ตอนที่แล้ว1335 - ลวงสังหาร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป1337 - อสูรงูเฒ่า

1336 - ทำลายเผ่าเทพอสูร


1336 - ทำลายเผ่าเทพอสูร

เด็กน้อยคนนี้คือคนที่ไปภูเขาไท่ซานเมื่อยี่สิบปีก่อน เขาจากไปพร้อมกับโลงศพเก้ามังกรและหายสาบสูญไปจากโลกนับตั้งแต่นั้น

ป๋ออี้พยักหน้า บอกชื่อของเย่ฟ่านออกไปเพื่อเป็นการยืนยันสิ่งนี้

“มีคนกลับมาได้จริงๆ”

ป๋อเฟิงซึ่งเป็นพี่ใหญ่ของกลุ่มตกตะลึงเป็นอย่างมาก! โลงศพเก้ามังกรพาคนกลุ่มหนึ่งเดินทางข้ามจักรวาลและหายสาบสูญไปจากโลกนับ 20 ปี

ตอนนี้กลับมีใครบางคนรอดชีวิตกลับมา ต่อให้เห็นความจริงอยู่ตรงหน้าเขาก็ยากที่จะทำใจยอมรับได้

“พวกเราฝึกฝนกันมาหลายร้อยปียังไม่สามารถทะลวงผ่านอาณาจักรแปลงมังกรได้ เด็กน้อยคนนี้ใช้เวลาฝึกฝนเพียง 20 ปีก็มีความแข็งแกร่งเทียบเท่าเราแล้ว สิ่งที่เขาใช้ฝึกฝนมันจะทรงพลังมากเพียงใด!” ป๋ออี้กล่าวอย่างจริงจัง

ลึกเข้าไปในป่าภูเขาโบราณ เย่ฟ่านยังคงสงบนิ่งไม่ตื่นตระหนก เขาพากว๋อเจินและเสี่ยวซงเดินเข้าไปในค่ายกลสังหารเพื่อค้นหายาศักดิ์สิทธิ์ต้นนั้นอย่างจริงจัง

ระหว่างทางพวกเขาเจอบ่อโสมหลายแห่ง โสมบรรพชนฉางไป๋นี้เต็มไปด้วยพลัง มันมีสัญชาตญาณในการแสวงหาโชคดีและหลีกหนีจากความชั่วร้าย ไม่อย่างงั้น มันจะมีชีวิตรอดมาตั้งแต่ยุคโบราณได้อย่างไร

“ตราบใดที่มันยังอยู่ในภูเขาฉางไป๋ก็แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่ข้าจะนำตัวมันออกมา” เย่ฟ่านขมวดคิ้ว

กว๋อเจินพูดไม่ออก ตอนนี้พวกเขาอยู่ในค่ายกลสังหารโบราณ แต่เย่ฟ่านไม่ได้ตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย

“ให้ข้าลองดูหน่อยได้ไหม”

เย่ฟ่านตะโกนเบาๆ จากนั้นพลังวิญญาณของเขาก็กวาดไปทั่วภูเขาเพื่อค้นหายาศักดิ์สิทธิ์ล้ำค่า

เส้นเลือดมังกรในภูเขาฉางไป๋ที่กำลังจะตายได้รับการกระตุ้นอย่างรุนแรงและฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง ภูเขาเริ่มสั่นสะเทือนและทำให้หิมะไหลลงมาจากด้านบน

เท้าของเยฟ่านยืนเชื่อมกับพื้นโลก ตาของเขาปิดลงและสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นใต้ดินทั้งหมด

เย่ฟ่านลืมตาขึ้้นมาอีกครั้งหลังจากสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่แข็งแกร่งเปล่งประกายด้วยแสงสีทอง เขารู้แล้วว่ามันอยู่ที่ไหน

“โสมโบราณนี่ช่างเป็นยาที่มมหัศจรรย์จริงๆ!”

เย่ฟ่านลืมตาขึ้น จากนั้นเขาบอกกว๋อเจินกับเสี่ยวซงว่าให้รออยู่ที่นี่ห้ามไปไหนเด็ดขาด

จากนั้นเย่ฟ่านก็หายตัวไปราวกับร่างของเขาสลายไปกับอากาศ

ทักษะต้นกำเนิดของเขานั้นก้าวหน้ามาก เขาอยู่ห่างจากขอบเขตของปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์เพียงก้าวเดียวเท่านั้น

ลึกเข้าไปในส่วนลึกของโลก แสงสีทองนั้นราวกับมังกรที่เคลื่อนไหวอยู่ใต้พื้นดิน มันตระหนักได้แล้วว่าเย่ฟ่านกำลังไล่ล่ามาทางด้านหลัง ดังนั้นมันจึงรีบหลบหนีด้วยความกลัว

“โสมโบราณนี้ยากที่จะจัดการจริงๆ อาจต้องใช้เวลาหลายชั่วยามกว่าที่จะจับมันได้”

เย่ฟ่านคือปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์ เขาไล่ล่ายาศักดิ์สิทธิ์อย่างกระชั้นชิด ความแข็งแกร่งของยาศักดิ์สิทธิ์ต้นนี้เพียงพอที่จะสังหารเซียนเทียมขั้นสองได้อย่างแน่นอน

แต่มันยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะหลบหนีจากการไล่ล่าเย่ฟ่านได้

ทันใดนั้นเย่ฟ่านก็พบกระดูกสัตว์อสูรชิ้นหนึ่งในดิน มันมีขนาดใหญ่โตมโหฬารอย่างมาก

สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าต่อให้แก่นแท้ของสววค์พิภพจะเหี่ยวเฉา หมดสิ้น แต่โสมโบราณยังสามารถขุดค้นซากศพของสัตว์อสูรที่ถูกฝังอยู่ในดินมาแล้วหลายพันหลายหมื่นปีขึ้นมาบำรุงเลี้ยงตัวเองได้อย่างอิสระ นั่นทำให้ตัวตนของมันยังคงแข็งแกร่งอยู่เสมอ

มีแสงวาบในระยะไกลและกลุ่มแสงศักดิ์สิทธิ์สีทองปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเย่ฟ่าน ดูเหมือนว่ามันจะเบื่อการไล่ล่าเช่นนี้แล้ว

ต้นโสมสีทองนี้มีความสูงเพียงครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับไหล่ของมนุษย์ผู้ชาย รูปร่างของมันเริ่มเปลี่ยนแปลงเป็นมนุษย์แล้ว แต่ผิวพรรณของมันยังเห็นได้ชัดว่าเป็นโสมอย่างชัดเจน

เย่ฟ่านรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก มันทำให้เขาเกิดความรู้สึกราวกับมีชายชราคนหนึ่งกำลังยืนขวางหน้าของเขาอยู่ นี่เป็นโสมที่มีอายุเก่าแก่อย่างน่าเหลือเชื่อ

ยาศักดิ์สิทธิ์ครึ่งเซียนนี้ที่สืบทอดมาเป็นเวลานาน เย่ฟ่านมีลางสังหรณ์ว่าโสมโบราณที่อยู่ตรงหน้าอาจมีความสามารถในการควบคุมแก่นแท้แห่งสวรรค์พิภพได้ด้วย

สิ่งที่ทำให้เขาเชื่อมั่นเช่นนั้นก็เพราะโสมต้นนี้มีสติปัญญาสูงส่งอย่างยิ่ง มันต่อรองกับเย่ฟ่านโดยยินยอมมอบของเหลวโสมสีทองให้กับเย่ฟ่านยี่สิบห้าหยดเพื่อแลกกับการปล่อยมันไป

สัญชาตญาณในการเอาตัวรอดของมันมีความพิเศษอย่างถึงที่สุด เพราะหากมันตระหนักว่าเย่ฟ่านเป็นคนชั่วร้ายจริงๆ มันจะไม่มีทางหยุดการหลบหนีเพื่อหันกลับมาต่อรองกับเขาอย่างเด็ดขาด

โสมโบราณโค้งคำนับด้วยท่าทางน่าสงสารอย่างมาก สุดท้ายเย่ฟ่านก็ยอมรับข้อเสนอและกล่าวว่า “ความจริงไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ ข้ารู้ดีว่าท่านใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้อย่างยากลำบากมากเพียงใด”

โสมโบราณยังคงยืนกรานที่จะมอบของเหลวยาเซียนให้เย่ฟ่าน จากนั้นมันก็คงคำรับอีกครั้งและหายตัวไปทันที

เย่ฟ่านเก็บของเหลวทั้งหมดใส่ลงไปในขวดหยกด้วยความระมัดระวัง แสงและกลิ่นหอมที่ไหลออกมาแทรกซึมเข้าไปในจิตวิญญาณของเขา

สมุนไพรต้นนี้มีความล้ำค่าอย่างมาก หากรวบรวมพวกมันได้สี่ต้นรับรองว่าจะต้องมีระดับเทียบเท่ากับยาเซียนอย่างไม่ต้องสงสัย

เย่ฟ่านไม่ได้รับรางวัลโดยไม่ทำอะไร เขาเลือกที่จะปรับปรุงทัศนียภาพทำให้ปราณมังกรที่ซ่อนอยู่ในหุบเขานี้ก่อตัวเป็นวังวนขนาดใหญ่เพื่อที่จะหล่อเลี้ยงรังของโสมโบราณให้มีความอุดมสมบูรณ์มากขึ้น

จากนั้นเย่ฟ่านก็กลับออกมาข้างนอกอีกครั้ง

“พวกเราไม่เป็นอะไร ค่ายกลสังหารโบราณที่นี่ยังไม่ได้เคลื่อนไหว ดูเหมือนมันจะรอให้คุณออกมาก่อน”

กว๋อเจินกล่าวด้วยความกลัว เย่ฟ่านรู้ดีอยู่แล้วว่าอีกฝ่ายต้องการทำอะไร หากเขาไม่ปรากฏตัวขึ้นรับรองว่าคนเหล่านั้นจะไม่มีทางกระตุ้นค่ายกลสังหารอย่างแน่นอน!

ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้ประมาท และเคลื่อนไหวด้วยทักษะซิงจื่อเผื่อรื้อถอนค่ายกลที่อยู่ในบริเวณโดยรอบอย่างรวดเร็วราวสายฟ้า ธงหลายร้อยผืนถูกปลดออกมาโดยที่ผู้ควบคุมค่ายกลไม่ตระหนักถึงแม้แต่น้อย

ป๋ออี้ที่อยู่ห่างไกลพูดว่า “ตอนนี้มีหิมะถล่มลงมาจากการสั่นสะเทือนของยอดเขาเห็นได้ชัดว่าค่ายกลสังหารของเราถูกกระตุ้นแล้ว มันไม่มีทางที่เขาจะรอดชีวิตได้ รออีกสักสามวันเพื่อให้ธงค่ายกลปราบปรามวิญญาณของเขาก่อน จากนั้นเราค่อยกลับมาค้นวิญญาณเพื่อหาสิ่งที่เราต้องการ”

คนอื่นๆพยักหน้า พวกเขากลัวว่าเย่ฟ่านจะยังไม่ถูกฆ่าตายดังนั้นทุกคนจึงกลับไปรอที่ถ้ำโบราณอย่างเงียบๆ เพื่อให้ธงค่ายกลเผาผลาญพลังศักดิ์สิทธิ์ภายในวิญญาณเย่ฟ่านออกไปทั้งหมดก่อน

เย่ฟ่านทำลายค่ายกลสังหารสังหารโบราณอย่างไม่รีบร้อนพลางสำรวจทัศนียภาพบริเวณโดยรอบ แน่นอนว่าเขาเห็นแท่นบูชาขนาดใหญ่ซึ่งฮ่องเต้ราชวงศ์ชิงใช้เป็นที่สักการะบรรพชนก็อยู่ที่นี่เช่นกัน

“เมื่อหลายร้อยปีก่อนมนุษย์เข้ามาในสถานที่แห่งนี้ได้อย่างไร มันเป็นโลกใบเล็กไม่ใช่หรือ?” กว๋อเจินกล่าว

เย่ฟ่านไม่ได้พูดอะไรแล้วเดินต่อไป ในตอนนี้เขากำลังจ้องมองไปยังศิลามังกรซึ่งตั้งอยู่บนแท่นบูชาขนาดใหญ่ สิ่งนี้ถูกทิ้งไว้โดยฮ่องเต้ราชวงศ์ชิง นั่นก็เพราะมังกรเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงอำนาจของจักรพรรดิ

“แท่นบูชานี้ถูกสร้างขึ้นมาหลายพันปีแล้ว ดูเหมือนผู้คนของราชวงศ์ชิงจะค้นพบมันภายหลัง หรือไม่ผู้คนจากราชวงศ์ชิงก็อาจจะเป็นทายาทของเทพงูที่อยู่ในถ้ำเทียนหลินด้วยก็ได้”

กว๋อเจินไม่ใช่คนปัญญาอ่อน หากเป็นคนปกติใครจะมาไหว้บรรพชนที่เป็นเทพอสูรภายในสถานที่ลึกลับเช่นนี้ได้ แม้กระทั่งค้นหาแท่นบูชานี้ให้เจอก็ไม่มีทางเป็นไปได้แล้ว

หลายวันต่อมาหลังจากสำรวจทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว กลุ่มของเย่ฟ่านก็ออกมาข้างนอกอีกครั้ง

“นี่…เจ้ารอดออกมาได้จริงๆ?!”

ชายหลายสิบคนที่สวมชุดเกราะแข็งแกร่งและมีกลิ่นอายชั่วร้ายปกคลุมทั่วทั้งร่างคำรามออกมาด้วยความตกใจ

เย่ฟ่านไม่ได้พูดอะไรมาก เขาชี้นิ้วออกไปครั้งเดียวผู้คนนับสิบเหล่านั้นต่างก็กลายเป็นหมอกเลือดในทันที

“เกิดอะไรขึ้น?”

ชายร่างกำยำปรากฎตัวขึ้น ร่างกายของเขาเป็นมนุษย์แต่มีเกล็ดปกคลุมทั้งตัวอย่างแน่นหนา เมื่อเห็นเย่ฟ่านยังมีชีวิตอยู่เขาก็กรีดร้องออกมาด้วยความกลัว

“ไม่นะ เขากลับมาได้อย่างไร!”

“ฟังก่อน ข้าสามารถอธิบายเรื่องนี้ได้!” แม่ทัพอสูรตะโกน

“ปัง!”

เย่ฟ่านประกบนิ้วชี้และนิ้วกลางเข้าหากัน จากนั้นเขาก็กวาดไปข้างหน้าเหมือนกระบี่เล่มใหญ่และฟาดฟันทายาทของอสูรงูแห่งถ้ำเทียนหลินจนเสียชีวิตทั้งหมด

จากนั้นร่างของเขาก็พุ่งเข้าไปในถ้ำและเริ่มกวาดล้างผู้คน เจตจำนงของเย่ฟ่านชัดเจนอย่างยิ่ง ในเมื่ออีกฝ่ายรนหาที่ตายเขาก็จะกวาดล้างทายาทของเทพอสูรเหล่านี้ให้สิ้นซาก

……….

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด