ตอนที่แล้ว1334 - ถ้ำเทียนหลิน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป1336 - ทำลายเผ่าเทพอสูร

1335 - ลวงสังหาร


1335 - ลวงสังหาร

“ในตอนที่เกิดเหตุการณ์ครั้งนั้นข้ายังคงฝึกฝนอยู่ในภูเขา” เย่ฟ่านส่ายหน้า

“ในโลกใบนี้ยังมีคนที่มีพลังเหนือธรรมชาติอันยิ่งใหญ่เหมือนเจ้าอยู่ หรือว่าจะยังมีคนแบบเจ้าอีกมากมาย” ป๋ออี้ถอนหายใจ

เย่ฟ่านส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ข้าเป็นเพียงผู้บ่มเพาะธรรมดาๆ ข้าจะกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นคนที่มีพลังเหนือธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ได้อย่างไร”

“ในชีวิตของข้าเพียงหวังจะมีโอกาสกลายเป็นผู้สูงสุดได้เท่านั้น” ป๋ออี้ถอนหายใจ

จากนั้นเขาก็พูดสิ่งหนึ่งออกมาว่า เขาต้องการความช่วยเหลือจากเย่ฟ่าน

“ช่วยอย่างไร” เย่ฟ่านถาม

ป๋ออี้กล่าวว่า “เจ้าต้องรู้ว่าตั้งแต่สมัยโบราณมีสมบัติโบราณบางอย่างที่สามารถปลุกชีพคนตายได้ แม้ว่ามันจะไม่เป็นความจริงแต่นั่นจะต้องเป็นสมบัติอันยิ่งใหญ่เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนทะลวงเข้าสู่อาณาจักรที่แข็งแกร่งมากกว่าอย่างแน่นอน”

“เจ้าหมายถึงสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์หรือ?” เย่ฟ่านตกใจ

“ใช่ มันไม่ใช่ยาศักดิ์สิทธิ์ธรรมดา แต่เป็นโสมรูปมนุษย์ที่มีอายุนับหมื่นปี แทบจะเทียบได้กับยาเซียนในตำนานได้เลย” ป๋ออี้กล่าว

มรดกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจีนมีอยู่สามอย่าง อย่างแรกคือโสมเซียน ในสมัยโบราณมีคนขุดโสมนับไม่ถ้วน เพื่อนำมาถวายเป็นบรรณาการแก่ฮ่องเต้

ในปัจจุบันมีการปลูกโสมแพร่หลาย อย่างไรก็ตามสรรพคุณของมันไม่ได้ยอดเยี่ยมไปกว่าหัวผักกาดทั่วไป แต่โสมป่าที่มีอายุหลายร้อยหลายพันปียังคงมีอยู่ เพียงแต่ราคาของมันนับว่าแพงกว่าทองคำได้เลย

ยิ่งโสมเซียนต้นนี้ไม่ใช่โสมธรรมดาจากการคาดคำนวณของเย่ฟ่านมันน่าจะเป็นครึ่งก้าวยาเซียนแล้ว แม้แต่ราชาโอสถที่แข็งแกร่งที่สุดก็ดูเหมือนจะเทียบมันไม่ได้

ว่ากันว่าโสมแก่ต้นนี้เป็นโสมบรรพชนของภูเขาฉางไป๋ แม้ว่าในยุคปัจจุบันโลกจะเข้าสู่ยุคสิ้นสุดธรรมไปแล้ว แต่มันยังคงเป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ล้ำค่าที่สามารถท่องไปทั่วโลกได้ด้วยตัวของมันเอง

นี่เป็นสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ที่มีค่าอย่างยิ่ง ในขณะเดียวกันความแข็งแกร่งของมันก็ไม่มีผู้ใดในโลกสามารถจับมาทำเป็นยาได้

“ชนเผ่าของข้าอาศัยอยู่ในถ้ำมังกรโบราณในภูเขาฉางไป๋มาหลายชั่วอายุคน เราเองรู้ดีว่าเส้นทางที่โสมเซียนต้นนี้เคลื่อนไหวอยู่ในตำแหน่งใด น่าเสียดายที่เราไม่มีพลังมากพอที่จะคว้ามันมา”

ป๋ออี้หยิบแผนที่ออกมามอบให้เย่ฟ่าน

“สมุนไพรต้นนี้ดำรงชีวิตมาตั้งแต่ยุคโบราณ แม้ว่าการคืนชีพให้กับผู้คนจะเป็นเรื่องไร้สาระ แต่บางทีมันอาจจะช่วยเหลือบรรพชนของข้าให้ตื่นขึ้นมาได้อีกครั้ง”

เขาต้องการขอความช่วยเหลือจากเย่ฟ่าน แน่นอนว่าหากภารกิจนี้สำเร็จเขายินดีจะแบ่งโสมเซียนให้กับเย่ฟ่าน และถ้าบรรพชนของเขาตื่นขึ้นมาจริงๆ เย่ฟ่านอาจได้รับผลประโยชน์มากกว่าที่จะคาดคำนวณได้

“โลกได้เข้าสู่ยุคสิ้นสุดธรรมแล้ว มันยังมีสมุนไรศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้อีกหรือ?” เย่ฟ่านถาม

ป๋ออี้พยักหน้าและบอกว่า พวกเขาเลี้ยงดูมันมาเป็นเวลานานแต่เมื่อโลกเข้าสู่ยุคสิ้นสุดธรรมอย่างกระทันหันโสมต้นนี้กลับฉวยโอกาสนี้หลบหนีออกไปตามเส้นทางใต้ดิน

ในปัจจุบันมันยังคงวนเวียนอยู่ในภูเขาฉางไป๋เพราะนี่คือรังที่แท้จริงของมัน อย่างไรก็ตามไม่มีใครแข็งแกร่งเพียงพอที่จะจับตัวมันได้

ในอดีตยอดฝีมือของเผ่างูสวรรค์ที่มีอายุมากกว่าสองพันปีเคยทดลองมาแล้ว แต่สุดท้ายเขาก็ประสบกับความล้มเหลว

หลังจากนั้นพวกเขาเข้าไปในภูเขาหิมะอีกแห่งหนึ่ง ดินแดนที่ไร้ผู้คนอาศัยอยู่ ไม่ใช่สถานที่ที่มนุษย์สามารถเข้าไปได้อย่างแน่นอน เพราะอากาศของที่นี่หนาวเหน็บจนน่าเหลือเชื่อ

“นี่คือกลิ่นอายของมัน แม้จะผ่านมาหลายสิบปีแล้วแต่ก็ยังหอมอยู่” ป๋ออี้ทำจมูกฟุดฟิดด้วยความตื่นเต้น

พวกเขาค่อยๆ เดินไปหลายร้อยลี้ในป่าเก่าแก่อันกว้างใหญ่ และป๋ออี้ก็ได้พบหลุมหลายหลุมใต้หิมะที่ปกคลุม

เย่ฟ่านตกตะลึง นี่เป็นกลิ่นของยาศักดิ์สิทธิ์ที่หายาก “มันเหนือกว่าราชาโอสถอย่างเทียบกันไม่ได้ เพียงกลิ่นหอมของมันก็ทำให้ผู้คนสดชื่นได้แล้ว”

เสี่ยวซงยื่นจมูกเล็กๆสีม่วงของมัน กลิ่นนั้นทำให้มึนเมา จากนั้นมันก็ส่งเสียงกรีดร้องและวิ่งนำหน้าเย่ฟ่านไปด้วยความกระตือรือร้น

“แล้วเจ้าจะร่วมมือกับข้าหรือไม่?”

ป๋ออี้ถามอย่างเป็นกังวล เพราะถ้าเย่ฟ่านล้มเลิกสัญญาในตอนนี้และแย่งชิงโสมเซียนไปเพียงคนเดียวเขาก็คงไม่สามารถทำอะไรได้

“ตกลง” เย่ฟ่านพยักหน้า

ป๋ออี้ เย่ฟ่านและคนอื่นๆ เดินทางต่อไปอีกห้าร้อยลี้ สิ่งนี้ทำให้กว๋อเจินพูดอะไรไม่ออก ภูเขาฉางไป๋นั้นมีความยิ่งใหญ่อย่างมาก และในชีวิตของเขาไม่เคยเดินเท้าไกลถึงขนาดนี้

ในทันใดนั้นเอง จู่ๆ ป๋ออี้ก็ขอแยกตัวไปชั่วคราวโดยปล่อยให้ทั้งสามคนรอคอยอยู่ที่นี่ ท่าทางของเขาลุกลี้ลุกลนเป็นอย่างมาก

เย่ฟ่านมองเสี่ยวซงที่กำลังโดดขึ้นลงบนต้นสงโบราณ และกำลังเล่นอยู่บนหิมะอย่างสนุกสนาน จากนั้นกว๋อเจินก็เดินเคียงข้างเขาโดยไม่กล้าล้าหลังแม้แต่น้อย

กว๋อเจินประหลาดใจเป็นอย่างมากจากนั้นเขาก็สอบถามเย่ฟ่านด้วยความสงสัย

“กลิ่นหอมของโสมโบราณนี้น่าสะพรึงกลัวเกินไป แม้ว่าเรื่องนี้ข้าจะไม่เคยเห็นกับตาแต่ในคัมภีร์โบราณบอกไว้เสมอว่าที่ใดมีสมุนไพรล้ำค่าจะต้องมีอสูรแข็งแกร่งคอยปกป้องอยู่?”

เย่ฟ่านพูดตอบว่า “นี่เป็นสมุนไพรที่เกือบจะเป็นยาเซียนแล้ว ในความเป็นจริงพลังของมันไม่จำเป็นต้องให้ใครคอยปกป้อง”

“แล้วเราจะทำอย่างไรดี คนเหล่านั้นจะซื่อสัตย์ต่อเราหรือไม่?”

กว๋อเจินกังวลอยู่เสมอ กลัวว่าทายาทของเทพอสูรงูจะหลอกล่อพวกเขามาฆ่าที่นี่

“ในบริเวณนี้มีค่ายกลสังหารแข็งแกร่งซุกซ่อนอยู่จริงๆ ค่ายกลนี้มีพลังอย่างมากต่อให้เป็นปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงสุดยังยากจะเอาชีวิตรอดได้” เย่ฟ่านกล่าว

“แล้วเราจะทำอย่างไร” กว๋อเจินรู้สึกหนาวสั่นไปตามกระดูก

“ไม่ต้องห่วง หากพวกมันลงมือข้าจะฆ่าทิ้งทั้งหมด” เย่ฟ่านปลอบใจ

ระดับเขามีหรือจะมองไม่เห็นแผนการของอีกฝ่าย ถ้าคนเหล่านี้เล่นไม่ซื่อจริงๆ เขาสามารถทำลายได้แม้กระทั่งซากศพของเทพงูที่อยู่ในถ้ำโบราณนั้น

นับประสาอะไรกับผู้บ่มเพาะอาณาจักรแปลงมังกรเพียงไม่กี่คน

ห่างออกไปหลายสิบลี้ ในป่าภูเขาเก่าแก่มีผู้คนกลุ่มหนึ่งรวมตัวกัน ทุกคนสวมชุดเกราะที่แข็งแกร่ง ร่างกายของพวกเขามีแสงที่เปล่งประกายจากเกล็ดงู

“มันคุ้มไหม ชายคนนั้นดูเหมือนจะเป็นผู้สูงสุดด้วย” ชายวัยกลางคนกล่าว

“พี่สี่ไม่ต้องกังวลไป กระดิ่งสีม่วงของกระรอกน้อยตัวนั้นเป็นสมบัติระดับเซียนอย่างแน่นอน หากเราได้มันมามีโอกาสสูงมากที่เราจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตสูงสุด!” ป๋ออี้กล่าวด้วยความกระตือรือร้น

แน่นอนว่าตัวเขาไม่มีปัญญาฆ่าเย่ฟ่านได้ แต่ค่ายกลสังหารนี้เพียงพอที่จะบดขยี้เซียนเทียมขั้นสองให้กลายเป็นหมอกเลือดอย่างง่ายดาย เขาไม่เชื่อว่าเย่ฟ่านจะหลบหนีไปได้

“เจ้าแน่ใจหรือว่าเขาอยู่ในอาณาจักรแปลงมังกรจริงๆ หากเขาเป็นปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์มันจะกลายเป็นหายนะครั้งใหญ่” ป๋อหยวนซึ่งเป็นพี่ชายยังคงเต็มไปด้วยความกังวล

ป๋ออี้พยักหน้าแล้วพูดว่า “ข้าพาเขาเข้าไปในวังน้ำแข็งเพียงเพื่อทดสอบฐานการบ่มเพาะแล้ว ร่างของเด็กน้อยคนนี้เป็นประกายด้วยแสงสี่สีซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขาอายุเพียงสี่สิบปีเท่านั้น ต่อให้เขาไม่ได้อยู่ที่อาณาจักรแปลงมังกรก็คงเป็นเพียงผู้สูงสุดระดับเริ่มต้น มันไม่มีทางที่เขาจะหลบหนีจากค่ายกลสังหารของเราไปได้”

“เจ้าประมาทเกินไปแล้ว หากเขาเป็นผู้สูงสุดพวกเราจะตายกันหมด” ชายวัยกลางคนอีกคนกล่าว

“รู้ไหมว่าทำไมข้าถึงยืนกรานที่จะฆ่าเขา เพราะเขาคือชายคนหนึ่งที่จากไปพร้อมกับโลงศพเก้ามังกรเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว ตอนนี้เขากลับมาที่โลกอีกครั้ง หากเราสามารถค้นหาความลับในร่างกายของเขาได้มันมีโอกาสสูงมากที่เราจะกลายเป็นผู้สูงสุด!” ป๋ออี้พูดด้วยเสียงเย็นชา

“คนไม่ผิดผิดที่ครอบครองหยก เขาเป็นเพียงเด็กน้อยคนหนึ่งแต่กลับครอบครองมรดกล้ำค่าอยู่กับตัว เรื่องนี้จะโทษใครได้!”

……..

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด