CD บทที่ 457 เบนท์ลีย์
“ขออภัย หมายเลขที่ท่านเรียกอยู่นอกพื้นที่ให้บริการ…”
“อะไรวะเนี่ย!?”
จ้าวหยู่สบถด้วยวคามหงุดหงิด และไม่มีทางเลือกนอกจากกดวางสาย
มันเป็นครั้งที่หกที่เขาโทรหาเหมี่ยวอิง แต่อีกฝ่ายอยู่นอกพื้นที่ให้บริการ จ้าวหยู่ได้ลองไตร่ตรอง และได้ข้อสรุปเพื่อปลอบใจตัวเอง
‘สงสัยเหมี่ยวอิงคงจะอยู่บนเครื่องบิน’
ดูเหมือนว่าบ้านเกิดของเหมี่ยวอิงนั้นอยู่ห่างไกลมาก เป็นไปได้ไหมว่า… มันอาจจะอยู่ในต่างประเทศ
จ้าวหยู่ต้องการแสดงให้เธอเห็นว่าเขาคิดถึงเธอ นอกจากนี้ เขายังต้องการปรึกษาหารือกับเธอในเรื่องคดีลักพาตัวด้วย เธออาจจะมีมุมมองอื่นต่างจากเขาหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าความหวังนี้คงยากที่จะเป็นจริง
ขณะนั้นเป็นเวลา 23.50 น. แล้ว จ้าวหยู่ยังคงทำงานอยู่ในห้องทำงาน แม้ว่าจะไม่มีเหตุฉุกเฉินใด ๆ แต่ในฐานะหัวหน้าทีม เขาต้องอยู่ในห้องทำงานเพื่อเป็นเสาหลักของทีม
แม้ว่าช่วงฤดูร้อนจะผ่านพ้นไปแล้ว และอากาศเริ่มเย็นลงแล้ว แต่สำนักงานยังคงเปิดเครื่องปรับอากาศไว้ ส่วนใหญ่จะบรรเทาความอึดอัดของพวกนักสืบ และเพื่อให้พวกเขาผ่อนคลาย
ตามปกติจ้าวหยู่จะยืนอยู่หน้าไวท์บอร์ด เขากำลังดูข้อมูลในนั้น เขาพยายามค้นหาเบาะแสใหม่ ๆ จากมัน
จากสิ่งที่จ้าวหยู่เห็น คดีที่อยู่ตรงหน้าเขาแตกต่างจากคดีหลัก ๆ ที่เขาเคยพบมาจนถึงตอนนี้ อาจเป็นเพราะว่าเขาไม่เคยสัมผัสกับคดีลักพาตัวมาก่อน แต่ในใจของเขา เขาเอาแต่คิดถึงคดีฆาตกรรมในแฟลตเมื่อสิบปีก่อน และพอเขาคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็มักจะเสียสมาธิจากหัวข้อปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังคงตระหนักดีว่า สิ่งที่เร่งด่วนที่สุดคือการช่วยลูกสาวของหลันซู่ผิง
‘แต่… ฉันควรทำอย่างไรเพื่อหาตัวประกันให้เจอ? เฟิงกั๋วจะซ่อนเธอไว้ที่ไหน? แล้วใครคือผู้สมรู้สมคิดของเขา? และที่น่าฉงนที่สุดคือพวกเขาหลีกเลี่ยงกล้องวงจรปิดได้อย่างไรในตอนที่ลักพาตัว?
ภาพจากกล้องวงจรผิด เขาเห็นว่าลูกสาวของหลันซู่ผิงมีผมสีดำยาวและดูน่ารัก แต่จู่ ๆ เด็กสาวก็ถูกลักพาตัวไปอย่างกะทันหัน ทางครอบครัวของหลันซู๋ผิงต่างก็กังวลมาก และหวังว่าเด็กสาวจะกลับมาอย่างปลอดภัย
หากมีอะไรผิดปกติกับเด็ก ครอบครัวของพวกเขาจะไม่สามารถอยู่เฉยต่อไปได้…
จากนั้น ตามคำสั่งจากเบื้องบนในแผนกสืบสวน พวกเขาก็เผยแพร่ข่าวของหลันซู่ผิงที่มามอบตัว เนื่องจากหลันซู๋ผิงเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในฉินชาน ข่าวดังกล่าวทำให้เกิดการตอบรับอย่างรวดเร็ว แพร่กระจายไปทั่วอินเทอร์เน็ตและวีแชท
ตำรวจคิดว่าถ้าเฟิงกั๋วให้ความสนใจเรื่องนี้ เขาน่าจะรู้ข่าวแล้ว แต่จ้าวหยู่คิดว่าเฟิงกั๋วจะไม่ปล่อยตัวประกันเร็วขนาดนี้ เขาจะรอจนกว่าหลันซู่ผิงจะถูกตัดสินลงโทษ และหลังจากที่ตำรวจคลี่คลายความคับข้องใจของเขาแล้ว เขาก็จะพิจารณาปล่อยลูกสาวของหลันซู่ผิง
ดังนั้นเวลาจะถูกลากออกไปนานขึ้นมาก และยิ่งใช้เวลานานเท่าใด ตัวแปรก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้น กลยุทธ์ของตำรวจก็คือทำให้เฟิงกั๋วตายใจ หากพวกเขาต้องการช่วยเหลือตัวประกันอย่างรวดเร็ว พวกเขาจำเป็นต้องใช้แนวทางที่แตกต่างออกไป
แต่ถึงอย่างนั้น ทางตำรวจก็ยังไม่พบความคืบหน้าเลย ในการลักพาตัวครั้งนี้ ข้อแตกต่างจากปกติก็คือการเรียกร้องค่าไถ่ ผู้ลักพาตัวส่งข้อความเพียงข้อความเดียว จากนั้นก็หายไปในอากาศ
วิธีการลักพาตัวเช่นนี้ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเจออุปสรรคใหญ่หลวง นอกจากนี้ จ้าวหยู่ยังพิจารณาสิ่งที่อยู่เบื้องหลังของคดีลักพาตัวนี้
ซึ่งนั่นก็คือใครคือฆาตกรตัวจริงที่ฆ่าหลิวเจียวในตอนนั้น? แม้ว่านี่จะเป็นคำถามรองของคดีนี้ แต่จ้าวหยู่รู้สึกว่าหากพวกเขาสามารถเปิดเผยความจริงในเรื่องนั้นได้ คดีลักพาตัวก็จะคลี่คลายลงได้อย่างง่ายดาย!
นอกจากนี้ จากสัญญาณที่ปรากฏ เฟิงกั๋วน่าจะถูกใส่ร้าย เหตุผลที่เขายอมเสี่ยงขนาดนี้ ก็เป็นเพราะเขาต้องการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเขาเอง
‘แล้วถ้าฆาตกรตัวจริงไม่ใช่เฟิงกั๋ว แล้วจะเป็นใครกัน? ถ้าหลันซู่ผิงเป็นฆาตกร ตำรวจจะปล่อยให้เขาเดินเล่นอย่างอิสระได้อย่างไร?’
ดังนั้น จ้าวหยู่จึงจำเป็นต้องทำสองสิ่ง อย่างแรกคือช่วยตัวประกัน อย่างที่สองคือค้นหาความจริงของคดีฆาตกรรมในแฟลต
ขณะที่จ้าวหยู่กำลังไตร่ตรองเรื่องทั้งหมดนี้อย่างเคร่งขรึม ระบบในหัวของก็แจ้งเตือนการสิ้นสุดผจญภัย
จ้าวหยู่ได้รับมีอัตราการสำเร็จเพียง 82% ดังนั้นเขาจึงได้รับเพียงอุปกรณ์เพิ่มสัญญาณล่องหนเท่านั้น
เขาตระหนักได้ว่าวันนี้เขาได้รับคำว่า ‘Gen-Li’ แต่มีเพียง ‘Gen’ เท่านั้นที่ถูกเติมเต็ม ในขณะที่ ‘Li’ ซึ่งแสดงถึงมิตรภาพกลับไม่ได้ให้ความสนใจเลย ดังนั้นตลอดทั้งวัน เขาจึงไม่ได้เจอสิ่งที่เรียกว่ามิตรภาพเลย
‘โอ้…’
ในที่สุด จ้าวหยู่ก็เข้าใจ สาเหตุหลักที่ทำให้เขาไม่เจอสิ่งที่เรียกว่ามิตรภาพเลย ก็เพราะเขาไม่ได้ออกจากห้องทำงานแม้แต่นิดเดียว เขาเอาแต่ออกคำสั่งเท่านั้น แต่ไม่ได้ออกไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุด้วยซ้ำ
จ้าวหยู่เดินไปมาในห้องทำงานขณะที่เขาครุ่นคิด ดูเหมือนว่าถ้าเขาต้องการเพิ่มอัตราการความสำเร็จของระบบปาฏิหาริย์และแก้ไขคดีได้ เขาไม่ควรนั่งอยู่เฉย ๆ เต็นท์สั่งการและออกคำสั่งอย่างเดียว
วันพรุ่งนี้ เขาต้องจะใช้แนวทางอื่น และออกไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ หลังจากตัดสินใจแล้ว จ้าวหยู่ก็กลับไปที่โต๊ะทำงานเพื่อวางแผนการสอบสวนในวันพรุ่งนี้
หลังจากที่เขาวางแผนเสร็จ มันก็เลยเที่ยงคืนไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงสามารถเปิดคำทำนายได้อีก ในที่สุดก็ได้ยินข่าวดี เขาได้รับคำว่า ‘Gen-Dui’
ทุกครั้งที่เกิดคดี สิ่งที่จ้าวหยู่ตั้งตารอมากที่สุดคือคำว่า ‘Gan’ ด้วยสัญลักษณ์นี้ มันหมายความว่าแนวทางการสืบสวนของเขามาถูกทางแล้ว!
แน่นอนว่าในขณะที่เขาได้รับคำทำนาย จ้าวหยู่ตรวจสอบภารกิจรอง อย่างรวดเร็ว ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมาของเขา เขาสามารถถอดรหัสชุดตัวเลขได้อย่างราบรื่น ด้วยเวลาเพียงสิบนาที เขาก็ค้นพบสถานที่และช่วงเวลาอันแสนมหัศจรรย์แล้ว
ในท้ายที่สุด เมื่อเขาตรวจสอบพิกัดบนแผนที่ เขาก็ตระหนักถึงสิ่งที่น่าสนใจ
ตำแหน่งของภารกิจรองอยู่ตรงทางเข้าสถานีหรงหยาง ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณสามสิบเมตร เวลาคือ 7:53 น. และความสูงเป็นศูนย์
จ้าวหยู่ส่ายหัวเบา ๆ เขาสงสัยว่าเขาจะเจอกับอะไร เขาจะช่วยคุณยายแก่ข้ามถนนอีกครั้งหรือไม่?
ต่อมาเขาตรวจสอบคดีอีกครั้งโดยยืนอยู่หน้าไวท์บอร์ดจนรู้สึกเมื่อยล้า หลังจากที่เขาถึงขีดจำกัดแล้ว เขาก็ดึงเก้าอี้สามตัวมารวมกันแล้วนอนหลับ
ค่ำคืนอันแสนเงียบงันก็ผ่านพ้นไป
ในวันรุ่งขึ้น หลังจากเสร็จสิ้นกะ จ้าวหยู่ก็ไปที่ตรงทางเข้าสถานีตำรวจ
สถานที่ที่ทำภารกิจรองก็คือถนนข้างสถานี เขาดูนาฬิกาเมื่อเห็นว่าเป็นเวลา 7:50 น. แล้ว ซึ่งหมายความว่าเขาต้องรออีกสามนาที
จ้าวหยู่ยืนอยู่ที่นั่นและมองไปรอบ ๆ เพียงแวบเดียว เขาก็สังเกตเห็นบางสิ่งที่ไม่ธรรมดาทันที บนถนนฝั่งตรงข้ามสถานีตำรวจ มีรถสีดำคันหนึ่งขับช้า ๆ บนโลโก้รถมีตัวอักษร B สะดุดตา
‘เบนท์ลีย์!?’
จ้าวหยู่ที่อยากรู้อยากเห็นและเขาก็มองมันอย่างระมัดระวัง เบนท์ลีย์รุ่นมูซานที่เหมี่ยวอิงเคยพูดถึงมาก่อน ราคาของมันอยู่ที่ประมาณหกถึงเจ็ดล้านหยวน!
ป้ายทะเบียนว่างเปล่า มันน่าจะเป็นรถที่เพิ่งถอยมาใหม่
ขณะที่จ้าวหยู่กำลังมองดูอยู่ เบนท์ลีย์ก็ขับเข้าไปในเลนจักรยาน และค่อย ๆ หยุดอยู่ตรงหน้าเขา
ก่อนที่ประตูจะเปิด จ้าวหยู่ได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากข้างใน
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
จากนั้น ประตูจากเบาะหลังก็เปิดออก และชายวัยกลางคนมีหนวดก็เดินออกจากรถ บุคคลนั้นสวมชุดสูทแบบสั่งตัดซึ่งดูหรูหรามาก
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” คน ๆ นั้นเปิดประตูเอง แต่ก็ยังหัวเราะขณะลงจากรถ เขายิ้มให้จ้าวหยู่ และยื่นมือออกมาแล้วพูดว่า “คุณคือจ้าวหยู่แห่งสถานีหรงหยางใช่ไหม? สวัสดี ยินดีที่ได้รู้จัก! ฮ่าฮ่าฮ่า!”
“คุณคือ…” จ้าวหยู่พยายามนึกถึงใบหน้าของอีกฝ่าย แต่เขาแน่ใจว่าเขาไม่รู้จักบุคคลตรงหน้า
“จริงสิ ฉันยังไม่ได้แนะนำตัวเลย” ชายผู้มีหนวดพยักหน้าเบา ๆ “ฉันเป็นผู้จัดการทั่วไปจากบริษัทรองเท้าไป๋ซือหลี่ ฉันมีชื่อหลี่เฉิน แต่คุณสามารถเรียกฉันว่าชาร์ลีก็ได้นะ ฮ่าฮ่าฮ่า!”
“บริษัทรองเท้าไป๋ซือหลี่?” จ้าวหยู่ขมวดคิ้ว “ฉันไปเกี่ยวข้องกับบริษัทรองเท้าตอนไหนกัน?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า! จริง ๆ แล้ว…” ชายผู้มีหนวดยิ้มและตอบว่า “ฉันมาหาคุณ เพราะว่าฉันมีข้อเสนอบางอย่าให้คุณ”
"รองเท้า? ข้อเสนอ?“จ้าวหยู่ครุ่นคิดคำพูดของอีกฝ่าย จากนั้นจู่ ๆ ก็พูดออกมาดัง ๆ ว่า”โอ้! ฉันเข้าใจแล้ว! คุณ… อยากหาฉันเป็นนายแบบรองเท้าใช่มั้ย!?”