บทที่24 ทดสอบร่างกาย
“ข้างในดูสวยงามมากเลย” จางหรงพูดออกมาด้วยแววตาเปล่งประกาย
“ใช่!” ลู่หยินเหมยตอบกลับอย่างเห็นด้วย
“แต่กว่าพวกเราจะไปชั้นบนได้คงใช้เวลาอีกนาน” จางหรงถอนหายใจออกมาเล็กน้อยเมื่อจ้องมองไปที่แถวที่ยาวเหยียด
ณ เวลานี้ ในห้องมีปรมาจารย์วิญญาณหลายคนที่รอต่อแถวเพื่อเข้าไปยังชั้นบนจำนวนมาก
“ พวกน้องชายมากันแล้วเหรอ!?”
ทันใดนั้นก็มีเสียงอันไพเราะดังขึ้น เธอแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีแดงและมีรูปลักษณ์ที่งดงามมาก เรือนผมสีแดงและเพลิงดวงตาสีแดงเข้มของเธอราวกับทับทัม ด้วยร่างกายอวบอิ่มทำให้เธอราวกับฟินิกซ์เพลิงที่ร้อนแรงเต็มไปด้วยความยั่วยวน ซึ่งเธอก็คือโม่หยุนหยุนนั้นเอง เธอดูเปลี่ยนไปและงดงามขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก
“สวัสดีค่ะพี่สาวหยุน” ลู่หยินเหมยทักทายโม่หยุนหยุนทันที
“ไม่เจอกันนานเลยนะน้องสาวลู่” โม่หยุนหยุนตอบกลับด้วยรอยยิ้มอันงดงาม
ในช่วงเวลาสี่ปีทีผ่านมาทั้งลู่หยินเหมยและจางหรงต่างก็เข้าร่วมหอคอยวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากตอนแรกลู่หยินเหมยค่อนข้างขาดเงินในการซื้อทรัพยากรการฝึกฝน เธอเลยเข้าหอคอยวิญญาณศักดิ์สิทธิ์
ถึงแม้หลงเทียนจะเต็มใจให้ยืมเงินแต่เธอไม่ต้องการติดหนี้หลงเทียน เขาเลยแนะนำให้เธอพบกับโม่หยุนหยุนเพื่อเข้าหอคอยวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากทุกๆเดือนหอคอยวิญญาณศักดิ์สิทธิ์จะให้เงินแก่พวกตามระดับสมาชิก
โม่หยุนหยุนเองหลังรู้ถึงความสามารถของลู่หยินเหมยก็ไม่ได้ปฎิเสธอะไร แถมยังยินดีอย่างมากอีกต่างหาก
ตอนนี้ทั้งเขา ลู่หยินเหมยและจางหรงต่างเป็นสมาชิกระดับ4ของหอคอยวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ทำให้ได้รับเงิน1000เหรียญทองทุกเดือน อีกอย่างหนึ่งตอนนี้ลู่หยินเหมยเป็นวิศวกรวิญญาณระดับ3ทำให้เธอมีเงินมากพอสมควร
นักวิจัยวิญญาณและวิศวกรวิญญาณถึงจะค่อนข้างคล้ายกันแต่มีความแตกต่างกันอยู่ นักวิจัยวิญญาณนั้นจะมุ่งเน้นไปที่การทำวิจัยและสร้างอุปกรณ์วิญญาณที่อำนวยความสะดวกต่างๆ
ส่วนวิศวกรวิญญาณจะมุ่งเน้นไปที่การสร้างอาวุธสงครามหรือเครื่องมือวิญญาณต่างๆสำหรับใช้ในการต่อสู้ของปรมาจารย์วิญญาณ
ตอนนี้จางหรงเองก็เป็นนักสร้างจิตอสูรระดับ3แล้วเช่นกัน เขาสามารถสร้างจิตอสูรระดับ3ได้ซึ่งทำให้โม่หยุนหยุนประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อรู้ในตอนแรก นักสร้างจิตอสูรระดับ3ในวัยเท่านี้มีน้อยมากดูเหมือนจางหรงจะเป็นอัจฉริยะในด้านนี้
แน่นอนว่านักสร้างจิตอสูรเกือบทั้งหมดนั้นต่างอยู่ภายใต้การดูแลของหอคอยวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ เพราะงั้นจางหรงเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน
“พวกเธอตามฉันมาทางนี้”
โม่หยุนหยุนเดินไปทางพิเศษสีแดงซึ่งสามารถขึ้นไปชั้นบนได้ทันทีโดยไม่ต้องรอ พวกหลงเทียนเองก็เดินตามหลังลู่หยินเหมยไปอย่างรวดเร็วซึ่งทำให้ทุกคนที่ดูอยู่อิจฉา
ในขณะเดินทางโม่หยุนหยุนเองก็แนะนำหอคอยวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเมืองนี้ไปด้วย ถึงหลงเทียนจะเคยมาที่หอคอยวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แล้วเพื่อดูดซับจิตอสูรแต่เป็นอีกหอคอยหนึ่งของเมืองอื่น จากการเฝ้าสังเกตุของเขาดูเหมือนทุกเมืองจะมีความแตกต่างกันอยู่เล็กน้อย
ใช้เวลาไม่นานพวกเขาก็มาถึงห้องๆหนึ่งบนชั้นสาม ที่นี่มีผนังและเพดานสีเงิน สะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อยดูทันสมัย ในห้องเต็มไปด้วยเครื่องมือวิญญาณมากมาย
นอกจากนี้ยังมีคนจำนวนมากที่สวมชุดสีเหลืองยืนอยู่
“สวัสดีครับคุณหนู!”
เมื่อเห็นการมาถึงของโม่หยุนหยุน พวกเขาก็ทักทายด้วยความเคารพทันทีเพราะเธอมีสถานะสูงกว่าพวกเขามาก
โม่หยุนหยุนพยักหน้าเบา ๆ และพูดอย่างใจเย็นว่า
"ผู้จัดการโจว ปล่อยให้พนักงานทั้งหมดออกไปก่อน แล้วทดสอบสภาพร่างกายและความแข็งแกร่งทางจิตของพวกเขา
“ครับ!”
คนที่ถูกเรียกว่าผู้จัดการโจวทำตามคำพูดของโม่หยุนหยุนทันทีและให้พนักงานคนอื่นๆออกไป หลังจากนั้นโม่หยุนหยุนหันหน้าไปทางพวกหลงเทียนและชี้ไปที่เตียงโลหะสีเทา-ขาว
“นี่คือเตียงตรวจสอบสมรรถภาพที่ทันสมัยที่สุดในหอคอยวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเรา ณ ตอนนี้ มันสามารถวัดสมรรถภาพทางกาย ความแข็งแกร่งทางจิต พลังวิญญาณ และคุณลักษณะอื่น ๆ ของพวกเธอได้ …”
โม่หยุนหยุนอธิบายให้พวกหลงเทียนฟัง สาเหตุที่เธอต้องวัดสมรรถภาพของพวกเขาเนื่องจากจะได้รู้ว่าพวกเขาสามารถดูดซับจิตอสูรได้ถึงระดับไหน อีกอย่างหนึ่งเธอเองก็อยากรู้เช่นกันว่าพวกเขาแข็งแกร่งขึ้นขนาดไหนแล้ว
“แล้วพวกเราต้องทำยังไงบ้าง!?” หลงเทียนถามอย่างสงสัย
“พวกเธอแค่ต้องนอนบนเตียงเท่านั้น” ผู้จัดการโจวพูดออกมาด้วยรอยยิ้มที่สุภาพ เขาเห็นทัศนคติที่ดีของโม่หยุนหยุนต่อพวกหลงเทียน ดังนั้นเขาจึงสุภาพตามธรรมชาติ
“งั้นฉันขอไปก่อนคนแรก!” จางหรงพูดออกมาอย่างตื่นเต้น
เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับเตียงนี้มาก่อนมันถูกเรียกว่า เตียงทดสอบสมรรถภาพ มันสามารถวัดสมรรถภาพร่างกายแต่ละคนได้แม่นยำถึง98%
จากนั้นจางหรงก็นอนลนบนเตียงโลหะสีขาวตามคำแนะนำของผู้จัดการโจว จากนั้นผู้จัดการโจวก็ดำเนินการบนหน้าจอข้างๆตัวของเขา เปิดใช้งานเตียงทดสอบสมรรถภาพอย่างเชี่ยวชาญ
ทันใดนั้นมีโล่ใสๆครอบคลุมไปทั่วเตียง แขนขาและคอของจางหรงถูกรัดด้วยโลหะที่โผล่ออกมาจากเตียงและมีหมวกสีเงินปรากฏขึ้นบนหัวของเขา
แม้มันจะทำให้จางหรงรู้สึกอึดอีดเล็กน้อยแต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร ไม่นานก็มีแสงสีเขียวสแกนรอบตัวของจางหรงก่อนที่จะจางหายไปอย่างรวดเร็ว
ผู้อำนวยการโจวมองไปที่หน้าจอสีขาวซึ่งแสดงอายุกระดูก พลังจิต พลังกาย พลังวิญญาณ และข้อมูลอื่น ๆ ของจางหรง
[อายุกระดูก: 14 ปี ]
[พลังวิญญาณ: ระดับ65 ความหนาแน่น 0.05 ]
[พลังกาย: ก่อเกิดวิญญาณระดับกลาง ]
[พลังจิต: 700คะแนน หลอมรวมจิตระดับต่ำ ]
พวกหลงเทียนอ่านข้อมูลที่ปรากฎอยู่บนหน้าจออย่างรวดเร็ว หลงเทียนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเพราะข้อมูลที่ปรากฎนั้นแม่นยำมาก ในฐานะเพื่อนเขารู้จักความสามารถของจางหรงเป็นอย่างดีซึ่งมันค่อนข้างตรงกับข้อมูลที่เครื่องตรวจสอบ
“ร่างกายของนายแข็งแกร่งกว่าคนในระดับเดียวกัน ตอนนี้นายสามารถดูดซับจิตอสูรระดับ3ขั้นกลางได้” โม่หยุนหยุนพูดกับจางหรงที่นอนอยู่บนเตียงซึ่งเครื่องมือต่างๆถูกถอดออกไปแล้ว
“ จิตอสูรระดับ3ขั้นกลาง!? นั้นค่อนข้างดี” จางหรงพูดออกมาด้วยรอยยิ้มที่พึงพอใจ สำหรับเขามันดีกว่าคนปกติมากแล้ว
“ต่อไปเป็นฉันละกัน!” ลู่หยินเหมยพูดออกมา แววตาที่เย็นชาของเธอเปล่งประกายความอยากรู้และความตื่นเต้นเล็กน้อย
ลู่หยินเหมยเดินเข้าไปและนอนบนเตียงทดสอบสมรรถภาพ กระบวนการต่างๆเหมือนจางหรงทุกอย่าง ไม่นานข้อมูลความสามารถของเธอก็เผยออกมาบนหน้าจอ
[อายุกระดูก: 14 ปี ]
[พลังวิญญาณ: ระดับ73 ความหนาแน่น 0.20 ]
[พลังกาย: ก่อเกิดวิญญาณระดับสูงสุด ]
[พลังจิต: 1100คะแนน หลอมรวมจิตระดับสูง ]
ผู้จัดการโจวตาเบิกกว้างด้วยความตกตะลึงเล็กน้อย ความสามารถของเธอนำคนในระดับกันไปไกลมากชั่งเป็นอัจฉริยะตัวน้อยจริงๆ
โม่หยุนหยุนเองก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเช่นกัน เธอรู้ว่าลู่หยินเหมยเป็นอัจฉริยะที่มีความสามารถมาก แต่เธอไม่นึกว่าจะขนาดนี้ ลู่หยินเหมยมีความสามารถเท่ากับเธอหรือดีกว่าเธอเล็กน้อยในวัยเดียวกัน
หลงเทียนที่เห็นก็ไม่ได้แปลกใจอะไรเพราะเขารู้ความแข็งแกร่งของลู่หยินเหมยดี ทั้งสองฝึกซ้อมสู้กันมาจำนวนนับไม่ถ้วน เขาคิดว่าหากเธอได้รับทรัพยากรการฝึกฝนที่ดีกว่านี้ในวัยเด็ก พลังกายของเธอคงเทียบได้กับจ้าววิญญาณไปแล้ว
“จากข้อมูลเธอสามารถดูดซับจิตอสูรระดับ3ขั้นสูงสุดได้อย่างราบรื่นแน่นอน แต่ฉันคิดว่าเธอน่าจะมีโอกาสดูดซับจิตอสูรระดับ4ได้ ถึงแม้จะมีความเสี่ยงและความทุกข์ทรมาณเล็กน้อยก็ตาม” โมหยุนหยุนพูดออกมาอย่างครุ่นคิด
การที่ปรมาจารย์วิญญาณแต่ละคนจะสามารถดูดซับจิตอสูรได้ระดับไหนนั้นขึ้นอยู่กับร่างกายและพลังจิต ต่อให้มีระดับพลังวิญญาณที่สูงแต่ร่างกายและพลังจิตอ่อนแอก็ไม่สามารถดูดซับจิตอสูรระดับสูงได้
ด้วยความที่ร่างกายของลู่หยินเหมยมาถึงก่อเกิดวิญญาณระดับสูงสุดทำให้เธอดูดซับจิตอสูรระดับ3ได้อย่างราบรื่นแน่นอน แต่พลังจิตของเธอไปไกลกว่าระดับก่อเกิดวิญญาณแล้วทำให้เธอมีโอกาสสามารถดูดซับจิตอสูรระดับ4ได้ แม้จะทรมาณจากการดูดซับเล็กน้อยก็ตาม
แน่นอนว่าเมื่อลู่หยินเหมยได้ยินดังนั้นจึงตัดสินใจที่จะดูดซับจิตอสูรระดับ4ทันที ถึงแม้มันจะทรมาณเล็กน้อยแต่เธอก็ไม่สนใจอะไร เธอมีเป้าหมายและความแค้นที่ต้องสะสรางอยู่ สำหรับเธอเรื่องแค่นี้เป็นเรื่องเล็กน้อย
ต่อไปถึงคราวของหลงเทียน โม่หยุนหยุนและลู่หยินเหมยจ้องมองด้วยความอยากรู้และความคาดหวัง โม่หยุนหยุนเคยมีครั้งหนึ่งที่ประลองกับหลงเทียนซึ่งทำให้ตกใจกับการพัฒนาการและความแข็งแกร่งของหลงเทียน
เธอคิดว่าบางทีหลงเทียนอาจจะได้รับโอกาสครั้งใหญ่แต่เธอก็ไม่ได้สอบถามอะไรเพราะมันเป็นความลับของแต่ละคน เธออยากรู้ว่าน้องชายคนนี้ไปไกลแค่ไหนแล้ว
ลู่หยินเหมยเองก็อยากรู้เช่นกัน หลังจากสู้กันมาหลายครั้งเธอรู้ว่าร่างกายของหลงเทียนแข็งแกร่งกว่าคนระดับเดียวกันไปไกลมากทำให้เธอสงสัยว่าหลงเทียนฝึกฝนยังไง จนเธอได้เห็นการฝึกฝนสุดบ้าคลั่งของหลงเทียนกับตา
ทันทีที่ได้เห็นทำให้เธอรู้สึกว่าหลงเทียนเป็นคนซาดิสท์ที่บ้าคลั่งกับการฝึกฝนมากและไม่แปลกใจเลยที่ร่างกายของเขาแข็งแกร่งขนาดนี้ สำหรับเธอมันเป็นการทรมาณร่างกายตัวเองมากกว่าการฝึกฝน
บางทีถ้าหลงเทียนได้ยินความคิดของลู่หยินเหมย เขาคงกรีดร้องด้วยความร่ำไห้อยู่ในใจ ฉันไม่ได้ต้องการทรมาณตัวเอง! แต่ระบบสั่งให้ฉันทำต่างหาก!?
หลงเทียนนอนบนเตียงทดสอบสมรรถภาพ ไม่นานข้อมูลของเขาก็ปรากฎออกมาบนหน้าจอ
“…………”