Chapter 161: Passing Three Trials, Advancing to Foundation Building Realm
***ขอเปลี่ยน คำว่า เส้นเลือดวิญญาณ เป็น ชีพจรปราณปฐพี ขอบคุณ Po ที่แนะนำครับ*****
หลายวันผ่านไป
คืนหนึ่ง ณ ยอดเขาเซียนหลิง ในห้องโถงเงียบสงบแห่งหนึ่ง
ห้องโถงแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ที่โจวสุ่ยใช้บ่มเพาะแบบปิดอยู่
หลังจากได้ใช้เวลาอยู่กับเล่งอวี้ซีเป็นเวลาหลายวัน เขาก็บรรเทาความโหยหาไปได้บ้าง
คืนนั้น เขาได้รับแรงบันดาลใจ สัมผัสได้ถึงการประสานกันของสัมผัสวิญญาณ พลังปราณ และเลือดลมในร่างกาย ราวกับได้เข้าสู่ความสมดุลที่สมบูรณ์แบบ
ดังนั้น เขาก็รู้ทันทีว่าโอกาสในการสร้างรากฐานของเขามาถึงแล้ว
เขาจึงไม่ลังเล รีบไปที่ห้องโถง และเริ่มสร้างรากฐาน
บูม บูม บูม~~
โจวสุ่ยนั่งขัดสมาธิลงบนพื้น เริ่มบ่มเพาะวิชากู่ศักดิ์สิทธิ์ พลังปราณของเขาเริ่มหมุนวนเป็นวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นพายุปราณขนาดใหญ่ห้อมล้อมร่างของเขา
พลังปราณอันไร้ขอบเขตของโลกหลั่งไหลเข้ามาในร่างกายของเขา
ต้องบอกว่าที่นี่สมควรเป็นชีพจรปราณปฐพีระดับสาม
ในแง่ของความเข้มข้นของพลังปราณ เหนือกว่าชีพจรปราณปฐพีระดับสอง มากกว่าสิบเท่า
นี่คือสถานที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพลังปราณมากที่สุดที่เขาเคยพบเห็น มิแปลกใจเลยที่แม้กระทั่งเหล่าผู้อาวุโสระดับแกนทอง ต่างพากันแสวงหาชีพจรปราณปฐพีระดับสาม เพื่อบ่มเพาะ
สถานที่แห่งนี้อุดมไปด้วยพลังปราณ ทำให้การบ่มเพาะของเขาเป็นไปอย่างราบรื่น
มีประสิทธิภาพสูงมาก
"ครั้งนี้ฉันจะต้องสำเร็จอย่างแน่นอน"
บททดสอบแรกของการสร้างรากฐาน คือ บททดสอบร่างกาย
เมื่อผู้บ่มเพาะรวมลมปราณขั้นปลายทดสอบสร้างรากฐาน พลังปราณอันยิ่งใหญ่จากทั่วทั้งโลกหลั่งไหลเข้ามาในร่างกายของพวกเขา เหมือนกับน้ำตก ค่อยๆ ไหลเข้าสู่ร่างกายของพวกเขา และชำระล้างเลือดในร่างกายของพวกเขา
หากอายุมากหรือร่างกายมีจุดบกพร่อง ร่างกายก็ไม่สามารถทนต่อพลังปราณที่ไหลบ่าเข้ามาได้ เลือดและปราณทั้งหมดจะไหลย้อนกลับ และร่างกายจะระเบิดและตาย
ทว่า โจวสุย มิใช่เช่นนั้น
หลังจากบ่มเพาะร่วมกับ "กู่มังกรคชสาร" ร่างกายของเขาก็ได้สำเร็จสร้างรากฐานแล้ว เทียบได้กับผู้บ่มเพาะกายาสร้างรากฐาน
หากร่างกายของเขาไม่สามารถผ่านบททดสอบเลือดและปราณได้ ก็ไม่มีใครสามารถผ่านได้
"พรึ่ม!"
ทันใดนั้น พลังปราณอันยิ่งใหญ่ของสวรรค์และโลกก็ไหลเข้าสู่ร่างกายของเขา ไม่ว่าพลังจะโถมซัดอย่างไร ใบหน้าเขายังมั่นคงราวหินผา
ร่างกายของเขาดูเหมือนจะหุ้มห่อด้วยมังกรโบราณและช้างศักดิ์สิทธิ์ กลืนกินพลังปราณของสวรรค์และโลกอย่างตะกละตะกลาม
ร่างกายของเขาเหมือนหลุมดำที่สามารถกลืนกินพลังปราณเหล่านี้ได้อย่างง่ายดายและเปลี่ยนเป็นพลังงานที่บริสุทธิ์แล้วส่งตรงไปยังทะเลปราณในตันเทียนของเขา
"ต่อมา คือบททดสอบแห่งปราณ"
ดวงตาของโจวสุ่ยเปล่งประกาย เขารู้สึกได้ว่าพลังปราณในตันเทียนของเขาได้บรรลุถึงจุดสมบูรณ์
สำหรับด่านนี้ เขามีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่ง
เพราะเขาบ่มเพาะวิชาไร้เทียมทาน วิชากู่ศักดิ์สิทธิ์ นี่คือวิชายิ่งใหญ่ ระดับเทพเซียน
ตอนนี้เขาสร้างกู่หนอนไปแล้วแปดตัว
แต่ละตัวเทียบเท่ากับตันเทียนของเขา
กล่าวอีกนัยหนึ่ง พลังปราณในร่างกายของเขาอย่างน้อยก็เท่ากับพลังปราณของผู้บ่มเพาะรวมลมปราณ 9 เท่า
มิอาจคาดเดาได้ ว่าพลังมหาศาลเพียงใด
"โครม คราม คราม!"
ในขณะนี้ เมื่อ โจวสุ่ย กำลังหมุนเวียน วิชากู่ศักดิ์สิทธิ์ พลังปราณอันยิ่งใหญ่ของสวรรค์และโลกก็ไหลเข้าสู่ตันเทียนของเขา ภายใต้แรงกดดันของพลังปราณภายนอก พลังปราณในร่างกายของเขาเริ่มเปลี่ยนแปลง
จากพลังปราณกลายเป็นหยดเหลว
ในตันเทียน ทันใดนั้นก็มีหมอกสีทองเข้มลอยขึ้น
เมื่อเวลาผ่านไป หมอกสีทองเข้มในส่วนลึกของตันเทียนก็เต็มไปด้วยหมอกสีทองเข้มราวกับว่าตันเทียนกลายเป็นโลกแห่งหมอก ก่อตัวเป็นเมฆสีทองเข้ม
“ใช่แล้ว นี่คือ ด่านที่สาม ด่านพลังจิตวิญญาณ”
โจวซู่ยเคลื่อนความคิดของเขาทันทีและกระตุ้นพลังจิตของเขา
พูดตามตรง ด่านนี้สำหรับเขาง่ายที่สุด
เหล่าผู้บ่มเพาะรวมลมปราณคนอื่น ๆ ต้องการเปลี่ยนสภาพพลังจิตให้กลายเป็นสัมผัสวิญญาณ แต่พลังจิตของเขาได้กลายเป็นสัมผัสวิญญาณระดับสร้างรากฐานมานานแล้ว อีกทั้งยังเทียบเคียงกับพลังของการสร้างรากฐานขั้นปลายได้เลย
นั่นจึงทำให้เขาผ่านด่านนี้ได้ง่ายดายตั้งแต่เนิ่นนาน
วูบ~
ในพริบตา ภายใต้การควบคุมของสัมผัสวิญญาณของโจวสุ่ย พลังสัมผัสวิญญาณที่ไร้รูปร่างแทรกซึมลงไปในทะเลปราณมอบแรงกดดันที่มองไม่เห็นให้กับหมอกสีทองเข้มเหล่านี้
ภายใต้การกระตุ้น หมอกสีทองเข้มเหล่านี้เริ่มบีบอัด บีบอัด และบีบอัดอย่างต่อเนื่อง
ไม่ทราบว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด เสียงคล้ายน้ำไหลดูเหมือนจะมาจากก้นบึ้งของทะเลปราณ
โจวสุ่ยรับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของพลังปราณภายในทะเลปราณของเขา พลังปราณได้กลายเป็นสีทองเข้มและก่อตัวเป็นหยดน้ำทีละหยด หยดน้ำเหล่านี้ตกลงมาจากเมฆ
หนึ่งหยด สองหยด สามหยด...
หยดน้ำพลังปราณก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งกลายเป็นหยดน้ำสีทองเข้มยี่สิบหยด พลังปราณจากภายนอกโลกไม่สามารถดูดซับได้อีก จึงหยุดลงในที่สุด
หยดน้ำพลังปราณสีทองเข้มยี่สิบหยดลอยนิ่งอย่างสงบอยู่ในทะเลปราณ ในเวลานี้ทะเลปราณของเขากลับกลายเป็นมหาสมุทรสีทองเข้มที่กว้างใหญ่ไพศาล เต็มไปด้วยพลังปราณอันไร้ขอบเขต
ความจริงแล้ว ร่างกายของเขามีกู่หนอนทุกตัวที่บรรจุหยดน้ำพลังปราณยี่สิบหยดเช่นกัน
รวมกันแล้ว นั่นคือหยดน้ำพลังปราณหนึ่งร้อยแปดสิบหยด
ตั้งแต่แรกเริ่ม พลังปราณของเขาก็มากกว่าพลังปราณของผู้บ่มเพาะสร้างรากฐานเก้าเท่า
แต่นี่ก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ยังไม่ถึงจุดสิ้นสุด
"ชำระไขกระดูก!"
เมื่อโจวสุ่ยเคลื่อนไหวตามวิชากู่ศักดิ์สิทธิ์ หยดน้ำพลังปราณที่อยู่ลึกในทะเลปราณก็เริ่มหมุนเวียน ไหลเวียนผ่านเส้นเลือดและเส้นเลือดไปทั่วร่างกายทุกมุม ก่อเกิดเป็นวงจร
แน่นอน นี่คือการล้างไขกระดูกของผู้บ่มเพาะระดับสร้างฐาน
นี่เป็นประโยชน์อันยิ่งใหญ่ที่สุดที่ผู้บ่มเพาะระดับรวมลมปราณ ได้รับเมื่อก้าวเข้าสู่ระดับสร้างฐาน และนับเป็นแก่นแท้ของการสร้างฐาน
เมื่อก่อตัวเป็นหยดน้ำพลังปราณ เหล่าผู้บ่มเพาะสามารถดึงพลังปราณมาปรับแต่งร่างกายของตนได้
ด้วยวิธีนี้ ร่างกายของพวกเขาค่อยๆ หลุดพ้นจากพันธนาการแห่งความเป็นมนุษย์ ก้าวสู่ความเป็นอมตะ
การล้างไขกระดูกเพียงครั้งเดียว สามารถก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมหาศาลในร่างกายและเพิ่มอายุขัยได้สองร้อยห้าสิบปี
เรียกได้ว่า เฉพาะในกรณีนี้เท่านั้น จึงนับว่าก้าวเข้าสู่ประตูของผู้บ่มเพาะอย่างแท้จริง มีอายุขัยที่ยาวนานกว่าคนธรรมดามาก
และยังควบคุมพลังที่เหนือจินตนาการได้อีกด้วย
"เยี่ยมยอด"
โจวสุ่ยรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
มิต้องสงสัยเลย เขาได้รับประโยชน์มากกว่าผู้บ่มเพาะบรวมลมปราณทั่วไป
เมื่อผู้บ่มเพาะธรรมดา ๆ เลื่อนขั้นเป็นผู้บ่มสร้างรากฐาน จะได้รับเพียงหยดน้ำพลังปราณยี่สิบหยดเท่านั้น
แต่เขาตั้งแต่แรกก็ได้รับของหยดน้ำพลังปราณหนึ่งร้อยแปดสิบหยด
ลองนึกภาพดูว่า ร่างกายของเขาจะได้รับประโยชน์มากเพียงใด
วูช~
เมื่อปราณภายในร่างกายของเขาหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง เขารับรู้ได้ว่ากระดูก เนื้อหนัง เลือดเนื้อ เส้นเลือด อวัยวะภายใน แม้แต่เซลล์แต่ละเซลล์ก็ได้รับการเสริมพลังแบบทวีคูณ
พลังปราณอันยิ่งใหญ่ที่ไหลลงมา ทำให้ร่างกายของเขาเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
หนึ่งรอบ สิบปรอบ ยี่สิบรอบ ห้าสิบรอบ…………
รอบนี้หมุนเวียนหนึ่งร้อยแปดสิบรอบ จึงถือเป็นการสิ้นสุดการล้างไขล้างกระดูกในครั้งนี้
(บทจบ)