1329 - แท่นเต๋าของเก่อหง
1329 - แท่นเต๋าของเก่อหง
เย่ฟ่านตบไหล่กว๋อเจินเบาๆ และบอกให้เขาใจเย็นๆ
“แน่นอนว่าในเมื่อพวกคุณมีคุณสมบัติที่จะเข้าไปข้างใน เช่นนั้นก็ขอเชิญ”
หญิงสาวผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มเชิญให้เย่ฟ่านและกว๋อเจินติดตามไปที่บริเวณจุดชุมนุมซึ่งเป็นลานอันกว้างใหญ่ด้านหน้าวิหารโบราณแห่งหนึ่ง
ในบริเวณนี้มีชายชราคนหนึ่งกำลังบรรยายเต๋าด้วยสีหน้าสงบนิ่ง ด้านหน้าของเขามีชายหนุ่มและหญิงสาวหลายสิบคนกำลังนั่งฟังการบรรยายอย่างเงียบๆ
เย่ฟ่านพากว๋อเจินเดินเข้าไปในบริเวณนั้นและนั่งลงที่ด้านข้างของหนุ่มสาวหลายคนเพื่อฟังบรรยาย อย่างไรก็ตามชายหนุ่มและหญิงสาวอีกหลายคนที่ติดตามอยู่ด้านหลังของพวกเขากลับมีสีหน้าแปลกๆ
“พวกคุณรีบลุกขึ้นก่อนจะมีปัญหาเกิดขึ้นดีกว่า”
คนหนุ่มสาวสี่คนที่เป็นคนรู้จักของกว๋อเจินไม่กล้าดูถูกเหยียดเย่ฟ่าน แต่พวกเขายังคงกระซิบเบาๆด้วยความกลัว
แน่นอนว่าเหตุการณ์นี้ทำให้ผู้คนมากมายตกตะลึงเล็กน้อย ชายหนุ่มและหญิงสาวที่นั่งอยู่บนพื้นหลาย 10 คนหันกลับมามองกลุ่มของเย่ฟ่านด้วยความสงสัย
แม้กระทั่งชายชราที่กำลังบรรยายเต๋าอยู่ก็ยังหยุดการบรรยายชั่วคราว
“มีอะไรที่ผิดปกติ?” กว๋อเจินสับสนเล็กน้อย
“หากคุณต้องการฟังบรรยายเต๋าควรจะยืนฟังดีกว่า?”
“พวกเขาก็เป็นคนหนุ่มสาวเหมือนเราไม่ใช่หรือ? แล้วทำไมพวกเขาถึงนั่งฟังได้”
กว๋อเจินชี้ไปที่ชายหนุ่มและหญิงสาวหลายสิบคนซึ่งนั่งอยู่ในบริเวณเดียวกัน
“กว๋อเจินคุณช่างไร้เดียงสาเกินไปแล้ว แม้ว่าคุณสองคนจะแข็งแกร่งแต่คุณจะเทียบกับพวกเขาได้อย่างไร ทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ล้วนเป็นทายาทสายตรงของมหาอำนาจในประเทศจีนทั้งสิ้น”
ชายหนุ่มและหญิงสาวที่ยืนอยู่ต่างอิจฉาคนเหล่านั้น หลายคนกำลังจ้องเย่ฟ่านและกว๋อเจินอย่างดูถูกเหยียดหยามคล้ายกับพวกเขาไม่รู้จักสำนึกตัวเอง
กว๋อเจินทนไม่ได้และกำลังจะลุกขึ้นยืนแต่เย่ฟ่านห้ามเขาไว้แล้วพูดว่า
“นั่งลง!”
“พวกคุณทั้งสองเป็นใคร ทำไมถึงมานั่งอยู่ที่นี่ได้ ใครเชิญพวกคุณมา”
ในที่สุดกลุ่มชายหนุ่มและหญิงสาวที่นั่งอยู่ในบริเวณนั้นก็ลุกขึ้นด้วยความไม่พอใจ
เย่ฟ่านมองใกล้ๆแล้วพบว่า คนหนุ่มสาวเหล่านี้ไม่ธรรมดาจริงๆ บางคนเป็นผู้บ่มเพาะอาณาจักรสะพานวิญญาณแล้วด้วยซ้ำ ความแข็งแกร่งของพวกเขาไม่มีทางที่กลุ่มคนที่ยืนอยู่จะเทียบได้
“พวกเขาขึ้นมาเอง โดยการขึ้นบันไดหินสามสิบสามขั้น” มีคนตอบอย่างรวดเร็ว
ผู้อาวุโสหลายสิบคนต่างตกตะลึง พวกเขามองดูทั้งสองอย่างจริงจัง และทำให้กว๋อเจินรู้สึกอึดอัดอย่างมาก
ในเวลาเดียวกันเย่ฟ่านเองก็มองดูพวกเขา ยอดฝีมือเหล่านี้อยู่ในอาณาจักรลับตำหนักเต๋า แน่นอนว่าคนเหล่านี้ล้วนเป็นยอดฝีมือระดับสูงของโลก บางคนถึงกับเป็นผู้บ่มเพาะอาณาจักรสี่สุดขั้วด้วยซ้ำ
“จริงหรือ? พวกคุณขึ้นมาที่นี่ด้วยตัวเองหรือ แม้ว่าผมจะไม่เคยปีนบันไดนั้นด้วยตัวเองแต่ผมก็ไม่เชื่อว่าพวกคุณจะผ่านมันมาได้จริงๆ?”
ศิษย์หลักของสำนักหลิงเป่าลุกขึ้นจากฟูกสมาธิ เขาเป็นอัจฉริยะอาณาจักรสะพานวิญญาณขั้นสูงสุด
“ในเมื่อคุณไม่ได้ผ่านการทดสอบที่ขั้นบันได แล้วขึ้นมาได้อย่างไร?” กว๋อเจินสงสัย
เขาเป็นผู้บ่มเพาะธรรมดา และทุกคนที่อยู่ที่นี่เป็นศิษย์ของนักพรตผู้ยิ่งใหญ่ของโลก ว่ากันว่ามีความเป็นไปได้ที่บางคนในนี้จะกลายเป็นหนึ่งในยอดฝีมือระดับสูงที่เทียบเท่ากับคนโบราณ ดังนั้นพวกเขาจึงมีความหยิ่งผยองอย่างมาก
“การทดสอบที่ประตูภูเขาง่ายเกินไป ใครก็ตามที่มีฐานการบ่มเพาะแข็งแกร่งพอสมควรย่อมเพียงพอที่จะปีนขึ้นบันไดชั้นแปดได้อยู่แล้ว หากมีความสามารถจริงๆ ก็จงปีนบันไดที่นั่นซะ”
ชายหนุ่มชี้ไปที่แท่นเต๋าที่สูงที่สุด มีบันไดหินสามสิบสามขั้นที่ทอดตรงไปขึ้นไปบนแท่นหิน
เมื่อเห็นสิ่งนี้แล้ว สีหน้าของคนอื่นๆก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
ที่นั่นคือที่ไหน?
มันเป็นสถานที่ที่เก่อหงใช้บรรยายเต๋าให้เหล่าศิษย์ฟัง ปัจจุบันในโลกนี้ผู้ที่ขึ้นไปบนแท่นหินนั้นสามารถนับได้ด้วยนิ้วในมือข้างเดียว
“ได้ยินมาว่าปรมาจารย์อมตะเก่อหงเคยอาศัยอยู่ที่นี่เช่นกัน ถ้าเราขึ้นไปบนนั้นบางทีอาจค้นพบความลับของเก้าญาณวิเศษลึกลับก็ได้” เย่ฟ่านกล่าว
เขามาที่นี่จุดประสงค์ของเขาคือเก้าญาณวิเศษลึกลับ เย่ฟ่านต้องการรู้ว่าสำนักเต๋าแห่งหลิงเป่าจะมีพวกมันอยู่ที่นี่หรือไม่?!
หลายคนหัวเราะเยาะ หลังจากที่มองไปที่เย่ฟ่าน พวกเขาก็มีความผ่อนคลายโดยมากขึ้นเพราะร่างกายของเขาไม่มีความผันผวนของพลังศักดิ์สิทธิ์แผ่ซ่านออกมาแม้เพียงเล็กน้อย
“อย่าคิดจะเล่นดีกว่า คุณคิดว่าคุณเป็นปรมาจารย์โบราณหรือ?”
“แม้แต่ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ในปัจจุบันอย่างมากสุดก็ปีนได้เพียงสามสิบขั้นเท่านั้น”
หลายคนที่หัวเราะเยาะและบอกให้เย่ฟ่านกับกว๋อเจินล้มเลิกความคิดไร้สาระนี้เสีย การท้าทายของชายหนุ่มคนนั้นก็เป็นเพียงการพูดไปตามอารมณ์ เพราะแม้แต่ตัวเขาก็ปีนขึ้นไปได้เพียงสามสามขั้น
เย่ฟ่านตบไหล่กว๋อเจินแล้วพูดว่า “ทดลองดูหน่อยก็ดี ผมว่าอย่างน้อยคุณน่าจะเดินได้ถึงสี่ขั้น”
“ไร้สาระ แค่สองขั้นก็ให้มันได้เถอะ!” ศิษย์หลักของสำนักหลิงเป่ายิ้มเย้ย
ในฐานะศิษย์หลักแล้ว ฐานการบ่มเพาะของเขาถือว่าสูงส่งเป็นอย่างมาก และแม้แต่ตัวเขาก็ยังปีนขึ้นไปได้แค่สามขั้น
กว๋อเจินกัดฟันแน่นจากนั้นก็หยิบสมบัติโบราณออกมาจากกระเป๋าอีกชิ้น เขาถือมันไว้ในมือและเตรียมที่จะเดินขึ้นไปบนบันไดเพื่อทดสอบให้ทุกคนเห็นว่าเขามีคุณสมบัติคู่ควร
“เดี๋ยวก่อน พวกคุณกล้าทำให้แท่นเต๋าของบรรพชนแปดเปื้อนหรือ หากคิดจะทดสอบจะต้องผ่านผมไปก่อน”
ศิษย์หลักอีกคนคำรามด้วยความโกรธ จากนั้นเขาก็กระแทกกำปั้นเข้าหากว๋อเจินทันที
ใบหน้ากว๋อเจินเปลี่ยนเป็นซีดขาวไร้สีเลือด พลังของอีกฝ่ายนั้นอยู่ในอาณาจักรสะพานวิญญาณซึ่งไม่มีทางที่เขาจะต่อต้านได้อย่างแน่นอน
แต่ในทันใดนั้นได้มีพลังศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งแผ่ซ่านขึ้นมาจากพื้นพร้อมกับไหลซึมเข้าไปในร่างกายของกว๋อเจินอย่างรวดเร็ว
“ว๊าก!”
กว๋อเจินสัมผัสได้ถึงพลังที่พลุ่งพล่านภายในร่างกาย เขากระแทกกำปั้นออกไปข้างหน้าโดยไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่ากำลังทำอะไร
ปัง!
ร่างของศิษย์หลักสำนักหลิงเป่าคนนั้นปลิวกระเด็นกลับไปทางด้านหลัง หมดสติก่อนที่จะกระแทกพื้นด้วยซ้ำ
“เป็นไปได้อย่างไร!”
“พ่ายแพ้แล้ว ผู้บ่มเพาะอาณาจักรสะพานวิญญาณจะพ่ายแพ้ให้กับเด็กน้อยอาณาจักรทะเลแห่งความทุกข์ได้อย่างไร!”
ผู้คนต่างตกตะลึงและไม่อยากจะเชื่อว่าลูกศิษย์หลักสำนักหลิงเป่าคนนั้นจะพ่ายแพ้อย่างง่ายดาย
นักพรตชราที่กำลังบรรยายเต่าก้าวไปข้างหน้าและตรวจดูชีพจรของชายหนุ่มผู้หมดสติ “ไม่มีอันตรายใดๆ เกิดขึ้น”
“นี่เป็นเรื่องบ้าอะไร?” บางคนคิดว่าเป็นพลังของสมบัติลับที่อยู่ในมือของกว๋อเจิน
กว๋อเจินไม่สนใจความโกรธแค้นของทุกคน ภายใต้การกระตุ้นของเย่ฟ่าน เขาก็เดินมาที่บันไดหินและปีนขึ้นไปข้างบนทันที
พลังที่เขาแสดงออกมาในตอนนี้ทำให้สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปเล็กน้อยนั่นก็เพราะในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีเขาก็ปีนขึ้นไปบนบันไดได้ถึงชั้นที่สี่แล้ว
“เกินไปแล้ว เด็กน้อยคนนั้นเป็นเพียงผู้บ่มเพาะอาณาจักรทะเลแห่งความทุกข์ เขากำลังทำให้แท่นเต๋าของบรรพชนแปดเปื้อน?!”
“สองคนนี้ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงจริงๆ พวกเขาคิดหรือว่าสามารถเทียบเคียงผู้มีอำนาจสูงสุดในสมัยโบราณได้?”
หลายคนพยายามยั่วยุให้ผู้อาวุโสของตัวเองจัดการเย่ฟ่านและกว๋อเจิน สาเหตุหลักก็เพราะพวกเขาไม่มีปัญญาจัดการชายหนุ่มทั้งสองคนนี้ได้ด้วยตัวเอง
การเคลื่อนไหวของกว๋อเจินทำให้ผู้คนหวาดกลัวมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะในพริบตาเดียวเขาก็ปีนขึ้นไปบนบันไดชั้นหกแล้ว
“เกิดอะไรขึ้น?!”
บางคนที่กำลังจะพูดประชดประชันก็ต้องปิดปากกลืนน้ำลายทันที สิ่งที่เห็นในตอนนี้มันน่าเหลือเชื่อจริงๆ เพราะการปีนขึ้นไปบนบันไดชั้นหกได้นั้นอย่างน้อยที่สุดก็ต้องอยู่ในอาณาจักรตำหนักเต๋าก่อน
“เป็นเพียงผู้บ่มเพาะที่เพิ่งเปิดทะเลแห่งความทุกข์ได้ เขาจะมีพลังขนาดนี้ได้อย่างไร?!”
ศิษย์หลักที่ตื่นขึ้นมาเห็นเหตุการณ์นี้แทบจะหมดสติไปอีกครั้ง เขาทั้งโกรธและตกใจในสิ่งที่เกิดขึ้น
………………