บทที่ 41: บาปทั้งเจ็ดประการ คนเดียวไม่ไหวก็ไปเป็นทีม!
บทที่ 41: บาปทั้งเจ็ดประการ คนเดียวไม่ไหวก็ไปเป็นทีม!
การระเบิดของแสงและความร้อนแผ่ไปทั่ว
ผู้พิทักษ์น้ำแข็งที่อยู่ในรัศมีการระเบิดถูกกวาดหายลับไปไม่เหลือร่องรอย
ในเวลาเดียวกัน
[ มานาเพิ่มขึ้น 0.002 ]
[ มานาเพิ่มขึ้น 0.003]
[ ความต้านทานความเย็นเพิ่มขึ้น 0.001 ]
...
[ เลเวลสกิลดูดซับมอนสเตอร์เพิ่มขึ้น ]
[ สกิลระเบิดมานาได้สร้างขึ้น ]
ค่าสถานะของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
เขาประสบความสำเร็จในการสร้าง 'ระเบิดพลีชีพ' โดยการเปลี่ยนจากผลข้างเคียงจากยากระตุ้นมานาของคิมอูฮยอนให้กลายมาเป็นสกิล
นี่เป็นครั้งแรกที่ซังวูสร้างและเรียนรู้สกิลด้วยตัวเขาเอง
' ทฤษฎีนี้เป็นเรื่องจริง ถ้าอย่างนั้น ถ้าเพียงแต่ฉันสามารถเข้าใจการเคลื่อนไหวของมานาในการใช้สกิลพื้นที่มิติย่อยได้ล่ะก็...!'
เขาจะสามารถเรียนรู้สกิลพื้นที่มิติย่อยได้
แน่นอนว่าปัญหาคือเขาไม่สามารถมองเห็นหรือสัมผัสการเคลื่อนไหวของมานาของคู่ต่อสู้ได้ ด้วยเหตุนี้เอง มันจึงแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะสามารถเข้าใจมันได้
ยิ่งไปกว่านั้น กลไกการขับเคลื่อนมานาของสกิลพื้นที่มิติย่อยเองก็มีความซับซ้อนเกินกว่าจะจินตนาการได้
' มันอาจจะไม่ง่ายดายนัก แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นไปไม่ได้ด้วยเช่นกัน'
ซังวูต้องการสกิลพื้นที่มิติย่อย ดังนั้นเขาจึงปักหลักอยู่ในพอร์ทัลวัลฮาล่าโดยเรียกร่างโคลนออกมาทิ้งไว้ที่นั่เผพื่อรอจะสื่อสารกับสมาชิกของทีมจู่โจมที่ 1
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสัญญาก่อนหน้านี้ที่เขาเคยให้ไว้กับพัควอนแท ดังนั้นตัวเขาเองจึงต้องกลับไปมอบข้อมูลเกี่ยวกับผู้รอดชีวิตจากทีมจู่โจมที่ 1 ให้กับทางกิลด์เคนัสรับทราบก่อน
นอกจากนี้ เขาก็ยังมีภารกิจที่ต้องไปทำ
การพิชิตดันเจี้ยนอันเดด!
* * *
ปารีส ฝรั่งเศส
สถานที่แห่งนี้ครั้งหนึ่งเคยเต็มไปด้วยความรุ่งเรืองของอารยธรรมมนุษย์และร่องรอยของประวัติศาสตร์
ชู่ว-
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน มอนสเตอร์อันเดดเช่นซอมบี้และสเกเลตันก็ได้ตระเวนไปทั่วเมืองที่ล่มสลาย
ปารีสกลายเป็นสวรรค์ของเหล่ามอนสเตอร์อันเดดได้อย่างไร?
นี่เป็นเพราะ 'สุสาน' ที่อยู่ใต้ดิน
สุสานใต้ดินนี้เป็นสุสานใต้ดินที่ชาวคริสเโบราณใช้ซ่อนตัวเพื่อหลบหนีจากการรุกรานของจักรวรรดิโรมัน
มันเป็นสถานที่คล้ายกับเขาวงกตที่มีทางเดินใต้ดินแคบๆ เชื่อมต่อกันด้วยวิธีแปลกๆ และในบรรดาสุสานเหล่านั้น สุสานใต้ดินที่ตั้งอยู่ในปารีสก็มีชื่อเสียงมากที่สุด
เนื่องจากมันมีขนาดมหึมาและเกือบจะมีขนาดเท่ากับโซลถึงแทกู ดังนั้นมันจึงมีศพฝังอยู่ 5 ถึง 6 ล้านศพในระยะทาง 300 กม. นี้
มันเป็นสถานที่ที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นเขาวงกตอย่างแท้จริง และในอดีต มันก็ได้รับการสถาปนาให้เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของฝรั่งเศส
อย่างไรก็ตาม จู่ๆ สถานที่แห่งนั้นก็ถูกปิดและสั่งห้ามไม่ให้บุคคลทั่วไปเข้า
ไม่นานจากนั้น มันก็ถูกจัดว่าเป็นพื้นที่อันตรายเพราะมันได้กลายมาเป็นถ้ำแห่งความชั่วร้ายที่มีมอนสเตอร์อันเดดหลั่งไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง
เมื่อคุณเดินผ่านเข้าประตูพอร์ทัลไป คุณก็จะพบกับบรรยากาศที่มืดมนราวกับว่าคุณได้หลุดเข้าสู่นรก และมอนสเตอร์อันเดดต่างๆ ก็จะหลั่งไหลออกมาจากทางเดินแห่งความมืด
มันเป็นสภาพแวดล้อมที่ชวนให้รู้สึกเหมือนกับกำลังดูหนังผี
ทางเดินนั้นเก่าและแคบ ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากสำหรับฮันเตอร์ที่จะใช้สกิลประเภทระเบิดหรือระยะไกลเนื่องจากมันมีความเสี่ยงที่จะทำให้โถงทางเดินนั้นพังทลายลง
นอกจากนี้ มันก็ยังเป็นหนึ่งในดันเจี้ยนที่ยากที่สุดเพราะมอนสเตอร์อันเดดเหล่านี้มีพลังชีวิตแข็งแกร่งและพวกมันก็มีกันเยอะมาก
ด้วยเหตุผลดังกล่าว มันจึงเป็นดันเจี้ยนที่มีความยากสูงที่คนธรรมดาหรือฮันเตอร์มือใหม่ไม่ควรเข้าไป แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ยังเป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมในหมู่ฮันเตอร์ที่มีฝีมือ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่มั่นใจว่าพวกเขาจะไม่หลงทางอยู่ภายในนั้น
ในขณะนี้ กิลด์นโปเลียนในฝรั่งเศสก็ได้ทำการสำรวจสุสานใต้ดินนี้มาประมาณหนึ่งเดือนแล้ว
“หัวหน้าครับ ดูเหมือนว่าบริเวณนี้จะไม่มีอะไรอยู่เลยนะครับ”
“ดูเหมือนเราจะเสียเวลาเปล่าแล้ว เรากลับกันเลยดีไหม?”
“...บ้าเอ้ย!”
ฟรองซัว ชาโตบรียองด์ เขาคือหัวหน้ากิลด์นโปเลียนและฮันเตอร์แรงค์ A
คิ้วของชายวัยกลางคนในวัย 40 ปีขมวดเข้าหากัน
' นี่มันมีคนแกล้งกันชัดๆ'
ในความเป็นจริง มันก็มีเหตุผลว่าทำไมเขาถึงได้มาทนทุกข์ทรมานอยู่ในสุสานใต้ดินที่มืดมน ชื้นและเหม็นเน่าแห่งนี้
นี่เป็นเพราะวันหนึ่ง พัสดุลึกลับได้ปรากฎขึ้นอยู่บนโต๊ะทำงานของเขา
แม้ว่าจะไม่มีสัญญาณของการบุกรุกในสำนักงานกิลด์ แต่พัสดุก็ได้ถูกทิ้งไว้ที่นั่น
ราวกับว่ามันอยู่ที่นั่นมาโดยตลอด
อย่างไรก็ตาม แทนที่จะโกรธที่มีคนบุกรุกเข้ามา ฟรองซัวกลับรู้สึกประหลาดใจแทน
───────────────
เรียน คุณฟรองซัว ชาโตบรียองด์ กิลด์นโปเลียน
สวัสดี คุณชาโตบรียองด์
ผมชื่นชมคุณมาโดยคลอด ฮันเตอร์ผู้ภาคภูมิใจแห่งฝรั่งเศส
ด้วยเหตุนี้เอง ผมจึงอยากจะแบ่งปันความลับอันยิ่งใหญ่ที่ผมค้นพบมาให้กับคุณ
หลังจากภัยพิบัติอุบัติขึ้น สิ่งมีชีวิตในตำนานและสัตว์ในเทพนิยายที่เราเคยรู้จักกันแค่ในเรื่องเล่าก็ได้เริ่มปรากฏออกมาจากในพอร์ทัล
ด้วยเหตุนี้เอง ฮันเตอร์จำนวนมากจึงเดินทางท่องโลกเพื่อสำรวจพอร์ทัลด้วยความอยากรู้อยากเห็น
แต่ผมไม่ใช่หนึ่งในคนเหล่านั้น
ก่อนเหตุการณ์เหล่านี้จะอุบัติขึ้น ผมเป็นผู้ที่สนใจตำนานและเรื่องราวอันมหัศจรรย์เหล่านี้อยู่ก่อนแล้ว
ดังนั้นผมจึงรวบรวมข้อมูลมาได้มากมาย...
และในขณะที่ผมติดตามร่องรอยเหล่านั้นไป ผมก็ได้รับเบาะแสเกี่ยวกับ ‘กลัทโทนี่’ ซึ่งเป็นหนึ่งในบาปทั้งเจ็ดประการ
ผมมั่นใจว่าบาปแห่งความตะกละอยู่ภายในสุสานใต้ดินในปารีส ประเทศฝรั่งเศส
โปรดตรวจสอบหลักฐานที่แนบมาด้วย
คุณมีอิสระที่จะเชื่อหรือไม่ก็ได้ แต่ถ้าคุณฉลาด คุณก็ควรจะรู้ว่าหลักฐานนี้ไม่ได้เป็นของปลอม
ผมหวังว่าจดหมายฉบับนี้จะช่วยเหลือคุณได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
พระเจ้าอวยพรฝรั่งเศส กิลด์นโปเลียนและคุณ
-เจ-
───────────────
พัสดุบรรจุเอกสารที่มีเบาะแสทางโบราณคดีและหลักฐานว่า 'บาปแห่งความตะกละ' กำลังหลับอยู่ในสุสานใต้ดินแห่งปารีส
บาปทั้งเจ็ดประการ!
สิ่งเหล่านี้คือบาปมหันต์เจ็ดประการในศาสนาคริสต์และที่มาของบาป
บาปทั้ง 7 ประการเป็นตัวแทนของความจองหอง ความอิจฉา ความโกรธ ความเกียจคร้าน ความโลภ ความตะกละและตัณหา ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ก่อให้เกิดบาปทั้งสิ้น
มันคือบาปเจ็ดประการที่เป็นต้นตอความรู้สึกด้านลบ ทั้งตั้งแต่ชื่อไปจนถึงความหมายของมัน
อย่างไรก็ตาม ดวงตาของชาโตบรียองด์ก็สว่างขึ้น
' ถ้านี่เป็นเรื่องจริงล่ะก็...'
พลังดังกล่าวเป็นสิ่งที่มนุษย์มิอาจจะจินตนาการได้
มันจะเป็นอย่างไรหากคุณได้รับพลังแห่งความตะกละ?
' ถ้าฉันได้รับพลังนั้นมา ฉันก็อาจจะมีความสามารถในการกลืนกินทุกอย่างและนำพลังเหล่านั้นมาเป็นของตัวฉันเอง'
ในกรณีนี้ การกลายเป็นฮันเตอร์แรงค์ S ก็จะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป
นี่เป็นสาเหตุที่ชาโตบรียองด์ไม่สามารถยอมถอนตัวจากสุสานใต้ดินได้
แม้ว่าเขาจะเต็มไปด้วยความหงุดหงิดเนื่องจากไม่เห็นแสงสว่างใดๆ แต่ชาโตบรียองด์ก็ยังรวบรวมพลังใจและฮึดสู้ต่อไป
“ทุกคน มีความเป็นไปได้สูงที่เราจะเข้าใกล้มันแล้ว โปรดอดทนแล้วสู้ต่อไป”
“...เข้าใจแล้วครับ”
สมาชิกกิลด์พูดอย่างช่วยไม่ได้
พวกเขาดูเหมือนจะเหนื่อยกับมันแล้ว
ชาโตบรียองด์ทำงานอย่างหนักเพื่อให้กำลังใจสมาชิกกิลด์
“เรามาทำให้ดีที่สุดกันเถอะ คราวนี้เราจะมุ่งหน้าสู่แซงเดอนีกัน”
“ที่นั่นจะไม่อันตรายไปหน่อยหรอหัวหน้0า?”
“มันอันตรายเมื่อเราอยู่บนพื้นดิน และตอนนี้เราอยู่ใต้ดิน เพราะงั้นไปกันเถอะ”
พื้นที่แซงเดอนีเคยเป็นพื้นที่ที่มีอาชญากรรมรุนแรงครั้งใหญ่เกิดขึ้น
แต่ถึงอย่างนั้น ชาโตบรียองด์ก็กำลังนำสมาชิกกิลด์ของเขาไปยังสถานที่แห่งนั้น
* * *
ณ พื้นที่ใกล้กับปารีส
ซังวูและกลุ่มฮันเตอร์รวมตัวกันอยู่ที่นั่น
อันที่จริง เมื่อเร็วๆ นี้ ซังวูก็ได้ขอให้พัควอนแทช่วยหาดันเจี้ยนอันเดดให้กับเขา
โชคดีที่คังวอนแทรู้จักกับกิลด์กงกูรเยและกิลด์โยโลที่กำลังจะไปออกล่าอยู่ที่ฝรั่งเศษ ดังนั้นเขาจึงติดต่อกับอีกฝ่ายให้กับเขาโดยทันที
และทันทีที่ซังวูเสร็จสิ้นการเดินทางไปยังหอคอยโอดิน เขาก็มุ่งหน้าไปยังกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสโดยทันที
คนอื่นๆ ในกิลด์กงกูรเยมารับเขาเมื่อเขามาถึงฝรั่งเศษ
การพบกันครั้งแรกเป็นไปโดยไม่มีปัญหาใดๆ
ซังวูกล่าวแนะนำตัวอย่างชัดเจนก่อนที่จะออกไปล่าร่วมกับสมาชิกกิลด์คนอื่นๆ
“ยินดีที่ได้รู้จัก ผมชื่อแบชอลมิน”
แบชอลมินเป็นน้องชายของหัวหน้ากิลด์กงกูรเย และเขาก็เป็นฮันเตอร์แรงค์ B
เขามีร่างกายที่ใหญ่โตและมีใบหน้าที่ดูไร้เดียงสา
“สวัสดีครับ ผมเป็นฮันเตอร์แรงค์ C จอง ซังวูครับ”
“ฮ่าฮ่า ผมได้ยินเรื่องคุณจากพี่วอนแทมาเยอะเลย เฮ้ คุณคือเจ้าของสกิลร่างโคลนอันโด่งดังงั้นสินะครับ”
แบชอลมินมองไปที่ร่างโคลนด้วยความประหลาดใจ
ตอนนี้ซังวูคุ้นเคยกับรูปลักษณ์ที่อยากรู้อยากเห็นของผู้คนแล้ว
ซังวูตอบอย่างเป็นกันเองและไม่ได้คิดอะไรมาก
“มันก็เป็นแค่สกิลน่ะครับ”
“เฮ้ มันไม่ใช่แค่สกิลหรอก คุณเป็นถึงอันดับ 1 ของแรงค์ C มันมีข่าวลือมากมายว่าเขาเป็นมือใหม่ที่เพิ่งเป็นฮันเตอร์ได้มานาน และยิ่งไปกว่านั้น เขาก็กำลังจะกลายเป็นฮันเตอร์แรงค์ B ในไม่ช้า คุณอาจจะสามารถกลายเป็นฮันเตอร์แรงค์ S คนแรกของประเทศก็ได้ เพราะฉะนั้นแล้ว ผมขอลายเซ็นของคุณเอาไว้ล่วงหน้าจะได้ไหมครับ? ฮ่าฮ่าฮ่า”
แบชอลมินหัวเราะเบาๆ ในขณะที่เขายิ้มให้กับซังวู
ไม่มีใครเกลียดคำสรรเสริญ
ซังวูเองก็เหมือนกัน ดังนั้นเขาจึงรู้สึกดีและเขินอายจนพูดไม่ออก
‘ ดูจากท่าทีของเขา เขาก็ดูไม่ใช่คนไม่ดีเลย'
เมื่อเห็นดังนี้ ซังวูจึงปฏิบัติต่อแบชอลมินเป็นอย่างดีด้วยเช่นกัน
และในระหว่างที่พวกเขากำลังพูดคุยกัน ใครบางคนจากกิลด์โยโลที่อยู่ข้างๆ พวกเขาก็พูดขึ้น
“เฮ้? แล้วพวกเราล่ะ?”
ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ตรงหน้าซังวู
เธอคือฮันมิโฮ หัวหน้ากิลด์โยโลและเป็นฮันเตอร์แรงค์ A เธอมีโครงร่างเว้าเป็นทรงและผมสีขาวยาวของเธอก็ยาวลงมาพาดไหล่
แม้ว่าเธอจะอายุสามสิบแล้ว แต่เธอก็ยังมีใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์มากซึ่งไม่สมกับอายุของเธอเลย
' เธอบอกว่าเธอติดตามมาด้วยเพื่อรับผิดชอบความปลอดภัยของสมาชิกกิลด์'
แต่หัวหน้ากิลด์สามารถเดินทางไปมาได้อย่างง่ายดายขนาดนี้เลยหรอ?
เว้นแต่จะมีเรื่องใหญ่อะไร ส่วนมากแล้วหัวหน้ากิลด์ก็มักจะไม่ปรากฎตัวออกมาข้างนอก
นอกจากนี้ เธอก็ยังเป็นหัวหน้ากิลด์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 6 ของประเทศอีกด้วย!
ถึงอย่างนั้น ซังวูก็มีเหตุผลในใจของเขาแล้ว
' ถ้าข่าวลือเป็นจริง เธอก็น่าจะตามฉันมาเพราะเธอเบื่อ...'
เมื่อคุณได้ยินชื่อ 'กิลด์โยโล' ครั้งแรก คุณก็จะรู้สึกเหมือนว่ามันถูกสร้างขึ้นมาเล่นๆ
ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ
หัวหน้ากิลด์ ฮัน มิโฮ มีบุคลิกสี่มิติที่เอาแน่เอานอนไม่ได้
หลังจากปลุกพลังและได้สกิลแปลงร่างเป็นจิ้งจอกเก้าหาง เธอก็เปลี่ยนชื่อไปเป็นมิโฮ
“ฉันอยากมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุข!”
กิลด์นี้เกิดมาเพื่อตอบสนองต่อกิเลศของเธอก็เท่านั้น
ซังวูตอบฮันมิโฮโดยนึกถึงข้อมูลที่เขาได้ยินมาจากคังจุนโม
“สวัสดีครับ ผมกำลังจะไปทักทายคุณเลยแต่ผมก็มาสายนิดหน่อย ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมชื่อจอง ซังวู”
ซังวูทักทายเธออย่างเป็นทางการให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อขีดเส้นแบ่งระหว่างเขากับเธอ
อย่างไรก็ตาม ดวงตาของฮันมิโฮก็กวาดไปทั่วร่างของซังวูก่อนที่เธอจะส่งยิ้มให้เขา
“ฮิฮิ~ นายนี่น่ารักจังเลยนะ~”
ฮันมิโฮได้รับการยกย่องว่าเธอเป็นผู้หญิงมีเสน่ห์
ด้วยเหตุนี้เอง การได้รับคำชมจากสาวงามจึงทำให้ซังวูเขินอายเล็กน้อย
“หรอครับ? ผมเนี่ยหรอ? ฮ่าๆ ขอบคุณสำหรับคำชมของคุณนะครับ”
รูปลักษณ์ของเธอสามารถล่อลวงชายหนุ่มได้อย่างง่ายดาย
แต่มันก็ไม่ได้ผลสำหรับซังวู
“ ฮ่าฮ่า... เอาล่ะ เลิกคุยเล่นแล้วไปกันได้แล้ว หัวหน้าทีมแบชอลมิน! เราออกเดินทางกันเถอะ!
ซังวูหันหลังให้เธอแล้วเดินจากไป
ฮันมิโฮตามซังวูไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นฉากนี้ สมาชิกกิลด์โยโล่คนอื่นๆ ที่ตามมาด้วยก็ถอนหายใจ
“โอ้ หัวหน้าเอาอีกแล้ว”
“ก็สมเป็นเธอดี...”
แน่นอนว่ามันมีทั้งสมาชิกกิลด์ที่นินทาลับหลังและปวดหัวกับหัวหน้าของพวกเขา และสมาชิกกิลด์ที่ดูภูมิใจใจตัวหัวหน้าของตน
“ตามที่คาดไว้ สมแล้วที่เป็นหัวหน้า เธอสามารถรักษาภาพลักษณ์หญิงแกร่งเอาไว้ได้โดยสมบูรณ์ ฉันต้องจำสิ่งนี้เอาไว้”
ผู้หญิงคนหนึ่งพึมพำกับตัวเอง เธดอเปิดแป้นพิมพ์โฮโลแกรมพร้อมแว่นตาอัจฉริยะและจดอะไรบางอย่าง
เธอคือคิมซุนอา เทรนเนอร์หญิงที่ยิมแกร่งหน้ามหาวิทยาลัยคยองกุก
ไม่มีคนธรรมดาในกิลด์โยโล่...
* * *
ใจกลางกรุงปารีส
ซอมบี้และสเกเลตันกลุ่มใหญ่รวมตัวกันอยู่ระหว่างอาคารที่พักอาศัยที่พังทลายลงมา
' ไฟ'
ซังวูอัพเลเวลสกิลไฟของเขาจนมาถึงเลเวล 3 แล้วไม่นานหลังจากที่เขาเรียนรู้มัน
จากนั้น เปลวเพลิงขนาดเท่ากำปั้นก็ลุกขึ้นมาจากมือของเขาและร่างโคลนทั้ง 10
เดิมที ถ้าเป็นสกิลไฟเลเวล 3 มันก็จะมีขนาดประมาณไม้ขีดไฟไม่กี่ก้านเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม อาจเป็นเพราะค่ามานา 30 ของซังวู มันจึงมีขนาดใหญ่เท่ากำปั้น
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการควบคุมไฟของเขายังไม่ดีนัก ดังนั้นเขาจึงเผลอทำไฟรนตัวเอง
' อ้า! ร้อน!'
[ ความต้านทานความร้อนเพิ่มขึ้น 0.001 ]
จากนั้นรอยไหม้ก็ค่อยๆ หายเป็นปกติเนื่องจากพลังฟื้นฟู
ซังวูหุ้มอาวุธของเขาด้วยเปลวเพลิงอย่างระมัดระวัง
ในเวลาเดียวกัน ร่างโคลนแต่ละร่างก็ห่อหุ้มอาวุธของตนด้วยเปลวเพลิง
' อืม... ฉันคิดว่าฉันจะสามารถสร้างสกิลเสริมพลังอาวุธได้ แต่มันก็ไม่ได้ผล'
หลังจากได้รับความรู้มาจากที่หอคอยโอดินแล้ว ซังวูก็พยายามผสมสกิลขึ้นเองอย่างเงอะๆ งะๆ
อย่างไรก็ตาม พลังของมันก็ไม่ได้เงอะงะเหมือนท่าทีของเขา
แม้ว่าเปลวเพลิงที่สร้างขึ้นมาโดยสกิลไฟจะมีขนาดเพียงกำปั้น แต่พวกมันก็มีประโยชน์มากในการต่อสู้กับซอมบี้
ตุ้บ!
กระบองขนาดใหญ่ที่ถือโดยหมายเลข 3 ทุบลงบนหัวของซอมบี้
และเนื้อเน่าบนหัวซอมบี้ก็ไหม้ไฟและปล่อยควันฉุนออกมา
ขณะเดียวกัน ซอมบี้อีกตัวก็กระโดดลงมาจากบนกำแพงและพุ่งเข้ามาจากทางด้านหลังของหมายเลข 3
ตู้มม!
ในเวลาเดียวกัน หมายเลข 1 ที่อยู่ถัดจากหมายเลข 3 ก็เหวี่ยงอาวุธและส่งซอมบี้ตัวนั้นขึ้นสวรรค์ไปโดยทันที
[ ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น 0.001 ]
ซอมบี้ตัวระเบิดขณะที่ร่างของมันกระเด็นขึ้นไปกลางอากาศ สิ่งนี้อาจเนื่องมาจากความแตกต่างของความแข็งแกร่ง
ทุกครั้งที่ร่างโคลนเหวี่ยงอาวุธของพวกเขาหนึ่งครั้ง มันก็จะมีซอมบี้ตัวระเบิดเกิดขึ้น
ด้วยเหตุนี้เอง เสียงร่างระเบิดจึงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
[ ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น 0.001]
[ ความว่องไวเพิ่มขึ้น 0.001 ]
...
และแม้ว่าเขาจะถูกซอมบี้กัดเป็นครั้งคราวขณะเดิน แต่ฉันก็ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ เลย
[ พลังฟื้นฟูเพิ่มขึ้น 0.001 ]
[ ความต้านทานพิษเพิ่มขึ้น 0.001 ]
[ ความต้านทานกายภาพเพิ่มขึ้น 0.001 ]
...
ในบางครั้ง มอนสเตอร์ที่ยากต่อการจัดการโดยลำพังก็จะปรากฏขึ้นเช่น นักรบสเกเลตันที่สวมชุดเกราะ
ถึงอย่างนั้น แม้มันจะยากต่อการจัดการโดยลำพัง แต่มันก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับการจัดการโดยหมาหมู่
เพราะงั้น...
บัก! บู้ม! เคร้ง!
ราวกับกำลังตำโมจิ ค้อนและกระบองผลัดกันทุบลงใส่หัวนักรบสเกเลตันอย่างเลือดเย็นไร้เมตตา
[ เลเวลสกิลไฟเพิ่มขึ้น ]
[ เลเวลเสริมแกร่งร่างโคลนเพิ่มขึ้น ]
คนเดียวไม่ไหวก็ไปเป็นทีม!
เว้นเสียแต่มันจะเป็นมอนสเตอร์ระดับบอสที่แข็งแกร่งมากจริงๆ มอนสเตอร์นอกจากนั้นก็จะถูกสยบลงแทบเท้าของเหล่าร่างโคลนจนเกือบหมด
นักรบโครงกระดูกเองก็ไม่ต่างกัน จากรอยแตกบนกระโหลกเริ่มถูกแยกเป็นชิ้นส่วนก่อนจะถูกทุบแหลกจนกลายเป็นผงในไม่ช้า
แต่ถึงอย่างนั้นมอนสเตอร์เหล่านี้ก็มีไม่สิ้นสุด
มันเกือบจะทำให้ซังวูสงสัยว่ามันมีมอนสเตอร์มากมายขนาดไหนที่ซ่อนตัวอยู่ในเมืองนี้
' นี่พวกมันแห่กันมาทั้งเมืองเลยรึยังไงกันนะ?'
แม้ว่าเขาจะเบื่อหน่ายกับฝูงอันเดดที่อัดแน่นอยู่ตามตรอกซอกซอยแล้ว แต่ซังวูก็ยิ้มออกมาได้
นี่เพราะเขามีร่างโคลนนับสิบคอยจัดการ
' ดีดี มันเป็นพื้นที่ล่าที่ป่าโทรลล์ไม่สามารถเทียบกันได้เลย'
ในสายตาของซังวู มอนสเตอร์ทั้งหมดรอบตัวเขาก็ดูเหมือนจะมีความสามารถที่แตกต่างกัน
เนื่องจากสกิลดูดซับมอนสเตอร์ของเขา ยิ่งเขาฆ่าพวกมันได้มากเท่าไร ซังวูก็จะยิ่งเติบโตได้เร็วขึ้นมากเท่านั้น
ขณะเดียวกัน ที่ข้างหลังเขา สมาชิกกิลด์กงกูรเยและสมาชิกกิลด์โยโล่ก็กำลังเฝ้าดูซังวูล่าอย่างเหม่อลอย
“...เขาอยู่แรงค์ C หรอ?”
“เขาโกหกเรารึเปล่า?”
“ฉันว่าแค่ร่างโคลนของเขาเพียงตัวเดียวก็ฆ่าพวกเราทั้งทีมได้แล้วนะ...”
ถ้าพูดกันตามตรง พวกเขาก็อยู่ในสายงานนี้มานานและมีประสบการณ์การล่าที่โชกโชน
แต่ถึงอย่างนั้น พวกเขาก็ไม่สามารถเทียบกับซังวูคนนี้ได้เลย
ซังวูกำลังเก็บกวาดมอนสเตอร์ทุกตัวในทุกพื้นที่ที่เขาเดินผ่าน
พวกเขาทั้งหมดถูกลดหน้าที่ลงจนทำได้เพียงเป็นผู้ชมมากกว่าฮันเตอร์ที่มาล่าด้วยกัน
ในเวลานั้นเอง...
คลื่นนน!
โกเลมยักษ์ที่ก่อตัวขึ้นมาจากซากศพนับไม่ถ้วนปรากฏตัวขึ้นในขณะที่มันทำลายบ้านเรือนโดยรอบจนหมดสิ้น....