1340 - ซุนหงอคง
1340 - ซุนหงอคง
นี่คือลิงรูปร่างคล้ายมนุษย์แต่มีขนสีทองปกคลุมทั่วร่างกาย สีแดงคู่นั้นเปล่งประกายราวกับเปลวเพลิง เขาอ้างตัวเองว่าเป็นซุนหงอคง
และที่ด้านหลังยังมีอสูรคู่แข็งแกร่งระดับอาณาจักรแปลงมังกรอีกหลายตนติดตามอย่างใกล้ชิด
เย่ฟ่านตกตะลึงอยู่นาน เกิดอะไรขึ้น มีซุนหงอคงจริงๆ หรือ?
เย่ฟ่านเปิดตาที่สามและสำรวจดูลิงตัวนั้นยังใกล้ชิด เขามีโครงกระดูกที่พิเศษมาก มันแข็งแกร่งเหมือนกับเพชร ในขณะเดียวกันวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ก็ลุกโชนราวกับเปลวเพลิง
ลิงตัวนี้ไม่ใช่ผู้สูงสุดอย่างที่ลิงตัวน้อยกล่าวอ้าง เขายังคงเป็นเพียงผู้บ่มเพาะอาณาจักรแปลงมังกรระดับเก้าเท่านั้น
“คำนับท่านเซียน”
เมื่อเห็นดวงตาที่สามของเย่ฟ่านเปิดขึ้นราชาวานรและบริวารเหล่าอสูรต่างก็คุกเข่าลงเพื่อแสดงความเคารพต่อเย่ฟ่านด้วยความกลัว
อย่างไรก็ตามเย่ฟ่านยังคงตกตะลึงไม่หาย ทำไมเขาถึงมาพบซุนหงอคงที่นี่ นอกจากใบหน้าที่ค่อนข้างแตกต่างกันแล้ว ลักษณะของลิงตัวนี้มีความคล้ายคลึงกับวานรศักดิ์สิทธิ์จนแยกไม่ออก
หุบเขาหมื่นอสูรนั้นยิ่งใหญ่จริงๆ หน้าผาโดยรอบนั้นสูงจนถึงก้อนเมฆ มันสง่างามมาก หุบเขาขนาดใหญ่นี้เพียงพอที่จะเป็นที่ตั้งของปักกิ่งได้สามเมืองเลยทีเดียว
เย่ฟ่านติดตามกลุ่มอสูรผู้ยิ่งใหญ่เข้าไปในหุบเขา เห็นน้ำตกหลายสายยาวหลายพันฉื่อตกลงมาจากยอดกำแพงหุบเขา เป็นน้ำตกที่กว้างใหญ่ มีแสงอาทิตย์ส่องผ่านและมีหมอกหลากสีปกคลุมอย่างงดงาม
ในหุบเขาลึกเป็นดินแดนที่เขียวชอุ่มตลอดทั้งปี ระหว่าทางมีป่าหินและทะเลสาบ มีสวนผลไม้เป็นหย่อมๆ
ซุนหงอคงรู้ว่าเย่ฟ่านนั้นดูตะหงิดใจกับชื่อของเขามาก เขายิ้มและอธิบายระหว่างเดินทางว่า เขาได้อ่านการเดินทางสู่ตะวันตก(ไซอิ๋ว)ที่แพร่หลายในหมู่มนุษย์และคิดว่ามันน่าสนใจ เขาจึงตั้งชื่อตามนั้น
เย่ฟ่านประหลาดใจอีกครั้ง แน่นอนว่าเขารู้ดีว่านี่ไม่ใช่ลิงที่เป็นซุนหงอคงตัวจริง สาเหตุก็เพราะซุนหงอคงเป็นเรื่องเมื่อเกือบสองพันปีที่แล้ว แต่ลิงตัวนี้กลับมีอายุไม่เกินสามร้อยปีอย่างแน่นอน
ข้างๆเขามีอสูรผู้ยิ่งใหญ่มากมาย อสูรผู้ยิ่งใหญ่มีความนับถือต่อซุนหงอคงคนนี้เป็นอย่างมาก นั่นก็เพราะเขาใช้เวลาไม่ถึงสามสิบปีก็กลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่อาณาจักรแปลงมังกรแล้ว และปัจจุบันก็บ่มเพาะมากกว่าสองร้อยปีแล้ว
เย่ฟ่านพยักหน้า ในยุคนี้การที่สามารถเข้าสู่อาณาจักรแปลงมังกรได้ถือเป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่ออย่างยิ่ง หากลิงตัวนี้อยู่ในเป่ยโต้วเขาจะต้องกลายเป็นราชาผู้ยิ่งใหญ่แล้วอย่างแน่นอน
หุบเขาเหมือนอสูรนี้มีอสูรหลากหลายเผ่าพันธุ์ และจำนวนของพวกเขาก็มีมากกว่าล้านตัว การที่ลิงตัวหนึ่งสามารถกลายเป็นราชาของสัตว์อสูรทั้งปวงได้ แน่นอนว่าเขาย่อมเป็นผู้ที่มีความสามารถอยู่แล้ว
หลังจากการพูดคุย เย่ฟ่านได้รู้ว่าลิงตัวนี้อ้างว่าตัวเองเป็นผู้สืบเชื้อสายมาจากเซียนอสูรผู้ยิ่งใหญ่ของชนเผ่าลิง ดังนั้นมันจึงได้รับความชอบธรรมในการปกครองภูเขาหมื่นอสูร
ตามคัมภีร์โบราณ วานรใดที่ประสบความสำเร็จอันยิ่งใหญ่จะเป็นวานรศักดิ์สิทธิ์โดยปริยาย
แน่นอนว่าวานรตัวนี้ยังไม่ถึงขั้นประสบความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ แต่ในโลกยุคสิ้นสุดธรรมถือว่ามันมีความแข็งแกร่งมากที่สุดแล้ว
เย่ฟ่านสงสัย เป็นไปได้ไหมว่ากลุ่มวานรศักดิ์สิทธิ์โต้วจ้านในสมัยโบราณเคยมายังโลกและทิ้งลูกหลานเอาไว้
แต่ต่อมาพลังของสายเลือดก็เสื่อมลงจนตกอยู่ในสถานการณ์ปัจจุบัน?
เย่ฟ่านไม่ได้พูดออกมา ไม่อย่างนั้นอาจเป็นการดูถูกบรรพชนของลิงตัวนี้และทำให้เขาไม่สามารถได้รับคำตอบอะไรจากที่นี่ได้
ประมุขหุบเขามีจิตวิญญาณที่ไม่ธรรมดา ดวงตาที่เหมือนไฟของเขาเป็นเหมือนดวงดาวที่สามของเย่ฟ่าน และสามารถมองเห็นความลึกลับทุกอย่างได้
ก่อนหน้านี้เขามองเห็นเย่ฟ่านที่ยืนอยู่ห่างจากหุบเขามากกว่าสิบลี้และไม่อาจมองผ่านความแข็งแกร่งที่แท้จริงเย่ฟ่านได้
เขาเกิดความหวาดกลัวอย่างมากจนกระทั่งต้องนำลูกหลานหุบเขาหมื่นอสูรออกมาต้อนรับเย่ฟ่านถึงด้านนอก
เย่ฟ่านประกาศจุดประสงค์การมาของเขา เขาสอบถามถึงความลึกลับของอสูรจากดินแดนตะวันตก หรือไม่ก็ความลับของตระกูลผังป๋อ
แน่นอนว่าหุบเขาหมื่นอสูรมีอสูรมากมายนับไม่ถ้วน พวกเขาจะต้องมีการติดต่อกับอสูรอื่นๆ ทั่วโลกไม่มากก็น้อย
ซุนหงอคงเชื้อเชิญเย่ฟ่านเข้าไปสนทนากันภายในเมือง!
เย่ฟ่านตกตะลึงเป็นอย่างมาก สัตว์อสูรเหล่านี้ไม่ได้อาศัยอยู่ในป่าเขาเหมือนเช่นที่เขาจินตนาการไว้ แต่กลับอาศัยอยู่ในเมืองที่เจริญรุ่งเรืองแห่งหนึ่ง
มันเป็นเมืองที่มีเฉพาะสัตว์อสูรเท่านั้น!
ผนังของเมืองทั้งหมดทำจากสีดำ แน่นอนว่าเมืองนี้ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นจากสัตว์อสูร มันเคยเป็นเมืองโบราณของมนุษย์มาก่อน แต่ในปัจจุบันมันได้ถูกครอบครองโดยสัตว์อสูรทั้งหมดแล้ว
หลังจากที่เย่ฟ่านเข้าไปถึงจวนเจ้าเมือง ซุนหงอคงได้บอกกับเย่ฟ่านว่าเขามีข้อมูลเรื่องนี้ค่อนข้างมาก
มังกรทั้งเก้าลากโลงศพตกลงมาที่ภูเขาไท่ซานแล้วออกเดินทางอย่างรวดเร็ว ทุกกองกำลังในโลกไม่สามารถอยู่นิ่งเฉยได้ดังนั้นพวกเขาจะต้องทำอะไรสักอย่าง
หุบเขาหมื่นอสูรเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าอสูรในโลก พวกเขาจะไม่มีวันพลาดเรื่องนี้อย่างแน่นอน ดังนั้นพวกเขาจึงตรวจสอบตัวตนของกลุ่มเย่ฟ่านอย่างละเอียด
ในขณะเดียวกันซุนหงอคงก็เดินทางออกจากหุบเขาหมื่นอสูรเพียงลำพัง
เชื้อสายของผังป๋อถูกค้นพบโดยซุนหงอคง เมื่อเห็นว่ามีเลือดอสูรโบราณที่อ่อนแออยู่ในตัวของตระกูลนี้ ใจของเขาก็สั่นไหว คิดว่าที่เก้ามังกรลากโลงศพตกลงมายังภูเขาไท่ซานอาจมีความเกี่ยวข้องกับตระกูลนี้
ดังนั้นเขาจึงแปลงร่างเป็นผังป๋อแล้วปลอมตัวเข้าไปสืบข่าวภายในตระกูล
แต่สุดท้ายหลังจากการหาความมากกว่าสิบปีโดยไม่ได้อะไรมากนักเขาจึงแกล้งทำเป็นว่าถูกฟ้าผ่าตายและกลับสู่หุบเขาหมื่นอสูรอีกครั้ง
เมื่อถึงจุดนี้เขาไม่ได้สืบต่อไปเพราะรู้สึกว่าไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว ตระกูลที่สำคัญๆ หลายตระกูลหลอมรวมเลือดของตัวเองเข้ากับมนุษย์ไปแล้ว
การที่ผังป๋อถูกเก้ามังกรลากโลงศพพาตัวออกไปจากโลกอาจเป็นเพียงเรื่องบังเอิญเท่านั้น
“ข้าไม่ได้ชดเชยอะไรให้กับครอบครัวผังป๋อ แต่ข้าได้แสดงความกตัญญูในฐานะบุตรชายของพวกเขาอยู่นานถึงสิบปี สิ่งนี้จึงน่าจะทดแทนกันได้” ซุนหงอคงกล่าว
เย่ฟ่านนิ่งเงียบ นึกถึงความทรงจำที่เห็นในหัวของพ่อผังป๋อ และตระหนักดีว่าซุนหงอคงไม่ได้พูดโกหก เขาปลอมตัวเป็นผังป๋อและใช้ชีวิตด้วยความกตัญญูจริงๆ
เย่ฟ่านทำได้เพียงพยักหน้าไม่ถามใดๆอีก อีกแง่หนึ่งเขาเองก็โล่งใจที่ผังป๋อยังมีชีวิตอยู่ในเป่ยโต่ว
เขาคิดไว้อยู่แล้วว่าเรื่องอาจเป็นเช่นนี้ การเดินมามายังหุบเขาหมื่นอสูรเป็นเพียงการยืนยัน และมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
หลังจากเข้าใจในความจริงทุกอย่างแล้ว เย่ฟ่านก็ได้แต่ถอนหายใจ และยืนอยู่ในเมืองโบราณพร้อมกับขึ้นไปบนท้องฟ้า จมอยู่กับความคิดอย่างเงียบๆ
เพื่อนของเขาอยู่อีกฟากหนึ่งของท้องฟ้า ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้จบลงแล้ว แต่เขาไม่สามารถย้อนกลับไปได้ มีเพียงการเป็นเซียนอมตะเท่านั้นเขาจึงจะมีโอกาสกลับไปที่เป่ยโต้วอีกครั้ง
ซุนหงอคงร้องขอให้เย่ฟ่านอาศัยอยู่ในหุบเขาหมื่นอสูรเพื่อฝึกฝนอยู่ที่นี่ แต่เย่ฟ่านปฏิเสธเพราะเขายังต้องการออกเดินทางสำรวจดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่กระจายตัวอยู่ทั่วโลก
ซุนหงอคงบอกว่าตัวเขาเป็นเพียงเจ้าหุบเขาคนที่สามเท่านั้น เจ้าแห่งหุบเขาตัวจริงคือนกกระเรียนที่เป็นปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์และบำเพ็ญเพียรอยู่ในหุบเขาหมื่นอสูรมาว่าหกร้อยปี
ว่ากันว่าครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นศิษย์ของสำนักกระบี่ซูซาน ความแข็งแกร่งของเขานั้นทรงพลังอย่างยิ่งถึงขั้นกลายร่างเป็นมังกรมาแล้ว
นกกระเรียนตัวนี้ทรงพลังอย่างน่าเหลือเชื่อ เขาเป็นผู้บ่มเพาะที่มีความแข็งแกร่งมากที่สุดในโลก ว่ากันว่ามีเพียงเซียนเท่านั้นจึงจะสามารถเอาชนะเขาได้
สำนักกระบี่ซูซานถูกก่อตั้งขึ้นภายในแคว้นฉู่ก่อนที่จิ๋นซีฮ่องเต้จะรวบรวมแผ่นดินจีนได้ด้วยซ้ำ
นกกระเรียนศักดิ์สิทธิ์บ่มเพาะอย่างสันโดษเป็นเวลาหลายปีแล้วหากหุบเขาหมื่นอสูรไม่เกิดเรื่องร้ายขึ้นเขาจะไม่มีทางออกมาข้างนอกอย่างแน่นอน
เจ้าแห่งหุบเขาคนที่สองคือแมวชะมด นี่คือผู้สืบทอดที่แท้จริงของบรรพชนหุบเขาหมื่นอสูร ว่ากันว่าบรรพชนของเขามีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับผู้อมตะที่แท้จริง
แม้ว่าเขาจะเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งประมุขหุบเขาอสูรโดยตรง แต่เขากลับไม่เคยสนใจกิจการของหุบเขาหมื่นอสูรเลย ดังนั้นเขาจึงเชิญนกกระเรียนศักดิ์สิทธิ์มาทำหน้าที่ประมุขหุบเขาแทน
หลายปีต่อมาเขาก็ออกจากหุบเขาหมื่นอสูรและหายตัวไปจากโลกนับตั้งแต่นั้น
……