ตอนที่ 45 พี่สาวไป่ใจกว้าง
เย่อันผิงคิดไม่ออก
เขาทำภารกิจของไป่เยวี่ยซินเพื่อส่วนลด
พูดตามตรรกะ ถ้าไป่เยวี่ยซินหายหดหู่ งานควรลุล่วง แต่ทำไม’คูปอง’ถึงไม่มา และนางกลับมาเกาะติดเขาแทน?
หรือว่ารางวัลสำหรับงานในเกมจะตั้งโดยผู้ผลิตเกม ไม่เหมือนกับโลกจริง?
เย่อันผิงหน่ายใจ ถ้าไม่มีส่วนลด จำนวนของและสมุนไพรที่เขาซื้อในภายหลังจะลดลงไป
เขายืนมองหน้าต่าง มองผ่านรูกระดาษ เห็นไป่เยวี่ยซินกำลังทำความสะอาดและถอนหายใจ จากนั้นก็กลับเตียง เริ่มทำสมาธิ ถ่ายพลังหยางส่วนเกินเข้ากับพลังปราณและขับไล่ออกจากตัว
ในเกม เคล็ดวิชานี้ควบคู่กับเคล็ดวิชาลับเก้าองค์ประกอบหัวใจและวิชากระบี่ซักถามคือหนึ่งในกลยุทธ์ที่ดีสุด
การผสมผสานลงตัว ความเร็วบ่มเพาะสูง มันง่ายที่ผู้เล่นจะพัฒนาพอพิจารณาถึงพลังต่อสู้ในช่วงแรกและมันยังสับไปวิชาอื่นในช่วงกลางถึงหลังได้ พวกเขาไม่ต้องฝึกเป็นสิบปี
นั่นทำให้เย่อันผิงเลือกมัน
แต่ตอนนี้มันดูเหมือนเขาจะเลือกผิด
การผสมผสานนี้มีผลข้างเคียงที่เกมไม่มี
แต่เย่อันผิงสามารถเข้าใจได้ว่าทำไมเกมถึงไม่มีผลนี้
เพราะมันเป็นเกมที่เหมาะกับทุกวัย
และผลข้างเคียงนี้จะพบในเกมติดเรทเท่านั้น
ในแง่ของความรู้สึกทางกาย เขาไม่คิดว่ามันเป็นปัญหาใหญ่ เขาสามารถสะสมพลังหยางโดยการปรับลมหายใจและควบแน่นมัน แต่นี่อาจเพราะฐานบ่มเพาะปัจจุบันเขายังต่ำไป
พอคิดแบบนี้ เย่อันผิงก็หงุดหงิด นี่หมายคาวมว่าเขาต้องหาคู่บ่มเพาะเหรอ?
แต่ซีเยว่อยู่ในอาณาจักรนภาเย็น อาณาจักรนั้นคือแผนที่ช่วงกลางถึงปลาย ไปที่นั่นก็เท่ากับรนหาที่ตาย
ไม่มีทางอื่นนอกจากใช้ผู้หญิงเหรอ?
เช่นสิ่งที่มีพลังหยินสู.
อย่างอสูรแมวหรือจิ้งจอกหรืออะไร แต่สัตว์อสูรแพงมาก เขาไม่สามารถเลี้ยงได้ต่อให้ซื้อมาได้
หรือ เขาจะไปสุสานเพื่อหาผีสาวและคุยกับพวกนาง?แต่ถ้าเขาโดนสาปหรือสิง มันจะยุ่ง
สุดท้าย ทั้งหมดที่เขาคิดได้คือน้องสาวเขา รากปราณน้ำเดี่ยวของน้องสาวเขาคือกายหยินสุดขั้ว
ขอแค่เขากอดน้องสาวเพื่อหลับนอนทุกวัน พลังหยางทั้งหมดจะโดนร่างกายนางหักล้าง
แต่
“ข้าไม่รู้ว่าน้องสาวจะเต็มใจนอนกอดกับข้าทุกคืนไหม…ช่างมัน ไม่ต้องรีบ ข้าจะคิดเมื่อข้าไปถึงอาณาจักรก่อตั้งรากฐาน”
เย่อันผิงวางเรื่องนี้ไว้ก่อนและกลับไปเรื่องสำนักเจ็ดมือสังหาร
มันถึงเวลาต้องไปพบเฟิงหยูเตี๋ยและคุยกับนาง
“อืม..”
หลังคิดสักพัก เย่อันผิงก็ลุกออกเตียง เปลี่ยนชุด เปิดประตู ตั้งใจจะขอให้ไป่เยวี่ยซินช่วยเขาส่งข้อความให้เฟิงหยูเตี๋ยมาหา
ไป่เยวี่ยซินกำลังถูพื้นอยู่ และตอนนางเห็นเย่อันผิงออกมา นางก็รีบวิ่งมาหาเขา
“เจ้ายังรู้สึกไม่สบายอีกไหม?เจ้าอยากให้ข้าพาเจ้าไปหาหมอไหม?”
“ไม่..ข้าปรับลมหายใจแล้วและผ่อนคลายขึ้นเยอะ”
“โอ้..”ไป่เยวี่ยซินพยักหน้าและลากเขาไปโถงหลัก“นี่ ข้าทำข้าวต้มให้เจ้า ลอง..”
เย่อันผิงโดนนางลากไปโต๊ะ และพอเห็นชามข้าวต้มหลากสีที่ยังเดือดเหมือนแมกม่า เขาก็ขมวดคิ้ว
“พี่สาวไป่…”
“หือ?”
“ท่านว่าข้าวต้มนี่ดูกินได้ไหม?”
“เอ่อ..”ไป่เยวี่ยซินเม้มปากอายๆและยิ้ม“ก็นี่เป็นครั้งแรกของข้านี่ ข้าคิดว่าเจ้าป่วยเยอะ ข้าเลยใส่สมุนไพรไปด้วย ไม่คิดว่ามันจะเป็นสีนี้ แต่ข้าชิมแล้ว มันไม่เลวเลย”
“..”
เย่อันผิงพูดไม่ออก พอได้ยินว่าใส่สมุนไพรไป เขาก็หยิบช้อนขึ้นมาชิม
“เป็นไง?”ไป่เยวี่ยซินนั่งข้างๆ มองเขาอย่างคาดหวัง
“อืม…ก็พอกินได้”
“ฮี่ๆ..”ไป่เยวี่ยซินหัวเราะและยื่นมือไปแตะหัวเย่อันผิงโดยไม่รู้ตัว“ดีจริง ข้ามีอีกเยอะเลยนะในหม้อ”
เย่อันผิงลังเลไปชั่วขณะและพูดตรงๆ“พี่สาวไป่ แม้มันจะไม่ค่อยสุภาพนัก แต่ข้าก็จะพูดตรงๆ ข้ามีคนที่ข้าชอบอยู่แล้ว…ฉะนั้น ถ้าท่านอยากให้ข้าเป็นคู่บ่มเพาะของท่าน โปรดยอมแพ้..”
ไป่เยวี่ยซินยิ้มอึดอัดและพยายามเคกหัวของเย่อันผิง แต่เขาหลบ
นางหยุด“สมองน้อยๆของเจ้าคิดอะไรอยู่?”
“อะไรนะ?”
“ข้าแค่คิดว่าเจ้าเหมือนน้องชายข้ามาก ข้าเลยอยากดูแลเจ้า นอกจากนี้ เจ้าอายุเท่าไร?ข้าอายุเกือบสี่สิบห้าแล้ว ข้าจะไปชอบถั่วน้อยอย่างเจ้าได้ไง?”
“งั้นเหรอ?”
คงไม่ง่ายขนาดนั้น..ไป่เยวี่ยซินคิดกับตัวเอง”ยังไงซะ ข้าเต็มใจดูแลเจ้า แค่ยอมรับมัน ข้าไม่อยากให้เจ้ามอบอะไรให้ข้า อะไร เจ้ากลัวว่าข้าจะขู่เจ้าเหรอ/’
“ใช่ ข้ากลัว’
‘..”
เย่อันผิงตักข้าวต้มเข้าปากและถาม”ข้าได้ยินท่านพูดกับผู้อาวุโสเรื่องสำนักเจ็ดมือสังหาร เกิดอะไรขึ้นในสำนักดาวดำหรือ?’
“คือ..เจ้าห้ามบอกใครนะ ข้าบอกเจ้าเพราะข้าไว้ใจเจ้า”ไป่เยวี่ยซินโน้มตัวไปใกล้หูเขา“เมื่อวาน คนจากสำนักเจ็ดมือสังหารโจมตีศิษย์บางคน ผู้อาวุโสเล่ยโกรธจัด เขาเรียกรวมผู้อาวุโสทั้งหมดและตัดสินใจจะทำการกำจัดสำนักเจ็ดมือสังหาร”
ด้วยการยืนยันของไป่เยวี่ยซิน เย่อันผิงจึงโล่งใจ เขายักไหล่”มันไม่เกี่ยวกับข้า’
“มันไม่สำคัญ เจ้าต้องระวังตัว ถ้ายังมีคนจากสำนักเจ็ดมือสังหารซ่อนในตลาดละ?คนเลวพวกนี้จะทำได้ทุกอย่างเพื่อเงิน!แม้กระทั่งจับเด็ก!”
“พี่สาวไป่ ท่านไม่ต้องพูดเหมือนข้าเป็นเด็กเล็ก”
“ก็ได้ ก็ได้ เห็นได้ชัดว่าเจ้าไม่ได้อายุเยอะนัก หน้าตานี้ก็ไม่ได้น่ารักเลย ไม่ควรเป็นเด็กน้อยเกาะติดพี่สาวและทำตัวน่ารักสินะ?”
ไป่เยวี่ยซินมองเขาและถอนหายใจ แต่จากนั้นก็ยิ้มและอ้าแขน
“มามะ..อ้อมกอดของพี่สาวเปิดให้เจ้าเสมอ ถ้ามันมืดเกินไป และนอนไม่หลับ ก็บอกพี่สาว พี่สาวจะไปนอนด้วย”
เย่อันผิงตักข้าวต้มอีกคำและถาม“ท่านช่วยทำอะไรอย่างหนึ่งให้ข้าได้ไหม?”
“โอ้?บอกข้ามา!อะไร?”
“ท่านช่วยส่งข้อความให้ศิษย์สำนักดาวดำได้ไหม?”
“ข้อความอะไร?”
“ข้าจะเชิญนางมากินข้าวเย็น ข้าหวังว่านางจะมาเจอข้าเมื่อนางว่าง”
“อืม…”
ไป่เยวี่ยซินคิดสักพักและพลันจำได้ว่าเย่อันผิงบอกว่าเขามีคนที่ชอบ
หรือว่าคนที่เขาชอบจะเป็นศิษย์ดาวดำ?
แม้นางจะไม่สบายใจ แต่สุดท้ายก็ตกลง ยังไงซะ เย่อันผิงก็บอกว่าเขาจะเลี้ยงข้าวเย็น ซึ่งหมายความว่ายังไม่สร้างความสัมพันธ์…
ไป่เยวี่ยซินพยักหน้าและถาม“แล้วใครละ?”
“เฟิงหยูเตี๋ย”
หลังได้ยินชี้นี้ รอยยิ้มบนหน้าไป่เยวี่ยซินก็แข็ง
“เจ้ารู้จักกันเหรอ?”
“คือ เราไม่ได้รู้จักกัน ข้าแค่อยากเจอนางและขยายธุรกิจของข้า’
“ธุรกิจ?”
เย่อันผิงพยักหน้า“ใช่ ข้าอยากขอให้นางช่วยข้าโฆษณาศูนย์ของข้า ศิย์หลอมลมปราณที่ชนะการทดสอบกระบี่กับผู้ฝึกอาณาจักรก่อตั้งรากฐานบอกว่าที่นี่ดี เป็นไ?”
ไป่เยวี่ยซินขมวดคิ้ว“เจ้าวายร้ายตัวน้อย เจ้าคิดจะทำให้พี่สาวโกรธหรือไง?เจ้าเชื่อไหมว่าข้าจะตีก้นเจ้า?!”
“ไม่ต้องห่วง ข้าจะช่วยท่านสั่งสอนนางเอง”
“ก็ได้ ข้าจะคุยกับนางให้ แต่อย่าป่าวประกาศคำนี้ ไม่งั้นข้าจะถลกหนังเจ้า!”
“ข้าแค่พูดเล่นหน่า พี่สาวไป่’
ไป่เยวี่ยซินมองเขาเคืองๆ แต่ก็ถอนหายใจ“ถ้าเจ้าแพ้ ก็แพ้ ข้าคิดถึงมันนานแล้ว ข้าไม่อยากแข่งกับนาง ฮึ่ม!”
ปล.ฝากติดตามนิยายใหม่แอดด้วยน้า สนุกมาก ใครมาสายกลยุทธ์ ระบบนิดๆ ใครแฟนพันธ์แท้สามก๊กอย่าพลาด อ่านนิยาย สามก๊ก : ย้อนเวลาไปเป็นยอดกุนซือแห่งยุค - ไทยโนเวล (thai-novel.com)