CD บทที่ 453 คดีลักพาตัวแบบไม่มีเหตุผล
"อะไรนะ!?" ในห้องแผนกสืบสวน เหมาเว่ยหันมาถามด้วยความตกใจ "ผู้การหลันต้องการให้แผนกสืบสวนหรงหยางรับผิดชอบคดีนี้เหรอ!? แต่ว่า… มันอยู่นอกเขตอำนาจของเราไม่ใช่เหรอ?”
“ใช่ค่ะ มันอยู่นอกเขตอำนาจของเรา” หลี่เบ่ยหนีกล่าว “แต่หัวหน้าทีมเหมาคะ ตอนนี้สถานการณ์ภายในสถานีโม่หยางไม่ค่อยจะสู้ดี ด้วยอะไรหลาย ๆ อย่างต้องใช้เวลา คุณก็รู้เรื่องนั้นดี หรือว่า… หัวหน้าทีมเหมาอยากให้พวกเขาดูแลคดีนี้ในตอนนี้เหรอคะ?”
“เรื่องนั้นฉันเข้าใจดี มันเป็นเกี่ยวข้องกับความเป็นและความตายของตัวประกัน ดังนั้น… ความรับผิดชอบจึงมหาศาล!” เหมาเว่ยกล่าวอย่างกังวลใจ “ยิ่งกว่านั้น ผู้ลักพาตัวยังเป็นนักโทษแหกคุกอีกด้วย มันซับซ้อนเกินไป!”
“เราถึงต้องจัดการกับคดีนี้ไงคะ แม้ว่ามันจะยุ่งยากก็ตามค่ะ!” หลี่เบ่ยหนีกล่าวอีกครั้ง “ผู้การหลันบอกว่าคุณเคยจัดการกับคดีลักพาตัวมาหลายครั้งแล้ว ด้วยประสบการณ์ของคุณ คุณต้องทำหน้าที่เป็นผู้กองในการออกคำสั่งทั้งหมดค่ะ!”
“ก็ได้ ๆ!” เหมาเว่ยยืนหยัดและพูดว่า “ในฐานะที่ทางเบื้อนบนไว้วางใจพวกเรา เราจะต้องทุ่มเททุกอย่างที่มี! จ้าว…” เขาหันกลับมาแล้วพูดกับจ้าวหยู่ว่า “คราวนี้เราสองคนต้องร่วมมือกันและพยายามช่วยชีวิตตัวประกัน!”
“อืม… ตกลง!” จ้าวหยู่พยักหน้าเห็นด้วย
อันที่จริง ตัวเขาไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับคดีลักพาตัวเลย ดังนั้นเขาจึงไม่คัดค้านการตัดสินใจจากทางเบื้องบน เหมาเว่ยมีประสบการณ์มากที่สุด ดังนั้นจึงไม่มีใครเหมาะสมไปกว่าเขาแล้ว
หลังจากได้รับภารกิจแล้ว เหล่านักสืบไม่มีเวลาแม้แต่จะรับประทานอาหารกลางวัน พวกเขาได้เปิดการประชุมฉุกเฉินกับแผนกสืบสวนทั้งหมดในเวลาต่อมา
ในระหว่างการประชุม เหล่านักสืบได้สรุปมาตรการตอบโต้คดีลักพาตัวด้วยการใช้องค์ความรู้และความเข้าใจร่วมกัน
ประการแรกพวกเขาจัดแจงแยกงานกันทำ เนื่องจากนักสืบจากทีม B มีความยืดหยุ่นมากกว่า เหมาเว่ยจึงนำทีม B ดำเนินการงานภาคสนามทั้งหมด ในทางกลับกัน จ้าวหยู่เป็นหัวหน้าทีม A โดยได้รับมอบหมายให้ดูแลการสืบสวนและรวบรวมข้อมูล
เนื่องจากสถานการณ์คดีลักพาตัวครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งไหน ๆ ทางแผนกสืบสวนคดีสำคัญจึงตัดสินใจว่าจะเก็บเรื่องทั้งหมดไว้เป็นความลับและทำการสอบสวนอย่างลับ ๆ พวกเขาไม่สามารถปล่อยให้ผู้ลักพาตัวรู้ว่าหลันซู่ผิงได้แจ้งเรื่องลักพาตัวกับตำรวจแล้ว
ในทางกลับกัน สำหรับคำขอพิเศษของผู้ลักพาตัว เฟิงกั๋ว ทางแผนกสืบสวนได้ตัดสินใจดำเนินการตามแผนของอีกฝ่าย และปฏิบัติต่อหลันซู่ผิงในฐานะฆาตกรตัวจริงในคดีฆาตกรรมเป็นการชั่วคราว เมื่อถึงเวลา ทางสถานีตำรวจจะประกาศข่าวปลอมให้สาธารณชนรับทราบ เพื่อหลอกให้เฟิงกั๋วลดการระวังตัว
จากความตั้งใจของเฟิงกั๋ว เหตุผลที่เขาลักพาตัวลูกสาวของหลันซู่ผิงเป็นเพราะเขาแน่ใจว่าหลันซู่ผิงเป็นฆาตกรที่สังหารหลิวเจียวในอดีต เมื่อเขาพบว่าหลันซู่ผิงเข้ามามอบตัว ความอยุติธรรมที่เขาได้รับ มันก็จะได้รับการแก้ไข เขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะทำร้ายตัวประกัน
อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างไม่สามารถจัดการอย่างเร่งรีบได้ขนาดนั้น หากประกาศเร็วเกินไป มันจะทำให้เฟิงกั๋วสงสัย ทางตำรวจจึงต้องควบคุมและดำเนินการอย่างระมัดระวัง
หลังจบการประชุม เหล่านักสืบก็เริ่มทำงานกันอย่างตึงเครียด แต่เป็นระเบียบ โดยมีจ้าวหยู่ในฐานะหัวหน้าทีม A ที่คอยนำการสืบสวน เขาตรงกลับมาที่ออฟฟิศ และรวบรวมเพื่อนร่วมทีมมาเข้าร่วมการประชุมเพื่อวางแนวทางการทำงาน
“จาง!” จ้าวหยู่ขอให้ใครสักคนดึงไวท์บอร์ดขึ้นมาเพื่อจดข้อมูลทั้งหมด ในขณะที่เขาสั่งจางจิงเฟิงว่า “ตอนนี้ฉันต้องการข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับเฟิงกั๋ว มีเท่าไหร่เอามาให้หมด!”
“ไม่มีปัญหา ฉันจะทำให้มันเสร็จภายในห้านาที!” จางจิงเฟิงตอบรับอย่างรวดเร็ว “คน ๆ นี้ถูกจำคุกมาเป็นสิบปี ดังนั้นการหาข้อมูลของเขาจึงเป็นเรื่องง่ายมาก!”
“งั้นก็เอาข้อมูลของหลันซู่ผิงมาให้ฉันด้วย!” จ้าวหยู่ใช้โอกาสนี้และกล่าว ซึ่งจางจิงเฟิงตอบปากรับคำทันที
“ต้าเฟย เสี่ยวหลิว!” จ้าวหยู่กล่าวต่อ “ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับคดีในตอนนั้น เอาพวกรับเบาะแส หลักฐาน คำให้การของพยาน คำรับสารภาพ และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับคดีมาทั้งหมด ค้นหาพวกมันให้เจอแล้วติดไว้บนไวท์บอร์ด!”
"ได้ครับ!"
"หัวหน้าทีม…." เมื่อฟังคำสั่งของจ้าวหยู่ หลิวเซว่ซานก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “ถึงคดีนี้มันจะซับซ้อน แต่ท้ายที่สุดแล้วมันเป็นคดีลักพาตัว... ฉันว่าเราควรจะ… ตรงไปที่เกิดเหตุเพื่อตรวจสอบดูก่อนไม่ดีกว่าเหรอ?”
“เรื่องนั้นฉันจะมอบหมายให้คุณจัดการ!” จ้าวหยู่บอกกับหลิวเซว่ซานทันที “เนื่องจากคุณมีประสบการณ์ในเรื่องนี้ คุณกับอีกสองสามคนไปด้วยเพื่อค้นหาเบาะแสในที่เกิดเหตุ! แต่จงจำไว้ว่าต้องทำอย่างระวัง และอย่าให้ใครรู้ว่าพวกคุณเป็นตำรวจ! แต่ในมุมมองของฉัน… ฉันรู้สึกว่ามันคงจะยากที่จะหาเบาะแสจากที่เกิดเหตุ!”
"ทำไมล่ะ?" หลิวเซว่ซานรู้สึกประหลาดใจ
“แม้ว่าการแหกคุกจะทำได้เพียงลำพัง แต่การลักพาตัวเด็กไม่สามารถทำได้ด้วยตัวคนเดียวแน่นอน ดังนั้นมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เบาะแสจะมาถึงพวกเรา!” จ้าวหยู่กล่าวว่า “ฉันกล้าเดิมพันเงินเดือนตลอดทั้งปีเลยว่าเฟิงกั๋วมีผู้สมรู้ร่วมคิดในคดีนี้อย่างแน่นอน และมีแนวโน้มว่าจะมีมากกว่าหนึ่งคนด้วย!”
"ผู้สมรู้ร่วมคิด?" จางจิงเฟิงกล่าว “จริงด้วย ไม่อย่างนั้น หลังจากที่เขาแหกคุกออกมา เขาคงจะไม่สามารถลักพาตัวตัวประกันได้สำเร็จอย่างง่ายดายขนาดนี้ นี่คงจะยากเกินไปหากต้องทำคนเดียว!”
“เบ่ยหนี!” จ้าวหยู่หันกลับไปบอกหลี่เบ่ยหนีว่า “ช่วยติดต่อกับทางเรือนจำหยุนโจวที เพื่อดูว่าพวกเขาสามารถบอกเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของเฟิงกั๋วในคุกได้ไหม?”
“คน ๆ นี้อยู่ในคุกมาเป็นสิบปีแล้ว หากเขามีผู้สมรู้ร่วมคิดจริง ๆ คน ๆ นั้นควรจะอยู่ในหมู่เพื่อนในคุกที่เพิ่งได้รับการปล่อยตัว ฉันแน่ใจจะต้องเป็นคนพวกนี้แน่ มิตรภาพที่เกิดขึ้นในคุกนั้นลึกซึ้งยิ่งกว่าสหายธรรมดาเสียอีก!”
“คุณลองตรวจสอบพวกเขาดู และดูว่าใครน่าจะเป็นหนึ่งในผู้ร่วมรู้ร่วมคิดของเฟิงกั๋วมากที่สุด”
"ได้เลยค่ะ!" หลี่เบ่ยหนีพยักหน้าเห็นด้วย
"โอ้ จริงสิ!" จ้าวหยู่รีบเตือนว่า “และทำอย่างลับ ๆ อย่าให้ทางตำรวจหยุนโจวรู้ว่าเฟิงกั๋วอาจมาที่ฉินชาน นั่นจะไม่เป็นผลดีต่อเราในการช่วยตัวประกัน!”
“รับทราบค่ะ!”
“เหลียง!” จางหยู่บอกเหลียงฮวนอีกครั้งว่า “ดูรายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับการแหกคุกของเฟิงกั๋ว มาดูกันว่าไอ้สารเลวคนนี้หนีออกจากคุกได้อย่างไร? นั่นเป็นหัวข้อที่ยากมากอย่างแน่นอน!”
“ฮิฮิฮิ แค่นี้เอง ไม่มีปัญหา!” เหลียงฮวนตอบตกลงทันที
จากนั้น จ้าวหยู่ก็ดีดนิ้ว และทุกคนก็เร่งรีบไปทำงานที่ได้รับมอบหมายทันที
ขณะนั้นเอง ทีม B กำลังสอบปากคำหลันซู่ผิง เพื่อหาค้นหาว่าลูกของเขาถูกลักพาตัวได้อย่างไร เฟิงกั๋วติดต่อกับเขาเพื่อข่มขู่เขาอย่างไร และอื่น ๆ
แม้ว่าข้อมูลบางส่วนยังไม่ได้รับการยืนยัน แต่สำหรับจ้าวหยู่ เขารู้สึกว่าคดีลักพาตัวมีอะไรไม่ชอบมาพากล และมีหลายแง่มุมที่ไม่สมเหตุสมผลเข้ามาเกี่ยวข้องมากมาย!
จากมุมมองของจ้าวหยู่ เฟิงกั๋วเต็มใจที่จะเสี่ยงต่อการถูกจำคุกตลอดชีวิตเพื่อลักพาตัวลูกสาวของหลันซู่ผิง และบังคับให้อีกฝ่ายยอมรับความผิดของเขา สิ่งนี้ในใจของเขามองออกเป็นสองประเด็น
ประการแรก เฟิงกั๋วอาจทำผิดจริง ๆ หากเขาเป็นฆาตกร เขาสามารถรออีกเก้าปีเพื่อกลับสู่ชีวิตปกติได้ แล้วเขาจะออกมาก่อปัญหาอีกทำไม?
ประการที่สอง เฟิงกั๋วค้นพบว่าหลันซู่ผิงเป็นฆาตกรตัวจริง และตัวเองถูกโยนความผิด แต่จากการกระทำและการตอบสนองของหลันซู่ผิง มันดูตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง เขาดูไม่เหมือนฆาตกรตัวจริงเลย!
‘เป็นไปได้ไหมว่า… ทั้งหมดที่หลันซู่ผิงทำเป็นการแสดง เขาจงใจเปิดเผยข้อบกพร่องจนตำรวจคิดว่าเขาไม่เกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมงั้นเหรอ? ถ้าเป็นเช่นนั้น ผู้ชายคนนี้ก็ฉลาดแกมโกงจริง ๆ!’
จ้าวหยู่เม้มริมฝีปากโดยไม่รู้ตัวและคิดว่า
‘คดีนี้น่าสนใจมาก! คดีลักพาตัวที่ดูธรรมดา แต่เกี่ยวข้องกับการแหกคุก และคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นเมื่อสิบปีที่แล้ว!’
‘ถ้าอย่างนั้น… ความจริงเบื้องหลังคดีนี้มันคืออะไรกันแน่!?’