บทที่ 217 : ภารกิจย่อย (3-1)
บทที่ 217 : ภารกิจย่อย (3-1)
ถนนที่ถูกไฟไหม้เต็มไปด้วยศพของมนุษย์กิ้งก่า
“คร๊าก ….”
มนุษย์กิ้งก่าที่มีลูกธนูติดอยู่ในร่างกายบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด
เวคิสจัดการฆ่ามันทันทีด้วยสีหน้าว่างเปล่า
“คุณแข็งแกร่งขึ้นมาก...ไม่น่าเชื่อเลย” เฟรียซิสพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา
มีรอยไหม้เล็กน้อยแก้มของเธอ
“มันแตกต่างมากเมื่อเทียบกับตอนนั้น เกิดอะไรขึ้นกันคะ?”
“เรื่องมันยาวน่ะ”
ฉันนั่งอยู่ท่ามกลางเศษซากของอาคารที่พังทลาย
ควันผสมกับกลิ่นไหม้ลอยขึ้นมาจากที่ต่างๆ
“แต่...หน้าตาคุณไม่เปลี่ยนไปจากสามปีก่อนเลย”
“แต่เธอเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ”
แม้ว่าเธอจะยังดูเป็นเด็กในสายตาฉัน แต่ก็ยากที่จะเรียกเธอว่าเด็กได้เต็มปาก
“ผ่านมาสามปีเหรอ?”
แต่เวลาที่ผ่านมาของเรายังไม่ถึงครึ่งปีเลยตั้งแต่ที่เคลียร์ชั้นที่ 15 ได้
อย่างมากก็สองเดือน แต่สำหรับเฟรียซิสมันดูแตกต่างออกไปมาก
"มันจบหรือยังครับ?" เวคิสบ่น
ฉันส่ายหัว ฝั่งตรงข้ามถนนก็ได้ยินเสียงฝีเท้า ฉันยกมือขึ้นจับฝักและเตรียมชักดาบออกมาได้ทุกเมื่อ
“กิ กร๊าาก กร๊ากกกก!”
[มนุษย์กิ้งก่า Lv.22 X 31]
กลุ่มกิ้งก่าปรากฏตัวที่ด้านนอกทางแยก
“ก๊ากร์! มีมนุษย์ มีมนุษย์อยู่ที่นี่!”
“มนุษย์ การ์! มนุษย์…?”
ดวงตาของพวกมันเปล่งประกาย และกวาดสายตาไปรอบๆ
ถนนเป็นเหมือนภูเขาซากศพของมนุษย์กิ้งก่า อาจมีประมาณ 120 ศพ เลือดของพวกมันกลายเป็นแอ่งน้ำบนพื้น สภาพตอนนี้ร่างกายของเวคิสเต็มไปด้วยเลือดตั้งแต่หัวจรดเท้ากำลังหัวเราะเบา ๆ
“พวกมันมาแล้ว”
“…”
พวกมนุษย์กิ้งก่าเปลี่ยนทิศทางไปราวกับว่ามันมองไม่เห็นเรา แล้วพวกมันก็วิ่งหายไปทันที
เวคิสขมวดคิ้ว
“มันวิ่งไปไหน?”
“พวกมันรู้จักกลัวไง” เนเรสซ่าพูดขณะที่เธอเก็บดาบเข้าที่
เสียงฝีเท้าเคลื่อนตัวออกห่างจากเรามากขึ้น
'นี่มัน...'
ฉันอาจจะใช้แรงมากเกินไป
ฉันไม่ได้คิดว่าพวกมันจะอ่อนแอขนาดนี้
[00:03:21]
ยังไม่มีวี่แววของกองกำลังเสริมของพวกมัน
ฉันปล่อยมือจากดาบของฉัน
เจนน่าเกาแก้มของเธองงๆ
“ครบร้อยตัวแล้วเหรอ? มันไม่รู้สึกยากเหมือนตอนเลย....นี่เราแข็งแกร่งขึ้นแล้วเหรอ?”
“ดูเหมือนว่าจะเป็นแบบนั้นนะ”
เนื่องจากเราทำภารกิจที่มีความยากสูงบ่อยๆ เราจึงไม่สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลง
ปาร์ตี้ของเรารวมทั้งฉันแข็งแกร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มนุษย์กิ้งก่าเลเวล 21 ไม่ใช่สัตว์ประหลาดที่อ่อนแอแต่อย่างใด พวกมันเหนือก็อบลินอย่างน้อยสองสามก้าวเท่านั้น
'เพราะมันมีหลายสาเหตุ'
เราไม่สามารถมองข้ามความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ได้
อีกอย่าง เราจัดการพวกมันด้วยไฟ
แต่เหตุผลที่เป็นที่สุดนั้นก็คือ...
'เพราะเราไม่มีทางเลือกอื่น จึงมีแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้นงั้นเหรอ?'
ก็คงถูกต้องแล้ว เพราะถ้าเราอ่อนแอ เราคงตายไปในภารกิจอื่นไปนานแล้ว
เพราะว่าเราประสบกับภารกิจที่ยากลำบาก เราจึงทุ่มเทตนเองอย่างสิ้นหวังในการฝึกฝนเพื่อความอยู่รอด หากทักษะของเราไม่พัฒนา มันคงเป็นเรื่องตลกแล้ว
“เนเรสซ่า ฉันอยากให้เธอไปสอดแนมสักหน่อย อาจจะมีอะไรซ่อนอยู่ก็ได้”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
เนเรสซ่าเหยียบถังไม้แล้วกระโดดขึ้นไปบนหลังคา
ในที่สุดร่างของเธอก็หายไป หากมีอะไรเกิดขึ้นเธอจะกลับมารายงานเราทันที
“ดูเหมือนว่าภารกิจจะจบลงแล้ว และสถานการณ์ตอนนี้คลี่คลายแล้วด้วย ไปพักก่อนเถอะ”
“น่าเบื่อจะตาย”
สมาชิกในปาร์ตี้ก็เริ่มผ่อนคลายลง
ออลก้าถอนหายใจและนั่งลง โดยมีเหงื่อเม็ดเล็กฝุดออกมากบนหน้าผากของเธอ
“ถึงเราจะกินยาของฮานไป แต่อากาศก็ยังร้อนอยู่ดี โอ้ย ! ร้อนจะบ้าตาย”
“พี่ไปพักทางนั่นกันเถอะ”
"ทำไมล่ะ? ตรงนี้กำลังสบายเลย…"
“เอาน่าๆๆ ไปกันเถอะ! พี่เวคิสก็ด้วย”
“อย่ามาเรียกฉันแบบนั้น มันน่ารำคาญ”
"อย่าไปใส่ใจเลย ไปกันเถอะ!"
“ปล่อยฉันนะ..อะไรเนี่ย?”
เจนน่าลากออลก้าและเวคิสเข้าไปในตรอก
มีเพียงเราสองคนเท่านั้นที่ยังคงอยู่ที่นี่ แค่ฉันและเฟรียซิส
ไม่ใช่ว่าฉันไม่มีอะไรจะพูดกับเธอ
ฉันมองไปที่เฟรียซิส เธอนั่งงอเขาอยู่บนเสาหักๆของอาคาร และเธอเริ่มพูดขึ้นมาก่อนว่า
“สบายดีไหมคะ?”
“ก็ดี”
ฉันตอบอย่างคลุมเครือ
ชีวิตในห้องรอเป็นเรื่องราวที่ค่อนข้างยากจะเล่า
“ก่อนหน้านี้...ฉันคิดว่าฉันจะตายไปแล้วซะอีก สัตว์ประหลาดพวกนั้น…”
“พวกเขาเพิ่งเข้าร่วมปาร์ตี้กับเราไม่นาน และฉันก็กลับมาได้ไม่นาน ฉันก็เลยยังไม่รู้จักพวกเขาดีพอ เธออาจจะได้เจอพวกเขาบ่อยๆในอนาคต”
"ฉันเจอพวกเขาแล้วค่ะ พวกเขาคือสหายใหม่ของคุณใช่ไหมคะ?”
เฟรียซิสพึมพำราวกับว่าเธอกำลังคิดอะไรบางอย่าง
จากนั้นเธอก็เริ่มเล่าด้วยน้ำเสียงสงบว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่เธอแยกกับฉันในตอนนั้น
มันเป็นไปตามที่คาดไว้
หลังจากหลบหนีออกจากเมือง เฟรียซิสก็กลายเป็นนักโทษหลบหนีที่จักรวรรดิต้องการตัว เธอถูกล่าโดยนักล่าค่าหัวมากมาย ทหารที่คริสตจักรส่งมาและคนอื่น ๆ ที่มุ่งเป้าไปที่เงินรางวัล ว่ากันว่าเงินรางวัลนี้มากมายเกินกว่าจะนับได้
“เธอก็เก่งนะ ทำยังไงไม่ให้โดนจับได้?”
“ฉันโชคดีมากกว่าค่ะ”
เฟรียซิสยิ้มอย่างขมขื่น
“ที่ฉันรอดมาได้เพราะคุณเคยช่วยฉันในตอนนั้น”
“หมายถึงครั้งก่อนที่อยู่ในเมืองน่ะเหรอ?”
"เปล่าค่ะ"
เฟรียซิสส่ายหัวของเธอ
“หนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่อย่างตระกูลฮาลเจียน พวกเขาคือคนที่ไล่ล่าฉันอย่างไม่ลดละ ถ้าคุณไม่ช่วยฉันตอนนั้น ฉันก็คงจะอยู่ได้ไม่นาน”
“…”
“ตอนนั้นคาดไม่ถึงเลยว่าพื้นที่ทั้งหมดจะพังทลายลงแบบนี้…”
นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น
ตามคำอธิบาย ตระกูลฮาลเจียนมีความเชื่อมโยงกับนิกายที่เป็นศัตรูของเฟรียซิส ดูเหมือนชั้นที่ 20 จะเป็นหนึ่งในจุดเชื่อมโยง แม้ว่าตัวเขาเองจะยังไม่เข้าใจบรรยากาศที่แปลกประหลาดและเรื่องราวที่เกิดขึ้นในคฤหาสน์นั้นได้ แต่...
“แล้วทำไมเธอถึงมาที่นี่? มันเป็นทะเลทรายนะ”
"ใช่ค่ะ สถานที่แห่งนี้เป็นทะเลทรายอันกว้างใหญ่ที่เรียกว่าซิลเกีย”
"..."
“ฉันมาที่นี่เพื่อหาอะไรบางอย่าง”
"หาอะไรบางอย่าง?"
"สิ่งที่ฉันเห็นในความฝัน…มันคือกุญแจ”
“แล้วเธอจะใช้สิ่งนั้นไปทำอะไร?”
“ยังไม่ชัดเจนเหรอคะ? เพื่อปกป้องทวีปแห่งนี้”
สีหน้าของเฟรียซิสจริงจังมากขึ้น
ฉันกลืนเสียงหัวเราะอันขมขื่นลงไป ฉันคิดว่าการพูดเกี่ยวกับการกอบกู้ทวีปหรืออะไรก็ตามที่เป็นเพียงแค่ความตั้งใจแบบเด็ก ๆ แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้ ความมุ่งมั่นของเธอดูแข็งแกร่งกว่าเดิม
“แล้ว 'กุญแจ' ที่ว่านี้คืออะไรกันแน่?”
“ฉันไม่รู้แน่ชัดเท่าไหร่ค่ะ ฉันแค่มีความรู้สึกบางอย่าง...ฉันคิดว่าฉันจะสามารถรวบรวมสิ่งต่าง ๆ เข้าด้วยกันได้”
“เธอยังคงพูดเป็นปริศนาเหมือนเดิมเลยนะ”
มันเป็นแบบนี้เมื่อเราพบกันครั้งแรก เธอก็พูดถึงความฝันและจุดจบของโลก
น้ำเสียงของเธอดูน่ากังวลมาก และตอนนี้ฉันก็ไม่มีทางเข้าใจมันเหมือนเดิม
‘ผู้หญิงคนนี้…’
เธอปรากฏตัวมาแล้วสองครั้งในภารกิจหลัก
และเธอเองก็มีความเชื่อมโยงที่คลุมเครือในภารกิจอื่น ๆ เช่นกัน
ฉันคิดถึงแผนผังของหมู่บ้านที่เคยเห็นตอนดูวิดิโอ
มีทางออกสามทาง ประตูทิศตะวันตก ประตูทิศเหนือ และประตูทิศตะวันออก
ผู้ลี้ภัยกำลังหนีไปทางประตูทิศตะวันออก มันอยู่ในทิศทางตรงกันข้ามกับทะเลทราย แต่เส้นทางหลบหนีของเฟรียซิสคือประตูทิศเหนือ
'เธอจะพบสิ่งที่เป็น 'กุญแจ' ไหมนะ?'
ฉันหัวเราะเบาๆ
'เดาว่าฉันน่าจะได้เจอเธอบ่อย ๆ ในอนาคตสินะ'