MDB ตอนที่ 400 สวะหรือสมบัติ?
“เสี่ยวฮั่ว จงออกมา!” หลินจินเรียก
หมาป่าอัคคีขนาดเท่าฝ่ามือของหลินจินถูกปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงกระโดดออกมาจากแขนของเขา เปลวไฟบนร่างของเสี่ยวฮั่วโปร่งแสงราวกับคริสตัลที่มีไฟเคลือบ เปล่งแสงเจิดจ้าส่องสว่างไปทั่วทั้งถ้ำ
มังกรหยกหลายตัวที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดต่างประหลาดใจกับแสงสว่าง บางตัวมึนงงขณะที่บางตัววิ่งหนีไปหลบในอุโมงค์ใกล้เคียง มันทำให้เกิดความอลหม่านขนาดย่อม ๆ
ตอนนี้ถ้ำสว่างกระจ่างใสเหมือนกับตอนกลางวัน ดังนั้นจึงไม่ดูน่ากลัวเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป
เมื่อสังเกตอย่างใกล้ชิด จะพบว่าจริง ๆ แล้วก้นเหวไม่ได้ลึกมากนัก ราว ๆ หกสิบเมตรเท่านั้น และพวกเขาก็จะลงไปถึงก้นถ้ำแล้ว
แสงของเสี่ยวฮั่วส่องสว่างทุกมุม
อาจกล่าวได้ว่าถ้ำมังกรหยกไม่เคยสว่างสดใสขนาดนี้มาก่อนตั้งแต่แรกเริ่ม
กรามของผู้อาวุโสโม่ลดลง ในความเป็นจริง เมื่อหลินจินเรียกเมฆออกมาก่อนหน้านี้ ผู้อาวุโสโม่ก็ตกตะลึงไปทั่วทั้งตัวแล้ว
“การเดินบนเมฆเป็นทักษะของผู้เป็นอมตะ หรือว่าเขาจะ…” กรงเล็บของผู้อาวุโสโม่ที่ซ่อนอยู่ด้านหลังเริ่มสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
เหล่ามังกรหยกเงียบไปทันที
ที่ด้านล่างของถ้ำ เหอหยู่มองไปรอบ ๆ อย่างสงสัย แม้ว่าเธอควรจะเลือกสัตว์เลี้ยงตัวหนึ่งจากทั้งหมดนี้ แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นความรับผิดชอบของหลินจินที่จะตัดสินใจว่าเธอควรจะเลือกตัวไหน
เนื่องจากอุโมงค์ทั้งหมดขยายลึกเข้าไปในผนังของถ้ำ สถานที่แห่งนี้มีโครงสร้างคล้ายคลึงกับรังผึ้ง ตอนนี้มังกรหยกส่วนใหญ่ซ่อนตัวตามอุโมงค์ต่าง ๆ ดังนั้นการเลือกมังกรที่เหมาะสมจึงเป็นไปไม่ได้
หลินจินหายใจเข้าลึก ๆ และปลดปล่อยทักษะกำราบสัตว์วิเศษของเขาแล้วพูดว่า
“เหล่ามังกรหยกเอ๋ย ได้โปรดออกมาเถิด ข้าขอสาบานว่าจะมอบโอกาสให้ใครก็ตามที่ได้รับเลือก ข้าจะช่วยเหลือพวกเจ้าในการค้นหาเส้นทางที่แท้จริงสู่ความเป็นเทพแห่งมังกร คิดดูให้ดี นี่จะเป็นโอกาสเดียวของพวกเจ้า”
จากนั้นหลินจินก็ยืนรอ
มังกรหยกแรกเกิดก็อยู่ในระดับสาม แต่สิ่งมีชีวิตในระดับเดียวกันนั้นก็ศักยภาพที่แตกต่างกันไป ระดับสามบางอันด้อยกว่า แถมยังมีข้อบกพร่องด้วยซ้ำ เช่นเดียวกับที่ถูกเกณฑ์มาก่อนหน้านี้ การเลือกตัวใดตัวหนึ่งจากพวกมันไม่ใช่ผลดีเลย หากเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เส้นทางข้างหน้าจะเต็มไปด้วยอุปสรรค แม้แต่หลินจินเองก็ตาม มันก็ยังงานยากสำหรับเขา ดังนั้นจึงไม่มีทางที่ผู้ประเมินทั่วไปจะรับไหว
'เส้นทางสู่ความเป็นเทพมังกร' ที่หลินจินกล่าวถึงนั้นไม่ใช่เส้นทางที่เต็มไปด้วยข้อบกพร่องแบบเดียวกับที่เทพมังกรหยกเคยเลือกเดิน หากเป็นเส้นทางที่หลินจินเป็นคนชี้นำ รับประกันได้เลยว่าหนึ่งในพวกมันจะกลายเป็นเทพมังกรผู้ทรงอำนาจในอนาคตอันใกล้
เหล่ามังกรหยกที่ได้ยินต่างจ้องมองด้วยความหวัง แม้มันจะฟังดูเป็นไปไม่ได้ แต่อย่างน้อย ๆ ก็ควรลองดูสักครั้ง
หลังจากนั้นไม่นาน มังกรหยกก็เริ่มโผล่หัวออกมาจากอุโมงค์มากมายบนผนัง
มังกรหยกระดับสามมีสติปัญญาเพียงพอที่จะทำให้พวกมันฟังภาษามนุษย์รู้เรื่อง เมื่อมีเส้นทางแห่งความเป็นเทพเจ้ามาเป็นเหยื่อล่อ มันเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น ก่อนที่มังกรหยกที่มีศักยภาพจะปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา
แน่นอนว่ามังกรหยกเริ่มปรากฏตัวมากขึ้น พวกมันบินหรือคลานออกจากอุโมงค์ จำนวนมังกรที่เปิดเผยตัวเองมีเป็นนับร้อยตัว
มีมังกรหยกมากเกินไปจนเหอหยู่เริ่มรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย หลินจินกวาดสายตามองพวกเขาทั้งหมดก่อนที่จะเลือกมังกรหยกที่ดูเหมือนจะปกคลุมไปด้วยหยกขาว เขายื่นมือออกไปและทำท่าทางกวักมือเรียก
"มานี่สิ!"
เนื่องจากอิทธิพลจากทักษะกำราบสัตว์วิเศษ มังกรหยกขาวตัวนั้นไม่สามารถต่อต้านได้โดยสิ้นเชิง มันจึงยอมให้ตัวเองถูกชักจูงโดยพลังที่มองไม่เห็น ผู้อาวุโสโม่ถึงกับหัวเราะเมื่อเห็นสิ่งนี้
“ฮ่าฮ่าฮ่า! นั่นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เจ้าสามารถหาได้แล้วงั้นเหรอ? หลังจากเสียเวลาตั้งมากมาย แต่เจ้ากลับเลือกสิ่งที่แย่ที่สุดจากทั้งหมด!? อันนี้แย่กว่าอันที่ข้าพามาก่อนหน้านี้เสียอีก”
ผู้อาวุโสโม่เยาะเย้ยด้วยรอยยิ้ม
มังกรหยกขาวเดินมาถึงหลินจิน มันดูหวาดกลัวจนตัวสั่นเทา เมื่อสังเกตอย่างรอบคอบ แม้ว่าสิ่งมีชีวิตนี้อาจเป็นมังกรหยกขาวที่หายาก แต่ก็มีสิ่งสกปรกในร่างกายมากเกินไปและสายเลือดหยกก็ไม่บริสุทธิ์เพียงพอ ยิ่งไปกว่านั้น เขาข้างหนึ่งของมันหักดังนั้นมันจึงดูเหมือนกับสัตว์ที่มีตำหนิ
ไม่ว่าพวกเขาจะมองจากมุมไหน มังกรหยกขาวตัวนี้ยังด้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับตัวที่ขึ้นไปบนแท่นบูชาก่อนหน้านี้
ถึงกระนั้น ก็มีประกายแวววาวในดวงตาของหลินจิน เขามองดูมังกรหยกที่ขี้ขลาด ด้อยกว่า และพิกลพิการราวกับว่ามันเป็นสมบัติล้ำค่า
เขาเอื้อมมือไปลูบหัวมังกรหยกขาวแล้วพูดซ้ำว่า
“ดี ดีมาก น่าช่างมหัศจรรย์ยิ่งนัก!”
จากนั้นเขาก็หันไปหาเหอหยู่แล้วพูดว่า
“ตัวนี้พ่ะค่ะย่ะ องค์หญิงทรงพอพระทัยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
เหอหยู่ตกตะลึง เธอรู้สึกประหลาดใจกับการตัดสินใจของหลินจิน เนื่องจากมังกรหยกขาวดูอ่อนด้อยมากจริง ๆ แต่ในเมื่อเขาเลือกแล้ว เธอก็ทำได้เพียงยืนหยัดเคียงข้างเขาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
"ข้าพอใจ งั้นเอาตัวนี้แหละ!" เหอหยู่พยักหน้า
หลินจินประทับใจ เหอหยู่ไม่ใช่คนชอบวางท่าที่จะตั้งข้อสงสัยกับตัวเลือกของเขาในเวลาเช่นนี้ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ดี
ด้วยการโบกมือ หลินจินเรียกเมฆเพื่อนำเขา เหอหยู และมังกรหยกขาวตัวน้อยกลับมาที่แท่นบูชาคัดเลือกมังกร เขาไม่ได้เก็บเสี่ยวฮั่วกลับเขาไปในร่าง เมื่อมีเจ้าตัวเล็กอยู่ สถานที่แห่งนี้ก็สดใสและสบายใจขึ้นมาก
ที่แท่นบูชา เหอเฉียนและคนอื่น ๆ รวมตัวกันรอบ ๆ พวกเขาตกตะลึงไม่แพ้กันเมื่อเห็นมังกรหยกที่หลินจินเลือก
เหอเฉียนรำพึงในใจว่า
'เกิดอะไรขึ้น? เจ้าตัวนี้ก็แย่ยิ่งกว่ามังกรหยกสองชุดก่อนหน้านี้เสียอีก'
อย่างไรก็ตาม เหอเฉียนฉลาดพอที่จะไม่แสดงข้อสงสัยของเขาออกมา แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่สามารถซ่อนสีหน้าอยากรู้อยากเห็นบนใบหน้าของเขาได้
ทางด้านองค์ชายทั้งสองก็ยิ่งงุนงงไม่แพ้กัน ดูเหมือนพวกเขาลังเลที่จะพูดอะไรออกมา พวกเขาคิดเห็นตรงกันว่ามังกรหยกขาวที่ถูกเลือกมานั้น มันดูธรรมดาเกินไป
บางทีมันอาจจะเลวร้ายยิ่งกว่ามังกรหยกทั่วไปด้วยซ้ำ มังกรหยกที่เข้ามาให้พวกเขาเลือกก่อนหน้านี้ยังเหนือชั้นกว่ามังกรหยกขาวตัวนี้หลายหมื่นลี้
ถึงกระนั้น ไม่ว่าพวกเขาจะสับสนและสงสัยเพียงใด พวกเขาก็ยังคงนิ่งเงียบ
พวกเขาสามารถควบคุมตัวเองได้ แต่ไม่ใช่กับผู้อาวุโสโม่
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ข้าก็หลงคิดว่ามนุษย์คนนี้คงจะน่าทึ่งเสียอีก แต่ที่ไหนได้ เจ้ากลับเลือกมังกรหยกที่เลวร้ายที่สุดในรังของเราออกมา ช่างน่าขำเสียนี่กระไร! เหอเฉียน ถ้าเจ้าบอกว่าเจ้าต้องการเจ้าตัวน้อยนั่น ข้ายินดีที่จะมอบเพิ่มอีกสองสามตัวก็ยังได้!”
การเยาะเย้ยปรากฏชัดในน้ำเสียงของมังกรเฒ่า
เหอเฉียนยังคงนิ่งเงียบ เขาไม่รู้ว่าจะโต้แย้งอย่างไร
ส่วนมังกรหยกขาวตัวน้อย มันได้ห้อยหัวลงต่ำ บางทีมันอาจจะตระหนักถึงข้อบกพร่องของตัวเอง แต่มันก็ยังคงนิ่งเงียบเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม หลินจินหยุดเดินและหันไปมองผู้อาวุโสโม่
“ข้าเห็นต่างจากเจ้า มังกรหยกที่ข้าเลือกมีศักยภาพของมังกรที่แท้จริง มันคงไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะบอกว่ามังกรตัวนี้ดีที่สุดในที่แห่งนี้” หลินจินกล่าว
“ไร้สาระ! เจ้ารู้งั้นเหรอว่าศักยภาพของมังกรที่แท้จริงคืออะไร!?” ผู้อาวุโสโม่ตระหนักดีว่าหลินจินนั้นน่ากลัวเพียงใด และเห็นได้จากความสามารถของเขาในการเดินบนก้อนเมฆ
อย่างไรก็ตาม มังกรเฒ่าปฏิเสธที่จะถอยกลับ เขาแน่ใจว่าถ้าเป็นเรื่องของมังกร เขาย่อมรู้ดีกว่าหลินจิน
เมื่อเผชิญกับความท้าทายของผู้อาวุโสโม หลินจินก็หยุดคิดก่อนที่จะตอบว่า
“ศักยภาพที่แท้จริงของมังกรคือรูปแบบหนึ่งของการประเมิน ในโลกนี้มีมังกรหลายร้อยสายพันธุ์ ดังนั้นพวกมันจึงถูกแบ่งออกเป็นจริงและเท็จโดยธรรมชาติ มังกรสามารถบรรลุสถานะมังกรที่แท้จริงได้ แต่ไม่ใช่มังกรทุกตัวมีโอกาสนี้
ในแม่น้ำอาจมีปลาคาร์ปนับพันตัว แต่มีเพียงตัวเดียวเท่านั้นที่สามารถผ่านประตูมังกรได้ กล่าวอีกนัยหนึ่ง จากมังกรปลอมนับพันตัว มีมังกรที่แท้จริงได้เพียงตัวเดียวเท่านั้น และในวันนี้ มังกรหยกขาวที่ข้าเลือกคือมังกรที่แท้จริงเพียงตัวเดียวของที่นี่”
นี่เป็นการตบหน้าอย่างโจ่งแจ้ง คล้ายกับชี้ตรงไปที่ผู้อาวุโสโม่ และถากถางเขาว่าหนึ่งในมังกรปลอม
เขาจะทนเรื่องนี้ได้อย่างไร?
ผู้อาวุโสโม่ถูกกลืนกินด้วยความโกรธ
“บังอาจ! หากเจ้าสามารถพิสูจน์ได้ว่าเจ้าขยะนี้มีคุณสมบัติของมังกรที่แท้จริง ข้าจะยินรับใช้เจ้าไปไปชั่วนิรันดร์!”