ตอนที่ 44 พี่ชายไม่ถูกสงสัย
ไม่นานหลังหนีออกมาบนกระบี่บินของเหลียงจู้ เย่อันผิงก็เห็นพายุสายฟ้าเหนือภูเขาหลังดาวดำและไม่ต้องคิดก็รู้ว่าเป็นเล่ยว่านจวินที่ระเบิดความโกรธ
ตอนนี้ เขาโล่งใจ
เขาบรรลุเป้าหมายแรกในแผนของเขาแล้ว
ตอนนี้ เล่ยว่านจวินอาจเกลียดสำนักเจ็ดมือสังหารเข้ากระดูกและอดใจรอไม่ไหวที่จะบินไปจู่โจม
แต่กรณีนั้นคือเล่ยว่านจวินต้องรู้ก่อนว่าสาขาหลักของสำนักเจ็ดมือสังหารอยู่ไหน
ไม่ว่ายังไง สำนักเจ็ดมือสังหารก็คือองค์กรที่ดำรงอยู่ในภพสวรรค์โจวซิงมาเกือบพันปี
ถ้ามันหาสาขาหลักเจอง่ายๆ พวกเขาคงโดนกำจัดไปนานแล้ว
ดังนั้น ความพยายามของดาวดำที่จะกำจัดเจ็ดมือสังหารก็เหมือนการกำจัดหนู
แน่นอน หนูไม่อาจคุกคามดาวดำได้ แต่อย่างที่รู้ พวกมันสร้างหลุมไว้ทุกทิศทาง
ต่อให้ดาวดำจะเอาจริง ก็ไม่มีทางกำจัดได้ทั้งหมดในเวลาสิบหรือยี่สิบปี
เย่อันผิงมักเชื่อว่า’ความบาดหมางไม่อาจอยู่ได้ทั้งคืน’
ยิ่งยื้อนาน ยิ่งหลุดการควบคุม
บางทีตอนดาวดำจับ’หนู’ได้ทีหลัง พวกเขาคงตระหนักว่าพวกเขาถูกใช้เป็นเครื่องมือในท้ายที่สุด
ดังนั้น เขาจึงต้องยืนมมือคนส่งตำแหน่งสาขาหลักของเจ็ดมือสังหารให้ผู้อาวุโสดาวดำ
แต่สำหรับว่าจะกระจายยังไง เขาไม่สามารถไปหาเล่ยว่านจวินและบอกซึ่งๆหน้าได้ว่า’สำนักเจ็ดมือสังหารอยู่ตรงนั้น!ไปเลย!’
นั่นจะเผยเจตนาเขา และทุกคนย่อมสามารถเข้าใจได้ทันทีว่าโดนหลอกใช้
อย่างไรก็ตาม เย่อันผิงคิดแผนไว้แล้ว
สิ่งเดียวที่เขาไม่มั่นใจคือเฟิงหยูเตี่ยจะเต็มใจยอมโดนมัดไหม
..
เย่อันผิงกับเหลียงจู้พบเนินเขาเพื่อทำป้ายหลุมศพให้คนอื่น หลังจัดงานศพง่ายๆ ทั้งสองก็แยกทาง
ตอนเขากลับไปตลาดเมืองดาวดำ มันก็กลางดึกแล้ว
ไม่ช้า ดวงอาทิตย์ก็เริ่มเผยตัวจากหลังเขา
ตลาดในตอนเช้าครึกครื้น เย่อันผิงไปซื้อของกินตอนเช้าและได้ยินทุกคนคุยถึงเรื่องที่เกิดในดาวดำ
เย่อันผิงพอใจกับตัวเอง หลังกินข้าวเช้าอย่างมีความสุข เขากลับไปศูนย์กายภาพบำบัด เขาคิดจะปิดร้านและพักสักสองวัน
เขาหลับไม่เต็มอิ่มตลอดสองวันตอนเขาพาพวกเหลียงจู้ไปภูเขาหลังของดาวดำ
หลังอาบน้ำ เขาก็ทิ้งตัวลงนอนทันที
การนอนฝันดีหลังเหนื่อยมาหลายวันคือการฝันหวาน เย่อันผิงฝันถึงซีเยว่ สาวที่เขามักอยากแต่งงานด้วย
พวกเขาจับมือและกอดกันริมทะลสาบ จีบกัน แม่นางซีเยว่ยิ้มอายๆและตอนริมฝีปากทั้งสองกำลังจะแตะกัน…
ปัง!
เสียงดังมาจากศูนย์บำบัดของเขา ทำลายภาพฝัน
เย่อันผิงตกใจ แต่ตอนกำลังจะดีดตัวขึ้น เขาพลันพบว่าทั้งตัวเขาร้อนแผดเผาเหมือนตันเถียนติดไฟ
เขาลังเลสักพัก จากนั้นก็เลือกเมินความวุ่นวายในนี้และกลั้นหายใจเพื่อตรวจสอบตัวเขา
เขาตรวจเส้นชีพจรด้วยสัมผัส ตรวจสอบจุดชีพจรทีละจุดและพบว่าเขาทะลวง ฐานบ่มเพาะเลื่อนจากหลอมลมปราณขั้นสามเป็นห้า
แต่เพราะทะลวงสองขั้น พลังหยางจึงรวมกันที่หน้าท้องเขา และมันก็ไม่มีที่ระบาย ตัวเขาเลยหลั่งเหงื่อ
“บ้าจริง..”
เย่อันผิงกลัวเล็กน้อย แต่ตอนเขาคิดถึงสิ่งที่หวังเส้าเหรินพูดก่อนหน้า..
การฝึกเคล็ดบ่มเพาะของสำนักแม่น้ำหยางและเคล็ดวิชาลับเก้าองค์ประกอบหัวใจพร้อมกันสามารถนำไปสู่พลังหยางที่เกินและอุดตันอวัยวะภายใน ถ้าสถานการณ์ไม่ดี ปัญหาจะเพิ่ม
“เป็นงี้เอง..”
เวลานี้ เสียงของผู้ชายและผู้หญิงดังขึ้น
“เบาหน่อยสิ!ค้นก็คือค้น ใครใช้ให้เจ้าทำลายประตู!”
มันฟังเหมือนเสียงของไป่เยวี่ยซิน
“อา…ศิษย์พี่ไป่ เราต้องตรวจสอบตลาดให้ถี่ถ้วน ร้านนี้ไม่เปิดหลายวัน..มันไม่ใช่ว่าท่านไม่รู้เรื่องที่เกิดในภูเขาหลังเมื่อวาน ร้านนี้น่าสงสัยมาก..”
ไป่เยวี่ยซินเถียง“น่าสงสัยอะไร?!มันแค่บังเอิญ นี่ไม่ใช่ร้านเดียวที่ปิด!”
“ใช่ เรารู้ นั่นทำให้เราไปค้นร้านอื่นด้วย”
“งั้นก็ตรงไปร้านพวกนั้นเลย ร้านนี้ไม่มีอะไรผิดปกติแน่ เจ้าของร้านคือผู้บ่มเพาะน้อย เขาจะไปเกี่ยวกับสำนักเจ็ดมือสังหารได้ไง?!”
“แต่…”
หลังได้ยิน เย่อันผิงก็เข้าใจว่าเกิดอะไร
แน่นอน เขาคิดว่าดาวดำต้องมาตรวจสอบเขา และเดิมเขาคิดจะใช้ข้ออ้างกลับไปสำนักร้อยดอกบัวเพื่อเยี่ยมพ่อแม่ แต่ตอนนี้พลังงานเขาดันล้น ซึ่งทำให้เขาดูเหมือนคนป่วย
เช่นนั้น..
เย่อันผิงรีบลุกออกจากเตียง ผลักเปิดประตูห้องนอนออกไป แกล้งทำเป็นป่วยและไอหลายครั้ง
“แค่กแ แค่ก มีเรื่องอะไร?”
พอเห็นใบหน้าซอมซ่อและแดงก่ำของเย่อันผิง ไป่เยวี่ยซินก็รีบวิ่งมาถาม“อันผิง เจ้าเป็นอะไร?”
“ข้าไม่ค่อยสบาย เหมือนไข้เย็น ข้าเลยปิดร้าน”
“อา?!”ไป่เยวี่ยซินแตะหน้าผากเขาและรีบนำเม็ดยาออกมา“ทำไมเจ้าไม่บอกข้า?!ข้าสามารถมาดูแลเจ้าได้ สองวันนี้เจ้านอนบนเตียงอย่างเดียวเลยเหรอ?”
ศิษย์ที่เถียงกับไป่เยวี่ยซินเดินมา และจากเสื้อผ้า มันเห็นได้ว่าเขามาจากยอดเขากลางของดาวดำ ศิษย์เหล่านี้รับผิดชอบการลาดตระเวนและเป็นเหมือนตำรวจ
เขาก้าวมา มองเย่อันผิงขึ้นลงและถาม“เจ้าคือเจ้าของร้านนี้?”
“ข้าเอง”เย่อันผิงแกล้งทำเป็นงงและถาม“มีอะไรหรือ?”
“เจ้าช่วยบอกเราได้ไหมว่าสามวันที่ผ่านมาเจ้าอยู่ไหน..”
‘ไม่เห็นหรือไงว่าเขาป่วย?เจ้ายังถามหาอะไรอีก?!“ไป่เยวี่ยซินขมวดคิ้ว”ไปซะ ข้าบอกเจ้าแล้วว่าเขาไม่เกี่ยว!”
เย่อันผิงตอบ“อย่างที่เห็น ข้าทนทุกข์จากไข้เย็นมาหลายวันแล้ว ข้าอยู่ในอาณาจักรหลอมลมปราณเท่านั้น ข้าต้องพักฟื้นบนเตียง”
“อา เช่นนั้นเอง..”ศิษย์พยักหน้า หยิบสมุดมาจดและถาม“เจ้ามีป้ายตัวตนหรืออะไรไหม?”
เย่อันผิงหยิบป้ายตัวตนออกมาและส่งให้เขาตรวจ
พอเห็นว่าเป็นนายน้อยของสำนักร้อยดอกบัว เขาก็ไม่สอบปากคำต่อ และหลังขอโทษ เขาก็รีบออกไปพร้อมคนของเขา
สุดท้าย พอเห็นว่าพวกเขากำลังจะไป ไป่เยวี่ยวินก็วิ่งตามไปและตะโกน“เห้ย!เจ้าทำลายประตูของเขา เจ้าต้องจ่าย..”
แต่ตอนนางไปถึงประตู นางก็คิดถึงเย่อันผิงและรีบวิ่งกลับมา พบว่าเขากลับห้องนอนและขังตัวเองไว้ข้างใน
“อันผิง เจ้าล็อคประตูทำไม..”
เสียงของเย่อันผิงดังจากภายในห้อง“พี่สาวไป่ นี่เป็นห้องนอนข้า ไม่ใช่ห้องนั่งเล่นนะ”
“ห้องนอนแล้วไง…”ไป่เยวี่ยซินเม้มปากและกระซิบ“ไม่ใช่ว่าข้าไม่เคยเข้าไปนอน…และเราก็เคยนอนด้วยกันมาแล้ว..”
“..”
ไป่เยวี่ยซินรอที่ประตูสักพัก พอเห็นว่าเย่อันผิงไม่เต็มใจเปิดประตูให้ และมันคงไม่เหมาะที่จะทำลายประตู นางเลยยอมแพ้
นางมองสภาพแวดล้อมที่ไม่ได้เก็บกวาดเลย และจากนั้นก็หยิบไม้กวาดมาช่วยเย่อันผิงทำความสะอาด จากนั้นก็ไปเตาเล็กๆข้างหลังและต้มข้าวต้มให้เขา