสิร์ฟคนสวยในตอนที่เดวิดเรียกคิดเงิน มันทำให้เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจเดินออกจากร้านมาโดยไม่แม้แต่จะคิดสอบถามอะไรเพิ่มเติม
ดูเหมือนว่าแอลลิสันจะหาตัวเองพบเร็วกว่าที่คิด เดวิดเพิ่งมาถึงที่เมืองแห่งนี้ได้ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น แต่อีกฝ่ายก็สามารถระบุตำแหน่งของเขาได้แล้ว นี่ทำให้แผนการที่วางเอาไว้ต้องเริ่มขึ้นเร็วกว่าปกติ สายตาถูกส่งมองไปยังภูเขาสูงที่ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางเมือง เท้าถูกก้าวมุ่งหน้าไปทางนั้นอย่างไม่รีบร้อนมากนัก
เมื่อเดินผ่านตรอกแห่งหนึ่งที่เดวิดคิดเอาเองว่าเป็นทางลัด เขาก็ต้องหยุดการเคลื่อนไหวของตัวเองลง นั่นเป็นเพราะพบว่าตอนนี้กำลังตกอยู่ในสนามพลังปกปิดสัญญาณบางอย่าง และที่ยิ่งไปกว่านั้น ชายฉกรรจ์ 3 คนโผล่ออกมาดักหน้าเอาไว้ ท่าทางนั้นเหี้ยมเกรียมดุร้ายเป็นอย่างยิ่ง
“ตาแก่นั่นบอกว่าแกเป็นแค่เด็กหนุ่มคนหนึ่ง ฉันเองก็ไม่ค่อยเชื่อมากนัก แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้โกหกเลย หวังว่าข่าวที่ให้มาเกี่ยวกับทรัพย์สินของแกจะเป็นความจริงด้วยเหมือนกัน” ผู้ชายคนที่ยืนนำหน้าอยู่ถือมือทั้ง 2 ข้างเข้าหากัน เอ่ยคำพูดที่ฟังดูกำกวมเข้าใจยากเล็กน้อยออกมา
“ตาแก่!?” คิ้วของเดวิดขมวดเข้าหากัน ชายชราเจ้าของร้านคนนั้นนะหรือ? ตาแก่นั่นขายข้อมูลของเขาให้กับโจรกระจอกพวกนี้? มันไม่ใช่วิสัยของยอดฝีมือเลยนี่นา? หรือว่าตัวเองจะเข้าใจผิดเกี่ยวกับตัวตนของชายชราคนนั้น!?
เดวิดไม่มีเวลาให้คิดมากนัก เพราะหัวหน้าของกลุ่มชายฉกรรจ์กล่าวออกมาอีกครั้งแล้ว “เอาล่ะ! แกน่าจะรู้ธรรมเนียมวิธีปฏิบัติดีอยู่แล้วใช่มั้ย ถ้าไม่อยากตายก็ส่งแหวนเก็บของออกมาให้พวกเราเสียดี ๆ”
เดวิดถอนหายใจออกมาเล็กน้อย เจ้าคนที่พูดมากอยู่ในตอนนี้มีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับร่างสมบูรณ์ ส่วนลูกน้องอีก 2 คนที่เหลือยังเป็นแค่เฟสเซอร์ กลุ่มโจรที่มีความแข็งแกร่งแค่นี้คิดจะปล้นเขา? นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน
วูบ!
ร่างของลูกเสือดำตัวน้อยปรากฏขึ้นบนไหล่ด้วยสภาพงัวเงีย เดวิดจับมันยกขึ้นมาตรงหน้า พร้อมกับกล่าวสั่งการออกไปง่าย ๆ
“ฟลินท์! แกจัดการพวกมันให้ฉันหน่อย อย่าเอาให้ถึงตายล่ะ! เสร็จแล้วก็ตามมาเร็ว ๆ อย่าให้เสียเวลามากนัก”
เจ้าเสือดำน้อยตอบสนองต่อคำสั่งด้วยเสียงคำรามและกงเล็บที่ตวัดใส่ใบหน้าของเขาอย่างหงุดหงิด นี่มันใช่เวลามั้ย?
“เฮ้ย! แกคิดว่าจะจากไปง่าย ๆ อย่างนั้นหรือ อ๊าก!!” เสียงของลูกสมุนคนหนึ่งตะโกนก้องออกมาเมื่อเห็นเดวิดหมุนตัวเดินจากไปอย่างไม่สนใจในการปล้นครั้งนี้เลย ก่อนที่เสียงร้องอย่างเจ็บปวดจะดังขึ้น แม้ว่าฟลินท์จะไม่ชอบใจนัก แต่มันก็ขัดคำสั่งของเดวิดไม่ได้ และกงเล็บน้อย ๆ ก็เริ่มทำหน้าที่จู่โจมออกไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นอีกประมาณ 20 นาที เดวิดก็มาหยุดยืนอยู่หน้าประตูขนาดใหญ่ เมืองของตระกูลฮันเตอร์ดูเหมือนว่าจะแบ่งเป็นชั้นนอกและชั้นใน ตรงหน้าเขามีกำแพงทอดตัวยาวล้อมรอบภูเขาแบ่งอาณาเขตเอาไว้อย่างชัดเจน กำแพงชั้นในนี้ดูจะสูงใหญ่และแข็งแรงกว่ากำแพงเมืองด้านนอกเสียด้วยซ้ำ และเมื่อได้มามองเห็นในระยะใกล้ เดวิดก็อดทึ่งกับขนาดของภูเขาลูกนี้ไม่ได้ ยอดของมันสูงเสียดฟ้าจนมองด้วยสายตาไม่เห็น มนุษย์กลายเป็นแค่มดตัวเล็ก ๆ เท่านั้นเมื่อเทียบกับความยิ่งใหญ่ของภูเขาอันเป็นที่ตั้งอย่างแท้จริงของตระกูลฮันเตอร์
เดวิดรอจนฟลินท์กระโจนขึ้นมานั่งลงบนบ่าและจัดท่าทางการนอนของตัวเองได้อย่างมั่นคง เขาเอื้อมมือออกไปลูบหัวมันพร้อมกับสื่อสารสั่งการอะไรที่ทำให้เจ้าตัวน้อยคำรามอย่างหงุดหงิดออกมาอีกน้อย ก่อนจะพาตัวเองและเจ้าเสือน้อยเดินผ่านประตูเมืองชั้นในเข้าไปอย่างไม่ลังเล
ไม่มีการตรวจสอบอะไรทั้งสิ้น ดูเหมือนว่าเหล่ายอดฝีมือระดับร่างสมบูรณ์ที่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยของกำแพงเมืองชั้นในจะได้รับแจ้งแล้วว่าจะมีแขกมาเยือน พวกเขาปล่อยให้เดวิดเดินผ่านไปอย่างง่าย ๆ โค้งตัวพร้อมกับผายมือบ่งบอกทิศทางให้มุ่งหน้าเข้าไปด้านในเสียด้วยซ้ำ
“ดูเหมือนว่านายจะใช้เวลาทำธุระอย่างเต็มที่เลยนะ! หลายเดือนทีเดียวกว่าจะมาหาฉันได้! ฉันคิดถึงนายจะแย่อยู่แล้วรู้มั้ย?” หลังจากผ่านประตูเข้ามาได้เกือบ 20 นาที ในที่สุดเดวิดก็ได้พบกับแอลลิสัน คุณหนูของตระกูลฮันเตอร์แสดงความดีใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด ออกมาต้อนรับและจับมือของเขาจูงเข้าไปด้านในของภูเขาใหญ่ที่ขุดเอาไว้เป็นห้องโถงที่ประดับประดาอย่างหรูหราด้วยตัวเอง
“แต่ฉันก็มาแล้วไม่ใช่หรือยังไง?” เดวิดไม่ขัดขืน เขาแค่พึมพำโต้ตอบออกมาเล็กน้อย ก่อนที่จะปล่อยให้ตัวเองถูกสาวน้อยลากตัวไปง่าย ๆ สายตากวาดมองสำรวจดูสภาพแวดล้อมรอบตัวแบบทึ่ง ๆ เล็กน้อย ที่ด้านล่างของภูเขาลูกนี้ถูกเจาะสร้างเป็นอาคารต่าง ๆ มากมาย ป้อมปราการของตระกูลฮันเตอร์!? มันจะน่าเกรงขามเกินไปหน่อยแล้ว!
“ไปกันเถอะ! ท่านพ่อกับเหล่าผู้อาวุโสกำลังรอพบนายอยู่” แอลลิสันหันกลับมาเร่งอีกครั้ง