ตอนที่แล้วบทที่ 42 : ลงสุสานใต้ดิน  พื้นที่ปนเปื้อน  
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 44 : สัญลักษณ์แห่งความตะกละ  กลัทโทนี่

บทที่ 43 : พื้นที่ปนเปื้อน หินประหลาด


บทที่ 43 : พื้นที่ปนเปื้อน หินประหลาด

“พื้นที่ปนเปื้อน?”

“ใช่แล้ว มันเป็นพื้นที่ปนเปื้อนมลพิษ มีบาเรียกระจายอยู่รอบข้างมันและว่ากันว่าหากมนุษย์เดินหลงเข้าไปภายในนั้น มันก็จะเกิดปัญหาเอาได้”

“เท่าที่ผมเคยได้ยินมา ว่ากันว่ามันสามารถช่วยเร่งพลังชีวิตของคุณขึ้นมาได้ อย่างไรก็ตาม หากคุณมุ่งหน้าต่อไปยังศูนย์กลางของพื้นที่ปนเปื้อนนี้ พลังของมันก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นและคุณก็จะเริ่มได้รับความเสียหายราวกับว่าคุณถูกวางยาพิษ พลังของมันแข็งแกร่งมากจนแม้แต่ฮันเตอร์ที่มีค่าความต้านทานพิษก็ยังไม่สามารถต้านทานมันได้ ดังนั้นมันจึงเป็นสถานที่ที่ไม่มีใครเคยไปสำรวจ”

“อ่า...”

มันเป็นพื้นที่ปนเปื้อน

ซังวูเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น

หากมันเป็นสถานที่ที่ไม่มีใครเคยสำรวจ แสดงว่ามันก็จะต้องมีทรัพยากรและโอกาสมากมายอยู่ภายในแน่นอน

' ฉันควรส่งร่างโคลนไปที่นั่นดีไหมนะ?'

เขาคิดว่าสิ่งที่เขาต้องทำก็คือส่งร่างโคลนเข้าไปและตรวจสอบภายในด้วยสกิลแฟมิเลีย

“หัวหน้าทีม ผมขอเข้าไปใกล้ๆ ได้ไหมครับ?”

“เข้าใกล้พื้นที่ปนเปื้อนน่ะหรอ?”

ซังวูอธิบายให้แบชอลมินฟังเกี่ยวกับร่างโคลนของเขา

“อืม... นั่นดูเป็นไปได้จริงๆ พวกคุณว่ายังไงกันบ้างล่ะ?”

“ผมเห็นด้วย ผมเองก็ไม่เคยไปเหมือนกัน”

“ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกัน”

“คนดูเองก็บอกว่าอยากดูด้วยเหมือนกัน”

สมาชิกกิลด์ตัดสินใจแวะไปเพราะพวกเขาอยากเห็นมันอย่างน้อยสักครั้ง

“ เอาล่ะ  งั้นพวกเราก็ไปกันเถอะ ยังไงซะวันนี้เราก็มีหัวหน้ากิลด์

แบชอลมินนำกลุ่มไปยังพื้นที่ปนเปื้อนแทนที่จะเป็นเส้นทางที่มีอยู่

* * *

ในขณะเดียวกัน

กิลด์นโปเลียนที่มุ่งหน้าไปยังแซงต์เดอนีกำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบาก

“หัวหน้า! ตรงนี้ก็ทางตันเหมือนกัน!”

“นี่ก็ด้วย!”

“เราไม่มีทางหนีแล้ว!”

“เดี๋ยวก่อน”!”

ชาโตบรียองด์ยืนอยู่ด้านหลังในขณะที่ฟังเสียงกรีดร้องของสมาชิกกิลด์ที่วิ่งไปตามทางเดินแล้วหันกลับมามอง

คู่ต่อสู้ที่ไล่ตามปาร์ตี้ของพวกเขามาคืออัศวินโครงกระดูกที่มากันเต็มโถงทางเดิน

ชาโตบรียองด์กัดฟันและเหวี่ยงดาบ

เคร้ง!

ดาบสองเล่มของเขาถูกโล่ของอัศวินโครงกระดูกกันไว้ได้

' การโจมตีปกติไม่สามารถทำอะไรมันได้เลย!'

ในเสี้ยววินาทีนั้นเอง เขาก็ตระหนักได้ว่าเขาไม่สามารถเจาะทะลุการป้องกันด้วยการโจมตีทางกายภาพเพียงอย่างเดียวได้

ทันทีที่เขาตัดสินใจได้ เขาก็ก้าวถอยหลังครั้งใหญ่เพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีของอีกฝ่ายและใช้สกิล

หลังจากนั้นดาบที่เขาถืออยู่ในมือทั้งสองก็ไขว้กันตรงกลาง

ดาบสองเล่มประสานกันเป็นตัว X

ออร่าพลังพุ่งขึ้นมาจากมือและไล่คลุมดาบทั้งสองเล่ม

ดาบที่ไม่สามารถทนต่อพลังมานาได้เริ่มสั่นไหว

“ย้า!!!”

ดาบของเขาตัดผ่านอากาศ

ฟิ้วว!!!

ออร่าที่ยิงออกมาจากดาบคู่ตัดอัศวินโครงกระดูกและเหล่าอันเดดที่อยู่ด้านหลังขาดครึ่ง

พวกอันเดดถูกแบ่งออกเป็นสี่ส่วนและล้มลงเหมือนโดมิโน

“ฮ่า.. ฮ่า..”

ชาโตบรียองด์หายใจเข้าลึกๆ ร่างกายของเขาเริ่มเดินกะเผลกเนื่องจากความเหนื่อยล้าจากการใช้สกิลนี้

“หัวหน้า นี่คือพื้นที่ปนเปื้อน!”

“ไม่มีทาง!”

เสียงร้องของสมาชิกกิลด์ผสมด้วยความสิ้นหวัง

' มันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน?'

ตอนแรกมันไม่ใช่แบบนี้

กิลด์นโปเลียนเคลื่อนตัวไปตามทางเดินอย่างสบายๆ และไปถึงบริเวณแซงต์เดอนี

อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขาไปถึงตำแหน่งที่มีเส้นทางบนแผนที่อย่างชัดเจน สถานที่แห่งนั้นก็กลับถูกปิดกั้นด้วยบางสิ่งบางอย่างราวกับว่าทางเดินได้พังทลายลงมา

“ดูเหมือนว่าทางจะพัง เรากลับไปอีกทางกันเถอะ”

ชาโตบรียองด์ไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่เพราะมันเกิดขึ้นบ่อยครั้งขณะเดินไปรอบดันเจี้ยน

มันถึงเวลาหันหลังกลับและใช้เส้นทางอื่น

“มันถูกปิดอีกแล้วครับหัวหน้า”

ทางเดินอีกเส้นหนึ่งเองก็ถูกปิดกั้นด้วยเช่นกัน

ในที่สุดเขาก็หันกลับมาอีกครั้งเพื่อหลีกเลี่ยงกำแพงกั้นนี้

จากนั้น เมื่อพวกเขาเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์กลุ่มใหญ่ พวกเขาก็ตระหนักได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง

' มันเป็นกับดัก'

เมื่อถึงเวลาที่เขาตระหนักได้ มันก็สายเกินไปแล้ว

ไม่ว่าเราจะอยู่หรือตาย เราก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องต่อสู้และวิ่งหนี

“ด้านหน้าเป็นพื้นที่ปนเปื้อน ฉันรู้สึกได้เลยว่ามันค่อยๆ ส่งผลกระทบต่อร่างกายของฉันแล้ว”

“แต่เราไม่มีที่ไหนให้ไปแล้ว”

“หัวหน้า เราควรทำยังไงกันดี?”

ตอนนี้พวกเขาไม่มีที่ให้ถอยอีกต่อไปแล้ว

นี่เพราะด้านหน้าพวกเขาเป็นพื้นที่ปนเปื้อน และด้านหลังพวกเขาก็รายล้อมไปด้วยศัตรู

ความสิ้นหวังครอบคลุมกิลด์นโปเลียน

สมาชิกกิลด์ทุกคนดูเหนื่อยล้า

“เรามีสองทางเลือก”

สมาชิกกิลด์ต่างให้ความสนใจกับคำพูดของชาโตบรียองด์ด้วยความคาดหวัง

“หนึ่งคือการฝ่าฝูงอันเดดไป”

“...อ่า...”

สมาชิกกิลด์ตกอยู่ในความสิ้นหวัง

“และอีกอย่างคือ... บุกเข้าไปในพื้นที่ปนเปื้อน”

“นี่มันฆ่าตัวตายชัดๆ ไม่ว่าเราจะเตรียมการมาดีแค่ไหน แต่เราก็ไม่สามารถเอาชีวิตรอดในพื้นที่ปนเปื้อนได้หรอก”

“นายพูดถูก ฉันขอบุกฝ่าพวกอันเดดไปยังดีซะกว่า”

เสียงร้องเรียนของสมาชิกกิลด์ดังขึ้น

จากมุมมองความสมเหตุสมผล และตามความเห็นของคนส่วนใหญ่ การฝ่าฝูงอันเดดไปก็ดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในสถานการณ์ปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม ชาโตบรียองด์ก็ไม่สามารถตัดสินใจได้อย่างง่ายดาย

' มันไม่สมเหตุสมผลเลยที่จะเจาะผ่านพื้นที่ปนเปื้อน แต่ถึงอย่างนั้น...'

ชาโตบรียองด์สัมผัสได้ว่าบาปแห่งความตะกละนั้นอยู่ในพื้นที่ปนเปื้อน

และเมื่อเขามาไกลถึงขนาดนี้แล้ว เขาก็ไม่อยากจะปล่อยให้มันเสียเปล่า

“เอาล่ะ ขั้นแรกเราจะเข้าไปใกล้พื้นที่ปนเปื้อนให้ได้มากที่สุดก่อนจากนั้นเราจะค่อยตัดสินใจเอาว่าเราจะสามารถทะลุมันไปได้หรือไม่”

ในฐานะผู้นำ ชาโตบรียองด์ก็ได้ตัดสินใจเห็นแย้งกับความคิดเห็นของสมาชิกกิลด์ของเขา

สมาชิกกิลด์ดูเหมือนจะไม่พอใจกับการตัดสินใจครั้งนี้

“แต่หัวหน้า.. การตัดสินใจนี้มันไม่เสี่ยงเกินไปหรอ? หากเราเข้าไป เราก็อาจจะไม่มีเหลือพอฝ่าฝูงอันเดดได้อีกแล้วนะหัวหน้า?”

“การฝ่าฝูงอันเดดยังไงก็มีความเสี่ยงอยู่แล้ว ไม่ต้องกังวล ฉันจะรับผิดชอบและพาพวกนายออกไปให้ได้เอง ดังนั้นโปรดเชื่อใจฉันอีกครั้งเถอะ”

ชาโตบรียองด์พูดด้วยความมุ่งมั่น

ในท้ายที่สุด สมาชิกกิลด์ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องปฏิบัติตาม

' ฉันจะค้นหามันให้พบให้ได้'

‘ ฉันจะเอาดาบคู่และนามของชาโตบรียองด์เป็นเดิมพัน!’

* * *

ในที่สุดซังวูและพรรคพวกก็มาถึงพื้นที่ปนเปื้อนหลังจากล่าพวกอันเดดมาได้สักระยะ

“ผมไม่คิดว่าเราจะเข้าไปใกล้มากกว่านี้ได้อีกแล้วนะ?”

แบชอลมินพูดกับทุกคน

เขาพูดถูก

ผิวของพวกเขารู้สึกเสียวซ่าจากบางสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถบอกได้ว่ามันเป็นพิษหรืออะไรกันแน่

หวิว-

นอกจากนี้ เสียงลมที่พัดผ่านพื้นที่ปนเปื้อนก็ยังดังเหมือนกับเสียงอะไรบางอย่างกำลังร้องไห้

บางทีอาจเป็นเพราะสถานการณ์ที่นี่นั้นดูน่ากลัวและมืดมนเกินกว่าจิตใจคนจะรับได้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าที่จะเข้าไปใกล้มากกว่านี้

“ในเมื่อเรามาไกลขนาดนี้แล้ว งั้นผมก็จะส่งร่างโคลนออกไปเลยนะครับ”

“เอาเลย เราจะคุ้มกันนายให้เอง”

ซังวูส่งร่างโคลนของเขาเดินตรงไปข้างหน้าเพียงคนเดียว

หมายเลข 12 ทำตามคำสั่งของซังวูและมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ปนเปื้อนตามทางเดิน

ในตอนนั้นเอง เขาก็เพิ่งจะเดินไปได้เพียง 100 เมตรเท่านั้น...

[ ความต้านทานพิษเพิ่มขึ้น 0.001 ]

[ ความต้านทานเวทมนตร์เพิ่มขึ้น 0.001 ]

'ความต้านทานเวทมนตร์เพิ่มขึ้น? นี่คือบาเรียเวทมนตร์หรอ?'

ความต้านทานเวทมนตร์นั้นเพิ่มขึ้นได้ยากมาก นี่เพราะว่ามันเป็นค่าสถานะที่จะเพิ่มขึ้นเพียงบางครั้งเมื่อถูกโจมตีด้วยเวทมนตร์

อย่างไรก็ตาม ภายในบาเรียนี้ ความต้านทานเวทมนตร์ที่กล่าวกันว่ายากต่อการยกระดับก็กลับเพิ่มขึ้น

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ถ้าคุณล่าที่นี่ คุณก็จะสามารถทำงานหนักเพื่อเพิ่มค่าต้านทานเวทมนตร์ได้

มันเป็นการเก็บเกี่ยวที่ไม่คาดคิด

' แต่ถึงอย่างนั้นมันก็หมายความว่าฉันจะต้องทนเจ็บเพื่อแลกมันมาด้วยเช่นกัน

ความรู้สึกเสียวซ่าที่เขารู้สึกผ่านประสาทสัมผัสที่ใช้ร่วมกันค่อยๆ รุนแรงขึ้น และตอนนี้ผิวของเขาก็เริ่มรู้สึกชา

เมื่อเชาหันศีรษะและมองไปที่ร่างของหมายเลข 12 เขาก็เห็นว่าผิวหนังของหมายเลข 12 เริ่มมีรอยแตกอย่างเห็นได้ชัด และมันก็มีของเหลวคล้ายเลือดไหลออกมา

แม้ว่าผิวหนังจะมีของเหลวหยดลงมา แต่มันก็ยังดูค่อนข้างแห้งและหยาบกร้าน

ดวงตาของเขาเองก็เริ่มรู้สึกแสบเช่นกัน

' บ้าเอ้ย นี่มันไม่ใช่เรื่องตลกแล้วนะ'

พื้นที่ปนเปื้อนที่ไม่มีใครเคยสำรวจนี้ไม่ใช่เรื่องโกหก

หากสิ่งต่างๆ ดำเนินต่อไปเช่นนี้ มันก็จะเป็นไปไม่ได้ที่จะเจาะลึกเข้าไป

ซังวูตระหนักได้ว่าหมายเลข 12 คงทนได้อีกไม่นานแน่

' ถ้าอย่างนั้น ฉันคงต้องสั่งให้เขาวิ่งแล้ว แต่แค่วิ่งอย่างเดียวก็คงจะยังไม่พอ'

ตอนนั้นเอง ฉากหนึ่งก็แวบผ่านเข้ามาในหัวของซังวู

มันคือฉากที่แบชอลมินพุ่งผ่านโถงทางเดินพร้อมกับโล่ป้องกันของเขา

เขาพุ่งออกมาด้วยความเร็วสูง

' ใช่แล้ว ฉันคิดว่าฉันสามารถใช้วิธีการนั้นได้นะ?'

ก่อนที่ซังวูจะมาถึงพื้นที่ปนเปื้อน เขาก็ได้ถามแบชอลมินว่าสกิลนั้นคืออะไร

มันเป็นสกิลที่เรียกว่า 'พุ่งชน' และวิธีใช้สกิลนั้นก็แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับบุคลิกของแต่ละคน ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงไม่สามารถบอกซังวูได้ แต่ในกรณีเช่นของเขา เคล็ดลับก็คือการวิ่งให้สุดกำลัง

ซังวูลองทำตามคำแนะนำที่เขาได้รับมา

' วิ่งให้สุดกำลัง หมายเลข 12 วิ่งให้สุดกำลัง!'

เมื่อได้ยินคำสั่งของซังวู หมายเลข 12 ก็เริ่มวิ่งออกไป

' อ้า'

หมายเลข 12 รู้สึกเหมือนมีพลังงานบางอย่างถูกดูดออกมาจากร่างกายผ่านทางผิวหนัง

พลังงานที่หายไปนั้นไม่เหมือนกับมานา แต่มันเหมือนกับพลังชีวิต

ในเวลาเดียวกัน เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดที่เนื้อตัวของเขาหลุดลอกออกไป

เขามองดูร่างกายอย่างรวดเร็วและพบว่าเนื้อของเขากำลังหลุดออกมาจากแขนของเขาทีละน้อยจริงๆ

' เขาทนมันได้ไม่นานแน่'

เมื่อดูความแข็งแกร่งทางกายภาพของหมายเลข 12 มันก็ดูเหมือนว่ามันจะไม่เพียงพอที่จะเจาะลึกเข้าไปในพื้นที่ปนเปื้อนด้วยความเร็วเช่นนี้

และในเวลานั้น ที่เลวร้ายกว่านั้นก็คือสเกเลตันหลายกลุ่มได้ปรากฏตัวขึ้นข้างหน้าเขา

' อะไรกัน? มันยังมีอันเดดอยู่ในพื้นที่ปนเปื้อนอีกหรอ?'

ซังวูรู้สึกตกตะลึง

มันเป็นไปไม่ได้ที่หมายเลข 12 จะจัดการกับอันเดดทั้งหมดนี้เพียงลำพัง

' อ้า ฉันไม่สามารถผ่านมันไปได้ ฉันควรจะหนีไปดีไหม? หรือฉันควรทำลายตัวเองด้วยสกิลระเบิดมานาดี? หรือฉันควรจะยืนหยัดต่อสู้อย่างหาญกล้า?'

ในเวลานั้นเอง...

เพียงเสี้ยววินาที ความคิดหนึ่งก็แล่นเข้ามาในหัวของซังวู

' ใช่แล้ว ทำไมฉันถึงไม่ลองใช้มานาแบบเดียวกันกับที่ใช้กับสกิลตีแรง แต่เปลี่ยนตำแหน่งไปที่ขาแทนกันนะ’

ซังวูนำแนวคิดที่ยอดเยี่ยมนี้มาปฏิบัติโดยทันที

' หมายเลข 12 ใช้สกิลตีแรงกับขาแล้ววิ่งไปพร้อมๆ กัน!'

จากนั้นแขนของหมายเลข 12 ก็ลากเส้นเฉียบคม

แรงเหวี่ยงที่แขนไหลผ่านไหล่ ร่างกายส่วนบน เอว ต้นขาและน่อง

ร่างของหมายเลข 12 โค้งงอเหมือนสปริง

จากนั้นความแข็งแกร่งของขาของเขาก็ขยายไปถึงเท้าของเขา และในไม่ช้าเขาก็เตะพื้น

มันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นชั่วขณะภายในเวลา 0.8 วินาที ซึ่งเป็นระยะเวลาร่ายสกิลตีแรง

ปัง!

ร่างของหมายเลข 12 ถูกยิงออกไป

หมายเลข 12 ผลักอันเดดออกไปด้านข้างแล้ววิ่งแทรกหนีไป

' ท้ำซ้ำแบบนั้นต่อไปเรื่อยๆ!'

หมายเลข 12 ทำตามคำสั่งของซังวูทุกขั้นตอน

อย่างไรก็ตาม พลังงานที่ถูกใช้ไปก็นับเป็นจำนวนมหาศาล

หมายเลข 12 รีบวิ่งไปอย่างบ้าคลั่ง

[ เลเวลสกิลตีแรงเพิ่มขึ้น ]

[ สกิลพุ่งชนได้ถูกสร้างขึ้น ]

[ เลเวลสกิลการวิ่งเพิ่มขึ้น ]

[ ความต้านทานเวทมนตร์เพิ่มขึ้น 0.001 ]

[ พลังฟื้นฟูเพิ่มขึ้น 0.001]

[ พลังชีวิตเพิ่มขึ้น 0.001 ]

[ ความว่องไวเพิ่มขึ้น 0.001] ···

อาจเป็นเพราะสถานการณ์ที่คับขัน ดังนั้นค่าสถานะของเขาจึงเพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นกัน

แต่มันก็เจ็บปวดมากเช่นกัน

' อ้า... มันเจ็บเป็นบ้าเลย'

จากประสบการณ์ของซังวู เขาก็สามารถรักษาการเชื่อมต่อในระยะ 1 ถึง 2 กม. ได้อย่างสบายๆ แต่พลังของบาเรียนั้นก็รบกวนการเชื่อมต่อชองเขาเป็นอย่างมาก

ส่วนปลายของร่างกายเช่น ปลายนิ้ว นิ้วเท้า จมูกและหูค่อยๆ กระจายหลุดออกไปราวกับเม็ดทราย

ความเจ็บปวดอันแสนสาหัสที่ร่างกายของเขากำลังพังทลายนั้นถูกส่งผ่านไปยังซังวูผ่านสกิลแฟมิเลีย

ในท้ายที่สุด ซังวูก็คร่ำครวญออกมา

“อ้า….!”

“คุณซังวู คุณโอเคไหม?”

แบชอลมินและสมาชิกกิลด์โดยรอบแสดงความกังวลออกมา

แต่กระนั้นซังวูก็ไม่มีเวลามาห่วงเรื่องนี้

ความสนใจทั้งหมดของเขามุ่งเน้นไปที่หมายเลข 12

' อีกนิดหนึ่ง... ไปต่ออีกนิดหนึ่ง'

อุปสรรคแปลว่าอะไร?

ซังวูอยู่ในสภาพเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสหลังจากเข้าไปในพื้นที่ปนเปื้อน ดังนั้นเขาจึงเริ่มรู้สึกว่าสติของเขากำลังเลือนราง

ตอนนี้เขาไม่สามารถหยุดได้แล้ว เพราะถึงแม้เขาจะหยุดเอาตอนนี้ แต่หมายเลข 12 ก็จะยังคงถูกเรียกกลับมาใหม่อยู่ดี

' ไปทางที่พลังบาเรียแข็งแกร่งที่สุดเลย!'

เมื่อถึงทางแยก เขาก็มุ่งหน้าตรงไปในทิศทางที่พลังบาเรียแข็งแกร่งที่สุดโดยไม่ลังเล

มีช่องโพรงเล็กๆ ปรากฏขึ้นด้านหน้าหมายเลข 12

โพรงมีขนาดเล็กและเป็นหลุมลงไปด้านล่าง

ยิ่งไปกว่านั้น ลมที่พัดผ่านก็ยังถูกดูดเข้าไปข้างในอย่างบ้าคลั่ง

' เชี่ย... แม่งเจ็บโคตรๆ เลย!'

อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่มีเวลามาสังเกตดูทิวทัศน์อีกต่อไปแล้ว

นี่เป็นเพราะมันเจ็บปวดมาก ดังนั้นซังวูจึงไม่มีเวลามาตัดสินอย่างใจเย็น

ซังวูออกคำสั่งครั้งสุดท้าย

' พุ่งเข้าไปเลย!'

หมายเลข 12 พุ่งลงไปตรงกลางหลุมด้วยแรงทั้งหมดที่มี

' ระเบิดมานา!'

จากนั้นเขาก็สั่งหมายเลข 12 ให้ระเบิดตัวตายอย่างกะทันหัน

พื้นที่ปนเปื้อนนี้ทำให้เขาเจ็บปวดระทมทุกข์เป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้เอง ความหงุดหงิดและความโกรธของซังวูที่มีต่อสถานที่แห่งนี้จึงไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้

แต่ถ้าจะให้เขาบรรยายมันเป็นคำพูด มันก็คงเป็นคำว่า ‘อย่าอยู่เลย!’

เมื่อระเบิดมานาถูกร่าย แสงสองดวงก็เริ่มส่องเล็ดลอดออกมาจากร่างของหมายเลข 12

บางทีอาจเป็นเพราะเขาได้สูญเสียพลังงานไปเยอะแล้วก่อนหน้านี้ ดังนั้นแรงระเบิดจึงไม่ได้แข็งแรงทรงพลังเหมือนอย่างก่อนหน้านี้

ในขณะนั้นเอง แสงไฟที่ส่องออกมาจากบนศีรษะของหมายเลข 12 ก็ได้ตกลงบนพื้นและได้ส่องสว่างโดนอะไรบางอย่างเข้า

' ห้ะ? 'นั่นคืออะไรกัน?'

มันเป็นลูกกลมสีดำเล็กๆ ที่ตั้งอยู่บนหินแตกร้าวที่ด้านล่างสุดของหลุม

และในช่วงเวลานั้นเอง ระเบิดมานากำลังจะปะทุขึ้น และทันทีก่อนที่มันจะระเบิด ซังวูก็ได้ตัดการเชื่อมต่อของเขากับหมายเลข 12

ตู้มมม!

ความกดดันและแรงระเบิดอัดเข้าไปในโพรงเต็มๆ

ทันใดนั้นโพรงก็สว่างขึ้นในขณะที่ฝุ่นผงและความมืดถูกพัดพาออกไป

ลูกบอลสีดำติดอยู่ในหินโดยไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย

นอกจากนี้ หินนั้นก็ยังมีรูปร่างเหมือนกับ ‘ฟันกราม’

...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด