ตอนที่ 41 พี่ชายยอมแพ้
เย่อันผิงที่ดูการต่อสู้จากเนินสูงโล่งใจตอนเห็นปฏิกิริยาของน้องสาวเขา
เขาเก็บนกหวีดกลับไปและพูดกับตัวเอง“สมกับเป็นข้า ข้าสอนน้องสาวไว้อย่างดี นางฉลาดมาก!”
หลังรู้ตำแหน่งของปมหลัก ก็ไม่ต้องห่วงว่าน้องสาวเขาจะทำลายไม่ได้
แต่ค่ายกลนี้ก็ทรงพลังมากจริงๆ เขาไม่คิดเลยว่าเหลียงจู้จะเตรียมอาคมเช่นนี้ไว้ด้วย
อาคมนี้ไม่ธรรมดา
ทุกคนภายในรัศมีจะสามารถเห็นแสงสีแดงที่แผ่ได้ และผู้อาวุโสที่รอคอยบนยอดเขาหลักก็ต้องสังเกตเห็น
กล่าวอีกนัยหนึ่ง พี่เหลียง พี่สองและสามเหลือเวลามากสุดแค่ครึ่งชั่วโมง
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ศิษย์สำนักดาวดำจะมาถึงและถ้าเขากับเหลียงจู้ยังอยู่ พวกเขาจะโดนฆ่าตายหรือจับโยนเข้าคุก
ตอนนี้ที่เฟิงหยูเตี๋ยกับสาวๆวิ่งตรงไปทางปมหลัก เหลียงจู้ควรเห็นและน่าจะเริ่มคิดหาทางถอย
แต่หลังมีคนตายไปสอง
ราคานี้’พี่สอง’และ’สาม’คงรับไม่ได้ ทั้งสามอาจเลือกสู้ซึ่งๆหน้ากับพวกเฟิงหยูเตี๋ย
เย่อันผิงลูบคางและเริ่มคิด
พี่สองและสามควรสู้เฟิงหยูเตี๋ยไม่ได้
แต่สำหรับเหลียงจู้ พูดยาก เขาควบคุมค่ายกลและยังไม่ทำอะไร แถมเตรียมการมาตลอด
เย่อันผิงไม่อาจบอกได้ว่าเหลียงจู้มีอะไรซ่อนอีก มันไม่ดีถ้าน้องสาวเขาเจ็บ
พอคิดแบบนี้ เขาก็ยืน ตัดสินใจจะช่วยอีกนิด
แต่ก่อนหน้านั้น เขาต้องบรรลุเป้าหมาเยดิม
กระตุ้นความโกรธของดาวดำต่อสำนักเจ็ดมือสังหาร
หลังลงจากที่สูง เย่อันผิงวิ่งตรงไปศพของพี่สี่กับพี่ห้า
ตอนเขาไปถึงศพพี่สี่ กลิ่นเลือดก็ตีหน้าเขา ทำให้เขาเวียนหัวเล็กน้อย แต่ก็ยังต่อต้านอาการพะอืดพะอมและเข้าใกล้
จากนั้นก็นำถุงมือและหน้ากากออกมาสวม คุกเข่าลง เก็บถุงมิติของพี่สี่มาตรวจ
“สองร้อยหินปราณ เม็ดยาคุณภาพกระจอก ตำราโทรมๆและเศษกระดาษงาน..”
“พี่สี่ ท่านจนมาก..”
เย่อันผิงถอนหายใจและรับเอาหินปราณมาครึ่ง หลังจากนั้นก็นำแผนที่สำนักดาวดำที่วาดไว้เมื่อวานออกมาพับ ยัดใส่ถุงมิติของพี่สี่ จากนั้นก็นำทุกสิ่งกลับสู่ที่เดิม
หลังจัดงานเสร็จ เขาก้ยืน ก้าวถอยสองก้าว ประสานมือและก้มหัวให้พี่สี่
“พี่สี่ น้องหกจะเผาธูปและเงินให้ท่านทีหลัง ไปสู่สุขคตินะ!”
หลังคารวะ เย่อันผิงก็มองไปทางค่ายกล
แสงสีแดงเหนือค่ายกลจางลงแล้ว มันดูเหมือนเฟิงหยูเตี๋ยกับสาวๆจะคลายปมสำเร็จ
เย่อันผิงนำกระบี่ที่เขาซื้ออกมา ชั่งน้ำหนัก จากนั้นก็อัญเชิญกระบี่บิน และบินไปทางลำแสงสีแดง
..
ตอนเขาพบเหลียงจู้ พี่สองและพี่สามก็กำลังเถียงกับเขาเรื่องจะถอยดีไหม
“พี่ใหญ่ จะปล่อยให้น้องสี่และน้องห้าตายเปล่าไม่ได้!สามสาวน้อยนั่นอยู่แค่อาณาจักรหลอมลมปราณเท่านั้นเอง!”
“ข้าบอกว่าเราจะถอย!อาคมนั่นคือไพ่ตายเรา ในเมื่อโดนทำลายแล้ว เราก็ทำอะไรไม่ได้ อีกไม่นาน คนของสำนักดาวดำก็จะมา และเราก็จะหมดทางหนี!’
“พวกนั้นยังไม่มา เรายังลองได้ ข้าเห็นด้วยกับพี่สอง มาสู้กัน สองสาวนี่เก่งมาก แต่ตอนนี้คนหนึ่งบาดเจ็บ และก็ถือเป็นแค่พวกอ่อนประสบการณ์”
เหลียงจู้สังเกตเห็นมีคนใกล้เข้ามาและมอง แต่พอเห็นว่าเป็นเย่อันผิง เขาก็ผ่อนคลาย
“น้องเล็ก ข้าบอกให้เจ้าอยู่ในที่ปลอดภัยไม่ใช่หรือ?เจ้ามาทำอะไรที่นี่?’
“ข้ามาที่นี่เพื่อเตือน พี่ใหญ่ อาคมนั่นทำให้เกิดความปั่นป่วน และผู้อาวุโสดาวดำน่าจะสังเกตเห็นแล้ว การเดินทางจากยอดเขาหลักมาที่นี่ใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น..”
“อืม..”เหลียงจู้พยักหน้าและเหลือบมองอีกสอง“ได้ยินกันหรือยัง ไปได้แล้ว!!!”
คิ้วใต้หน้ากากของทั้งสองกระตุกเล็กน้อยราวกับพวกเขาไม่พอใจกับการตัดสินใจของเหลียงจู้มาก
แต่ตอนนี้ เสียงผู้หญิงดังเข้าหูทั้งสี่
“เจ้า…คิดว่าข้า..จะปล่อยพวกเจ้าไปงั้นเรอะ?!’
เสียงนั่นขาดความมั่นใจ แต่ก็ค่อนข้างดัง
เหลียงจู้ เย่อันผิงกับคนอื่นมองไปทางเสียง เห็นเสี่ยวอวิ๋นหลัวออกจากหลังต้นไม้ ถือกิ่งไม้ยาวไว้
นางขู่ฟ่อเหมือนแมว แต่แม้สีหน้าจะดุร้ายมาก นางก็เหมือนลูกแมวน้อย
พูดตรงๆ เย่อันผิงไม่คิดว่าเฟิงหยูเตี๋ยกับสาวๆจะริเริ่มมาหาคนพวกนี้เอง
แต่พออเห็นว่าเสี่ยวอวิ๋นหลัวเป็นคนเดียวที่ออกมา เขาก็เข้าใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อและรีบขยับห่างจากเหลียงจู้ พี่สองและพี่สามเพื่อเลี่ยง
เหลียงจู้ดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงบางสิ่งและกลายเป็นระแวง แต่น้องสอง และน้องสามของเขากลับไม่รุ้เรื่องเลย
ตอนพวกเขาเห็นเสี่ยวอวิ๋นหลัวออกมา มันก็ราวกับพวกเขาเห็นเหยื่อกระโดดมาติดแห พวกเขาถึงขั้นหัวเราะลั่น ความสนใจทั้งหมดโดนนางดึงไป
“เราไม่ไปหาเจ้า แต่เจ้ากลับมาหาที่ตายเอง?ฮี่ๆ..”
พูดไม่ทันจบ เงาสองเงา หนึ่งดำหนึ่งขาวก็พุ่งออกจากหลังต้นไม้ในสองทิศทาง
พอพี่สองและสามตอบสนอง กระบี่สองเล่มในมือของเงาก็ห่างจากคอพวกเขาไม่ถึงสามนิ้ว
“อะไรกัน?!”
เสียงของกระบี่ทั้งสองที่สัมผัสเนื้อซ้อนทับกัน
ซวบ
หัวของพี่สองและสามลอยขึ้นฟ้า ตัวล้มลงพื้น
เฟิงหยูเตี๋ยถ่มเลือดใส่เท้าของพี่สองและสาปแช่ง“ถุย นี่คือการเอาคืนสำหรับสิ่งที่ทำกับเรา!”
สำหรับเพ่ยเหลียนเสวี่ย เพราะพี่ชายสอนให้นางปิดงานให้เด็ดขาด หลังนางตัดหัวพี่สาม นางก็ยังแทงใส่ศพรัวๆขณะตะโกนใส่เฟิงหยูเตี๋ย“แทงต่อไป!พี่ชายข้าสอนมา!”
“..”
เฟิงหยูเตี่ยตกตะลึง แต่ก็ทำตามนาง แทงพี่สองรัวๆ
และจากนั้น ทั้งสองก็มองไปทางเย่อันผิงกับเหลียงจู้ที่ยืนตรงนั้น
“ก่อตั้งรากฐานขั้นปลายหนึ่งคน อีกคน..หลอมลมปราณ?”เฟิงหยูเตี๋ยขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่หลังมองเพ่ยเหลียนเสวี่ย นางก็ยกกระบี่และพูด“แม่นางเพ่ย เจ้าเริ่มจัดการคนตัวใหญ่ก่อน ข้าจะกำจัดคนตัวเล็กก่อนไปช่วยเจ้า!”
“โอ้”
เพ่ยเหลียนเสวี่ยเหลือบมองนาแงละพยักหน้า นางยกกระบี่ เริ่มจ้องตาเหลียงจู้
จากนั้น นางก็สูดหายใจลึกและตั้งท่า
“ไป!!!”
วินาทีถัดมา เพ่ยเหลียนเสวี่ยก็พุ่งใส่เหลียงจู้ด้วยกระบี่ในมือขณะที่เฟิงหยูเตี๋ยพุ่งใส่เย่อันผิง
“เฮือก..”
พอเห็นว่าเฟิงหยูเตี๋ยวิ่งใส่เขา เย่อันผิงก็รีบยกมือยอมแพ้
แต่พอเห็นเขาพยายามยอมแพ้ เฟิงหยูเตี๋ยก็เมินเขา แถมยังตะคอก“ฮึ่ม เจ้าอยากยอมแพ้?สายไปแล้ว!”