Chapter 110 : ใครบอกว่านายชนะแล้ว?
ดาทไม่เคยเห็นบอลเพลิงลูกใหญ่ขนาดนี้มาก่อน
ในความคิดของเขา จอมเวทย์ขอบเขตที่7ที่สามารถสร้างบอลเพลิงขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางได้ถึงหกเมตรก็ถือว่าทรงพลังมากพอแล้ว
เขาไม่คิดเลยว่าเจ้าหมอนี่ที่เขาไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนจะสามารถสร้างบอลเพลิงที่มีขนาดกว่าเก้าเมตรได้ในชั่วพริบตา!
ถึงแม้ตัวเขาจะอยู่บนท้องฟ้าแต่สายที่เห็นบอลเพลิงขยายขนาดอย่างรวดเร็วนั้นก็ยังทำให้ดาทเกิดความรู้สึกกดดันอยู่ลึกๆ
“นายเป็นใครกัน? ทำไมฉันถึงไม่เคยเห็นข้อมูลของนายมาก่อน?!” ดาททั้งตกตะลึงและกราดเกรี้ยวในคราวเดียว
ระเบิดเพลิงแค่นเสียงและไม่คิดจะตอบกลับคำกล่าวของอีกฝ่าย เขาโยนระเบิดเพลิงออกไปทั้งๆอย่างนั้น
เมื่อเห็นบอลเพลิงขนาดมหึมาพุ่งเข้ามาและสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิร้อนลวก ดาทพลันบังเกิดท่าทีหวาดกลัวขึ้นมาตามสัญชาตญาณ
เขาไม่รู้เลยว่าตัวเองจะรับการโจมตีนี้ได้ไหม
ตามปกติแล้วเขาควรจะหลบการโจมตีนี้
หากแต่ตอนนี้ใช้เวลาอีกไม่ถึงนาทีเขาก็จะสามารถเทมเหยี่ยวอัสนีที่อยู่ใต้หว่างขาได้อย่างสมบูรณ์
เขาเกือบจะเทมมันสำเร็จแล้ว!
อย่าได้ลืมเชียวว่านี่คือราชันย์แดนลับมากประสบการณ์เชียวนะ!
ถ้าเขาเทมมันได้เขาจะเข้าถึงทรัพยากรได้มากขึ้นและได้รับการดูแลเป็นอย่างดีอย่างแน่นอนเมื่อกลับไปยังอินเดีย!
เขาอาจจะแซงหน้าพวกอัจฉริยะเหล่านี้ที่เคยข่มหัวเขามาตลอดเลยก็เป็นได้!
เขาไม่อยากจะยอมแพ้แบบนี้!
หลังจากคิดอยู่ชั่วครู่เขาก็ตัดสินใจลองเสี่ยงดูและใช้พละกำลังทั้งหมดที่เหลือในการป้องกันระเบิดเพลิงลูกนี้
เขาอัดฉีดพลังเวทย์ที่เหลือทั้งหมดเข้าไปในโล่ทองคำราชันย์อสูรอีกครา
ลวดลายสีทองบนผิวของตัวโล่ทองคำราชันย์อสูรแผ่ขยายอย่างรวดเร็ว ในเวลาเพียงชั่วพริบตามันก็พลันส่องแสงสีทองเจิดจ้าออกมาและบังเกิดเป็นเงามายาของโล่สีทองปกคลุมร่างของดาทเอาไว้ทุกส่วน
หนนี้เขากระทั่งให้โล่ทองคำครอบคลุมร่างของเหยี่ยวอัสนีเลยด้วย
ทั้งนี้ก็เพราะถ้าหากบอลเพลิงที่มีขนาดกว่าเก้าเมตรลูกนี้โดนกับเหยี่ยวอันสนีเข้าก็อาจจะทำให้มันได้รับความเสียหายอย่างมหาศาล
ถ้าเหยี่ยวอัสนีได้รับบาดเจ็บสาหัส ต่อให้เขาเทมมันได้สำเร็จก็คงฆ่าสมาชิกของกองพลก่อสร้างพวกนี้ไม่ได้อยู่ดี
ดังนั้นเขาจึงต้องป้องกันทั้งตัวเองและเหยี่ยวอัสนี!
ตูม!
พริบตาต่อมาบอลเพลิงก็ปะทะเข้ากับโล่ทองคำ
ในสายตาของทุกคนนั้น ร่างของดาทและเหยี่ยวอัสนีถูกเปลวเพลิงไร้ต้านนี้กลอบกลืนจนหายไปสิ้น
ฉู่เผิงเฉิง ไป๋ชิงเหอและคนอื่นๆแทบจะกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ
หมาป่าเงินพึมพำ “พวกเราชนะแล้วใช่ไหม?”
เย่อู่ชิวกำหมัดแน่นและจ้องมองตาไม่กระพริบ “พวกเราชนะใช่ไหม?”
เซี่ยงเมียนซิวส่ายหัว “มันทรงพลังมากก็จริงแต่พลังทำลายส่วนใหญ่นั้นถูกป้องกันเอาไว้ได้”
ทันทีที่เขากล่าวจบเปลวเพลิงก็สลายหายไปและแสงสีทองเองก็มลายสิ้นเช่นกัน
โล่ทองคำราชันย์อสูรที่เปล่งประกายเจิดจ้านั้นตอนนี้กลับเต็มไปด้วยรอยด่างและรอยไหม้
ความทนทานของอุปกรณ์ของเขาลดลงจดเกือบถึงจุดอันตราย ถ้าเขายังใช้อุปกรณ์ชิ้นนี้ป้องกันต่อไปมันคงได้แตกเป็นชิ้นๆตรงนี้นี่แหละ!
ขนบนร่างของเหยี่ยวอัสนีถูกเผาไหม้ไปไม่น้อยจนเผยให้เห็นกล้ามเนื้อด้านใน พร้อมกันนั้นมันก็ส่งเสียงโหยหวนด้วยความเจ็บปวดออกมา
ก่อนหน้านี้มันก็ถูกดาทพันธนาการมาโดยตลอดแล้วยังมาถูกโซ่สายฟ้าของเซี่ยงเทียนซิวอีก มันจึงไม่อาจหลบระเบิดเพลิงที่ถูกเสริมพลังเป็นเวลานานลูกนี้ได้และทำได้เพียงลอยอยู่เฉยๆมองดูการโจมตีนี้ปะทะเข้ากับร่างของมันอย่างสิ้นหวัง สภาพของมันตอนนี้เลวร้ายมากและพลังชีวิตเองก็ลดลงไปกว่า50%แล้ว
ดาทเองก็ไม่ได้ดีเช่นกัน
แขนข้างที่ถือโล่ทองคำราชันย์อสูรเอาไว้ถูกเผาโดยอุณหภูมิร้อนจัดจนกลายเป็นสีแดง ผิวหนังฝั่งที่ใกล้กับตัวโล่เองก็ไหม้เกรียมอย่างสมบูรณ์
นี่ขนาดว่าหลังจากโดนระเบิดเพลิงเข้าไปเขาดื่มโพชั่นฟื้นฟูพลังชีวิตไปแล้วนะ
กลิ่นเนื้อย่างนั้นลอยเข้ามาเตะจมูกของเขาเข้าอย่างจัง
เมื่อลมภูเขาผัดผ่านผิวหนังของเขาก็ทำให้ความเจ็บปวดเสียดกระดูกแล่นเข้ามาในระบบประสาท
อย่างไรก็ตามถึงกระนั้นแล้วเขาก็ยังคงนั่งอยู่บนคอของเหยี่ยวอัสนีอย่างหนักแน่น มืออีกข้างหนึ่งของเขานั้นยังคงกำเชือกทองฝึกอสูรเอาไว้เป็นแม่นมั่นโดยไม่ขยับเลยแม้แต่นิ้วเดียว!
“ฮ่าๆๆ! ระยะเวลาคูลดาวน์ของระเบิดเพลิงนานยิ่งกว่าโซ่สายฟ้าด้วยซ้ำ ยิ่งไปกว่านั้นทุกครั้งที่ใช้ก็กินพลังเวทย์มหาศาล นายไม่มีทางใช้ระเบิดเพลิงลูกที่สองได้อีกแล้ว! พวกนายทำอะไรฉันไม่ได้แล้ว! ท้ายที่สุดฉันก็คือผู้ชนะอยู่ดี!”
ดาทหอบหายใจหนักหน่วงด้วยความเจ็บปวดก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างหยาบโลน
สมาชิกของกองพลก่อสร้างบนพื้นดินพากันเงียบกริบ
ไม่มีทาง
เซี่ยงเทียนซิวไม่อาจทำให้ดาทบาทเจ็บได้และระเบิดเพลิงเองก็จัดการเขาไม่ได้เช่นกัน
นอกจากคนทั้งสองแล้วคนอื่นไม่มีสกิลโจมตีระยะไกลที่ทรงพลังแบบสองคนนี้เลย
อาชีพสายต่อสู้ระยะประชิดนั้นมีพลังชีวิตและความสามารถในการเอาตัวรอดสูง ในระหว่างภารกิจนั้นต่อให้ไม่มีสหายพวกเขาก็ยังพอจะทำภารกิจสำเร็จได้
อาชีพระยะไกลโดยเฉพาะจอมเวทย์นั้นง่ายต่อการตกเป็นเป้าหมายของศัตรูถ้าไม่มีใครคอยคุ้มกัน
ดังนั้นจึงไม่เหมือนกับในเกมที่เคยเล่น อัตราส่วนของนักสู้ที่เลือกเป็นนักสู้ระยะประชิดและนักสู้ระยะไกลนั้นหาใช่หนึ่งต่อหนึ่ง กลับกันมันอยู่ที่ราวๆเจ็ดต่อสามหรือกระทั่งแปดต่อสองด้วยซ้ำโดยที่นักสู้ส่วนใหญ่นั้นมักจะเลือกอาชีพสายต่อสู้ระยะประชิด
อย่างไรก็ตามเพื่อความปลอดภัยแล้วนักสู้ระยะประชิดเกือบทั้งหมดจึงมักจะเรียนรู้สกิลโจมตีระยะไกลเอาไว้บ้างหนึ่งถึงสองสกิลเพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์น่ากระอักกระอ่วนเช่นนี้
เย่อู่ชิวกำหมัดแน่น อย่าบอกนะว่าเธอทำได้เพียงปล่อยให้ดาทเทมเหยี่ยวอัสนีไปแบบนั้น?
“ใครบอกว่านายชนะแล้ว?”
ท่ามกลางบรรยากาศเงียบกริบนั้นเองจู่ๆระเบิดเพลิงกลับพูดขึ้นมา
เมื่อทุกคนมองไปที่เขาก็ต้องตกตะลึงเมื่อพบว่าระเบิดเพลิงผู้นั้นกำลังสร้างระเบิดเพลิงลูกที่สองขึ้นมา!
ภายในชั่วพริบตาต่อมาบอลเพลิงก็ขยายขนาดขึ้นเป็นเก้าเมตร
ความร้อนอันน่าสะพรึงปะทุออกมา
หนนี้นักสู้รอบๆไม่ได้ล่าถอยอีกหากแต่กลับเผยสีหน้าประหลาดใจออกมาแทน
“สกิลระเบิดเพลิงของเขาดูเหมือนจะมีระยะเวลาคูลดาวน์สั้นมากเลยนะ!?” หมาป่าเงินกล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ
เย่อู่ชิวเองก็ดีใจและพึงพอใจยิ่งนัก “สมแล้วที่เป็นระเบิดเพลิง!”
ขนาดเซี่ยงเทียนซิวก็ยังอุทานออกมา “อย่าบอกนะว่าระเบิดเพลิงของนายอัพจนเป็นเกรดสีทองแล้ว?”
ดาทที่นั่งอยู่บนคอของเหยี่ยวอัสนีหยุดหัวเราะในทันที
ดาทในเวลานี้โมโหยิ่งนัก “ระยะเวลาคูลดาวน์ของระเบิดเพลิงมันต้องนานมากสิแถมยังต้องใช้พลังเวทย์มหาศาลอีกด้วย! แก..แกแก! ระเบิดเพลิงของแกมันอะไรกันแน่?”
ระเบิดเพลิงแค่นเสียงตอกกลับไป “ไม่บอก พอลงไปถึงนรกก็ค่อยๆคิดดูช้าๆแล้วกัน!”
ระเบิดเพลิงปาสกิลระเบิดเพลิงขึ้นไปบนฟ้าด้วยความเร็วสูงอีกหน
หลินเซวียนสามารถมองเห็นพลังชีวิตและพลังเวทย์ในปัจจุบันของดาทได้อย่างชัดเจน
เขาพบว่าเชือกทองฝึกอสูรนั้นกินพลังเวทย์ของดาทอย่างต่อเนื่อง
เมื่อตอนที่พวกเขาพบกันพลังเวทย์ของดาทก็อยู่ต่ำกว่า60%แล้ว
สกิลควบคุมจิตใจที่ดาทใช้ในการเทมเหยี่ยวอัสนีเองก็กินพลังเวทย์ของเขาพอตัว
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อครู่นี้ตัวเขายังไร้ทางเลือกจนต้องอัดพลังเวทย์จำนวนมากเพื่อเปิดใช้งานโล่ทองคำราชันย์อสูรเพื่อต้านทานโซ่สายฟ้าของเซี่ยงเทียนซิวอีก
เช่นเดียวกับตอนที่เขาป้องกันระเบิดเพลิงลูกแรกของเขา
หลังจากกระบวนการทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้น หลินเซวียนพบว่าพลังเวทย์ของดาทลดลงเหลือเพียง10%เท่านั้นและใกล้จะหมดหลอดเต็มแก่
อย่างไรก็ตามดาทกลับไม่อาจเติมพลังเวทย์ได้ด้วยโพชั่นฟื้นฟูพลังเวทย์
เขาเดาว่าดาทน่าจะไม่มีโพชั่นเหลือแล้ว
ระเบิดเพลิงลูกนี้จึงเป็นการโจมตีถึงตายอย่างแน่นอน!
ดาทกัดฟันแน่นและคำรามออกมาด้วยความโกรธ “ห่าเอ๊ย! เวรเอ๊ย!”
เขาเกือบจะเทมเหยี่ยวอัสนีได้อยู่แล้วเชียว
ยังไงก็ตามถึงแม้จะเทมได้สำเร็จก็คงไม่มีเวลามากพอจะสั่งการให้เหยี่ยวอัสนีบินหนีอยู่ดี เขาคงถูกระเบิดเพลิงเป่าทิ้งเสียก่อน
ไม่ว่าจะเป็นเขาหรือเหยี่ยวอัสนีต่างฝ่ายต่างก็ล้วนไม่อยู่ในสภาพที่ดีเลย
ตัวเขาเองพลังเวทย์ก็เหลือน้อยเต็มแก่แล้ว
ถ้าเขารับการโจมตีนี้เข้าไปพลังชีวิตคงลดลงไปอย่างมหาศาลและอาจจะได้รับบาดเจ็บสาหัสเลยทีเดียว
จากนั้นก็มีโอกาสสูงมากที่ตัวเขาจะถูกจับเป็นกลับไปยังยังกองพลก่อสร้างโดยคนพวกนี้!
นั่นคือการหยามหมิ่นความภาคภูมิใจของดาทอย่างรุนแรง
หลังจากความคิดตีกันเองอยู่ในใจได้ช่วงสั้นๆดาทก็ไม่มีทางเลือกได้แต่ต้องปล่อยมือออกจากเชือกทองฝึกอสูรและอีดพลังเวทย์ที่เหลือเข้าไปในโล่ทองคำราชันย์อสูรแทน
ในเวลาเดียวกันเขาก็หยิบโพชั่นฟื้นฟูพลังชีวิตขวดสุดท้ายออกมาจากอุปกรณ์เก็บของ!
ตูม!
ระเบิดเพลิงกลืนร่างของดาทและเหยี่ยวอัสนีเข้าไปอีกครั้งดังคาด
เสียงปริแตกดังออกมาให้ได้ยินจากภายในกองเพลิง!
แคร๊ก!
อุปกรณ์เกรดสีทอง - โล่ทองคำราชันย์อสูรแตกสลาย!
เมื่อปราศจากโล่ทองคำราชันย์อสูรแล้ว พลังทำลายที่เหลือของสกิลระเบิดเพลิงจึงอัดกระแทกเข้าใส่ร่างของดาทอย่างบ้าคลั่ง
ความร้อนอันน่าสะพรึงนั้นทำให้เขาต้องคำรามออกมาด้วยความเจ็บปวด
เหยี่ยวอัสนีที่อยู่ใต้ร่างของเขาเองก็ถูกเปลวเพลิงเผาจนต้องกรีดร้องออกมา
เนื่องจากดาทได้ปล่อยเชือกทองฝึกอสูรแล้ว เหยี่ยวอัสนีจึงไม่ถูกพันธนาการอีกต่อไป มันกระพือปีกบินขึ้นไปบนฟ้าและพยายามสลัดมนุษย์ให้หลุดออกไปจากหลังมันในทันที
ต้องขอบคุณการกระทำนี้ของมันที่ทำให้ดาทหลบหนีออกจากระยะสังหารของระเบิดเพลิงได้สำเร็จและร่วงหายเข้าไปในป่า
แน่นอนว่านี่คือสิ่งที่เขาคาดการณ์เอาไว้แล้ว หากแต่ราคาที่ต้องจ่ายนั้นคือการที่เขาต้องยอมทิ้งเหยี่ยวอัสนีที่เกือบจะเทมได้แล้วไป
“ไล่ตามไป!”
แววตาของเย่อู่ชิวและคนอื่นๆแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาและพร้อมกันนั้นพวกเขาก็พากันใช้สกิลต่างๆนาๆเพื่อไล่ล่าอีกฝ่าย
หากอยู่บนท้องฟ้านั้นพวกเขาทำอะไรดาทไม่ได้ก็จริง
แต่ตอนนี้ในเมื่ออีกฝ่ายร่วงลงมาแล้ว เช่นนั้นพวกเขาก็มีวิธีเป็นหมื่นวิธีที่จะกระทืบอีกฝ่าย!
โล่วิญญาณและระเบิดเพลิงเองก็รุดหน้าไปทันที
อย่างไรก็ตามเมื่อตอนที่พวกเขาตามมาจนเห็นหลังของดาท พวกเขากลับพบว่าดาทได้ใช้บางอย่างเปิดประตูแสงเบื้องหน้าไปแล้ว
ประตูแสงนั้นทั้งขยายและหดตัวอย่างไม่แน่นอน
บางครามันก็ยืดบางครามันก็เรียบนิ่ง
ดาทพาร่างกายอันบอบช้ำของเขาผ่านเข้าประตูแสงไป
ก่อนจากไปนั้นเขาหันมามองระเบิดเพลิงที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนด้วยแววตาดุดัน “ฉันจะจำแกเอาไว้! ไม่คิดเลยว่ากองพลก่อสร้างจะให้กำเนิดนักสู้มากพรสวรรค์ขึ้นมาอีกคนแล้ว”
กล่าวจบคำร่างของเขาก็หายเข้าไปในประตูผันผวน
เซี่ยงเทียนซิวโมโหยิ่งนักและปาสกิลโซ่สายฟ้าของเขาตามเข้าไป
เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดของดาทดังออกมาจากประตูแสง
เซี่ยงเทียนซิวคิดจะปาเวทย์อีกหลายชนิดตามเข้าไปด้านใน
หากแต่ประตูผันผวนจู่ๆกลับปิดตัวลงหลังจากเปิดได้ไม่ถึงแปดวินาที
แน่นอนว่าพวกเขาตรงนี้ไม่มีใครโง่พอที่จะไม่เข้าใจสถานการณ์
พวกเขาทราบทันทีว่าอินเดียน่าจะมีวิธีการบางอย่างในการเปิดประตูแสง!
เรื่องนี้ค่อนข้างซีเรียวและสำคัญมาก
พวกเขาจำเป็นต้องรายงานให้กับศูนย์หลักทราบให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้
ถ้านักสู้ของอินเดียสามารถเข้ามายังภูเขาอัสนีร่วงได้ นั่นก็หมายความว่าพวกเขาสามารถเข้าไปยังภูเขาเสี้ยววิญญาณและโบราณสถานคุนหลุนได้ด้วย
แดนลับเหล่านี้ล้วนเป็นสมบัติส่วนบุคคลของกองพลก่อสร้างและมีไอเทมสำคัญๆอยู่มากมาย องค์กรอื่นๆแน่นอนว่าไม่ได้รับอนุญาตให้เหยียบหัวพวกเขาเช่นนี้
หมาป่าเงินเดินเข้ามาตบไหล่ระเบิดเพลิงและเอ่ยชม “ระเบิดเพลิงครั้งนี้ต้องขอบคุณนายจริงๆ ฉันเกือบจะสิ้นหวังแล้วนะเนี่ย”
คนอื่นๆเองก็ได้สติตามๆกันและพากันเดินเข้ามายกนิ้วโป้งให้แก่ระเบิดเพลิง
“ระเบิดเพลิงสองลูกทำลายโล่นั่นได้ ยิ่งไปกว่านั้นสำหรับอุปกรณ์ที่ทรงพลังระดับนั้นแล้วยังไงก็ย่อมเป็นเกรดสีทองอย่างแน่นอน นายทำให้อนาคตของดาทมืดมนลงไปเยอะเลยทีเดียว!” ฉู่เผิงเฉิงสรรเสริญ
“ระเบิดเพลิง กองพลก่อสร้างสาขาเมืองหลงไห่ของเราภูมิใจในตัวนายจริงๆ!” ไป๋ชิงเหอกล่าวอย่างมีความสุข
เย่อู่ชิวย่นจมูก “นี่ๆๆ ทำไมคนของเมืองหลงไห่ของนายถึงได้อยากจะแย่งระเบิดเพลิงกันนัก? เขามาจากกองพลก่อสร้างสาขาเมืองเครนขาวของเราย่ะ!”
หมาป่าเงินเอ่ยเย้าไป๋ชิงเหอ “เหล่าไป๋ไม่คิดเลยนะว่านายจะเป็นพวกเล่นลูกไม้เป็นกับเขาด้วย”
ไป๋ชิงเหอยิ้มหากแต่กลับดูไม่ได้ละอายใจเลยแม้แต่น้อย
มีเพียงคนโง่เท่านั้นแหละที่ไม่ใช้โอกาสนี้ช่วงชิงคนมากพรสวรรค์แบบนี้
เซี่ยงเทียนซิวเอ่ยออกมาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความหมายลึกซึ้ง “ระเบิดเพลิงตอนนี้ฉันยิ่งสนใจในตัวนายขึ้นไปอีก ถ้านายมีพลังระดับนี้ทำไมก่อนหน้านี้ถึงเลือกไปติดตั้งรูนแห่งการปกปักษ์รอบนอกซะล่ะ? นายควรจะมาที่ยอดเขาหลักกับฉันสิ พวกเราจะได้แข่งกันไงว่าใครจะฆ่าอสูรได้มากกว่า!”
ทุกคนพากันกุมศีรษะไปตามๆกัน
เจ้าหมอนี่เอาอีกแล้ว
เป็นคนรักการแข่งขันซะเหลือเกิน
หลินเซวียนกระแอมออกมาเบาๆ “ผมคิดว่าเรื่องสำคัญที่สุดตอนนี้คือรายงานเรื่องนี้ให้กับศูนย์หลักทราบมากกว่า ใครจะเป็นคนกลับเมืองหลงไห่ดีล่ะ?”
ตอนนี้พวกเขาอยู่บนยอดเขาหลักซึ่งสูงขึ้นมาถึง500เมตร หากจะกลับไปยังประตูแสงก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อย3ชั่วโมง
หน้าที่กลับไปรายงานนั้นคนที่รับหน้าที่ต้องเป็นคนที่แข็งแกร่งในระดับหนึ่ง
หลังจากคิดกันแล้วแบล็คก็อาสาที่จะไป
นักฆ่านั้นรวดเร็วและทรงพลัง
เขาเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดในการกลับไปส่งข่าว
หลังจากเฝ้ามองดูแบล็คจากไป ทุกคนก็เริ่มปีนยอดเขาหลักกันต่อ
ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่กล้าเหยียบย่างเข้าไปในพื้นที่ของราชันย์แดนลับมากประสบการณ์ซักเท่าไหร่เนื่องจากราชันย์แดนลับมากประสบการณ์นั้นดุร้ายมาก ค่าสถานะของพวกมันนั้นเหนือกว่าอสูรเลเวล9ขอบเขตที่7ทั่วๆไปถึง130%
แต่ตอนนี้เหยี่ยวอัสนีได้รับบาดเจ็บสาหัสไปแล้ว
พวกเขาสามารถใช้โอกาสนี้สังหารมันได้!