ตอนที่แล้วตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 831 ไฟสงครามถูกจุดขึ้นอีกครั้ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 833 ฝันร้ายของปีศาจพยัคฆ์

ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 832 พลังใหม่ (อ่านฟรี)


ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 832 พลังใหม่ (อ่านฟรี)

แปลโดย iPAT  

“นี่จะเป็นที่แรก!”

หลี่ฉิงซานชี้ไปยังจุดแสงที่ส่องสว่างอยู่บนแผนที่จิต

ภายใต้แสงเจิดจ้า ทะเลต้นไม้สีเขียวเข้มพุ่งสูงขึ้นสู่ท้องฟ้า

ไบไม้ที่หนาและใหญ่ถัดทอกันเป็นเมฆสีเขียวอันไร้ขอบเขต มันป้องกันไม่ให้แสงตะวันอันเจิดจ้าลอดผ่านลงไปด้านล่าง

ต้นไม้สูงประมาณหกร้อยเมตรต้นหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ในป่า มันถูกปกคลุมไปด้วยรูพรุนเหมือนรังมด หมอผีกินกระดูกร่างกายใหญ่โตและมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดน่ากลัวเคลื่อนที่อยู่รอบๆ

พวกเขาดูเหมือนสัตว์ร้ายแต่ก็มีระเบียบแบบแผนและแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจน เมื่อหมอผีกินกระดูกทั่วไปพบนักบวชหมอผีผู้สูงศักดิ์ พวกเขาจะก้มศีรษะลงเพื่อแสดงความเคารพ นอกจากนี้ยังมียามลาดตระเวนที่มองไปรอบๆตลอดเวลา

แน่นอนว่ามีนักล่าที่รับผิดชอบการล่าสัตว์อยู่ด้วย

ทันใดนั้นนักล่ากลุ่มหนึ่งก็กลับมาถึงหมู่บ้านต้นไม้ แต่สิ่งที่พวกเขาล่าไม่ใช่สัตว์ป่าแต่เป็นมนุษย์ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง บางคนหมดสติซึ่งถือว่าโชคดีกว่าบางคนที่ยังมีสติและถูกบังคับให้เห็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัว ราวกับพวกนางตกลงสู่ก้นเหวที่ลึกที่สุด ความกลัวและความสิ้นหวังปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกนาง

หมอผีกินกระดูกที่อยู่ด้านหน้าสุดของกลุ่มนักล่ามีร่างกายใหญ่โตที่สุด แม้เขาจะหลังค่อมแต่เขาก็ยังยืนสูงเท่ากับมนุษย์สองคน งาที่มีลักษณะคล้ายหมูป่าคู่หนึ่งยื่นออกมาจากมุมปากของเขาซึ่งดูโดดเด่นมาก

เสียงคำรามที่แปลกประหลาดดังขึ้นจากปากใหญ่โตของเขา จากนั้นเสียงคำรามจำนวนนับไม่ถ้วนก็ดังขึ้นจากหมู่บ้านต้นไม้ราวกับเป็นการต้อนรับการกลับมาของกลุ่มนักล่าและอาหาร

ผู้หญิงที่ถูกแบกอยู่บนไหล่ของมนุษย์หมูป่าไม่สามารถอดทนต่อแรงกดดันและส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง

กลิ่นเลือดที่พุ่งออกมาจากปากของมนุษย์หมูป่าทำให้ผู้หญิงคนนั้นเสียสติไปอย่างสมบูรณ์

มนุษย์หมูป่าหมดความอดทน เขากัดศีรษะของผู้หญิงคนดังกล่าวและเคี้ยวอย่างดุเดือด เลือดพุ่งออกมาจากปากของเขาก่อนที่เขาจะโยนร่างไร้หัวของผู้หญิงบนลงพื้น จากนั้นคนอื่นๆก็พุ่งเข้ามาฉีกกระชากศพออกเป็นชิ้นๆเพื่อเติมเต็มตัวเอง

มนุษย์หมูป่าหัวเราะเสียงดัง หมอผีกินกระดูกคนอื่นๆก็หัวเราะเช่นกัน

นักบวชหมอผีกินกระดูกดุมนุษย์หมูป่า เนื่องจากผู้หญิงเหล่านี้ถูกนำกลับมาเพื่อดำรงเผ่าพันธุ์และให้กำเนิดทายาท แต่มนุษย์หมูป่ากลับไม่สามารถอดทนและกินนาง นั่นทำให้เขาต้องก้มศีรษะลงและยอมรับความผิด ด้วยเหตุนี้เสียงหัวเราะรอบข้างจึงยิ่งดังขึ้น

นักบวชหมอผีกินกระดูกไม่ได้ลงโทษมนุษย์หมูป่า เขาสั่งให้กลุ่มนักล่านำเหยื่อเข้าไป อย่างไรก็ตามเสียงหัวเราะยังดังก้องไปทั่วพร้อมกับกลิ่นคาวเลือดที่ฟุ้งกระจายไปรอบๆ

นักบวชหมอผีกินกระดูกมองสิ่งนี้และถอนหายใจจากก้นบึ้งของหัวใจ “มันเงียบและสงบเกินไป!”

.....

ห่างออกไปหลายสิบกิโลเมตร หลี่ฉิงซานได้ยินเสียงหัวเราะแปลกๆที่คล้ายกับเสียงคำรามของสัตว์ป่า เขาพูดกับเสี่ยวอันว่า “พวกเขาควรจะอยู่ข้างหน้า มาดูกันเถอะ!”

แสงสะท้อนส่องสว่างทุกสิ่ง!

ด้วยการโบกมือ กระจกที่สร้างขึ้นจากชิ้นส่วนของกระดองเต่าจิตวิญญาณก็แสดงภาพหมู่บ้านของเผ่าหมอผีกินกระดูก หลี่ฉิงซานสังเกตเห็นต้นไม้ที่ถูกวาดด้วยสัญลักษณ์สีดำและสีแดง มันรวมตัวเป็นชิ้นเดียวกันและห่อหุ้มต้นไม้ทั้งต้นเอาไว้

“มันดูไม่เหมือนค่ายกลทั่วไป และไม่มีการป้องกันอื่น เป็นเรื่องยากที่จะบอกได้ว่ามันทำสิ่งใดได้บ้าง มีทักษะลับโบราณมากมายที่ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นในมณฑลกู้โจว” เสี่ยวอันกล่าว

“เหตุใดเราไม่ไปทดสอบมัน?”

นี่เป็นการต่อสู้ครั้งแรกของหลี่ฉิงซาน ดังนั้นเขาจึงค่อนข้างระวังตัว พิจารณาจากจุดแสงบนแผนที่จิต เขาอนุมานว่าหมอผีกินกระดูเผ่านี้มีสมาชิกหลายร้อยคนและผู้นำเผ่าก็ผ่านภัยพิบัติสวรรค์ครั้งแรกมาแล้ว ความแข็งแกร่งของแท่นบูชาพยัคฆ์เหินยากที่จะคาดเดา แต่มันไม่ควรแข็งแกร่งไปกว่าผู้บัญชาการปีศาจ

นี่เป็นการต่อสู้ที่เขามีความได้เปรียบอย่างชัดเจน แท้จริงแล้วเขาไม่จำเป็นต้องวางแผนใดๆเลย เขาสามารถบดขยี้พวกเขาได้อย่างเปิดเผย

ในชั่วพริบตา เขาก็บินข้ามระยะทางหลายสิบกิโลเมตรมาแล้ว ขณะที่เขาเข้าใกล้ต้นไม้ของเผ่าหมอผีกินกระดูก เขาสัมผัสได้ถึงจุดประสงค์ของค่ายกล ‘ดูเหมือนมันจะมีไว้สำหรับศัตรูที่อ่อนแอ’

ลวดลายอาคมทั้งหมดสว่างขึ้น กลิ่นเลือดเข้มข้นขึ้นพร้อมกับกลิ่นอายทรงพลังที่ปะทุออกมา เขาสัมผัสได้ถึงแรงกดดัน แม้แต่ปราณจิตวิญญาณธรรมชาติก็ถูกแทรกแซง

อย่างไรก็ตามหลี่ฉิงซานไม่ได้รับผลกระทบใดๆเลย

หมอผีกินกระดูกสังเกตเห็นหลี่ฉิงซานเช่นกัน พวกเขาพุ่งออกมาพร้อมกับเสียงคำรามราวกับสัตว์ร้าย

แต่กระนั้นหลี่ฉิงซานก็มีเวลาเพียงพอที่จะศึกษาทุกรายละเอียด ‘ดูเหมือนค่ายกลจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับพวกเขาได้ไม่น้อย!’

ปัญหาที่เขากำลังพูดถึงเห็นได้ชัดว่าไม่ได้เกี่ยวกับหมอผีกินกระดูกที่อยู่ตรงหน้าเขาแต่เป็นราชาหมอผีกินกระดูกที่อยู่ห่างออกไปหลายพันกิโลเมตร

หากเมืองกินกระดูกมีค่ายกลลักษณะนี้ มันอาจทำให้ศัตรูแข็งแกร่งขึ้นสิบหรือร้อยเท่า เมื่อประกอบกับแท่นบูชาพยัคฆ์เหินที่มีความแข็งแกร่งทัดเทียมกับราชาปีศาจ แม้เขาจะแข็งแกร่งขึ้น มันก็ยังลำบาก

ราชาหมอผีกินกระดูกแตกต่างจากบรรพชนหมื่นพิษ เขามีร่างกายที่แข็งแกร่งและมีทักษะการต่อสู้ระยะประชิด ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากที่จะลอบโจมตี แม้มันจะประสบความสำเร็จ แต่ไม่มีสิ่งใดสามารถรับประกันผลลัพธ์

‘ข้าไม่สามารถต่อสู้กับราชาหมอผีกินกระดูกที่นั่น ข้าไม่มีโอกาสชนะแม้แต่สิบส่วน!’

หลี่ฉิงซานถอนหายใจและส่งสายลมกรรโชกแรงพุ่งออกไป มันกลายเป็นพายุใหญ่ที่กวาดหมอผีกินกระดูกทั้งหมดตรงหน้าเขาเข้าไปในทุ่งอสูรกายโดยตรง

หลี่ฉิงซานไม่ได้เข้าไปในโพรงไม้ เขาเพียงยืนอยู่ที่ทางเข้าและเป่าลมผ่านโครงสร้างภายในทั้งหมดเพื่อบังคับให้หมอผีกินกระดูกออกมาและส่งพวกเขาเข้าไปในทุ่งอสูรกาย

เขาเหมือนตัวกินมดที่ยื่นลิ้นยาวเข้าไปในรังมดและดูดมด

เสียงคำรามอันโกรธเกรี้ยวดังออกมาจากโพรงไม้ด้านบนซึ่งทำให้ต้นไม้ทั้งหมดสั่นสะเทือน จากนั้นหมอผีกินกระดูกที่ดุร้ายก็วิ่งออกมา เขาคือผู้นำเผ่าที่ผ่านภัยพิบัติสวรรค์ครั้งแรกมาแล้ว

หลี่ฉิงซานชำเลืองมองผู้นำเผ่าหมอผีกินกระดูกผู้นี้ หากไม่ใช่เพื่อการปรับแต่งทุ่งอสูรกาย ลมหายใจของเขาก็เพียงพอแล้วที่จะทำลายต้นไม้ทั้งต้นในครั้งเดียว แต่เพื่อให้แน่ใจว่าหมอผีกินกระดูกเหล่านี้จะมีพลังพอที่จะต่อสู้ในทุ่งอสูรกาย เขาจึงต้องอ่อนโยนที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เขาต้องทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บ

ผู้นำเผ่าตัวแข็งทื่อ ขณะที่ความโกรธของเขาถูกเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัว เขารู้สึกเหมือนถูกพยัคฆ์ที่ดุร้ายที่สุดจ้องมอง ดวงตาของมันลุกโชนราวกับเปลวเพลิงสีแดงเลือด ใบหน้าของเขาว่างเปล่าราวกับเขาติดอยู่ในฝันร้าย จากนั้นเขาก็ถูกดึงเข้าสู่ทุ่งอสูรกายด้วยลมหายใจเดียวของหลี่ฉิงซาน

‘มันได้ผล! ดังนั้นการเปลี่ยนดวงวิญญาณให้กลายเป็นทาสผีก็เป็นผลกระทบผิวเผินของความสามารถโดยกำเนินก้มกราบปีศาจพยัคฆ์เท่านั้น ผลลัพธ์ที่ลึกกว่านั้นคือการทำให้จิตวิญญาณของฝ่ายตรงข้ามกลายเป็นมึนงง ข้าต้องตรวจสอบว่ามันสามารถทำให้สิ่งมีชีวิตยอมจำนนต่อข้าหรือไม่ในภายหลัง หากข้าทำได้ ไม่ว่าศัตรูจะมีความคับข้องใจมากมายเพียงใด ตราบเท่าที่การบ่มเพาะของพวกเขาต่ำกว่าข้า ข้าก็สามารถเปลี่ยนพวกเขาทั้งหมดให้กลายเป็นทาสผู้ซื่อสัตย์และภักดีต่อข้า! ช่างร้ายกาจนัก! เป็นความสามารถที่โคตรชั่ว!’

หลี่ฉิงซานเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นขณะที่ความคิดของเขาล่องลอยออกไป