ตอนที่ 35 แบ่งปันผลประโยชน์พอควร
กองทัพรถถังนั้นก็ทำให้ฝุ่นควันตลบอบอวลไปทั่วราวกับมังกรเหลืองที่ทะยานไปตามพื้น มันเป็นฉากที่หน้าหวาดกลัวมากจนทำให้ผู้ที่เข้าร่วมสงครามนี้ต่างอึ้งกันเลย
พวกเขานั้นไม่ได้เห็นฉากนี้มานานแล้ว ตั้งแต่ก่อเมืองฐานทัพมา มันไม่ค่อยจะมีสงครามขนาดใหญ่เท่าไหร่นัก นอกจากพวกทหารเก่าๆแล้ว คนส่วนใหญ่นั้นพึ่งจะได้เจออะไรแบบนี้เป็นครั้งแรก
“มีเพียงสงครามเท่านั้นที่น่าดึงดูดใจที่สุด ฉันหวังว่าหนูพวกนั้นจะทำให้ฉันสนุกได้นะ”หวังยี่ก็ยิ้มออกมาอย่างเย็นชา
เขานั้นมั่นใจในปฏิบัติการนี้มาก มันก็แค่คนที่โชคดีได้พบกับฐานทัพทหารเก่า แม้ว่าพวกนั้นจะร่วมมือกับคนอื่น แต่จะเทียบกับขุมกำลังของเมืองฐานทัพได้งั้นหรอ?
“นายน้อยตระกูลฉื่อนี่มันไร้ประโยชน์จริงๆ กะอี่แค่ฐานทัพกระจอกๆก็ยังจัดการไม่ได้ ถึงขั้นต้องบอกให้พ่อตัวเองร่วมมือกับตระกูลอื่น แต่ถ้ามันไม่ใช่แบบนั้น ฉันก็คงไม่ได้มีโอกาสได้ลงมือเป็นแน่”หวังยี่ก็พึมพำกับตัวเอง
เขายืนอยู่บนรถถังแต่ความเร็วในการเคลื่อนที่ของรถถังนั้นกลับไม่มีผลอะไรกับเขา ฝุ่นทรายตรงหน้าเขาก็ถูกแยกออก!!
นี่แหละคือพลังของคนเหนือมนุษย์ระดับห้าดาวที่เชี่ยวชาญในการใช้พลังงานทั้งภายในและภายนอกร่างกาย
ในขณะที่ระดับคนเหนือมนุษย์เพิ่มขึ้น ระยะทางในการปล่อยพลังงานออกจากร่างก็จะเพิ่มขึ้นด้วย กล่าวกันว่าคนเหนือมนุษย์ระดับแปดดาวนั้นสามารถตัดหัวศัตรูที่อยู่ห่างไปหลายพันไมล์ด้วยกระบวนท่าเดียว!!
นี่คือเหตุผลที่สถานะของคนเหนือมนุษย์สูงกว่าคนธรรมดานั่นเอง หากไม่มีคนเหนือมนุษย์ มนุษย์นั้นก็คงไม่สามารถต่อกรกับสัตว์กลายพันธุ์ได้
อาวุธในโลกนี้มีอยู่อย่างจำกัดและใช้ได้กับแค่สัตว์กลายพันธุ์ระดับเจ็ดดาวเท่านั้น หากเป็นสัตว์กลายพันธุ์ระดับแปดดาวก็ไม่ใช้ต่อกรได้แล้ว โชคดีที่ตอนนี้ยังไม่มีสัตว์กลายพันธุ์ระดับเก้าดาวเลย มิฉะนั้นแล้วมนุษย์ก็คงไม่อาจจะต่อกรมันได้แน่
เมื่อกองทัพของเมืองฐานทัพเดินทางออกมา ซูเฉินนั้นก็รู้การเคลื่อนไหวของฝ่ายนั้นในทันที
“ด้วยความเร็วในขณะนี้ พวกนั้นคงจะมาถึงที่นี่ภายในสามชั่วโมง ดูเหมือนว่าฉันต้องเตรียมตัวสักหน่อยแล้ว”
แม้เขานั้นจะรู้ว่าอีกฝ่ายนั้นมีรถถังห้าร้อยคันกับเฮลิคอปเตอร์หนึ่งร้อยลำ ซูเฉินนั้นก็ยังคงใจเย็นอยู่ ถ้าหากเขาไม่มั่นใจ แล้วเขาจะไปกล้าหาเรื่องเมืองฐานทัพได้ไงกัน?
เวลาสามชั่วโมงก็ผ่านไปไวราวกับโกหก และกองทัพของเมืองฐานทัพนั้นก็ค่อยๆเข้ามาใกล้ยังตำแหน่งที่พวกเขาได้รับมาจากตระกูลฉื่อ
“ผู้บัญชาการครับ โปรดสั่งการด้วย”ทหารรายหนึ่งก็มองหวังยี่ด้วยความเคารพ ในฐานะผู้บัญชาการ เขานั้นไม่ได้ออกไปประจัญในแนวหน้า ที่เขาทำเมื่อครู่มันก็แค่อวดเบ่งเฉยๆ
ตอนนี้ หวังยี่กำลังนั่งเฮลิคอปเตอร์พร้อมกับสั่งการและเฝ้ามองดูจากด้านบน เขานั้นมองเห็นอะไรหลายอย่างเลย
ในระดับความสูงที่เขาอยู่ในตอนนี้ เขาก็พอจะมองเห็นสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ที่อยู่ระยะไกลได้ สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจมากที่สุดคือดุเหมือนว่าอีกฝั่งจะไม่รู้สถานการณ์ของตัวเองเลย
“นี่มันมันแผนการของฝ่ายนั้นหรือพวกมันแค่เมินพวกเรากัน?”หวังยี่นั้นก็ลูบคางด้วยความสงสัย
ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นแบบนั้น หากพวกเขาล่าถอยก่อน พวกเขาก็คงจะตกเป็นที่หัวเราะแน่
หวังยี่ก็โบกมือ “ให้รถถังสิบคันทำหน้าที่แนวหน้าทดสอบความแข็งแกร่งของศัตรูหน่อยสิ”
รถถังสิบคันนั้นมีพลังเพียงพอจะถล่มสถานที่รวมตัวได้อย่างง่ายดาย การใช้รถถังสิบคันมาเป็นแนวหน้านี่ค่อนข้างเป็นอะไรที่เสียของมาก
ทันใดนั้นรถทั้งสิบคันก็เลื่อนออกจากทีมแล้วขึ้นไปด้านหน้า
บู้มมม!!
ก่อนที่รถถังทั้งสิบจะได้แล่นไปมากกว่าหนึ่งร้อยเมตร ทันใดนั้นก็ได้มีกระสนุปืนใหญ่ลงมาจากฟ้าและพุ่งใส่รถถังแบล็คไลอ้อนซึ่งทำให้เกิดเสียงดังสนั่นจนบาดแก้วหู
แม้ว่ารถถังจะติดฉนวนกันเสียง แต่แรงสั่นสะเทือนจากกระสุนปืนใหญ่นั้นก็ยังทำให้คนขับและผู้ช่วยเกือบหมดสติกันไป
“เวรเอ้ย โจมตีสวนเร็ว!!”
คนเหล่านี้นับได้ว่าเป็นหัวกะทิ จากการวิถีของกระสุนปืนใหญ่เมื่อครู่ พวกเขาจึงสามารถคำนวณตำแหน่งของศัตรูได้อย่างทันควันและยิงโต้กลับในทันที
ปั้ง ปั้ง ปั้ง….
กระสุนปืนใหญ่สิบลูกก็พุ่งออกจากกระบอกปืนใหย่ด้วยความเร็วสูงและหล่นลงไกลออกไปซึ่งทำให้เกิดเสียงดังก้องขึ้นมา
“สำเร็จใหม?”คนบางส่วนก็กระซิบถาม
ในวินาทีต่อมา กระสุนปืนใหญ่นับไม่ถ้วนก็หล่นลงมาจากท้องฟ้าราวกับห่าฝนซึ่งมันปกคลุมรถถังทั้งสิบคัน
บู้ม บู้ม บู้ม!!
เสียงระเบิดก็ได้เกิดขึ้นนับไม่ถ้วน ฉากอันน่าหวาดหวั่นนี้ทำให้หวังยี่รู้สึกมึนงงไปหมดแต่แล้วเขาก็ตอบสนองได้อย่างทันท่วงที นี่คือการโจมตีของอีกฝ่าย
“โต้กลับด่วน เฮลิคอปเตอร์ออกไปจัดการปืนใหญ่ป้องกันเมืองของศัตรูซะ!!”
จากการโจมตีของอีกฝ่าย หวังยี่นั้นสามารถบอกได้ว่าอีกฝ่ายนั้นใช้ปืนใหญ่ป้องกันเมือง ถ้าหากมันเป็นรถถังหลัก(Main Battle Tank)หล่ะก็ ป่านนี้กระสุนปืนใหญ่คงทะลุตัวรถถังแบล็คไลอ้อนไปแล้ว มีเพียงแค่ลูกกระสุนปืนใหญ่จากปืนใหญ่ป้องกันเมืองเท่านั้นที่ไม่สามารถเจาะทะลุเกาะของรถถังแบล็คไลอ้อนได้
หวังยี่ก็สับสน นี่อีกฝั่งมันไปเอาปืนใหญ่ป้องกันเมืองมากมายแบบนี้มาจากใหนกัน? เขานั้นก็คำนวณคร่าวๆและพบว่ามันน่าจะมีอย่างต่ำไม่น้อยกว่าสิบกระบอก นี่มันน่าเหลือเชื่อเลย
“มันจะต้องเป็นของที่ถูกทิ้งไว้โดยฐานทัพทหารแน่ ดูเหมือนว่าฐานทัพทหารอันนี้จะไม่ใช่สถานที่ที่ถูกทิ้งร้างมานานนัก นี่มันถึงขั้นมีปืนใหญ่ป้องกันเมืองที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อสิบปีก่อนด้วย”หวังยี่ก็คิดหาเหตุผล
ไม่มีใครเชื่อหรอกว่าปืนใหญ่ป้องกันเมืองพวกนี้โผลขึ้นมาจากอากาศแต่สำหรับซูเฉิน เจ้านี่หน่ะโผล่ขึ้นมาจากอากาศ และมากสุดมันก็ต้องใช้พลังงานในการก่อสร้าง
ไม่เพียงจะมีแค่ปืนใหญ่ป้องกันเมืองเท่านั้นแต่ยังมีบังเกอร์ปืนกลหนักจำนวนมากอยู่ตามทางที่รถถังผ่าน
บังเกอร์นั้นทำหน้าที่หลายอย่างและสามารถใช้วิธีในการตั้งรับได้หลายแบบขึ้นกับศัตรูที่เผชิญหน้า
เมื่อเผชิญหน้ากับรถถัง อาวุธปืนธรรมดาจึงใช้ไม่ได้ผล พวกเขาจึงหันมาใช้เครื่องยิงจรวดกับเครื่องพ่นไฟแทน!!
ในทันที สถานที่แห่งนี้ก็กลายเป็นทะเลเพลิง บังเกอร์หลายแห่งก็เอาเครื่องพ่นไฟออกมาใช้กัน ซึ่งฉากตรงหน้านั้นทำให้คนหลายคนคิดว่าที่นี่กลายเป็นทะเลเพลิงเสียแล้ว
ในเกมส์ เครื่องพ่นไฟนั้นมีผลต่อการจัดการรถถังมาก แม้ว่าจะเป็นในโลกจริง มันก็ยังใช้งานได้ผลดีอยู่
เครื่องพ่นไฟนั้นสามารถละลายเกราะของรถถังได้ภายในเวลาห้าวินาทีเลย!!
ในตอนแรก ไม่มีใครสังเกตเห็นหรอก พวกเขานั้นอยากจะใช้เกราะของรถถังแบล็คไลอ้อนในการเปิดทางผ่านแต่ทันใดนั้นพวกเขาก็พบว่ารถถังของพวกเขานั้นหยุดการเคลื่อนไหววะงั้น
“เกิดอะไรขึ้นกัน?”คนขับถาม
“รถถัง…รถถังกำลังละลาย!!”เสียงของผู้ช่วยคนขับก็สั่นเทา
คนขับนั้นก็เกือบจะยกมือฟาดผู้ช่วยแล้ว ไอ้ที่ละลายหมายึวามว่าไงนะ? นี่มันรถถังแบล็คไลอ้อนเลยนะโว้ย มันจะไปละ…เชี่ยแล้ว!!
คนขับที่พึ่งคิดได้นั้นจู่ๆก็มองเห็นรูตรงหน้าของเขา แล้วจากนั้นวิสัยทัศน์ของเขาก็เต็มไปเปลวเพลิงที่แผดเผาไม้สิ้นก่อนที่โลกทั้งใบจะมืดลง
“ทุกคนถอยมา เว้นระยะให้คันหน้าด้วย ไฟพวกนี้มันไม่ปกติแล้ว!!”ดวงตาของหวังยี่ก็หรี่ลงพร้อมกับสั่งการในทันที
รถถังที่อยู่ด้านหลังก็รีบถอยอย่างรวดเร็วพร้อมกับเว้นระยะให้รถถังแนวหน้าแต่ปืนใหญ่ป้องกันเมืองก็ยังคงโปรยกระสุนปืนใหญ่ใส่พวกเขาไม่จบสิ้น พอเห็นฉากนี้ หวังยี่ก็อยากจะก่นด่า ไอ้กระสุนพวกนี้มันไม่เสียดายเลยหรอ?
จากนั้นเขาก็คิดว่ากระสุนพวกนี้คงจะมาจากฐานทัพทหารแน่ คงเป็นของฟรี ซึ่งมันทำให้เขาพูดไม่ออก
ในสถานการณ์สำคัญแบบนี้ ใครกันหล่ะจะมาห่วงกระสุนปืนใหญ่? อีกฝั่งคงอยากจะไล่พวกเขาอยู่แล้วหล่ะมั้ง?