ประการแรกคือศาสตร์การหายใจของงูทมิฬ ด้วยผลของยาลับงูทมิฬวันละเม็ด รีไวล์ใช้เวลาน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ถึงสองในสามก็มาถึงขีดจำกัดของขั้นสามแล้ว แต่ว่านี่ไม่ใช่ขีดจำกัดของศาสตร์การหายใจของงูทมิฬ

เพียงแต่ว่าศาสตร์การหายใจของงูทมิฬจากขั้นสามไปถึงขั้นสี่ ต้องผ่านขั้นตอนสำคัญที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ นั่นคือการรวมเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต เมื่อรวมสำเร็จ รีไวล์ก็จะเป็นอัศวินอย่างเป็นทางการแล้ว ในครั้งนี้จะทะยานขึ้นสู่ฟ้า

ส่วนเทคนิคการหายใจหมาป่าเกล็ดน้ำแข็ง เนื่องจากคุณภาพโดยรวมค่อนข้างต่ำ ความแตกต่างของการฝึกศาสตร์การหายใจก็ไม่ต่างกันมากนัก บวกกับว่ารีไวล์เองก็อยู่ในระดับอัศวินฝึกหัดอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อฝึกจึงไม่ยากเย็นนัก

ศาสตร์การหายใจของสายเลือดนี้ในช่วงแรกยากที่จะเริ่มต้น แต่เมื่อบันทึกไว้ในแผงความชำนาญแล้ว ก็จะฝึกได้ดีมาก

ผลที่เกิดจากการฝึกเทคนิคการหายใจหมาป่าเกล็ดน้ำแข็งนั้นโดดเด่นเป็นพิเศษ

ความคล่องแคล่วและความว่องไวของรีไวล์นั้นเหนือกว่าเมื่อก่อนมาก เมื่อช่วงก่อนเขาตั้งใจไปที่ภูเขานิลกาฬซึ่งอยู่ลึกเข้าไปเพื่อหาฝูงหมาป่าที่ประกอบด้วยหมาป่าภูเขาสิบกว่าตัวมาทดสอบพลังของตัวเอง

ผลก็คือ ในกรณีที่ไม่ได้สวมเกราะ รีไวล์ใช้ศาสตร์การหายใจของงูทมิฬและเทคนิคการหายใจหมาป่าเกล็ดน้ำแข็งที่สมบูรณ์แบบขั้นสาม บวกกับการฟันด้วยกางเขนทองคำขั้นสาม สังหารหมาป่าภูเขาสิบตัวได้อย่างง่ายดาย

นี่เหนือกว่าระดับอัศวินฝึกหัดไปมากแล้ว อัศวินอย่างเป็นทางการทั่วไป หากไม่ได้สวมเกราะ ก็จะรับมือกับหมาป่าภูเขาได้มากที่สุดสิบกว่าตัว

ดังนั้น รีไวล์ประเมินว่าพลังของตัวเองอยู่นอกเหนือจากอัศวินฝึกหัด ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าอัศวินอย่างเป็นทางการทั่วไป เพียงแต่ยังไม่มีคู่ต่อสู้ตัวจริงมาพิสูจน์ในทางปฏิบัติ

อัศวินเฟร็ดและรีไวล์ประลองกัน เขามักจะยอมรีไวล์โดยไม่รู้ตัว ทำให้ยากที่จะตรวจสอบพลังที่แท้จริงของรีไวล์

ส่วนเทคนิคการใช้ดาบการฟันด้วยกางเขนทองคำ ก็ใกล้จะถึงจุดพัฒนาแล้ว หากไม่มีอะไรผิดพลาด ในช่วงเดือนลมเหนือที่จะมาถึงนี้ก็จะสามารถพัฒนาไปถึงขั้นสี่ได้แล้ว ครอบครองพลังคลื่นที่รีไวล์เฝ้ารอคอย!

วันนี้ รีไวล์ยู่บนหอคอย มองดูอัศวินเฟร็ดนำทีมออกเดินทางพร้อมกับรถม้า มุ่งหน้าไปทางทิศไกล

ถึงเวลาต้องส่งของให้กับอัศวินแห่งเมืองสายลมหนาวอีกแล้ว ในช่วงเวลานี้ รีไวล์เตรียมชุดเกราะไว้ทั้งหมดสิบสองชุด เขาเก็บไว้ห้าชุด แบ่งให้ทหารอาสาสมัครที่แข็งแกร่งที่สุดในกองทัพของตัวเองห้าคน ส่วนชุดเกราะอีกเจ็ดชุดให้ทีมของอัศวินเฟร็ดนำไปส่งที่เมืองน้ำแข็ง พร้อมกับให้เขาซื้อน้ำมันชะมดในเมืองให้ด้วย

เดิมทีเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่รีไวล์ทำเอง แต่เขารู้สึกว่าช่วงสองสามวันนี้เป็นช่วงเวลาทองที่ตัวเองจะรวมเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต ไม่ต้องการให้เสียเวลา

ดังนั้น จึงได้แต่ขอให้อัศวินเฟร็ดไปแทนตัวเอง แต่ด้วยความน่าเชื่อถือของอัศวินเฟร็ด รีไวล์เชื่อว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ตอนนี้ในบัญชีมีเหรียญทองทั้งหมดสามร้อยกว่าเหรียญ ขายสินค้าชุดนี้ไปน่าจะได้เหรียญทองอีกสามร้อย เหรียญทองหกร้อยก็น่าจะพอให้ข้าฝึกฝนได้สักพัก” รีไวล์พึมพำกับตัวเอง

หลังจากมองดูทีมของอัศวินเฟร็ดหายลับไปในเส้นขอบฟ้าแล้ว รีไวล์ก็หันกลับไปที่ปราสาท ปิดประตู

ต่อไปนี้คือช่วงเวลาที่สำคัญอย่างยิ่ง

ฝึกศาสตร์การหายใจมาสองปีเศษ จากผู้ติดตามอัศวินไปจนถึงอัศวินฝึกหัด ในที่สุดก็มาถึงขั้นตอนที่สำคัญที่สุด

เมื่อประสบความสำเร็จ หลังจากนี้ไปรีไวล์ก็ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว

อัศวินผู้เป็นทางการ แม้จะไม่ถึงกับสามารถต่อกรกับศัตรูได้ทุกคน แต่ก็เพียงพอที่จะรับมือกับศัตรูส่วนใหญ่ในโลกนี้แล้ว

...

ภายในห้องนอน หลังจากที่ฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุดแล้ว รีไวล์ก็เตรียมอาหารและน้ำเอาไว้ล่วงหน้า จากนั้นก็มองไปที่ภาพวาดงูทมิฬถือเทียนบนผนัง เริ่มต้นฝึกฝนตามประสบการณ์ที่อัศวินเฟร็ดได้ถ่ายทอดให้กับเขา เพื่อก่อกำเนิดเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต!

เมล็ดพันธุ์แห่งชีวิตที่ว่านี้ หากมองจากมุมมองของชีวิตก่อนของรีไวล์ ก็คล้ายคลึงกับท้องน้อยในชาติก่อน เพียงแต่ว่าท้องน้อยนั้นอยู่ในช่องท้อง ส่วนเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิตอยู่อยู่บริเวณใกล้กับหัวใจ

การหายใจแบบงูทมิฬของรีไวล์ดำเนินไปด้วยความเร็วที่รวดเร็วกว่าปกติอย่างมาก เขาฝึกท่าทางการหายใจแบบงูทมิฬซ้ำแล้วซ้ำเล่า เหมือนกับงูเหลือมที่กำลังเตรียมพร้อมที่จะโจมตี กล้ามเนื้อที่บิดตัวและพันกันอย่างแน่นหนา แฝงไปด้วยพลังที่ไม่มีขีดจำกัด

ควันสีขาวจำนวนมากพวยพุ่งออกมาจากร่างกายของรีไวล์ เขาสัมผัสได้ว่าน้ำในร่างกายกำลังลดลงอย่างรวดเร็ว แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะดื่มน้ำ

รีไวล์ฝืนทนกับความรู้สึกไม่สบายอย่างรุนแรงที่เกิดจากการขาดน้ำอย่างหนัก และยังคงฝึกฝนการหายใจต่อไป เลือดเริ่มเหนียวข้นขึ้น รีไวล์รู้สึกว่าหากยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาอาจจะ...ตาย แต่ตอนนี้ได้มาถึงช่วงเวลาที่สำคัญแล้ว การหยุดกะทันหันก็ไม่ใช่สิ่งที่รีไวล์ต้องการ

"มันต้องสำเร็จสิ!"

ข้าใช้แผงทักษะความชำนาญฝึกฝนมาอย่างยากลำบากทีละนิด จะยอมให้มันล้มเหลวได้อย่างไร!

รีไวล์ตะโกนอยู่ในใจ

ตูม!

เมื่อการหายใจของรีไวล์ดำเนินไปถึงจุดสูงสุด พลังลมอันทรงพลังก็พุ่งทะลุจากแขนขาของรีไวล์ ทั้งหมดไหลเวียนไปตามกระแสเลือด เหมือนกับคลื่นน้ำทะลักมุ่งหน้าไปยังหัวใจของรีไวล์

ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงแผ่ซ่านมาจากหน้าอกด้านซ้าย

เจ็บปวดเหลือเกิน!

ความเจ็บปวดที่แท้จริงในหัวใจ!

รีไวล์รู้ว่านี่คือขั้นตอนสำคัญในการก่อกำเนิดเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต

หากว่าพลังงานนี้ยังไม่เข้าไปในหัวใจ รีไวล์ยังสามารถละทิ้งมันได้ อย่างมากก็แค่หาโอกาสก่อกำเนิดอีกครั้งในภายหลัง แต่เมื่อพลังงานนี้เดินทางมาถึงหัวใจแล้ว ในขั้นตอนนี้ก็ไม่มีโอกาสที่จะละทิ้งมันได้อีกแล้ว

หากไม่สำเร็จ ก็คือ...ตาย!

พลังอันมหาศาลเหล่านี้จะระเบิดหัวใจของอัศวิน ทำให้เครื่องในในช่องอกกระเด็นออกมา

หลาย ๆ คนก็เพราะความตั้งใจไม่แน่วแน่ ในขั้นตอนนี้จึงตายไปโดยตรง!

ยิ่งการหายใจตื้นเท่าไร ขั้นตอนนี้ก็ยิ่งเกิดข้อผิดพลาดได้ง่ายเท่านั้น

โชคดีที่การหายใจแบบงูทมิฬเป็นการหายใจที่มีคุณภาพดีเยี่ยม ดังนั้นความเสี่ยงจึงลดลงไปมาก โอกาสที่จะก่อกำเนิดเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิตได้สำเร็จก็จะสูงขึ้นมาก

การฝึกฝนของรีไวล์ล้วนเป็นการฝึกฝนอย่างมั่นคงทีละขั้นตอนผ่านแผงทักษะความชำนาญ พื้นฐานจึงแน่นหนาเป็นอย่างมาก ในที่สุด หลังจากที่อดทนกับความเจ็บปวดอย่างรุนแรงเช่นนี้เป็นเวลาห้านาที รีไวล์ผู้มีใบหน้าซีดเผือดก็โล่งใจได้ในที่สุด

เขาเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก หัวเราะเสียงดังลั่นอย่างลืมตัว ตั้งแต่ที่ข้ามมิติมาจากปีคริสต์ศักราช 1,000 จนถึงปัจจุบันปีคริสต์ศักราช 1,006

หกปีที่ผ่านมา ตั้งแต่เป็นเด็กฝึกหัดอัศวิน อัศวินผู้ติดตาม อัศวินสำรอง จนถึงตอนนี้

ข้า รีไวล์ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปคืออัศวินผู้เป็นทางการแล้ว!

แม้ว่ารีไวล์จะไม่มีตาที่สามารถมองทะลุได้ แต่หลังจากที่ก้าวเข้าสู่การเป็นอัศวินผู้เป็นทางการแล้ว เขาก็สามารถรับรู้ได้อย่างเลือนลางว่า บนพื้นผิวหัวใจของเขามีแก๊สสีดำรูปร่างคล้ายงูที่กระจัดกระจาย ไม่แน่นอน ปรากฏขึ้นแล้วหายไป อยู่ระหว่างความจริงและความลวง ปลายของแก๊สนี้กระจายออกไปเป็นเส้นเลือดฝอยมากมายที่คลานไปทั่วหัวใจของรีไวล์ และเชื่อมต่อกับหลอดเลือดทั้งหมดบนหัวใจ

"พลังมืด"

0 0 โหวต

Article Rating

0 Comments

Inline Feedbacks

ดูความคิดเห็นทั้งหมด