ตอนที่ 41 เปิดชมฐาน

ด้วยการหายตัวไปของคนเหนือมนุษย์เป็นจำนวนมากและข่าวการพ่ายแพ้ของเมืองฐานทัพกระจายออกมา ผู้คนต่างก็เริ่มหวาดกลัวและไม่กล้าจะรับภารกิจออกไปแทรกซึมฐานทัพทหารกันสักคน

ในตอนนี้ รอบเมืองฐานทัพต่างเงียบสงบราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน

มีเพียงผู้คนในเมืองฐานทัพนั้นต่างก็รู้ว่าหลังจากการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ ตระกูลระดับสูงนั้นก็ไม่มีทางยอมแพ้แน่ พวกนั้นแค่ยังไม่ลงมือและจะต้องเตรียมวางแผนทำอะไรบางอย่างแน่

ซูเฉินนั้นก็ไม่ได้สนใจเลย เขาได้พาทหารสองนาย ซูยี่และซูเอ้อมายังประตูเมืองฐานทัพ

ผู้คนแห่งเมืองฐานทัพก็คงไม่เคยคิดหรอกว่าซูเฉิน ผู้บัญชาการฐานจะเดินทางมาท่น่

ด้วยความแข็งแกร่งของทั้งสาม พวกเขาจึงเข้าไปในเมืองฐานทัพได้อย่างง่ายดาย ในระหว่างการทดสอบพลังต่อสู้ พวกเขาทั้งสามก็ตั้งใจไม่ใช่พลังออกไปหมดและแสดงออกมาแค่ความแข็งแกร่งของคนเหนือมนุษย์ระดับสอง และนั่นทำให้พวกเขาผ่านการทดสอบและได้รับเข็มกัดแสดงความเป็นคนเหนือมนุษ์มา

“แล้วนายมาที่นี่ทำไมกัน? มันอันตรายนะ ถ้าหากตัวตนของนายถูกเปิดเผยขึ้นมา มันต้องแย่แน่ๆ”เหลิงหยูเหว่ยนั้นก็ตกใจเมื่อเธอนั้นได้รู้ว่าซูเฉินเข้ามาในเมืองฐานทัพ

ตอนนี้พวกเขากำลังอยู่ในบาร์ธรรมดาภายในเขตพื้นที่ของเมืองฐานทัพและภายในนั้นก็มีทั้งคนธรรมดาและคนเหนือมนุษย์อยู่เต็มไปหมด

พวกเขานั้นไม่คิดเลยว่าซูเฉินจะเดินทางมายังเมืองฐานทัพ นี่เขาไม่กลัวถูกเปิดโปงหรือไงกัน?

ซูเฉินก็โบกมือ “ไม่ต้องห่วงน่า นอกจากสถานที่รวมตัวหมายเลข 160 ฉันไม่เคยมาที่นี่ซะหน่อย ไม่มีใครรู้จักฉันหรอกยกเว้นพวกเธอสามคน”

ในช่วงสัตว์กลายพันธุ์ออกอาละวาดในคราวนั้นที่ทำให้สถานที่รวมตัวต้องถูกทำลาย มีเพียงเหลิงหยูเหว่ยและลูกน้องของเธอสองคนเท่านั้นที่รอดมา ดังนั้นไม่มีใครรู้จักตัวตนของซูเฉินหรอก และโอกาสที่จะถูกเปิดโปงนั้นก็น้อยด้วย

“แล้วสรุปว่าทำไมนายถึงมาอยู่ที่นั่นกัน? ไม่ใช่ว่าพวกเราถึงส่งข้อมูลเมืองฐานทัพไปให้นายหรอกหรอ?”เหลิงหยูเหว่ยนั้นก็ถามออกมาด้วยความสงสัย

เธอนั้นรู้ดีว่าซูเฉินนั้นส่งพวกเธอสามคนทั้งสามมาที่นี่ก็เพื่อหาข้อมูลเป็นหลัก เธอจึงไม่เข้าใจว่าทำไมซูเฉินถึงได้ยอมเสี่ยงมาที่นี่

“ฉันมาแวะมาดูที่ไม่ได้เลยหรือไง?”ซูเฉินก็กระพริบตาปริบๆ

เหลิงหยูเหว่ยก็เผลอพ่นน้ำที่เธอกำลังดื่มอยู่ใส่หน้าของซูเฉิน เมื่อก้พูดว่าไงนะ? แวะมาดูที่?

เหลิงหยูเหว่ยก็รู้สึกหมดคำพูดกับความคิดของซูเฉิน

เธอนั้นรู้ดีว่าซูเฉินนั้นอยากจะควบคุมเมืองฐานทัพแต่เธอนั้นไม่คิดว่าเขาจะมาที่นี่เพราะเหตุผลนี้ นี่มันไร้สาระมาก

ความจริงแล้ว การแวะมาดูที่นั้นเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ซูเฉินมาที่นี่ ส่วนเป้าหมายหลักของเขานั้นก็คือมาหาแกนกลางของรถ MCV

ด้วยแกนกลางนั้น เขาก็จะได้สามารถสร้างรถ MCV คันใหม่ขึ้นมาได้และหลังจากได้รถมา เขาก็จะสามารถสร้างฐานรองขึ้นใหม่ได้อีกเมื่อซุปเปอร์ยูนิตตัวใหม่ของเขาออกมา ยิ่งเขามีฐานรองมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งได้พลังงานมากขึ้นเท่านั้น และนั่นก็จะส่งผลต่อความแข็งแกร่งของขุมกำลังของเขาในอนาคตด้วย กล่าวได้ว่าทั้งหมดนี้ล้วนสำคัญทั้งสิ้น

เพื่อจะหาแกนกลาง เขาจึงได้เดินทางมาเมืองฐานทัพ ถ้าหากเขารอจนกระทั่งเข้าควบคุมเมืองฐานทัพได้แล้วค่อยมาหล่ะก็ มันก็อาจจะสายไป

“พวกเธอแข็งแกร่งขึ้นมากเลยนะเนี่ย แล้วคริสตัลพลังงานพอใหม?”แค่เพียงเหลือบมอง ซูเฉินนั้นก็สามารถมองพลังของทั้งสามคนออก ยังไงซะ เขาก็เป็นผู้บัญชาการระดับ 5 ถ้าหากเรื่องแค่นี้ยังไม่รู้ ก็ไม่สมควรจะเป็นผู้บัญชาการระดับ 5 แล้ว

“พอๆ พี่เฉิน ฉันจะเล่าที่ฉันพบให้พี่ได้รู้แล้วกัน ในเมืองฐานทัพหน่ะมีของดีๆมากกว่าในสถานที่รวมตัวซะอีก อย่างเช่น ไวน์ขวดนี้ ถ้าหากว่าเป็นในสถานที่รวมตัว มันขายราคาโคตรๆแพงเลยหล่ะแต่อยู่นี่มันกลับถูกมากเหมือนไวน์ทั่วไป และเจ้านี่…”ลั่วฮางรู้ดีว่าพวกเขานั้นจะต้องติดตามซูเฉิน ดังนั้นเขาจึงต้องเลียแข้งเลียขาไว้ก่อน

ทางฝั่งจางเถากลับเงียบขรึมแต่สายตาของเขานั้นก็จ้องมองซูเฉินด้วยความเคารพ

หูของซูยี่ก็ขยับเล็กน้อย “ข้างนอกมีคนแปดคนกำลังเดินมา ในนั้นมีคนเหนือมนุษย์ด้วย บางทีพวกมันอาจจะมาก่อเรื่อง”

ก่อเรื่อง?

เมื่อเหลิงหยูเหว่ยและคนอื่นได้ยินเรื่องนี้ พวกเขาก็ตะลึง เพราะตั้งแต่มาที่เมืองฐานทัพ พวกเขานั้นก็ทำตัวไม่โดดเด่นสงบเสงี่ยมและไม่เคยก่อเรื่องเลย แล้วจะมีใครมาหาเรื่องพวกเขาได้ไง?

ลั่วฮางเป็นคนมีไหวพริบ ดังนั้นเขาจึงเดินไปเปิดประตูพร้อมทั้งยิ้มทักทาย “มีอะไรให้ช่วยครับ?”

“หลีกไปซะ ขวางทางโว้ย”หัวหน้ากลุ่มนั้นดูหยิ่งยโสมาก จากนั้นเขาก็ใช้มือผลักลั่วฮางออกไป ความแข็งแกร่งของเขานั้นมีมากกว่าจนทำให้ลั่วฮางไม่สามารถขัดขืนได้ เห็นได้ชัดว่าหมอนี่คือคนเหนือมนุษย์และยังแข็งแกร่งกว่าเขาด้วย

จากนั้นแล้วคนกลุ่มนี้ก็เดินกันเข้ามาล้อมโต๊ะส่วนตัวของพวกเขา

“อ่า เธอหน่ะ มากับฉันซะ”หัวหน้ากลุ่มก็ชี้ไปที่เหลิงหยูเหว่ยโดยเมินคนอื่นๆ

ในที่สุดซูเฉินก็เข้าใจแล้ว ผู้หญิงที่มันที่มาของปัญหาซะจริง

ครั้งนี้ หน้าตาของเหลิงหยูเหว่ยนั้นหาเรื่องมาให้เธอแล้ว

เหลิงหยูเหว่ยก็ตกตะลึง เธอนั้นไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน เธอนั้นไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้ในเมืองฐานทัพเลยด้วยซ้ำ

ในสถานที่รวมตัว เธอนั้นแข็งแกร่งมาก และไม่มีใครกล้าจะปฏิบัติกับเธอแบบนี้เลยด้วยซ้ำ แต่ในเมืองฐานทัพ ความแข็งแกร่งของเธอนั้นถือว่าด้อยมากและไม่ได้ทำให้ใครหวาดกลัวเลยด้วย

ใบหน้าของเหลิงหยูเหว่ยก็ถมึนขึ้นมาทันที เธอนั้นมั่นใจในหน้าตาของเธอและรู้ดีว่าเธอนั้นมีเสน่ห์น่าดึงดูดมาก แต่หมอนี่กลับมองเธอราวกับว่าเธอเป็นผู้หญิงขายตัว เขาคิดว่าเธอเป็ฯใครกัน?

คลิ้ก!!

กระสุนก็ได้โหลดเข้าแม็กกาซีนพร้อมกับที่ปืนปรากฏขึ้นในมือของเหลิงหยูเหว่ยก่อนที่ปากกระบอกปืนจะชี้ไปที่หัวของชายที่พูดออกมา “พูดอีกทีสิ!!”

เหลิงหยูเหว่ยนั้นไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนแอ และเธอก็เป็นหัวหน้าทีมกุหลาบ และในฐานะผู้หญิง เธอนั้นทำให้ผู้ชายฟังคำสั่งเธอและไม่ใช่ใช้แค่หน้าตาเท่านั้น!!

ชายหัวหน้ากลุ่มก็ตกตะลึง เธอนั้นไม่คิดว่าเหลิงหยูเหว่ยจะแสดงท่าทีอุกอาจแบบนี้ ถ้าหากเขาเปิดฉากยิงก่อน แม้ว่าอีกฝ่ายจะแหกกฏเมืองฐานทัพ ชีวิตของเขาก็จบสิ้นอยู่ดี

เหงื่อก็เริ่มไหลออกมาจากหน้าผากของชายหัวหน้ากลุ่ม จากนั้นเขาพยายามยิ้มออกมา “คนสวย มาคุยกันก่อนเถอะ ฉันแค่อยากจะเชิญเธอไปร่วมงานเลี้ยง ฉันไม่ได้ตั้งใจจะก่อเรื่องอะไรเลยนะ”

ยังไงซะ ทุกคนต่างก็หวาดกลัวเมื่อต้องเผชิญหน้ากับปืน ยกเว้นว่าพวกเขาจะมั่นใจว่าจะหลบกระสุนพ้น แต่เพื่อจะทำแบบนั้นได้ อย่างน้อยก็จะต้องเป็นคนเหนือมนุษย์ระดับ 6 ดาว

“งานเลี้ยง? ฉันไม่ชอบร่วมงานอะไรแบบนั้น กลับไปบอกไอ้หมอนั่นซะให้ไปไกลๆตีนเลย!”เหลิงหยูเหว่ยก็พูดออกมาอย่างองอาจ

“โอเค พูดงี้ก็สวยสิ รอก่อนเถอะ!”ชายหัวหน้าก็ไม่ลืมจะพูดทิ้งท้ายก่อนจะจากไป อย่างไรก็ตาม ท่าทางอันดุร้ายของเขานั้นกลับทำให้คนอื่นหัวเราะออกมา