บทที่ 115 ลูกปัดดาวมงกุฏสีน้ำเงิน (แถมฟรี)
บทที่ 115 ลูกปัดดาวมงกุฏสีน้ำเงิน (แถมฟรี)
.
“ลูกปัดดาวมงกุฏขาว (คุณภาพทอง)
ทักษะดาวที่มี:
1. คทาสีขาวบริสุทธิ์: ใช้พลังดาวเพื่อสร้างคทา ฟื้นพลังของกลุ่มภายในระยะที่กำหนด ระยะเวลาของคทาจะถูกกำหนดโดยพลังดาวของผู้ใช้ (คุณภาพทอง สามารถอัพเกรดได้)
2. คทาสีเทา: ใช้พลังดาวเพื่อสร้างคทา ฟื้นฟูพลังดาวแบบกลุ่มภายในระยะที่กำหนด ระยะเวลาของคทาจะถูกกำหนดโดยพลังดาวของผู้ใช้ (คุณภาพทอง สามารถอัพเกรดได้)
ต้องการควบรวมและดูดซับไหม?”
เจ๋งเป้ง น่าทึ่งมาก
เจียงเซียวชักนิ้วออก ในใจรู้สึกดิ้นรนเล็กน้อย
นี่คือทักษะดาวที่อาจารย์ไห่เทียนชิงใช้ไม่ใช่เหรอ? เจียงเซียวเคยเห็นคทาที่เปล่งแสงสีขาวในซากปรักหักพังศักดิ์สิทธิ์
พลังของเขาได้รับการฟื้นฟูด้วยทักษะนี้ มันทำให้รู้สึกดีมาก
แต่มันก็มีปัญหา นั่นก็คือ ทักษะดาวที่เรียกว่าคทาสีขาวบริสุทธิ์นี้ ดูเหมือนจะให้ผลเช่นเดียวกับทักษะดาวพรของเขา
แม้ว่าคทาสีขาวบริสุทธิ์จะเป็นทักษะดาวแบบกลุ่ม ที่สามารถให้นมกับหลายคนได้พร้อมๆกัน นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถควบคุมระยะเวลาของคทาได้อย่างอิสระอีกด้วย
แต่เจียงเซียวเชื่อว่า ตราบใดที่ทักษะดาวพรของเขายังคงพัฒนาต่อไป ผลลัพธ์ของมันจะไม่เลวร้ายไปกว่า ‘คทาสีขาวบริสุทธิ์’ นี้อย่างแน่นอน
ทีมของเจียงเซียวเป็นทีมสี่คน ไม่ใช่กองกำลังผู้พิทักษ์ ดังนั้นทักษะดาวแบบกลุ่มประเภทนี้ดูเหมือนจะใช้งานไม่ได้จริง
ส่วนทักษะดาวที่สองเรียกว่าคทาสีเทาน่ะเหรอ?
มันใช้ฟื้นฟูพลังดาว?
ถ้าเจียงเซียวเป็นผู้ใช้คทาสีเทา แน่นอนว่าเขาต้องอยู่ในระยะของคทา ดังนั้น เขาในฐานะผู้ใช้เองก็สามารถฟื้นฟูพลังดาวได้เช่นกันใช่ไหมล่ะ?
ดูเหมือนว่าจะเป็นทักษะดาวที่ดี แต่…
ตราบใดที่สำรองลูกปัดดาวไว้อย่างเพียงพอ มันก็สามารถทดแทนทักษะดาวนี้ได้
และปัญหาที่ร้ายแรงกว่านั้นก็คือ ไม่มีทักษะดาวที่คล้ายกับ ‘ตราประทับ’ ในลูกปัดดาวนี้
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ คทานี้ไม่สามารถฟื้นฟูพลังและพลังดาวของเป้าหมายได้อย่างเจาะจง เหมือนทักษะดาวที่มีตราประทับได้
ดังนั้นทุกคนในระยะที่คทาส่งผลกระทบจะได้รับพลังและพลังดาวกลับคืนมา
เมื่อป็นแบบนี้ ศัตรูจะไม่ดีใจเหรอ?
ทักษะดาวแบบกลุ่มประเภทนี้ เกรงว่าจะต้องใช้ในปฏิบัติการทางทหารจึงจะเห็นผล
สำหรับทีมสี่คนอย่างทีมของเจียงเซียว มันไม่ได้ผลเท่าที่ควร
แม้ว่าเจียงเซียวจะไม่รู้ระยะที่เฉพาะเจาะจงของรังสีของคทา แต่คทาสีขาวบริสุทธิ์ของไห่เทียนชิงในตอนนั้นสามารถปกคลุมซากปรักหักพังศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด
ในฐานะทักษะดาวคุณภาพทอง ระยะของมันต้องไม่เล็กอย่างแน่นอน
แม้ทักษะดาวนี้จะดีมาก มีคุณภาพสูงและมีประสิทธิภาพมากจริงๆ
อย่างไรก็ตามเมื่อเจียงเซียวคิดเกี่ยวกับมันครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจยอมแพ้ต่อลูกปัดดาวนี้
แผนที่ดาวของเขาเหลืออีกเพียง 6 ช่อง และเขายังคงต้องการทักษะดาวควบคุมกับทักษะดาวโจมตีที่สามารถฆ่าคนได้จริงๆ
ทักษะดาวพรและทักษะดาวกระดิ่งก็เพียงพอแล้วที่จะสนับสนุนทีมสี่คน
ไม่นานมานี้เขาได้หารือกับหานเจียงเสวี่ยอย่างจริงจังว่าจะไปพื้นที่ต่างมิติภูเขาไฟด้วยกัน เพื่อไปหาลูกปัดดาวแม่มดผีลาวา 10 เม็ด สำหรับอัพเกรด ‘กระดิ่ง’ กับ ‘ตราประทับ’ ให้เป็นคุณภาพทอง
เมื่อถึงเวลานั้น ปริมาณน้ำนมของเจียงเซียวก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก
“มันมาจากพื้นที่ต่างมิติพิเศษทุ่งหญ้าจีนมองโกเลีย ที่นั่นมีสิ่งมีชีวิตพิเศษที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ ลูกปัดดาวนี้มาจากสมองของ ‘มงกุฏขาว’ มันมีทักษะดาวที่เหมือนคทาสองอัน ที่สามารถฟื้นฟูพลังและพลังดาวของเพื่อนร่วมทีมได้ เมื่อเทียบกับ ‘พร’ แล้ว มันดีกว่ามาก” เซี่ยซานไห่มองไปที่เจียงเซียวพร้อมกับอธิบาย
“ทำไมคุณถึงบอกว่ามันเป็นพื้นที่ต่างมิติพิเศษล่ะ? แต่ละพื้นที่ต่างมิติมันไม่พิเศษเหมือนกันเหรอ?” เจียงเซียวถาม
“ที่นั่นอันตรายเกินไปจึงไม่เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้า มีเพียงกองกำลังพิเศษบางทีมเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้ พื้นที่นั้นจึงพิเศษมาก ดังนั้นลูกปัดดาวนี้จึงพิเศษมากเช่นกัน” แม้ว่าการแสดงออกของเซี่ยซานไห่จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่ก็เหมือนจะดูภูมิใจอยู่นิดหน่อย
นั่นหมายความว่าลูกปัดดาวนี้ล้ำค่ามาก!
อย่างไรก็ตาม สำหรับเจียงเซียวแล้ว เขาก็ยังตัดสินโทษตายให้กับลูกปัดดาวเม็ดนี้
ไม่ว่าคุณภาพของมันจะสูงแค่ไหน หรือมีประสิทธิภาพมากเพียงใด แต่ถ้ามันหายากมาก เจียงเซียวก็ไม่ต้องการมัน
บางสิ่งยิ่งมีค่ามากเท่าไหร่ เจียงเซียวก็ยิ่งไม่เห็นมันอยู่ในสายตาเท่านั้น
ยิ่งมีสินค้าขายอยู่ในตลาดมากเท่าไหร่ ราคาของมันก็ยิ่งถูกลง และยิ่งมันมีจำนวนมากขึ้นเท่าไหร่ เจียงเซียวก็ยิ่งต้องการตะครุบสินค้าเหล่านั้นมากขึ้นเท่านั้น…
“มันล้ำค่าเกินไป ผมไม่ต้องการมัน” เจียงเซียวพูดแล้วผลักกล่องสี่เหลี่ยมเล็กๆนั้นออกห่างตัว จากนั้นก็เอื้อมมือไปคว้ากล่องสี่เหลี่ยมเล็กๆของหานเจียงเสวี่ย
“ลูกปัดดาวมงกุฏสีน้ำเงิน (คุณภาพทอง)
ทักษะดาวที่มี:
1. คทาสีฟ้าอ่อน: ใช้พลังดาวเพื่อสร้างคทา ทำการโจมตีแบบกลุ่มด้วยสายฟ้า ภายในระยะที่กำหนด ระยะเวลาของคทาจะถูกด้วยพลังดาวของผู้ใช้ (คุณภาพทอง อัพเกรดได้)
2. คทาสีน้ำเงินเข้ม: ใช้พลังดาวเพื่อสร้างและควบคุมคทา เพื่อโจมตีเป้าหมายเฉพาะด้วยสายฟ้า สายฟ้าที่ตกลงมาจะกระจายออกไปทุกทิศทุกทาง และสร้างความเสียหายโดยรอบแบบกลุ่ม ระยะเวลาของคทาจะถูกกำหนดด้วยพลังดาวของผู้ใช้ (คุณภาพทอง อัพเกรดได้)
ต้องการควบรวมและดูดซับไหม?”
ทักษะดาวโจมตีแบบกลุ่ม กับทักษะดาวโจมตีเฉพาะเป้าหมายงั้นเหรอ?
นอกจากนี้ทักษะดาวทั้งคู่ยังปรากฏอยู่ในรูปแบบของคทาอัญเชิญ
สิ่งที่เรียกว่า ‘คทาสีน้ำเงินเข้ม’ ดูเหมือนจะควบคุมได้ดีกว่า ‘คทาสีฟ้าอ่อน’ อย่างน้อยก็อยู่ภายใต้การควบคุมของพลังดาวของผู้ใช้ ซึ่งจะไม่ทำร้ายเพื่อนร่วมทีมโดยไม่ตั้งใจ
คทาสีน้ำเงินเข้มและคทาสีฟ้าอ่อนเป็นทักษะดาวที่มีคุณค่าอย่างชัดเจน แม้จะมีรูปแบบที่ต่างกัน แต่พลังก็ไม่น่าจะแตกต่างกันมากนัก
แม้ว่าหนึ่งในนั้นจะมีพลังมากกว่า แต่ก็เป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงปริมาณ และไม่ควรมีความแตกต่างกันเชิงคุณภาพ
“เสี่ยวผี!” เซี่ยซานไห่แสร้งทำเป็นไม่มีความสุข และกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แล้วเขาก็ได้ยินเจียงเซียวพูดขึ้นว่า:
“มันยากที่จะปฏิเสธความปรารถนาดี ดังนั้น…เราควรเลือกมันมาเม็ดหนึ่งสำหรับเราสองพี่น้อง” จู่ๆ เจียงเซียวก็พูดขึ้น
เซี่ยซานไห่: “……”
สำหรับเจียงเซียวแล้ว ยิ่งลูกปัดดาวมีค่ามากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งมีค่ากับเขาน้อยลงเท่านั้น
แต่สำหรับหานเจียงเสวี่ยที่เป็นผู้ตื่นปกติ ลูกปัดดาวล้ำค่านี้มีคุณสมบัติที่จะครอบครองหนึ่งในช่องดาวของเธอ!
ไม่ว่าจะเป็นสีฟ้าอ่อนหรือสีน้ำเงินเข้ม ถ้าหากหานเจียงเสวี่ยสามารถดูดซับได้ เธอก็จะทรงพลังมากยิ่งขึ้น
เจียงเซียวกล่าว “พี่สาว อย่าทำให้ลุงกับป้าลำบากใจเลย เลือกมาเม็ดหนึ่งเถอะ ผมเป็นแค่มือใหม่ในระดับละอองดาว การได้รับลูกปัดดาวแบบนี้นับเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรโดยแท้ เพราะมันไม่มีโอกาสประสบความสำเร็จเลย แต่พี่ต่างกัน พี่มีทั้งคุณสมบัติและจุดแข็ง พี่เคยดูดซับลูกปัดดาวคุณภาพทองได้ เมื่อมีเม็ดแรกได้ ก็ต้องมีเม็ดที่สองได้เช่นกัน”
เจียงเซียวกล่าวต่อไปว่า “ตอนที่พี่ทะลวงผ่านระดับเนบิลล่าขั้นกลางได้ พี่สามารถลองดูดซับมันดู หากพี่กลัวเสียของก็รอจนกว่าเราจะเข้าสู่การแข่งขันระดับประเทศแล้วค่อยดูดซับมันก็ได้ เมื่อถึงเวลานั้นพี่ควรจะแข็งแกร่งขึ้น และควรได้รับการจัดอันดับที่ดี แล้วได้รับคะแนนพิเศษในการสอบ เมื่อนั้นเราทุกคนก็สามารถมีอนาคตที่ดีกว่าได้”
หานเจียงเสวี่ยมองเจียงเซียวอย่างเงียบๆ ไม่มีใครเดาได้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
เพราะตอนนี้เธอกำลังคิดถึงคำว่า ‘พี่สาว’ อยู่
นานแค่ไหนแล้ว?
ผ่านไปกี่เดือนแล้ว?
มันนานเหลือเกินที่เธอได้ยินเจียงเซียวเรียกเธอว่า ‘พี่สาว’
เขามักเรียกเธอด้วยชื่อจริง และบางครั้งเมื่อเวลาโกรธ เขาจะเรียกเธอว่า ‘เสี่ยวเจียงเสวี่ย’
หานเจียงเสวี่ยถึงกับตกตะลึงเมื่อจู่ๆก็ได้ยินคำว่า ‘พี่สาว’ จากปากเจียงเซียว
สำหรับเรื่องนี้ หากเจียงเซียวไม่ได้ต้องการแสดงความสุภาพต่อหน้าตระกูลเซี่ย เขาคงไม่มีทางเรียกเธอแบบนี้
เจียงเซียวเห็นหานเจียงเสวี่ยจ้องมองเขาอย่างงุนงง เขาก็เหยียดนิ้วทั้งห้าออก แล้วโบกมือต่อหน้าเธอ แล้วร้องเรียก: “พี่สาว?”
“อืม ตกลง” หานเจียงเสวี่ยเห็นด้วยกับเจียงเซียวโดยไม่รู้ตัว ดูเหมือนจิตใต้สำนึกของเธอกำลังทำงานอยู่ ดังนั้นเธอจึงเห็นด้วยกับคำขอของน้องชายอย่างไม่รู้ตัว
ทันใดนั้นหานเจียงเสวี่ยก็ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ใบหน้างดงามของเธอดูงุนงงและแสดงท่าทางสับสนเล็กน้อย และถามขึ้นเบาๆว่า “เมื่อกี้นายพูดว่ายังไงนะ?”
คราวนี้ก็ถึงคราวของเจียงเซียวที่รู้สึกว่ามีไฟฟ้าลัดวงจรอยู่ในสมอง
นี่ยังเป็นพี่สาวตัวน้อยจอมเย็นชาของเขาอยู่หรือเปล่า?
ทำไมคุณถึงทำท่าน่ารักแบบนั้นล่ะ?
หน้าตางุนงง ท่าทางสับสนเล็กๆน้อยๆ แบบนี้ โอ้พระเจ้า นี่มันน่ารักจุงเบย…
ผู้หญิง
พวกคุณทุกคนมีพันหน้าเหรอ?