ตอนที่แล้วตอนที่ 37 พี่ชายช่างเจ้าเล่ห์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 39 นางเอกโตในเรือนกระจก

ตอนที่ 38 น้องสาวบอกว่าพี่ชายคือสุดยอดวายร้าย


เย่อันผิงพบเหตุผลสุ่มๆที่จะส่งไป่เยวี่ยซินกลับดาวดำ จากนั้นก็ล็อคประตูศูนย์กายภาพ และแปะป้ายว่า’ไม่อยู่ มีเรื่องด่วน’ จากนั้นก็ตามกระบี่บินของเหลียงจู้ไปวัดบนภูเขาเพื่อพบกับอีกสี่

ตอนทุกคนมาถึง เหลียงจู้ก็ตรวจสอบรหัสของสำนักกับพวกเขา

หลังยืนยันตัวตนทุกคนก็แนะนำตัวเอง จากนั้นเหลียงจู้ก็นำไหสุราออกมาและขอให้ทุกคนดื่มเป็นพี่น้องร่วมสาบานกันต่อหน้ารูปปั้นนักพรตของวัดร้าง

เรื่องนี้ทำให้เย่อันผิงพูดไม่ออก

แต่ในเมื่ออีกสี่รีบตกลง เขาจึงปฏิเสธไมได้ เขาต้องหยิบชามสุราขึ้นและกลายเป็นน้องหกของกลุ่ม

หลังพูดคุยกัน เย่อันผิงก็พาพวกเขาลงไปเส้นทางสายเล็กที่มีแค่เขาที่รู้ ผ่านกับดักเวทมนตร์ของสำนักดาวดำและศิษย์ลาดตระเวน เข้าภูเขาหลัง

..

ในถ้ำ ที่ไหนสักแห่งบนยอดเขาหิมะสูง ภูเขาหลังสำนักดาวดำ

กองไฟส่งเสียงปริแตก ลมเย็นพัดผ่านทางเขาถ้ำ

ยอดเขาหิมะสูงนี้คือสถานที่ที่กระแสเย็นจากภูเขาต่างๆของดาวดำมารวมกัน และท่ามกลางยอดเขาทั้งหลายของสำนัก มันถือเป็นหนึ่งในสถานที่ที่สภาพแวดล้อมโหดสุด

ศิษย์ที่เข้าร่วมในการทดสอบร่างกายจะถูกส่งไปยอดเขาต่างๆของสำนักดาวดำแบบสุ่ม พวกเขาจะต้องกลับไปยอดเขาหลักภายในห้าวันเพื่อผ่านบททดสอบ

สำหรับคนอย่างเฟิงหยูเตี๋ย ต่อให้ใช้กระบี่บินไม่ได้ ก็ไม่ยาก

แต่ทันทีที่มาถึงยอดเขาหิมะสูง หิมะหนาที่ดูเหมือนจะอยากกินคนก็เริ่มตก

ดังนั้น เฟิงหยูเตี๋ยกับอีกสองจึงไม่มีทางเลือกนอกจากหาถ้ำใกล้ๆ และหลังจากไล่ครอบครัวสัตว์อสูรที่อาศัยที่นี่ พวกเขาก็พักพิงข้างในขณะรอให้หิมะบางลงก่อนเดินทางต่อ

แต่ ต่อให้จะซ่อนในถ้ำและก่อกองไฟ อากาศหนาวเย็นบนยอดเขานี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะทนได้ง่ายๆ

เพ่ยเหลียนเสวี่ยชินกับการฝึกทนความหนาวเย็นมาก่อน นางจึงไม่คิดมาก แต่เสี่ยวอวิ๋นหลัวทนไม่ได้

ตั้งแต่ต้น นางเอาแต่ถูไหล่ ฟันขบกัน

“ฟู่’”

เสี่ยวอวิ๋นหลังหดคอ เหลือบมองเพ่ยเหลียนเสวี่ยที่นั่งหลับตาทำสมาธิ พอเห็นสีหน้าสงบนั้น นางก็อดถามไม่ได้“เจ้า เจ้า…มะ..ไม่หน…หนาวเหรอ?”

เพ่ยเหลียนเสวี่ยลืมตา มองริมฝีปากสีฟ้านั่นและพูด“เจ้าสามารถฝึกเพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่นได้”

“ข้าทำแล้ว ไม่งั้นข้าคงตัวแข็งไปแล้ว”เสี่ยวอวิ๋นหลัวเม้มปากและค่อยๆขยับเข้าใกล้เพ่ยเหลียนเสวี่ย ขออย่างอายๆ“ข้าขอนั่งใกล้เจ้าได้ไหม?”

“เจ้าหนาวขนาดนั้นเลยเหรอ.?”

“มือข้าแข็งไปหมดแล้ว.>’

เพ่ยเหลียนเสวี่ยคิดสักพัก จากนั้นก็ถอดเสื้อคลุมชั้นนอกออก ขยับเข้าใกล้เสี่ยวอวิ๋นหลัว ห่มรอบทั้งสอง จากนั้นก็จับมือนางและถูมันอย่างอ่อนโยน

เสี่ยวอวิ๋นหลัวที่โดนทำแบบนี้ตกตะลึงและก้มหัวด้วยใบหน้าแดงก่ำ

แต่ หน้าที่แดงของนางไม่ได้มาจากความเขินอาย แต่เป็นละอายใจ

นางคือลูกสาวของประมุข คุณหนูของสำนักดาวดำ และมีพรสวรรค์สูง นางเพลิดเพลินกับทรัพยากรไร้สิ้นสุดตั้งแต่เด็ก

ผู้อาวุโสทั้งหมดที่สั่งสอนนางชมว่านางมีพรสวรรค์โดดเด่น

นางมักภาคภูมิใจตัวเองและไม่เคยหย่อนยาน

นางไม่เสียเวลากับชีวิตเรื่อยเปื่อย ทุกครั้งที่นางฝึกกระบี่ นางจะฝึกหนักกว่าใคร

เสี่ยวอวิ๋นหลัวฝึกมาสิบปี ตั้งแต่ห้าขวบถึงสิบห้า

ดังนั้น ตอนนางพบเพ่ยเหลียนเสวี่ยครั้งแรก นางจึงมองว่านี่ไม่ใช่ผู้บ่มเพาะที่เก่งมาก และตอนนางคุยด้วยวันนั้น นางแค่อยากอวด

“ฮึ่ม ข้าสุดยอดไหม?ข้าทนได้15นาทีต่อหน้าผู้บ่มเพาะก่อตั้งรากฐานก่อนจะโดนซัดตกลาน!”

นั่นคือคำที่นางอยากพูดตอนทดสอบกระบี่ แต่จากนั้นนางก็เห็นเพ่ยเหลียนเสวี่ยซัดศิษย์พี่ไป่ตกลานในกระบวนท่าเดียว

ตอนนี้ พอเห็นเพ่ยเหลียนเสวี่ยไม่เป็นไรกับอากาศหนาวเย็นนี้ เสี่ยวอวิ๋นหลัวก็ตกใจอีกครั้ง

นางเม้มปาก ถามอย่างอิจฉา“ทำไมเจ้าถึงเก่งนัก..”

“หืม?”เพ่ยเหลียนเสวี่ยได้ยินไม่ชัดและเอียงหัว“อะไรเหรอ?”

“ข้าหนาวจะตาย แต่มือเจ้าอุ่นเหมือนเตาไฟเลย”เสี่ยวอวิ๋นหลัวขมวดคิ้ว และมองนาง“ทำไมเจ้าถึงเก่งนัก?!”

“ข้าเหรอ?”

“เจ้าแกล้งโง่เหรอ?หรือเจ้าอยากให้ข้าชมเจ้าเพิ่มหะ?”เสี่ยวอวิ๋นหลัวไม่พอใจ“เห็นได้ชัดว่าฐานบ่มเพาะเจ้าต่ำกว่าข้า เจ้าซัดศิษย์พี่ไป่ล้มได้ไง?เจ้าฝึกวิชากระบี่อะไรกันแน่?”

“..วิชาที่พี่ชายสอน”

“พี่ชายเจ้า..”

พอเห็นรอยยิ้มบนหน้านาง เสี่ยวอวิ๋นหลัวก็ขมวดคิ้ว

เด็กสาวคนนี้จะยิ้มทุกครั้งที่พูดถึงพี่ชาย

นางเห็นมันหลายครั้งแล้ว

เสี่ยวอวิ๋นหลัวกลายเป็นอยากรู้เกี่ยวกับพี่ชายนาง นางจึงพูดใหม่“สหายเพ่ย บอกข้าเกี่ยวกับพี่ชายเจ้าหน่อยสิ”

“บอกเกี่ยวกับพี่ชายข้า?”เพ่ยเหลียนเสวี่ยตกตะลึง“เจ้าอยากให้ข้าบอกอะไรเจ้า?”

“เขาเป็นคนยังไง?เจ้าสองคนมักทำอะไรกัน..แบบเนี่ย?”

“อืม..เขา..”เพ่ยเหลียนเสวี่ยกัดริมฝีปากและคิด อยากพูดด้านดีของพี่ชาย แต่ตอนนางเห็นใบหน้าสวยของเสี่ยวอวิ๋นหลัว นางก็เปลี่ยนใจ“พี่ชายข้าคืออันธพาล!”

“อันธพาล?”เสี่ยวอวิ๋นหลัวงุนงง

“ใช่ เขาบุกเข้ามาตอนข้าอาบน้ำ ทุบตีข้าจนเนื้อตัวช้ำ หักกระดูกข้า โยนข้าเข้ารังอสูร วางยาพิษข้า..”

“???”เสี่ยวอวิ๋นหลัวอึ้ง“นี่มันคนชั่วร้ายแบบไหนกัน?!”

“ใช่ พี่ชายข้าคือโคตรคนชั่ว เป็นมนุษย์ใจยักษ์มาร”เพ่ยเหลียนเสวี่ยพยักหน้า

พอมองสีหน้าจริงจังของนาง เสี่ยวอวิ๋นหลัวก็หยุดและถาม’งั้น อดีตเจ้าก็คงทรมานมากเลยใช่ไหม?”

“ใช่!ข้าทรมานมาก..”

“งั้นเหรอ..”เสี่ยวอวิ๋นหลัวพยักหน้าและถาม“งั้น ข้าช่วยเจ้าเอาไหม?”

“หะ?ช่วย..ช่วยข้า?ช่วยอะไร?”

“พอการทดสอบจบ ข้าจะบอกผู้อาวุโสเรื่องพี่ชายเจ้า และจากนั้น พวกเขาจะจับกุมเขา ข้ารับรองเลยว่าเขาจะต้องใช้ชีวิตที่เหลือในคุกสำนักดาวดำ”

หลังได้ยิน เพ่ยเหลียนเสวี่ยก็อ้าปากค้าง

นางแค่ไม่อยากให้เสี่ยวอวิ๋นหลัวคิดว่าพี่ชายนางเป็นคนดีและมีความคิดจะเข้าใกล้เขา มันลงเอยแบบนี้ได้ไง?

นางรีบโบกมือ“อา ไม่ ไม่เอานะ!”

“ขยะอย่างนั้นควรอยู่ในคุก’

“อา..ไม่..ข้า”เพ่ยเหลียนเสวี่ยตื่นตระหนก แต่ไม่รู้จะพูดอะไร สุดท้า ยนางเลยคว้าคอเสื้อของเสี่ยวอวิ๋นหลัว และขู่“อย่ามาจับพี่ชายข้านะ!!!”

“..”เสี่ยวอวิ๋นหลัวหดหัวกลัวๆ

“อา ขอโทษ”พอรู้ตัวว่านางขาดสติ เพ่ยเหลียนเสวี่ยก็รีบขอโทษ“คือ จริงๆแล้ว พี่ชายข้าไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอก เขา ค่อนข้างดีเลยแหละ”

???

เสี่ยวอวิ๋นหลัวเลิกคิ้วและถาม“สรุปพี่ชายเจ้าดีหรือเลว?ไหนเจ้าบอกว่า..”

“คือ..”เพ่ยเหลียนเสวี่ยลังเลสักพัก จากนั้นก็ขมวดคิ้ว พูดขู่“ยังไงซะ ก็ห้ามใครจับกุมพี่ชายข้า!พี่ชายข้าเป็นของข้าคนเดียว!ไม่งั้น..”

“ไม่งั้น จะอะไร?”

เพ่ยเหลียนเสวี่ยมองมือขาวซีดของเสี่ยวอวิ๋นหลัวและพูด”ไม่งั้น ข้า..ข้าจะไม่อุ่นมือให้เจ้าอีก!’

“..”

เสี่ยวอวิ๋นหลัวอ้าปากค้าง หลังคิดสักพัก นางก็เข้าใจว่าเพ่ยเหลียนเสวี่ยหมายความว่าอย่างไร

“โอ้ ข้าเข้าใจแล้ว!เจ้าอยากแก้แค้นเองใช่ไหม?”

“หะ?”

“เจ้าไม่อยากให้ข้าช่วยเพราะเจ้าอยากพึ่งพาตัวเองและตอนระดับบ่มเพาะเจ้าสูงขึ้น เจ้าจะกลับไปเอาคืนพี่ชายเจ้า”

“???”เวลานี้มันถึงคราวของเพ่ยเหลียนเสวี่ยที่อึ้งบ้าง

หลังหยุด นางก็พูด“เอิ่ม นั่นแหละ ข้าแค่ไม่อยากให้เจ้าจับกุมพี่ชายข้า”

“…”

“อย่าจับพี่ชายข้า!เจ้าได้ยินข้าไหม?พูดอะไรบ้างสิ!”

“ข้าได้ยินเจ้า..”

เสี่ยวอวิ๋นหลัวถอนหายใจและรู้สึกสงสารนาง

จากนั้นก็มองไปที่ทางเข้าถ้ำและถาม“ว่าแต่ ทำไมไอโง่ผมขาวนั่นถึงยังไม่กลับมา?นางออกไปครึ่งชั่วโมงได้แล้วมั้ง?”

เพ่ยเหลียนเสวี่ยยิ้ม“ไอโง่นั่นอาจโดนหมีกินไปแล้วก็ได้”

“โอ้..”เสี่ยวอวิ๋นหลัวยักไหล่ พยายามไม่คิดถึง และเบียดเข้าใกล้เพ่ยเหลียนเสวี่ยขึ้น“เจ้ารู้สึกไม่สบายตัวไหมถ้าข้าจับเจ้าไว้แบบนี้?”

“ไม่ ถ้าเจ้าหนาวก็ขยับเข้ามาใกล้ได้เลย”

“เจ้าพูดแล้วนะ..”เสี่ยวอวิ๋นหลัวยิ้ม กอดเพ่ยเหลียนเสวี่ย วางหน้าบนไหล่นางและพูด“จากนี้เจ้าจะเป็นเพื่อนของข้า ถ้าเจ้าเจอปัญหาอะไรในสำนักดาวดำ แค่บอกชื่อข้าและจะไม่มีใครกล้ามารบกวนเจ้า”

“อา..ได้เลย”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด