บทที่ 31 : อนาคตและจุดจบของโลก จินหมั่นฝูผู้ถูกต้มจนเปื่อย
บทที่ 31 : อนาคตและจุดจบของโลก จินหมั่นฝูผู้ถูกต้มจนเปื่อย
การย้อนกลับมาเกิดใหม่!!!
เมื่อได้ยินคำนี้, จินหมั่นฝูก็เงียบไปทันที
เขานั้นไม่ได้รู้สึกแปลกๆกับคำเหล่านี้แต่อย่างใด
เพราะในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมบันเทิงของประเทศไท่เซี่ยก็ปรากฏคำเหล่านี้ให้เห็นขึ้นอยู่บ่อยๆ
ไม่เพียงแต่ผู้แต่งนวนิยายออนไลน์เท่านั้น….เเม้แต่ธีมของการเกิดใหม่และหวนคืนสู่อดีตก็มักปรากฏในภาพยนตร์และละครโทรทัศน์บางเรื่องอีกด้วย
แต่….
ละครโทรทัศน์กับเรื่องจริงนั้นเเตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
เเละหากเป็นไม่กี่นาทีก่อนหน้า จินหมั่นฝูจะไม่มีวันเชื่อเรื่องเเบบนี้เลย
แต่ตอนนี้……
เมื่อเห็นการแสดงออกที่คาดเดาไม่ได้ของซูไป่ จินหมั่นฝูก็เริ่มจิตใจสั่นไหวเล็กน้อย
ใช่…..แม้แต่พลังพิเศษ เช่น พลังเหนือธรรมชาติที่ไม่เคยมีมาก่อนก็ยังปรากฏให้เห็น แล้วมันจะยากอะไรนักหนากะอีแค่มีผู้ย้อนกลับมาเกิดอีกครั้ง?
หลังจากเงียบไปนาน จินหมั่นฝูก็พูดออกมา
"งั้นนายท่านอีกาทมิฬ, ท่านเป็นผู้ที่ย้อนกลับมาเกิดงั้นเหรอ?”
“จากช่วงเวลาข้างหน้า….หวนคืนสู่ปัจจุบัน?”
"ไม่ใช่ฉัน….แต่เป็นพวกเรา"
เมื่อเห็นว่าจินหมั่นฝูเริ่มทำความเข้าใจได้แล้ว ซูไป๋ก็เล่าเรื่องที่เขาแต่งขึ้นมาอย่างใจเย็น
“วันนี้ในอีก 1 ปีข้างหน้า…มันจะมีหมอกดำปกคลุมทั่วทั้งโลก และโลกจะเปลี่ยนไปในทันที”
“70% ของมนุษย์หรือมากกว่า 1 หมื่นล้านคนในดาวเคราะห์สีฟ้านี้จะติดเชื้อจากหมอกดำและกลายเป็นซอมบี้”
“ใช่…..มันเป็นซอมบี้แบบในภาพยนตร์นั่นแหละ”
“เเละเพียงเเค่วันเดียวเท่านั้น อัตราการเสียชีวิตของมนุษยชาติก็เกิน 80%”
“จากนั้นหนึ่งเดือนต่อมา จำนวนผู้รอดชีวิตก็เหลือเพียงห้าเปอร์เซ็นต์(500 ล้านคน)ของประชากรทั้งหมด”
“หนึ่งปีต่อมา จำนวนดังกล่าวก็ลดลงต่อไป…..โดยในที่สุดมีจำนวนผู้รอดชีวิตต่ำกว่า 100 ล้านคน”
“สองปีต่อมา ซอมบี้ที่วิวัฒนาการเเล้ว…..ได้ครอบครองเกือบทุกมุมโลก เเละมีผู้รอดชีวิตเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ซ่อนตัวอยู่ในสถานที่ที่ซอมบี้ไม่สามารถเข้าถึงได้”
"สามปีต่อมา, โลกได้กลายเป็นโลกแห่งซอมบี้โดยสมบูรณ์ แม้กระทั่งสิ่งมีชีวิตที่วิวัฒนาการจนมีความแข็งแกร่งเหนือกว่ามนุษยชาติซึ่งถูกเรียกว่าสัตว์ร้าย ก็ถูกกำจัดโดยเหล่าซอมบี้"
“หลังจากสามปี, คนเป็นไม่มีอีกต่อไปแล้ว เเละคนตายคือคนที่ถือครองอำนาจสูงสุด”
“อารยธรรมล่มสลายและมนุษยชาติสูญสิ้น”
“นี่คืออนาคตของโลกในอีกสามปีต่อจากนี้”
“ฉันเป็นผู้แข็งแกร่งคนสุดท้ายของมนุษยชาติ…..เเละได้ใช้พลังจากสมบัติล้ำค่าเพื่อกลับมาสู่อดีตในช่วงเวลาก่อนที่โลกถูกทำลาย….ซึ่งขณะนี้อยู่ห่างจากวันสิ้นโลกหนึ่งปี”
“เพราะฉะนั้น ฉันถึงเก่งในการต่อสู้มากขนาดนี้”
“เเละนั่นคือเหตุผลว่าทำไม บนดาวโลกที่ไม่เคยมีผู้มีพลังพิเศษใดๆมาก่อน….จึงมีคนที่มีพลังพิเศษเช่นฉันปรากฏตัวขึ้น!”
จินหมั่นฝูเริ่มเงียบอีกครั้ง
หากแยกข้อเท็จจริงที่ว่าซูไป๋กำลังนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขา….สิ่งที่เขาเพิ่งได้ยินมัยก็เหมือนกับโครงร่างของนวนิยายออนไลน์คุณภาพต่ำที่ไม่ค่อยมีข้อเท็จจริงสักเท่าไหร่
แต่ด้วยการปรากฏตัวของซูไป๋และพลังพิเศษที่เขาแสดงออกมา... ข้อเท็จจริงเหล่านั้นมันกลับดูสมเหตุสมผลและกลมกลืนอย่างไม่น่าเชื่อ
"วันสิ้นโลก ซอมบี้..."
"การล่มสลายของมนุษยชาติ..."
การใช้คำพูดที่น่าสะพรึงกลัวแบบนี้ไม่ว่ากับใครก็ตาม….มันก็จะทำให้พวกเขารู้สึกกดดันอย่างหนัก ความกลัว และความไร้พลังซึ่งเกี่ยวกับอนาคตและการสูญสิ้นของโลก
“แต่ทำไมต้องเป็นฉันล่ะ”
“เมื่อท่านได้เกิดใหม่แล้วกลับมาแล้ว …หุ้นส่วนที่ดีที่สุดก็ควรเป็นรัฐบาลไม่ใช่หรือ?”
จินหมั่นฝูไม่สามารถทำอะไรได้ เขาทำได้เพียงถามคำถามนี้ด้วยเสียงแหบ
แต่แล้ว….เขาก็เริ่มนึกขึ้นได้
ถ้าหากเป็นเขาที่ย้อนกลับมาล่ะ…
เขาก็คง…..จะระมัดระวัง และอาจจะระมัดระวังมากกว่าที่นายท่านอีกาทมิฬด้วยซ้ำ
โลกยังไม่ล่มสลาย วันสิ้นโลกยังไม่มาถึง และประเทศต่างๆ ในโลกแห่งความเป็นจริงยังคงดำรงอยู่อย่างสงบ
หากเป็นเขาที่ได้กลับมาเกิดใหม่, จนกว่าเขาจะแข็งแกร่งพอที่จะปกป้องตัวเองเมื่อเผชิญกับอำนาจของรัฐ….สิ่งแรกที่แวบเข้ามาในหัวก็น่าจะเป็นการซ่อนและปกป้องตัวเอง
เพราะคนส่วนใหญ่คงไม่เชื่อ….และถึงจะเชื่อ, เเต่การมีอยู่ของพลังเหนือธรรมชาติก็จะดึงดูดความสนใจและเป็นตัวแปรสำคัญในการกำหนดนโยบายของประเทศ
ในกรณีที่เเย่ที่สุด, อาจจะมีคนต้องขัดขวางการเติบโตของพลังเหนือธรรมชาติอย่างแน่นอน
หรืออาจจะเป็นเพราะบางสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า คนอย่างอีกาทมิฬจึงไม่เชื่อใจประเทศชาติอีกต่อไป
ด้วยเหตุผลทั้งหมดนั่น…
หากเขาเกิดใหม่และกลับมาอีกครั้ง…..ตัวเลือกแรกของเขาก็คงไม่ใช่การป่าวประกาศให้รัฐบาลรับรู้
แต่เป็นการป้องกันตัวเองและเสริมความแข็งแกร่งให้ตัวเองอย่างเงียบๆ
ตอนนี้, เขาเข้าใจแล้ว…..ในความคิดของเขา เขาเชื่อเรื่องราวที่ซูไป่เพิ่งสร้างขึ้นกว่า 80%
จากนั้นจินหมั่นฝูก็เงยหน้าขึ้น
"ดังนั้น…..เพื่อรวมเมืองหลินเจียงให้เป็นหนึ่ง, ท่านจึงต้องการให้มีราชาของโลกใต้ดินปรากฏตัวขึ้นในเมืองหลินเจียงอย่างนั้นสินะ?"
"ถูกต้อง" ซูไป๋พยักหน้าและกล่าวต่อ
"ตอนนี้ฉันได้เกิดใหม่และกลับมา….ฉันจึงไม่ต้องการเห็นมนุษยชาติสูญพันธุ์อีกครั้ง!"
“ดังนั้น…..ก่อนที่ฉันจะสามารถฟื้นฟูพลังกลับมาได้อย่างเต็มที่ ฉันไม่ต้องการเปิดเผยตัวเอง และไม่ต้องการที่จะถูกแทรกแซงโดยกองกำลังระดับประเทศ…..การดำรงอยู่อย่างนายจึงกลายเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของเรา”
“อีกอย่างพลังพิเศษนั้นมีมากมายหลายประเภท….วิธีการฝึกฝนและพัฒนาพลังพิเศษแต่ละประเภทก็แตกต่างกันออกไป”
“สิ่งที่ฉันทำเมื่อวานนี้และคำขอที่ฉันขอให้นายทำ….นายสามารถคิดได้ว่ามันเป็นวิธีการเพื่อทำให้พลังของฉันกลับคืนมา”
"เข้าใจเเล้วครับ"
ณ ขณะนี้…..จินหมั่นฝูสามารถแก้ไขความสงสัยในใจของเขาได้เเล้ว
เดิมทีเขาคิดว่าการทุบตีลูกน้องของเขาเป็นงานอดิเรกของอีกาทมิฬ หรือวิธีระบายอารมณ์ของเขา….แต่ความจริงมันเป็นการฝึกฝนเพื่อฟื้นฟูความแข็งแกร่งของเขาต่างหาก
หลังจากรู้เรื่องราว(เก๊)ทั้งหมด…..จินหมั่นฝูก็เงียบลงอีกครั้ง
เขารู้ดีว่าเมื่อเขาได้เห็นการมีอยู่ของพลังพิเศษด้วยตาของเขาเอง และได้ยินความลับเหล่านี้ด้วยหูของเขาเอง……สิ่งเหล่านี้ก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเขาอีกต่อไปที่จะตัดสินใจว่าจะเป็นราชาใต้ดินของเมืองหลินเจียงหรือไม่
เนื่องจากอีกาทมิฬต้องการให้ตัวละครดังกล่าวปรากฏ…..เขาก็จำเป็นต้องกลายเป็นราชาของโลกใต้ดินของเมืองหลินเจียง
นี่เป็นทางเลือกเดียวของเขา!!!!!
………………