บทที่ 22 คำถามที่พบบ่อย (FAQ) ตอน 3
บทที่ 22 คำถามที่พบบ่อย (FAQ) ตอน 3
1. หากความสามารถของตัวละครมาจากปัจจัยความได้เปรียบ จะดีกว่าไหมที่จะให้ตัวละครหลักมีตัวแปรความได้เปรียบเพียงคนเดียว หรือมีตัวละครหลายตัวที่มีตัวแปรความได้เปรียบด้วย? ฉันชอบที่จะให้หลายตัวมีพลังความได้เปรียบมากกว่า เพราะทำให้ฉันสามารถเปรียบเทียบความสามารถของตัวละครหลักในสถานะที่ระดับพลังเพิ่มแล้ว กับตัวละครอื่นที่ยังมีพลังระดับธรรมดาอยู่ ซึ่งจะทำให้พลังความสามารถของตัวละครหลักเด่นชัดเป็นพิเศษและดูทรงพลังมากกว่าปกติ อยากทราบว่านักเขียนระดับอาจารย์คิดอย่างไร?
คำตอบ: ไม่ต้องสงสัยเลยว่า มันจะดีกว่าถ้าจะให้ตัวละครหลักของคุณมีตัวแปรความได้เปรียบเพียงคนเดียว สำหรับเหตุผลที่ว่า จะทำให้เห็นการเปรียบเทียบความแข็งแกร่งของพลังความได้เปรียบได้ชัดเจนขึ้น ที่จริงแล้วนั่นเป็นแค่เพียงการแสดงความเป็นเอกลักษณ์ของพลังความได้เปรียบมากกว่า สำหรับข้อสรุปว่าแบบไหนจะดีกว่ากัน ต้องบอกว่ามันขึ้นอยู่กับสภาพเหตุการณ์ในเรื่องที่คุณออกแบบขึ้น แต่ถ้าพูดกันโดยทั่วไปแล้ว ควรให้ตัวละครหลักของคุณมีพลังความได้เปรียบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว นั่นเป็นเพราะนอกจากความเป็นเอกลักษณ์แล้ว พลังความได้เปรียบควรจะเป็นความลับ นอกจากคนอื่นแล้ว ให้มีเพียงตัวละครหลักคนเดียวที่รู้เรื่องพลังความได้เปรียบจะดีที่สุด ตัวอย่างเช่น ถ้าตัวละครหลักกลับชาติมาเกิด อย่าบอกคนอื่นว่าเขามีความทรงจำจากโลกเดิมเพิ่มเป็นพิเศษ หากนิยายของคุณตัวละครหลักมีความทรงจำเพิ่มพิเศษอีกห้าปีจากอนาคต ในขณะที่ตัวละครอีกตัวมีความทรงจำเพิ่มสามปีจากอนาคต นี่จะเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คุณลักษณะของเรื่องที่ดีเท่าไหร่
2.ทำไมพลังความได้เปรียบต้องซ่อนเป็นความลับ? เจตนาเพื่อแสร้งทำเป็นอ่อนแอในขณะที่แข็งแกร่ง และในที่สุดก็จะหลอกศัตรูให้เข้าใจผิดใช่ไหม?
คำตอบ: การทำเป็นคนอ่อนแอเพื่อหลอกศัตรูคือส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่ยังมีอีกสองจุดที่สำคัญกว่า จุดแรกคือเพื่อดึงดูดผู้อ่านในสิ่งที่พวกเขาชอบอ่าน ในขณะนี้ผู้อ่านส่วนมากชอบอ่านเกี่ยวกับตัวละครหลักที่ซ่อนความแข็งแกร่งของพวกเขาไว้มากกว่าจะแบไต๋ให้ทุกคนได้รู้ ถ้าหากพลังความได้เปรียบไม่ถูกซ่อนไว้ กลุ่มผู้อ่านตลาดหลักจะเลิกสนใจอ่านนิยายของคุณ จุดที่สองคือทำให้กระบวนการเขียนง่ายขึ้น ถ้าพลังความได้เปรียบถูกเปิดเผย มันจะทำให้เกิดความยากลำบากกว่าเดิมมากในการเขียนเหตุการณ์บางฉากในเรื่อง ยกตัวอย่างเช่น การแสร้งทำเป็นอ่อนแอและใช้พลังความได้เปรียบอย่างลับๆ เอาชนะคู่ต่อสู้ที่ไม่สำคัญจะใช้ไม่ได้อีกต่อไป และที่สำคัญยิ่งกว่านั้นอีก ในขณะที่ตัวละครหลักของคุณเริ่มจากอ่อนแอไปเป็นแข็งแกร่ง หากพลังความได้เปรียบถูกเปิดเผย มันจะก่อให้เกิดเหตุการณ์เป็นลูกโซ่ที่ทำให้พล็อตเรื่องของคุณมีความซับซ้อนมากขึ้น มันจะน่าสนใจมาก ตราบใดที่คุณจัดการกับมันได้อย่างสมเหตุสมผล
3. ในนิยายของฉันในบทที่ห้า ตัวละครหลักถูกรังแก เข้าได้รับเคล็ดวิชาลึกลับบางอย่างแล้วแต่ยังไม่มีเวลาจะเรียนรู้ ในขณะนี้เขาถูกรังแกอยู่ตลอด แต่เขาจะแก้แค้นให้ความเจ็บปวดนี้ในอนาคต แบบนี้จะทำให้ผู้อ่านของฉันไม่พอใจหรือเปล่า?
คำตอบ: มันขึ้นอยู่กับเงื่อนไขเหตุการณ์ที่ปรากฏในพล็อตของคุณ หากตัวละครหลักตอนแรกถูกรังแก และหลังจากนั้นได้รับเคล็ดวิชาลึกลับ และตามมาด้วยเขาใช้เวลาเรียนรู้เคล็ดวิชานั้น หลังจากนั้นก็ไปล้างแค้นในภายหลัง แน่นอนว่าแบบนี้ก็ใช้ได้ แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าตัวละครหลักของคุณถูกรังแกหลังจากได้รับเคล็ดลับวิชาลึกลับแล้ว แบบนี้จะไม่ค่อยดีเท่าไร นั่นเป็นเพราะว่าหลังจากตัวละครหลักได้รับเคล็ดวิชาแล้ว ผู้อ่านจะรอคอยให้ตัวละครหลักนำเคล็ดวิชาลับมาใช้ และจะผิดหวังเมื่อตัวละครหลักถูกรังแกได้อีก มันง่ายมากที่ผู้อ่านจะยอมแพ้เลิกอ่านนิยายของคุณ สรุปก็คือ อย่าทำให้ผู้อ่านผิดหวัง
4. ฉันรู้สึกว่า ฝีมือการเขียนของฉันพัฒนาขึ้นแล้ว ฉันควรจะเขียนนิยายเรื่องใหม่ดีไหม?
คำตอบ: การเขียนนิยายเรื่องใหม่ต้องมีการเตรียมการล่วงหน้า ในขณะที่นิยายเรื่องปัจจุบันที่คุณกำลังเขียนยังกระเสือกกระสนกับมันอยู่หรือได้ผลลัพธ์ที่ไม่น่าพอใจ ไม่อย่างนั้น มันไม่สำคัญเลยว่าคุณจะรู้สึกอย่างไรกับฝีมือที่เพิ่มขึ้นของคุณ และเชื่อว่าหนังสือเล่มใหม่ของคุณจะดีกว่าเดิม นักเขียนมืออาชีพไม่แนะนำให้คุณเริ่มเขียนนิยายเรื่องใหม่ด้วยความประมาท บางที คุณอาจค้นพบว่าฝีมือของคุณจะพัฒนามากขึ้นอีก ในขณะที่คุณกำลังเขียนเรื่องปัจจุบันที่อยู่ในมือขณะนี้
5. ฉันต้องการจะถามเรื่องพลังความได้เปรียบ ตัวละครหลักของฉันบังเอิญได้พบกับปรมาจารย์สุดยอดฝีมือศิลปะการต่อสู้ ผู้ซึ่งให้โอกาสเขาได้รับการฝึกฝนสุดยอดฝีมือกำลังภายในในสำนักฝึกวิชาระดับแถวหน้า นิยายของฉันเป็นประเภทประวัติศาสตร์แฟนตาซีตะวันออก และตัวละครหลักของฉันมีเอกลักษณ์แต่ก็ยังเป็นคนท้องถิ่นด้วย นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันไม่ต้องการให้มันโจ่งแจ้งมากเกินไป และได้อธิบายในสามบทแรกในนิยายของฉันด้วย แต่ว่าบางคนบอกว่านั่นไม่ใช่พลังความได้เปรียบแม้แต่นิดเดียว และบรรณาธิการของฉันก็บอกว่า นั่นไม่ใช้พลังความได้เปรียบ เมื่อเป็นเช่นนี้ มันไม่ดีพอที่เว็บไซต์จะเซ็นสัญญากับฉัน ฉันคิดว่าพลังความได้เปรียบควรจะเหมาะสมกับสภาพเหตุการณ์ของนิยายด้วย ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม อยากทราบว่าอาจารย์นักเขียนคิดอย่างไรกับพลังความได้เปรียบแบบนี้?
คำตอบ: โดยธรรมชาติแล้ว พลังความได้เปรียบนั้นไม่จำกัดรูปแบบ แต่ก่อนที่เราจะพูดถึงสิ่งเหล่านั้น คุณเชื่อว่าพลังความได้เปรียบเป็นอย่างไร? หากตัวละครหลักได้รับความปรานีจากสุดยอดอาจารย์ และสอนวิชาให้เฉพาะเขาเท่านั้น นี่ก็นับว่าเป็นพลังความได้เปรียบแบบหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตาม หากตัวละครหลักเข้าศึกษาวิชาการต่อสู้ในสำนักศิลปะการต่อสู้ชั้นสูง นั่นไม่ใช่พลังความได้เปรียบ เพราะตัวละครไม่มีความโดดเด่นอะไรเป็นพิเศษ ตัวละครอื่นหลายตัวในนิยายเรื่องนี้ก็เข้าศึกษาในสำนักนี้เช่นกัน แต่อย่างไรก็ตาม หากคุณเพิ่มเงื่อนไขเข้าไปอีกชั้นหนึ่งในสภาพเหตุการณ์ และทำให้คนอื่นๆ สามารถเข้าเรียนในสำนักนี้ได้เมื่ออายุสิบแปดปีเท่านั้น ในขณะที่ตัวละครหลักของคุณได้เข้าเรียนในสำนักนี้เมื่ออายุได้เพียงสิบปีเท่านั้น ด้วยปาฏิหาริย์หรือแผนการบางอย่าง ทำให้เขาอยู่ในฐานะได้เปรียบอย่างใหญ่หลวง นี่จะถือได้ว่าเป็นตัวอย่างคลาสสิกของพลังความได้เปรียบก็ว่าได้
6. ฉันจะทำอย่างไรดี ให้ผู้อ่านตื่นเต้นและพึงพอใจอย่างมากที่จุดไคลแมกซ์ในนิยายของฉัน?
คำตอบ: ความจริงได้มีการเขียนถึงหัวข้อนี้มาก่อนหน้านี้ มีเพียงไม่กี่จุดที่ต้องจดจำไว้ ยิ่งความสำเร็จจะได้มายากมากแค่ไหน ยิ่งมีความหมายต่อตัวละครมากเท่านั้น ผู้คนอื่นๆ ในเรื่องดูถูกตัวละครหลักมากแค่ไหน ปฏิกิริยาของคู่ต่อสู้และผู้ดูเหตุการณ์มีความตกตะลึงมากเพียงใดต่อชัยชนะอันไม่คาดฝันของตัวละครหลัก ผลประโยชน์ที่ได้จากชัยชนะ การมีชื่อเสียงและได้รับการยกย่องนับถือจากผู้คนมากขึ้น แค่เขียนองค์ประกอบรอบๆ ไคลแมกซ์ที่กล่าวมานี้ให้เหมาะสม คุณจะทำให้งานเสร็จไปได้ประมาณเจ็ดสิบแปดสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว สิ่งที่นอกเหนือไปจากนั้นคือ คุณแค่ต้องการเทคนิคการเขียนพิเศษบางอย่าง เช่นที่เอ่ยถึงในบทความก่อนหน้า พร้อมกับพล็อตที่พลิกผันให้แปลกใจเป็นครั้งคราว
7. ในบางแง่มุม พลังความได้เปรียบของตัวละครหลักมีมากเกินไป นั่นจะไปลดความคาดหวังของผู้อ่าน และทำให้ไคลแมกซ์ของเรื่องอ่อนลงไหม? ยกตัวอย่าง ตัวละครหลักของฉันเป็นนักสืบ และเขามีดวงตาพิเศษที่มีความสามารถมองไปในอดีตได้ เมื่อใดที่เขาไปทำการไขคดี เขาเพียงแค่ไปในสถานที่เกิดเหตุ และเรียนรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมกับได้เห็นหน้าคนที่เป็นฆาตกรด้วย จะมีคนอ่านนิยายของฉันไหม หากฉันเขียนเรื่องอย่างนี้?
คำตอบ: ในสถานการณ์เช่นนี้ วิธีที่ง่ายที่สุดคือการตั้งข้อจำกัดของการใช้พลังความได้เปรียบ ตัวอย่างเช่น ดวงตาพิเศษของตัวละครหลักควรจะต้องใช้การรวบรวมพลังทั้งกายและจิตวิญญาณอย่างสูงมากเพื่อที่จะใช้มันได้ ดังนั้นเขาจึงสามารถมองเห็นเหตุการณ์ในอดีตเพียงแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น และเมื่อเขาฝึกฝนพลังจนแข็งแกร่งขึ้น เมื่อถึงตอนนั้น ระดับพลังความสามารถในการมองเห็นอดีตของเขาจะเพิ่มขึ้น...
8. เริ่มเรื่องแบบไหนถึงจะดีที่สุด? *ถอนใจ* ฉันรู้สึกว่าตอนเริ่มเรื่องเป็นส่วนที่เขียนยากที่สุด ฉันจะเริ่มเรื่องด้วยไคลแมกซ์จะได้ไหม?
คำตอบ: แน่นอนว่ามันทำได้อยู่แล้ว การเริ่มต้นของเรื่อง ถ้าไม่นับว่ามันเป็นช่วงแนะนำพล็อตเรื่องและตัวละครหลักแล้ว มันมีจุดมุ่งหมายเดียว คือ สร้างความคาดหวังในใจของผู้อ่านเพื่อให้พวกเขาติดตามอ่านต่อไป ถ้าคุณสามารถสร้างไคลแมกซ์ที่ช่วงแรกของเรื่อง แน่นอนว่ามันจะดีทีเดียว แต่อย่างไรก็ตาม การทำอย่างนี้ที่จริงแล้วไม่ง่ายที่จะทำให้สำเร็จ เพราะการเขียนช่วงไคลแมกซ์ต้องอาศัยวิธีการสร้างเหตุการณ์ที่เหมาะสม การจะแนะนำตัวละครหลักของคุณและการสร้างเหตุการณ์ปูพื้นเพื่อเตรียมไปสู่ไคลแมกซ์ในบทเริ่มต้นเรื่องที่มีพื้นที่บรรยายเพียงน้อยนิด เป็นสิ่งที่ยากมากสำหรับนักเขียนส่วนใหญ่
...................................................................................