ตอนที่แล้วตอนที่ 42 พี่ชายเป็นตัวถ่วง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 44 พี่ชายไม่ถูกสงสัย

ตอนที่ 43 สายฟ้าคำราม


พอเห็นทั้งสองบินหนีไป เฟิงหยูเตี่ยก็กัดฟัน ลืมไปว่ายังมีรูเลือดบนไหล่ซ้ายนาง

จนกระทั่งเสี่ยวเทียนบินมาเตือนนาง นางถึงสูดหายใจลึกและกลืนความโกรธลงไป

“หยูเตี๋ย เจ้ามีรูบนไหล่’

เฟิงหยูเตี๋ยตัวแข็ง ก้มหัวลงมองไหล่ซ้าย พอเห็นว่าเลือดย้อมเสื้อนางไปครึ่งตัว นางก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดทิ่มแทง

นางมองไปทางเพ่ยเหลียนเสวี่ย คิดสักพัก และพลันทรุดลงกับพื้น กรีดร้อง“อ้ากกกก!!!”

“เจ็บ ข้ากำลังจะตาย..”

“เอ๊ะ?!”

ตอนเพ่ยเหลียนเสวี่ยได้ยินเสียงร้องของเฟิงหยูเตี่ย นางก็รีบวิ่งมา นั่งลงยอง ฉีกแขนเสื้อตัวเอง และทำแผลให้

พอเห็นเช่นนี้ เฟิงหยูเตี๋ยก็รีบพูดด้วยเสียงอ่อน“แม่นางเพ่ย ข้าคิดว่าข้ากำลังจะตาย เจ้าช่วยอะไรอย่างให้ข้าได้ไหม?ข้าอยากได้..”

เพ่ยเหลียนเสวี่ยไม่สนใจที่นางพูด แต่พอเห็นรูบนไหล่ค่อนข้างใหญ่ นางก็นึกถึงวิธีปฐมพยาบาทฉุกเฉินที่พี่ชายสอน

ภายใต้สถานการณ์ปกติ การใช้เม็ดยาจะดีสุด

น่าเสียดาย นางไม่มียาสำหรับแผลแทงในถุงมิติ แต่พี่ชายสอนนางให้ทำการฆ่าเชื้อก่อนและจากนั้นก็ผันแผลเพื่อหยุดเลือด

ดังนั้น เพ่ยเหลียนเสวี่ยจึงหยิบขวดเกลือจากการย่างกวางออกมา ปลดฝาขวด และเทใส่แผลของเฟิงหยูเตี๋ย

“ทนหน่อยนะ มันอาจจะเจ็บสักนิด”

“เอ๊ะ?”

เฟิงหยูเตี๋ยมองนางหยิบขวดมาและคิดว่ามันคือยา นางเลยไม่พูด

แต่ พอผงสีขาวเหลืองโปรยใส่ไหล่นาง เสียงร้องที่เหมือนหมูโดนเฉือดก็ดังทั่วบึง

“อ้ากกกกกกก!!!!”

หลังจากนั้น เฟิงหยูเตี๋ยก็ตาเหลือก นางหงายกับพื้นเหมือนหมดสติไป

“อืม”

เพ่ยเหลียนเสวี่ยพยักหน้าพอใจ จากนั้นก็ฉีกแขนเสื้อตัวเองมาผันไหล่ของเฟิงหยูเตี๋ยก่อนจะทิ้งนางไว้ตรงนั้น

จากนั้นก็กลับไปหาเสี่ยวอวิ๋นหลัว

เสี่ยวอวิ๋นหลัวนั่งอยู่ตรงหน้าศพของพี่สองและสาม มันไม่ชัดเจนว่านางกำลังทำอะไร นางเอาแต่พึมพำกับตัวเอง พูดว่า’ไปหามัน’ และ’อย่ากลัว’ มือน้อยๆของนางสั่น ขยับด้านหน้าและหลังของถุงมิติทั้งสอง

เพ่ยเหลียนเสวี่ยก้าวไปด้วยสีหน้าสับสนและถาม“มีอะไร?”

“เอะ?!”เสี่ยวอวิ๋นหลัวรีบุลก“ข้า..แค่อยากหากระบี่ของข้า คนเหล่านี้ขโมยกระบี่ของข้าไป”

“โอ้?”เพ่ยเหลียนเสวี่ยพยักหน้าและถาม“เจ้าหาเจอหรือยัง?”

“อา..ข้า...”เสี่ยวอวิ๋นหลัวเม้มปาก

ในความเป็นจริง มันเป็นครั้งแรกที่นางเห็นศพคน นางเลยกลัว

แต่นางรู้สึกว่ามันน่าอายที่จะยอมรับว่านางไม่กล้าแตะถุงมิติพวกนี้

นางคือคุณหนูของสำนักดาวดำ!นางจะมากลัวเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ได้ไง?

หลังลังเล นางก็พูดอย่างไม่มั่นใจ“ข้ากังวลว่าอาจมีกับดักในถุงมิติของคนเหล่านี้ ข้าเลยไม่กล้าแตะ”

‘อืม”เพ่ยเหลียนเสวี่ยพยักหน้าเข้าใจ

กังวลว่าเพ่ยเหลียนเสวี่ยจะคิดว่านางขี้ขลาด เสี่ยวอวิ๋นหลัวรีบพูดเสริม“ข้าไม่ได้กลัวจริงๆนะ ข้าแค่กังวลว่าจะมีกับดัก..นั่น..ผู้อาวุโสบอกว่า อย่าแตะถุงมิติของคนอื่น อาจมีแมลงพิษหรืออะไร..”

“เจ้าไม่ลองใช้สัมผัสตรวจดูข้างในก่อนละ?”

“โอ้..ใช่..”

เสี่ยวอวิ๋นหลัวยิ้มอย่างอึดอัด จากนั้นก็กำหมัด รวบรวมความกล้าเพื่อส่งสัมผัสเข้าไปในถุงมิติของพี่สอง ในขณะเดียวกัน เพ่ยเหลียนเสวี่ยก็สำรวจถุงมิติของพี่สาม

น่าเสียดาย ไม่มีอะไรภายในนอกจากเม็ดยาและหินปราณ

พอเห็นว่านางหากระบี่ไม่เจอ เสี่ยวอวิ๋นหลัวก็ผิดหวัง และหลังคิด นางก็ถาม“นอกจากสองคนนี้ ไม่ใช่ว่ามีอีกสองที่หนีอรดไปได้เหรอ?หรือจะอยู่กับพวกนั้น?”

“เราจะกลับไปหาทีหลัง”เพ่ยเหลียนเสวี่ยชี้เฟิงหยูเตี๋ยที่นอนบนพื้น“เจ้าอยู่ที่นี่กับนางและเรียกข้าถ้ามีอะไร ข้าจะไปเดินดูในป่า”

“ได้”

หลังพูด เพ่ยเหลียนเสวี่ยก็รีบวิ่งไปป่าใกล้ๆ

ตอนนี้ พี่ชายนางใช้นกหวีดเหล็กเพื่อบอกนางถึงตำแหน่งของปมหลัก ซึ่งหมายความว่าเขาอยู่แถวนี้

เฟิงหยูเตี๋ยยังดี แต่กรณีที่เสี่ยวอวิ๋นหลัวตกหลุมรักพี่ชายนางหลังเห็นเขา นางจะมีศัตรูอีกในอนาคต

ดังนั้น หลังเดินลึกไปในป่าและมั่นใจว่าเสี่ยวอวิ๋นหลัวไม่ตามมา นางก็เลียนแบบเสียงนก เรียกพี่ชายนาง

หลังเรียกไปหลายสิบครั้งโดยไม่มีการตอบกลับ นางก็ไม่พอใจ

“พี่ชายข้าอยู่ไหน?เขายังอยู่ที่นี่อยู่เลย..”

หลังรอสักพัก พอเห็นว่าพี่ชายนางไม่มา เพ่ยเหลียนเสวี่ยก็ผงะ

เวลานี้ กระบี่บินหลายเล่มบินมา

หวังเส้าเหรินขี่กระบี่บินมา ตามด้วยศิษย์สายในเจ็ดหรือแปดคน

หลังเห็นคนสามคนและศพสองศพด้านใต้ เขาก็ขมวดคิ้วและรีบสั่งศิษย์ให้คุ้มกันและออกค้นหา

เดิม หวังเส้าเหรินคิดว่าพวกนางจะสู้กับกลุ่มคนที่เข้าร่วมการคัดเลือก แต่หลังถามเสี่ยวอวิ๋นหลัวเกี่ยวกับสถานการณ์และตรวจศพทั้งสอง เขาก็ตกตะลึง

สำนักดาวดำใช้เงินปีหนึ่งเป็นล้านหินปราณกับค่ายกลป้องกัน แม้กระทั่งผู้บ่มเพาะที่ทรงพลังก็ไม่มีทางทำลายเข้ามาได้ง่ายๆ แต่ตอนนี้ มีผู้บ่มเพาะก่อตั้งรากฐานหลายคนเล็ดลอดเข้ามา

ขณะที่หวังเส้าเหรินสั่งให้ศิษย์ออกค้นหาคนสองคนที่หนีไปได้ สายฟ้าก็ผ่าลงมา

ชายชราเคราขาวมาถึง

ตอนหวังเส้าเหรินเห็นเขา เขาก็รีบประสานมือคารวะ“ผู้อาวุโสใหญ่”

คนคนนี้คือหนึ่งในห้าผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักดาวดำ เล่ยว่านจวิน ผู้บ่มเพาะในอาณาจักรตรัสรู้

เขากวาดมองศพสองศพและถามด้วยความโกรธ“เกิดอะไรขึ้นที่นี่?”

“มีกลุ่มคนแอบเข้าภูเขาหลังและโจมตีคุณหนูกับศิษย์ที่เข้าร่วมการสอบสองคน ยังมีอีกสองคนที่หนีรอด และข้าก็ส่งศิษย์ไปล่าแล้ว”

เล่ยว่านจวินหันไปมองเพ่ยเหลียนเสวี่ยกับเฟิงหยูเตี่ยและพยักหน้า“ข้าจำสองคนนี้ได้ คนที่ชนะในการทดสอบกระบี่ใช่ไหม?”

“ขอรับ”

หวังเส้าเหรินบอกให้ทั้งสามเดินมาเคารพ

เฟิงหยูเตี๋ยสัมผัสได้ว่านี่คือยอดฝีมืออาณาจักรตรัสรู้ นางจึงก้มหัวเคารพ

“คารวะ ผู้อาวุโสใหญ่…”

เช่นเดียวกับเสี่ยวอวิ๋นหลัว นางประสานมือ’คารวะ ผู้อาวุโสเล่ย”

แต่เพ่ยเหลียนเสวี่ยนั้นแตกต่าง นางเพิ่มเสียง ยืดตัวตรงและตะโกนเสียงดัง“น้อมพบ ผู้อาวุโส!!!”

เสียงดังนี้ทำให้เล่ยว่านจวินสะดุ้ง แต่เขาไม่รู้สึกอะไรมาก เขาแค่ยิ้มตอบ“สาวน้อย เจ้าเต็มไปด้วยจิตวิญญาณ”

“อา..พี่ชายข้าสอนให้ทำความเคารพเสียงดัง ฮี่ๆ…”

เล่ยว่านจวินตบไหล่เพ่ยเหลียนเสวี่ย จากนั้นก็หรี่ตา ยกนิ้วขึ้น

ในพริบตา เมฆสายฟ้านับไม่ถ้วนก็ปรากฏจากอากาศธาตุ

สายฟ้าสั่นสะเทือนสักพัก จากนั้นเล่ยว่านจวินก็โบกมือใหม่

เมฆในท้องฟ้าสลายเหมือนภาพมายา

“กลุ่มผู้บ่มเพาะก่อตั้งรากฐานเข้าสำนักดาวดำโดยไม่มีใครสังเกต และสองคนหนีไปได้?”

หลังได้ยิน หวังเส้าเหรินก็เข้าใจว่าเล่ยว่านจวินเพิ่งตรวจภูเขาหลังของสำนักดาวดำด้วยสัมผัส แต่เขาก็ยังไม่เชื่อมันและถาม“หนีไปได้จริงรึ?”

“ถ้าไม่หนี มันก็หมายความว่าสามารถเลี่ยงการตรวจสอบของสัมผัสข้าได้ เจ้าคิดว่ามันเป็นไปได้หรือ ผู้อาวุโสหวัง?”

“นี่..เป็นไปไม่ได้”

จากนั้น เล่ยว่านจวินก็เดินไปศพทั้งสองและตรวจสอบ

‘ผู้บ่มเพาะพเนจรสองคน..ควรเป็นคนของสำนักเจ็ดมือสังหาร“เขามองเฟิงหยูเตี๋ยกับเพ่ยเหลียนเสวี่ย”ดูเหมือนหนึ่งในพวกเจ้าจะมีค่าหัว”

เฟิงหยูเตี่ยสับสน“หะ?”

“พวกเจ้าไปตอแยใครหรือเปล่า?”

เฟิงหยูเตี๋ยตอบอย่างไม่มั่นใจ“ข้าคิดว่า..ไม่นะ?”

เล่ยว่านจวินถอนหายใจและโบกมือ“เรื่องนี้ต้องไม่กระจาย สำหรับสำนักเจ็ดมือสังหาร..”

พอคิดถึงวิธีแก้ปัญหา เขาก็คิดจะส่งผู้อาวุโสไปขอให้ผู้นำสำนักเจ็ดมือสังหารขอโทษเด็กสองคน และจ่ายค่าชดเชย

แต่ก่อนเขาจะพูดจบ ศิษย์สายในก็วิ่งมาอย่างตื่นตระหนก

“ผู้อาวุโส!”

“ท่าทีไร้ความคิดนี่มันอะไร?”เล่ยว่านจวินเหลือบมอง

“ไม่..ไม่ใช่อย่างนั้นขอรับ ข้าพบแผนที่นี้ในถุงมิติของหนึ่งในศพ..”

พอเขาพูด ศิษย์สายในคนนี้ก็คุกเข่าลงข้างหนึ่ง มอบแผนที่ค่ายกลป้องกันดาวดำที่เย่อันผิงทิ้งไว้ในถุงมิติของ’พี่สี่’ให้เล่ยว่านจวิน

เล่ยว่านจวินมองมัน และในพริบตา หน้าเขาซึ่งเดิมมีเมตตาก็เปลี่ยนเป็นน่ากลัว

ท้องฟ้าส่งเสียงคำราม

“สำนักเจ็ดมือสังหาร นี่มันจะมากเกินไปแล้ว!!!”

หวังเส้าเหรินรีบเดินไปใกล้และมองแผนที่ในมือของเล่ยว่านจวิน พอเห็นมัน เขาก็เบิกตากว้างและถอนหายใจ.สำนักเจ็ดมือสังหารนี่กล้าทำทุกสิ่งเพื่อเงินจริงๆ!”

พวกเขากล้าสอดแนมค่ายกลป้องกันของหนึ่งในสำนักเซียนใหญ่ และสิ่งสำคัญสุดคือถึงขั้นส่งกลุ่มคนมา

ตำแหน่งทั้งเก้าบนแผนที่คือปมทั้งเก้าของค่ายกลป้องกันหลัก

เมื่อแผนที่นี้หลุด ค่ายกลนี้จะไร้ประโยชน์และใครก็จะสามารถเข้าออกสำนักดาวดำได้ตามใจชอบ

การทำเช่นนี้ไม่ต่างจากการประกาศสงครามกับสำนักดาวดำ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด