ตอนที่แล้วบทที่ 38 : สกิลประเมิน เล่นยาเกินขนาด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 40 : วิธีสร้างสกิล ระเบิดพลีชีพขั้นร้ายแรง!

บทที่ 39 : ดาวเคราะห์ไทเบิร์น  ผู้รอดชีวิต


บทที่ 39 : ดาวเคราะห์ไทเบิร์น  ผู้รอดชีวิต

ร่างโคลนยังคงสวมเสื้อผ้าอยู่ แต่มันก็มีเพียงกางเกงเท่านั้น...

[ เลเวลสกิลร่างโคลนเพิ่มขึ้น ]

และในขณะที่ร่างโคลนถูกอัญเชิญออกมา เลเวลสกิลร่างโคลนเองก็เพิ่มขึ้นมาควบคู่กัน

“อ้ะ! เลเวลสกิลร่างโคลนฉันเพิ่มขึ้นมาอีกเลเวลหนึ่งแล้ว”

ซังวูโอ้อวดอย่างมีความสุข

อย่างไรก็ตาม คิมอูฮยอนก็ชี้ไปที่ร่างโคตลนและกรีดร้อง

“เฮ้! ใส่เสื้อผ้าของนายด้วยสิ!”

ร่างโคลนของซังวูสวมเพียงกางเกงเท่านั้น มันเผยให้เห็นกล้ามเนื้อส่วนบนที่โป่งออกมา

คิมอูฮยอนรู้สึกเขินอายและทำอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นแบบนั้น

“มันก็แค่เปลือยส่วนบนเอง ไม่เห็นต้องมาเขินอะไรกันเลย”

“ทะลึ่ง!”

“อะไรกัน? หรือว่านายจะหวั่นไหวใจเกเรกับร่างโคลนของฉัน?”

“ฉันไม่ใช่เกย์!”

ทั้งสองคนทะเลาะกัน

ในความเป็นจริง เมื่อร่างโคลนของซังวูมาถึงเลเวล 10 ฟังก์ชั่นใหม่ก็ได้ถูกเพิ่มเข้ามา

───────────────

• [ ร่างโคลน/ประเภทร่าย (Lv.12) ]: ใช้มานาเพื่อเรียกร่างโคลนที่ดูเหมือนคุณทุกประการออกมา จำนวนร่างโคลนที่สามารถอัญเชิญได้เพิ่มขึ้นตามเลเวล

- จำนวนร่างโคลนที่สามารถเรียกได้ในปัจจุบัน: 12

- ระยะเวลาคูลดาวน์: 20 ชั่วโมง 45 นาที

- คัดลอกอุปกรณ์ 1 ชิ้นจากร่างหลัก

───────────────

เขาสามารถคัดลอกอุปกรณ์ได้หนึ่งอย่าง

ซังวูสามารถเลือกอุปกรณ์ที่จะคัดลอกได้

ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงสามารถสร้างเสื้อผ้าขึ้นมาได้

แต่แน่นอน ว่ามันก็สร้างได้เพียงหนึ่งชิ้นเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงเลือดสร้างกางเกง

' มันสะดวกที่สุดสำหรับฉันที่จะอัญเชิญมันออกมาในขณะที่สวมชุดต่อสู้อยู่'

ชุดต่อสู้ที่เชื่อมต่อระหว่างส่วนบนและส่วนล่างถือเป็นอุปกรณ์ชิ้นเดียวและมันก็มักถูกคัดลอกมารวมกัน

แต่กระนั้นอุปกรณ์ที่คัดลอกมานั้นก็ไม่ได้คงอยู่อย่างถาวร และจะหายไปเมื่อร่างโคลนถูกอัญเชิญย้อนกลับ

และเมื่อเลเวลสกิลร่างโคลนเพิ่มขึ้น สิ่งอื่นก็เปลี่ยนไปด้วย

เวลาคูลดาวน์ลดลงเร็วขึ้น

เดิมที เวลาคูลดาวน์สำหรับร่างโคลนได้ลดลงเลเวลละ 15 นาที แต่ในตอนนี้ มันก็ลดลงเลเวลละ 30 นาทีตั้งแต่เลเวล 10 เป็นต้นไป

' ด้วยความเร็วนี้ ในอีกไม่กี่ปี ฉันก็คงจะสามารถเรียกร่างโคลนออกมาได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด...'

ตราบใดที่คุณมีมานา คุณก็จะสามารถสร้างร่างโคลนได้ไม่จำกัด ดังนั้นเขาจึงจะไม่ต้องนำร่างโคลนติดตัวไปไหนมาไหนด้วยเหมือนอย่างในตอนนี้แล้ว

ซังวูทำงานหนักเพื่อให้วันนั้นมาถึงไวขึ้น

“ตอนนี้หมายเลข 3 มาดื่มยาให้เสร็จเร็วๆ ได้แล้ว”

ซังวูป้อนยา(พิษ)เกือบ 400 ขวดให้กับร่างโคลนของเขา

เขาเรียกหมายเลข 3 และหมายเลข 2 ที่ถูกเรียกใหม่แบบย้อนกลับในขณะที่ป้อนยาให้พวกเขาและหยิบยาที่เหลือติดตัวไป

“อูฮยอน แล้วฉันจะมาใหม่นะ”

“รีบออกไปเลย! ถ้าหาวัตถุดิบไม่ได้ก็อย่าเสนอหน้ากลับมาอีกล่ะ!”

หลังจากทักทายคิมอูฮยอนแล้ว พวกเขาก็เดินทางออกจากออฟฟิศ

ตอนนี้ได้เวลาไปพบกับพัควอนแทแล้ว

ซังวูมุ่งหน้าไปยังกิลด์เคนัสพร้อมกับคังจุนโม

อาคารสำนักงานใหญ่ของกิลด์เคนัสเองก็ตั้งอยู่ในกังนัมเช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องเดินไปไหนไกล

เมื่อเขาเข้าไปในสำนักงานใหญ่ เขาก็รู้สึกได้ถึงสิ่งใหม่

“มันดูใหญ่ขึ้นทุกครั้งที่ฉันเห็นมัน มันยังอยู่ในอันดับที่ 3 ของประเทศอยู่รึเปล่าเนี่ย?”

“ฮ่าฮ่า คุณฮันเตอร์ครับ อีกไม่นานเราก็จะมีอาคารแบบนี้อีกหลายสิบหลังเลย”

“เอ่อ ถ้าได้อย่างนั้นมันก็คงจะดีนะครับ ฮ่าฮ่าฮ่า”

ซังวูยิ้มอย่างเขินๆ อายๆ

“มันไม่ใช่เรื่องตลกนะครับ นี่ผมพูดจริง”

คังจุนโมดูจริงจัง

ในความเป็นจริง การกลายเป็นฮันเตอร์แรงค์ C ได้ภายใน 6 เดือนนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่ใครๆ ก็จะสามารถทำกันได้

ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงเชื่อว่าจองซังวูจะสามารถเติบใหญ่ขึ้นจนสามารถสร้างกิลด์ด้วยตัวคนเดียวได้

เหมือนฮันเตอร์แรงค์ S

' ผมจะติดตามคุณไปจนสุดทางอย่างแน่นอน!'

คังจุนโมวางแผนที่จะสนับสนุนความสำเร็จของซังวูอย่างสุดกำลัง

ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงห้องทำงานของพัควอนแท

“ยินดีต้อนรับประธานคังและฮันเตอร์จองซังวู”

“สวัสดีครับ”

“คุณเป็นยังไงบ้างครับ?”

พัควอนแทส่ายหัวและหัวเราะกับคำทักทายของซังวู

“คุณจะยังนอนหลับได้ไหมครับถ้าเงินสดห้าแสนล้านวอนกำลังจะหายลับไป? ฮ่าฮ่าฮ่า”

“โอ้ มันยังอีกไกลครับ ว่าแต่คุณเรียกพวกเรามาเพราะเรื่องนี้หรอครับ?”

ซังวูพูดโดยชี้ไปที่หมายเลข 11 ข้างๆ เขา

“ครั้งนี้ผมเรียกคุณมาไม่ใช่เพราะผมต้องการร่างโคลนของคุณครับ ในครั้งนี้ ผมคิดว่าผมต้องการจะติดต่อยูนาให้ได้ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ด้วยเหตุนี้เอง ในครั้งนี้ ผมจึงอยากขอให้คุณไปที่นั่นด้วยตัวคุณเองครับ”

เนื่องจากซังวูยุ่งอยู่กับงาน ดังนั้นมันจึงมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่เขาได้ไปที่หอคอยโอดิน ซึ่งนั่นก็คือครั้งแรก

ตั้งแต่นั้นมา สิ่งเดียวที่เขาทำก็คือการส่งร่างโคลนไปจัดการแทน

อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลง

เมื่อเร็วๆ นี้ เขาสามารถตรวจพบการเปลี่ยนแปลงภายในหอคอยโอดินได้ผ่านร่างโคลน

สาเหตุมาจากสกิลเสริมแกร่งร่างโคลน

───────────────

[ เสริมแกร่งร่างโคลน/ประเภทติดตัว (Lv.31) ]: เพิ่มค่าความเชื่อมโยงระหว่างค่าสถานะของร่างหลักและร่างโคลน

- อัตราการเชื่อมโยงค่าสถานะในปัจจุบัน: 65%

- อัตราค่าประสบการณ์ที่ส่งไปยังร่างหลักเพิ่มขึ้น

- สัญชาตญาณของร่างโคลนเพิ่มขึ้น

- การร่วมมือกันของร่างโคลนเพิ่มขึ้น

───────────────

เอฟเฟกต์ใหม่จะปรากฏขึ้นก็ต่อเมื่อเลเวลคุณเกิน 10, 20 และ 30

เมื่อเอฟเฟกต์ใหม่ๆ เกิดขึ้น สิ่งแปลกๆ ก็เริ่มเกิดขึ้นกับซังวู

ในขณะที่เขากำลังทำอะไรบางอย่าง จู่ๆ เขาก็นึกถึงฉากที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน หรือเมื่อเขาหลับและฝัน เขาก็จะนึกถึงฉากที่ดูเหมือนกำลังได้เห็นประสบการณ์ของคนอื่นอยู่

ขณะที่ซังวูมองดูฉากที่แสดงให้เขาเห็น เขาก็ตระหนักได้ว่าฉากเหล่านั้นล้วนเป็นสถานที่ที่มี 'ร่างโคลน' ของเขาปรากฏอยู่

กล่าวอีกนัยหนึ่ง เมื่ออัตราค่าประสบการณ์ที่ส่งมายังซังวูเพิ่มขึ้น ซังวูก็สามารถค่อยๆ รับเอาประสบการณ์ของร่างโคลนส่งมาถึงเขาโดยตรงได้

ซังวูมีความสุขมาก

' เมื่อเลเวลสกิลเสริมแกร่งร่างโคลนพัฒนาขึ้น ฉันก็เริ่มรับเอาความทรงจำและประสบการณ์ของร่างโคลนเข้ามาได้มากขึ้น'

เมื่อเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้หรือใช้สกิล เขาก็เข้าใจวิธีการปฎิบัติจากมุมมองของร่างโคลนของเขา

หากมีการเคลื่อนไหวที่ยากลำบาก เขาก็จะฝึกเอาตามที่ร่างโคลนทำและค่อยๆ ปรับปรุงมัน

ด้วยเหตุนี้เอง ร่างโคลนจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ซังวูสามารถเติบโตขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ดี ซังวูก็ได้เห็นสถานการณ์แปลกๆ เมื่อเร็วๆ นี้

หอคอยโอดิน ดินแดนที่หนาวเยือกแข็งจนติดลบและไม่มีอะไรเลยนอกจากน้ำแข็ง หิมะและลมแรง

เขาฝันเห็นว่าเขาได้พบกับกลุ่มมนุษย์ที่เขาไม่เคยพบมาก่อน

เครื่องหมายกิลด์เคนัสมองเห็นได้อย่างชัดเจนบนเสื้อคลุมของพวกเขาใกล้กับบังเกอร์ที่ซึ่งซังวูตั้งขึ้นมา

' มีผู้รอดชีวิต!'

ซังวูที่ตื่นขึ้นมาจากฝันเชื่อโดยสนิทใจว่าภาพที่เขาเห็นนั้นมาจากความทรงจำของร่างโคลนของเขา ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงแจ้งให้พัควอนแททราบถึงข้อมูลนี้โดยทันที

ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อพัควอนแทได้ยินข่าวนี้ เขาจึงขอให้ซังวูไปด้วยตัวเองเลยในครั้งนี้

บางทีเขาอาจจะต้องการพูดคุยโดยตรงกับผู้รอดชีวิตที่ชั้นหนึ่ง

ซังวูเปิดปากของเขา

“ได้ครับ แต่เรื่องค่าตอบแทนล่ะครับ?”

“ฮ่าฮ่า แน่นอนครับว่าเราจะไม่ตระหนี่กับค่าแรงของคุณแน่”

“อย่างที่คาดไว้ แต่มันก็มีอีกเรื่องหนึ่งที่ผมอยากจะขออยู่นะครับ”

“มีอะไรหรอครับ?”

“ผมจำเป็นต้องหากระดูกของสเกเลตันคุณภาพดี แต่มันก็ไม่มีดันเจี้ยนแบบนั้นในเกาหลีเลย…”

ซังวูถามพัควอนแทเกี่ยวกับอะไรบางอย่าง

* * *

ดาวเคราะห์ไทเบิร์น

ดาวเคราะห์ขนาดใหญ่ที่เผ่าพันธุ์ต่างๆ เช่น มนุษย์ เอลฟ์ คนแคระ ออร์คและมังกรอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างปรองดองกำลังได้รับความเสียหายอย่างหนักจากภัยสงคราม

ทั้งหมดนี้เป็นเพราะพวกแครนิด และมอนสเตอร์จากภายนอกที่บุกเข้ามาโจมตีโลก

พวกมันเป็นมอนสเตอร์ที่ดูเหมือนแมลงและสัตว์ประหลาด และพวกมันก็บุกโจมตีดาวเคราะห์ไทเบิร์นผ่านประตูพอร์ทัล

ประตูพอร์ทัลปรากฏขึ้นพร้อมกันทั่วโลก และพวกครานิดก็โผล่ออกมาจากพอร์ทัลเหล่านั้น

นอกจากนี้ พวกครานิดก็ยังโจมตีผู้คนบนดาวดวงนี้อย่างไม่เลือกหน้า

ในตอนแรก การต่อสู้ก็ดำเนินไปโดยไม่มีฝ่ายใดได้เปรียบเสียเปรียบ

พลังและความแข็งแกร่งของดาวเคราะห์ไทเบิร์นได้พัฒนามาถึงจุดที่เรียกได้ว่าแข็งแกร่งมากแล้ว

อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ยังต้องพ่ายแพ้ลงด้วยเรื่องของจำนวนที่ต่างกันอย่างลิบลับ

พวกเขาเริ่มคุกเข่าและล้มลงต่อหน้าศัตรูจำนวนไม่นับไม่ถ้วน

และในที่สุด เผ่าพันธุ์แรกที่ถูกทำลายลงก็คือพวกออร์ค

ด้วยพื้นฐานการต่อสู้อันเป็นเอกลักษณ์ของพวกเขา พวกเขาก็ไม่เคยถอย พวกเขายืนหยัดต่อสู้กับพวกครานิดจนในที่สุดพวกเขาก็กลายเป็นฝ่ายถูกทำลายลง

ในที่สุด ดินแดนแห่งออร์คก็ถูกยึดครองไปโดยพวกครานิด

สถานที่แห่งนั้นเริ่มมีมลพิษปกคลุม และในไม่ช้า พื้นที่อยู่อาศัยของเหล่าออร์คก็ถูกบาเรียขนาดใหญ่เข้าปกคลุม และหลังจากนั้น พวกออร์คก็เริ่มหลั่งไหลออกมาจากภายในบาเรียนั้น อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้พวกมันก็เต็มไปด้วยออร่าความชั่วร้ายและได้กลายร่างเป็นมอนสเตอร์เสียสติไปแล้ว

ในปัจจุบัน อารยธรรมเดียวที่ยังเหลือรอดอยู่ก็คือจักรวรรดิอูเรนเที่ยน ซึ่งเป็นแนวต้านปราการสุดท้ายของกองกำลังพันธมิตร

พวกเขาอาศัยอยู่ในโดมบาเรียขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบทั้งทวีปไปด้วยมังกร

และด้านหน้าของโดมบาเรียนั้น สงครามอันดุเดือดก็กำลังดำเนินไปอย่างเต็มกำลัง

ตู้มมมม!

พื้นที่รัศมี 100 เมตรถูกทำลายลงด้วยหมัดของชายคนหนึ่ง

มอนสเตอร์และพันธมิตรทั้งหมดภายในรัศมีการโจมตีนี้ถูกบดขยี้

ชายคนนั้นยังคงวิ่งไปโดยเหลือทิ้งไว้เพียงร่องรอยด้านหลัง

เป้าหมายต่อไปของเขาคือไซคลอปส์ที่กำลังพยายามขว้างก้อนหินขนาดใหญ่

“ช้า!”

ผู้ชายคนนี้สูงกว่า 2 เมตร

แม้ว่าเขาจะมีร่างกายที่สง่างามมากสำหรับมนุษย์ แต่เขาก็ดูตัวเล็กเกินไปเมื่อเทียบกับไซคลอปส์ที่สูง 10 เมตร

อย่างไรก็ตาม ด้วยการกระโดดเบาๆ ชายคนนั้นก็สามารถไต่ขึ้นไปถึงระดับหัวของไซคลอปส์ได้ในทันทีและชกมันออกไปด้วยหมัดเดียว

ตู้มมม!

ไซคลอปส์ล้มลงกับพื้นและบดขยี้มอนสเตอร์ตัวอื่นที่อยู่รอบตัวมัน

ชายผู้สกัดกั้นไซคลอปส์ได้สำเร็จกระโดดถีบตัวกลับและโจมตีมอนสเตอร์ที่ดูคล้ายแมลงที่อยู่บนฟ้าต่อ

พลังที่จับต้องไม่ได้หลั่งไหลออกมาจากหมัดของเขา

แม้ว่าจะไม่ได้ถูกโจมตีโดยตรง แต่มอนสเตอร์ที่บินได้ซึ่งบินปกคลุมท้องฟ้าที่มืดมิดก็กลายเป็นหมอกเลือดไปโดยทันทีเมื่อพวกมันโดนโจมตี

จากนั้น ท้องฟ้าสีครามที่ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกสีเลือดก็ปรากฏให้เห็นอยู่ครู่หนึ่ง

อย่างไรก็ตาม มอนสเตอร์เหล่านั้นก็มีจำนวนนับไม่ถ้วน ทั้งด้านล่างพื้นดินและบนอากาศ

มันเกือบจะดูเหมือนมหาสมุทรมอนสเตอร์

ช่วงโดมบาเรียจะเปิดเป็นรูเมื่อลูกกระสุนปืนใหญ่และปืนใหญ่เวทย์มนต์บินออกมาจากภายใน

กวัง! ตู้มมมมมม!

กระสุนปืนใหญ่เวทย์มนตร์ตกลงบนพื้นและระเบิดมอนสเตอร์ที่อยู่โดยรอบเละไม่เหลือซาก แต่ถึงอย่างนั้น ที่ว่างเหล่านั้นก็กลับถูกเติมเต็มด้วยฝูงมอนเตอร์ที่โถมเข้ามาจากทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ การโจมตีเหล่านั้นก็ยังไม่แยกแยะมิตรหรือศัตรู มันโจมตีโดนแม้แต่ร่างกายของชายคนนั้นด้วย

พรึ่บ!

อย่างไรก็ตาม ร่างของชายผู้นั้นก็กลับไม่มีรอยแผลใดๆ ทั้งนั้น

“เยี่ยมมาก!”

อย่างไรก็ตาม เสื้อผ้าของเขาก็ไม่สามารถทนต่อแรงระเบิดได้ ดังนั้นสภาพเขาตอนนี้จึงดูแทบไม่ต่างอะไรจากยาจก แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเลย

ท้ายที่สุดแล้ว ใครล่ะจะสนใจเรื่องเสื้อผ้าในช่วงสงครามที่มีชีวิตเป็นเดิมพันเช่นนี้?

นอกจากนี้ หากสังเกตดูดีๆ มันก็มีรอยสักแปลกๆ สลักไว้อยู่บนหน้าอกและแผ่นหลังของเขาที่ถูกเปิดเผยออกมา

มีดาวสีแดงเข้มบนหน้าอกของเขา และมีรูปสิงโตคำรามอยู่บนหลังของเขา

ใช่แล้ว

เขาไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก 'เลโอการ์โด' ฮันเตอร์แรงค์ S และชายที่แข็งแกร่งที่สุดของมนุษยชาติ

เขาซึ่งเป็นชาวโลกมาจบลงที่ดาวไทเบิร์นได้อย่างไร?

เลโอการ์โดทิ้งคำถามเหล่านั้นลงไปนานแล้ว เขาขยับมือและฝ่าเท้าเบาๆ

มานามากมายรวมตัวกันเหนือฝ่ามือของเขา จากนั้นมันก็ตกลงบนพื้นที่ที่เต็มไปด้วยมอนสเตอร์

ตู้มมมมมมม!

พื้นที่ที่ถูกเขาโจมตีนั้นไม่มีอะไรเหลือรอด มันมีเพียงซากศพของมอนสเตอร์ที่ลดสภาพเหลือเพียงเถ้าธุลีเท่านั้น

มันอยู่ในระดับเดียวกันกับปืนใหญ่เวทย์มนต์!

อย่างไรก็ตาม มอนสเตอร์และสิ่งมีชีวิตที่ดูคล้ายแมลงก็ยังโถมเข้ามาเต็มพื้นที่อย่างรวดเร็ว

เขาไม่สามารถนับได้ว่าพวกมันมีจำนวนเป็นล้านหรือหลายสิบล้าน

สงครามอันดุเดือดไม่มีท่าทีจะสิ้นสุดลง

เลโอการ์โดตะโกนพร้อมกับสะบัดผมที่ดูเหมือนแผงคอสิงโตของเขา

“พวกแกมีดีแค่นี้ใช่ไหม?”

เลโอการ์ดโดตะโกนเสียงดังและพุ่งตัวออกไปอย่างสุดกำลัง

ออร่าพลังนั้นยิ่งใหญ่ระเบิดออกมาจากร่างของเลโอการ์โด เขาทะยานขึ้นไปจนแทบจะมองไม่เห็นจากพื้นดิน

จากนั้นเมื่อเขามาถึงจุดสูงสุด มานาจำนวนมหาศาลก็เริ่มควบแน่นออกมาจากร่างกายของเขา

ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยมานาและความร้อนผ่าว

[ อุกกาบาต ]

เขาแปลงร่างเป็นอุกกาบาตและพุ่งกระแทกลงบนพื้น

บรรยากาศโดยรอบไม่สามารถต้านทานความเร็วเหนือเสียงนี้ได้!

และจากนั้น 'ดาวตก' นั้นก็ระเบิดลงบนพื้น

คร๊าาาาาาาา! บึ้มมมมมมมมม!

พื้นดินสั่นสะเทือน และฝุ่นบนพื้นดินก็ลุกฮือขึ้นเหมือนคลื่นสึนามิและกวาดออกไปเหมือนคลื่น

ไม่ว่าจะเป็นมอนสเตอร์ที่อยู่บนพื้นหรือบนฟ้า พวกมันต่างก็โดนคลื่นแรงกระแทกบีบอัด และโดนอุณหภูมิอันร้อนระอุหลอมละลาย

ราวกับว่าระเบิดนิวเคลียร์ได้ถูกทิ้งลงมา ทุกสิ่งรอบตัวเลโอนาร์โดก็ถูกโจมตีและถูกทำลายล้างลงจนแทบจะไม่มีอะไรเหลือ

แม้ว่าจะเป็นเพียงชั่วขณะหนึ่ง แต่พื้นดินและท้องฟ้าก็ดูสะอาดตาขึ้น

เลโอการ์ดโดยืนอยู่ในหลุมอุกกาบาตที่ดูเหมือนปล่องภูเขาไฟขนาดใหญ่ที่กำลังปะทุ มันทำให้ร่างกายของเขาเย็นลงขณะถูกพายุไต้ฝุ่นอุณหภูมิสูงพัดเข้ามาราวกับสายลมเย็นๆ

แต่นั่นมันยากจริงๆเหรอ?

มอนสเตอร์ที่อยู่นอกเหนือรัศมีการระเบิดเริ่มรวมตัวกันอย่างช้าๆ

“เข้ามา!”

เมื่อเห็นฉากนี้ เลโอการ์โดก็ตะโกนลั่นอีกครั้ง จากนั้นร่างกายของเขาก็พุ่งออกไปด้วยความเร็วสูง

* * *

ซังวูและสมาชิกกิลด์เคนัสเดินทางข้ามพอร์ทัลวัลฮาล่าและมาถึงหน้าทางเข้าหอคอยโอดิน

ซังวูส่งร่างโคลนของเขาเข้าไป

อาจเป็นเพราะค่าควานต้านทานความเย็นของเขาที่เพิ่มขึ้นมาเยอะมาก ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รู้สึกหนาวเหมือนกับแต่ก่อน

ในขณะนี้ ดูเหมือนจะไม่มีใครอยู่ในบังเกอร์เลย

อย่างไรก็ตาม ไม่นานหลังจากร่างโคลนปรากฎตัวขึ้น

พื้นที่มิติด้านหนึ่งได้เปิดออก และผู้คนก็วิ่งออกมาจากภายในนั้น

“คนส่งของได้มาถึงแล้ว”

“เฮ้~ วันนี้นายเอาอะไรอร่อยๆ มาด้วยไหม?”

“...เฮ้ ...ทำไมเขาดูเหมือนกับพี่ชายคนที่แล้วเลย?”

“บ้าน่า! มันจะเป็นไปได้ยังไง? มนุษย์แบบนั้นมันจะไปมีได้ยังไง?”

พวกเขาคือสมาชิกทีมจู่โจมที่ 1 พวกเขากำลังคุยกันเสียงดัง

แม้ว่าพวกเขาจะโดดเดี่ยวในพื้นที่อันหนาวเย็นอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ผิวพรรณของพวกเขาก็ไม่ได้ดูมืดมนขนาดนั้น

ซังวูเห็นใบหน้าของพวกเขาเพียงแวบเดียวผ่านความทรงจำของร่างโคลน ดังนั้นมันจึงน่าทึ่งมากที่ได้เห็นพวกเขาจากมุมมองนี้ตรงๆ

ซังวูแจ้งข้อมูลให้กับสมาชิกกิลด์ที่มาด้วยกันทราบด้วยตนเอง

“ตอนนี้ผมได้พบกับสมาชิกของทีมจู่โจมที่ 1 แล้วครับ”

“จริงหรอ?”

“เยี่ยม!”

“ผู้รอดชีวิต! มีผู้รอดชีวิตกี่คน?!”

ความสุขและความกังวลปรากฎขึ้นมาพร้อมกัน

“ผมจะถามพวกเขาเดี๋ยวนี้แหละครับ”

ซังวูมุ่งความสนใจไปที่หมายเลข 11 อีกครั้ง

“สวัสดีครับ?”

หมายเลข 11 พูดคุยกับสมาชิกของทีมจู่โจมที่ 1

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด