1334 - ถ้ำเทียนหลิน
1334 - ถ้ำเทียนหลิน
เย่ฟ่านก้าวไปข้างหน้าแล้วโค้งคำนับบอกกับอีกฝ่ายเนื่องจากชายวัยกลางคนผู้นี้ออกมาต้อนรับเขาด้วยมารยาทที่ดี
ผู้มาเยือนเรียกตัวเองว่า ป๋ออี้ เป็นน้องชายของประมุขแห่งถ้ำเทียนหลิน เขามีนิสัยที่พิเศษและมีสายเลือดที่แข็งแกร่ง ที่สำคัญที่สุดคือฐานการบ่มเพาะของเขายังมีช่องว่างให้สามารถพัฒนาได้อีก
เย่ฟ่านแอบมองไปยังถ้ำมังกรโบราณในระยะไกล ปราณสวรรค์พิภพที่ล้นออกมานั้นมีความแข็งแกร่งจริงๆ นับตั้งแต่กลับมาที่โลกเขายังไม่เคยเห็นสถานที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์แบบนี้มาก่อน
“พี่ใหญ่ของข้ากำลังเก็บตัวอย่างสันโดษเป็นเวลาหลายปี ต้องขออภัยน้องชายด้วยที่เขาไม่สามารถออกมาต้อนรับเจ้าได้ด้วยตัวเอง” ป๋ออี้กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ท่านป๋ออี้เกรงใจเกินไป มันเป็นความผิดของข้าเองที่มาเยี่ยมเยือนโดยไม่ได้นัดล่วงหน้า” เย่ฟ่านกล่าวตอบ
ป๋ออี้นำพาเย่ฟ่านเข้าไปในถ้ำที่ถูกสร้างขึ้นภายในภูเขาหิมมะขนาดใหญ่ แต่สถานที่แห่งนี้ยังไม่ใช่ส่วนสำคัญของถ้ำเทียนหลิน
เมื่อเข้ามาถึง เย่ฟ่านรู้สึกตกใจเล็กน้อย เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่ทรงพลังของผู้ยิ่งใหญ่บางคน เสี่ยวซงเองก็กังวลมากจนคว้าไปที่มุมเสื้อของเย่ฟ่าน
หลังจากเดินเข้าไปหลายสิบวา พวกเขาก็มาถึงลานกว้างขนาดใหญ่ สถานที่แห่งนี้แตกต่างโดยสิ้นเชิงจากส่วนที่เห็นภายนอก ดูเหมือนมันจะเป็นโลกใบเล็กที่ซ้อนอยู่ในโลกใบเล็กอีกชั้น
“นั่นคือ…”
เย่ฟ่านเห็นงูขนาดใหญ่ขดตัวอยู่ด้านหน้า หากไม่มีค่ายกลติดตั้งไว้เกรงว่าคลื่นพลังที่แผ่ออกมาจากร่างของงูตัวใหญ่นั้นอาจทำให้ผู้คนไม่กล้าขยับตัวด้วยซ้ำ!
กว๋อเจินตกตะลึงมาก นี่มันงูอะไร ทำไมถึงมีงูขนาดใหญ่เช่นนี้อยู่ในโลก
งูตัวนี้มีพลังศักดิ์สิทธิ์แผ่ออกมาเล็กน้อยซึ่งเห็นได้ชัดว่ามันยังมีชีวิตอยู่ อย่างไรก็ตามมันไม่สามารถขยับตัวได้เพราะถูกอำนาจลึกลับปิดผนึกไว้!
“นี่คือบรรพชนของเรา” ป๋ออี้บอก
มันเป็นงูสวรรค์ที่เทพอสูรใดๆ ไม่สามารถเทียบได้ งูสวรรค์ตัวนี้ถูกปิดผนึกไว้นานหลายพันปีนั่นก็เพราะความเสื่อมทรามของโลกกำลังทำให้เต๋าของมันได้รับผลกระทบไปด้วย
เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ตัวเองเสียชีวิตก่อนที่โลกจะกลับคืนสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้งบรรพชนของเผ่าเทียนหลินจึงทำการปิดผนึกร่างกายของตัวเองไว้ แต่ไม่รู้ว่าวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขาไปที่ใดแล้ว
เย่ฟ่านพยักหน้าโดยไม่พูดอะไร และเขาได้ติดตามเขาไปในส่วนลึกของลานกว้างอย่างสงบ
ท้องภูเขามีขนาดใหญ่มาก มีร่องรอยของค่ายกลหลายร้อยแห่ง นี่คือถ้ำที่ถูกเปิดออกด้วยพลังของมนุษย์ พวกเขาเดินไปรอบๆร่างของงูจนกระทั่งถึงประตูแห่งหนึ่งที่ทอดยาวลงไปเบื้องล่าง
บรรพชนงูสวรรค์นั้นน่าสะพรึงกลัวมาก มันมีลำตัวที่ใหญ่โตหลายหมื่นวา
ถึงแม้สิ่งที่หลงเหลืออยู่จะเป็นเพียงร่างกายโดยไม่มีวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็เพียงพอที่จะได้รับการขนานนามว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดใหญ่โตมากที่สุดนับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
เสี่ยวซงเวียนหัวเล็กน้อย มันเปรียบเทียบความสูงตัวเองกับงูโบราณและเกิดความท้อแท้อย่างยิ่ง มันดึงมุมเสื้อของเย่ฟ่านด้วยความหวาดกลัวโดยไม่กล้าออกหางเขาแม้แต่น้อย
เย่ฟ่านนิ่งเงียบ บรรพชนของเทพอสูรโบราณแม้มีเพียงร่างที่ถูกผนึกไว้ แต่ยังคงมีพลังเช่นนี้ ในอดีตนี่จะต้องเป็นสิ่งมีชีวิตระดับเสมือนจักรพรรดิเป็นอย่างน้อยแน่นอน
การเดินทางไม่ยาวนานมากนัก ไม่ช้าพวกเขาก็ได้เข้าไปในโถงที่ทำจากผลึกน้ำแข็งที่ไม่ละลายมาแล้วนับพันปี
ถ้ำแห่งนี้ได้ถูกค้นพบในสมัยโบราณ มีลูกปัดศักดิ์สิทธิ์อยู่ในผลึกน้ำแข็งที่กำลังส่องสว่าง และมีพลังของอสูรที่แข็งแกร่งไหลล้นออกมาอย่างต่อเนื่อง
“เมื่อมีคนมา ลูกปัดจะส่องแสงเจิดจ้า”
ป๋ออี้เชิญพวกเขานั่งลงและขอให้ลูกหลานยกน้ำชาเข้ามา ถ้วยชามีความล้ำค่าอย่างมาก มันสร้างขึ้นมาจากหยกสีขาว เพียงหยกชิ้นนี้หากนำไปขายจะต้องมีมูลค่าหลายร้อยล้านหยวนอย่างแน่นอน
ใบหน้าของเย่ฟ่านยังคงนิ่งและคิดในใจอย่างเงียบๆ ความลึกลับของผังป๋อตัวจริงและตัวปลอมเกี่ยวข้องกับตระกูลเทียนหลินหรือไม่?
“ท่านป๋ออี้ไม่ต้องเกรงใจถึงขนาดนั้น ข้ามาที่นี่เพียงเพราะมีความสงสัยบางอย่างและต้องการถามคำถามไม่กี่คำ”
เย่ฟ่านพูดสิ่งนี้ออกไปหลังจากคิดอย่างรอบคอบ
“หากมีคำถามใดๆ ที่ข้าสามารถตอบได้จะไม่ปิดบังอย่างเด็ดขาด” ป๋ออี้กล่าวอย่างเป็นมิตร
เย่ฟ่านพูดว่า “เหตุการณ์ที่มังกรลากโลงศพปรากฏตัวขึ้นสร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วโลก ในเหตุการณ์ครั้งนั้นท่านป๋ออี้ได้ค้นพบความลึกลับบางอย่างหรือไม่”
สีหน้าของป๋ออี้เปลี่ยนไปเล็กน้อย
เหตุการณ์ที่มังกรลากโลงศพข้ามจักรวาลมาปรากฏตัวในภูเขาไท่ซานมีความสำคัญอย่างยิ่ง เหตุการณ์นี้สร้างความวุ่นวายไปทั่วโลก ต่อมาไท่ซานก็เกือบจะเป็นสนามรบ แม้แต่ยอดฝีมือระดับผู้สูงสุดยังปรากฏตัวขึ้น
เขาคิดอยู่ครูหนึ่งแล้วพูดว่า “ในครั้งนั้นทุกสำนักล้วนลงมือ แต่ข้าไม่รู้ว่ายอดฝีมือจากแดนตะวันตกคนนั้นเป็นใคร ส่วนผู้ที่อยู่ฝั่งตะวันออกของเราจะมากจะน้อยก็มีความคุ้นเคยอยู่บ้าง”
“ท่านป๋ออี้ช่วยบอกเล่ารายละเอียดได้หรือไม่” เย่ฟ่านถาม
“ข้าไม่รู้อะไรมากนัก เป็นน้องชายคนที่เก้าของข้าที่เข้าร่วมการต่อสู้ครั้งนั้น และสิ่งที่เขารายงานกลับมาก็ค่อนข้างคลุมเครือ” ป๋ออี้ตอบ
เมื่อเห็นว่าเย่ฟ่านมีสีหน้าที่สงสัยมาก เขาจึงอธิบายว่า ในบรรดาเทพอสูรโบราณ หุบเขาหมื่นอสูรเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เคลื่อนไหวเร็วที่สุด
แน่นอนว่าการที่พวกเขามีความเคลื่อนไหวที่รวดเร็วแบบนั้นจะต้องได้รับข่าวสารที่แม่นยำกว่าคนอื่น อย่างไรก็ตามถ้ำเทียนหลินไม่สามารถคุกคามให้อีกฝ่ายเปิดเผยความลับออกมาได้
เย่ฟ่านพยักหน้า จิตใต้สำนึกทางจิตวิญญาณของเขามีพลังมากจนสามารถสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวทางจิตของป๋ออี้และรู้ว่าชายวัยกลางคนผู้นี้ไม่ได้โกหก
“น้องชายเย่ฟ่านอย่าพึ่งรีบไป ข้าเองก็มีเรื่องอยากจะถามเจ้าเช่นกัน” ป๋ออี้กล่าว
เย่ฟ่านคิดอยู่พักกนึ่ เขาเองก็ยังต้องการรู้เกี่ยวกับหุบเขาหมื่นอสูร เขาอยากรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นเชื้อสายของเทพอสูรตนใดกันแน่
“ข้าอยากรู้ว่าเจ้าสืบเชื้อสายมาจากเซียนโบราณคนใด เหตุไฉนจึงมีความแข็งแกร่งถึงขนาดนี้?” ป๋ออี้ถาม
“ข้าเป็นผู้ฝึกฝนธรรมดาๆ ฝึกฝนอยู่บนภูเขาไม่รู้จัก ได้เรียนรู้คัมภีร์โบราณบนกำแพงหิน ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเต๋าคืออะไร จนกระทั่งออกมาจากโลกจึงค้นพบว่ามีผู้บ่มเพาะในลักษณะเดียวกันมากมาย” เย่ฟ่านกล่าว
“วาสนาของน้องชายช่างดีเหลือเกิน บางทีสิ่งที่เจ้าเรียนรู้อาจเป็นคัมภีร์ของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ก็ได้”
ป๋ออี้ไม่ได้มีความสงสัยมากนัก สาเหตุหลักก็เป็นเพราะตัวเขาไม่ออกจากภูเขาฉางไป๋มาหลายร้อยปีแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเชื่อว่าเย่ฟ่านจะเป็นผู้บ่มเพาะจากดาวดวงอื่น
หลังจากสนทนากันพอสมควรเย่ฟ่านก็รู้ว่าบรรพชนของเผ่าเทียนหลินตระหนักดีว่าโลกกำลังถึงคราวล่มสลาย ดังนั้นเขาจึงปิดดินแดนศักดิ์สิทธิ์เพื่อให้เผ่าพันธุ์ของตัวเองสามารถดำรงอยู่ต่อไปได้
“ในตำนานเมื่อหลายร้อยปีก่อนกล่าวว่า เคยมีมังกรตัวหนึ่งบินลงมาที่ภูเขาฉางไป๋ เป็นไปได้ไหมว่ามีร่างศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้นในเผ่าเทียนหลิน เขาเป็นอัจฉริยะที่ทรงพลังหรือไม่?” เย่ฟ่านยิ้ม
“นั่นเป็นเหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อน น่าเสียดายที่เขาเกิดมาในยุคสิ้นสุดธรรมจึงไม่มีโอกาสประสบความสำเร็จได้” ป๋ออี้ถอนหายใจ
ป๋ออี้มองเสี่ยวซ่งหลายครั้ง จ้องมองไปยังกระดิ่งเล็กๆ ที่ห้อยอยู่ตรงคอ มีแสงสีเงินไหลออกมาแวววาว มีพระพุทธรูปเล็กๆอยู่ข้างใน
“ข้าสงสัยว่านั่นคืออาวุธวิเศษหรือไม่ ข้าขอดูหน่อยได้หรือเปล่า?”
เสี่ยวซ่งกำลังรับประทานถั่วอย่างเอร็ดอร่อย มันไม่ได้รู้สึกหวั่นเกรงว่าป๋ออี้จะขโมยวัตถุล้ำค่าไป ดังนั้นจึงมอบระฆังให้อีกฝ่ายโดยไม่ลังเล
ป๋ออี้จับระฆังอย่างระมัดระวังแล้วกล่าวว่า “วัสดุชิ้นนี้ทำมาจากอะไร มันหนักมาก น้องชายได้มันมาอย่างไร?”
“มันถูกพบในภูเขาอู๋หมิง มันประณีตและงดงามมาก ข้าจึงมอบมันให้กับเจ้าตัวน้อยตัวนี้” เย่ฟ่านกล่าว
“น้องชายช่างมีโชควาสนาเหลือเกิน เพียงสัมผัสกับพระพุทธรูปที่อยู่ข้างในข้าก็รู้ว่าสิ่งนี้จะต้องเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างยิ่ง” ป๋ออี้กล่าวพร้อมกับคืนระฆังให้กระรอกตัวน้อย
“ข้าติดอยู่ในอาณาจักรแปลงมังกรมาหลายร้อยปีแล้ว เกรงว่าในชีวิตนี้คงไม่อาจบรรลุเป็นเซียนอสูรได้” ป๋ออี้มีสีหน้าเศร้าโศก
เย่ฟ่านถอนหายใจ ในยุคสิ้นสุดธรรมเช่นนี้เขาไม่มีปัญญาที่จะช่วยเหลือใครได้จริงๆ
ป๋ออี้ถอนหายใจและกล่าวว่า “ข้าประสบกับความล้มเหลวในชีวิตแล้ว แต่ข้ายังหวังว่าน้องชายจะประสบความสำเร็จได้ เจ้ามีพลังอันยิ่งใหญ่เหนือกว่าทุกคนที่ข้ารู้จัก ต่อให้เจ้าไม่บอกออกมาข้าก็รู้ว่าเจ้าอยู่ห่างจากอาณาจักรเซียนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
…………