ตอนที่ 38 น้องสาวบอกว่าพี่ชายคือสุดยอดวายร้าย
เย่อันผิงพบเหตุผลสุ่มๆที่จะส่งไป่เยวี่ยซินกลับดาวดำ จากนั้นก็ล็อคประตูศูนย์กายภาพ และแปะป้ายว่า’ไม่อยู่ มีเรื่องด่วน’ จากนั้นก็ตามกระบี่บินของเหลียงจู้ไปวัดบนภูเขาเพื่อพบกับอีกสี่
ตอนทุกคนมาถึง เหลียงจู้ก็ตรวจสอบรหัสของสำนักกับพวกเขา
หลังยืนยันตัวตนทุกคนก็แนะนำตัวเอง จากนั้นเหลียงจู้ก็นำไหสุราออกมาและขอให้ทุกคนดื่มเป็นพี่น้องร่วมสาบานกันต่อหน้ารูปปั้นนักพรตของวัดร้าง
เรื่องนี้ทำให้เย่อันผิงพูดไม่ออก
แต่ในเมื่ออีกสี่รีบตกลง เขาจึงปฏิเสธไมได้ เขาต้องหยิบชามสุราขึ้นและกลายเป็นน้องหกของกลุ่ม
หลังพูดคุยกัน เย่อันผิงก็พาพวกเขาลงไปเส้นทางสายเล็กที่มีแค่เขาที่รู้ ผ่านกับดักเวทมนตร์ของสำนักดาวดำและศิษย์ลาดตระเวน เข้าภูเขาหลัง
..
ในถ้ำ ที่ไหนสักแห่งบนยอดเขาหิมะสูง ภูเขาหลังสำนักดาวดำ
กองไฟส่งเสียงปริแตก ลมเย็นพัดผ่านทางเขาถ้ำ
ยอดเขาหิมะสูงนี้คือสถานที่ที่กระแสเย็นจากภูเขาต่างๆของดาวดำมารวมกัน และท่ามกลางยอดเขาทั้งหลายของสำนัก มันถือเป็นหนึ่งในสถานที่ที่สภาพแวดล้อมโหดสุด
ศิษย์ที่เข้าร่วมในการทดสอบร่างกายจะถูกส่งไปยอดเขาต่างๆของสำนักดาวดำแบบสุ่ม พวกเขาจะต้องกลับไปยอดเขาหลักภายในห้าวันเพื่อผ่านบททดสอบ
สำหรับคนอย่างเฟิงหยูเตี๋ย ต่อให้ใช้กระบี่บินไม่ได้ ก็ไม่ยาก
แต่ทันทีที่มาถึงยอดเขาหิมะสูง หิมะหนาที่ดูเหมือนจะอยากกินคนก็เริ่มตก
ดังนั้น เฟิงหยูเตี๋ยกับอีกสองจึงไม่มีทางเลือกนอกจากหาถ้ำใกล้ๆ และหลังจากไล่ครอบครัวสัตว์อสูรที่อาศัยที่นี่ พวกเขาก็พักพิงข้างในขณะรอให้หิมะบางลงก่อนเดินทางต่อ
แต่ ต่อให้จะซ่อนในถ้ำและก่อกองไฟ อากาศหนาวเย็นบนยอดเขานี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะทนได้ง่ายๆ
เพ่ยเหลียนเสวี่ยชินกับการฝึกทนความหนาวเย็นมาก่อน นางจึงไม่คิดมาก แต่เสี่ยวอวิ๋นหลัวทนไม่ได้
ตั้งแต่ต้น นางเอาแต่ถูไหล่ ฟันขบกัน
“ฟู่’”
เสี่ยวอวิ๋นหลังหดคอ เหลือบมองเพ่ยเหลียนเสวี่ยที่นั่งหลับตาทำสมาธิ พอเห็นสีหน้าสงบนั้น นางก็อดถามไม่ได้“เจ้า เจ้า…มะ..ไม่หน…หนาวเหรอ?”
เพ่ยเหลียนเสวี่ยลืมตา มองริมฝีปากสีฟ้านั่นและพูด“เจ้าสามารถฝึกเพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่นได้”
“ข้าทำแล้ว ไม่งั้นข้าคงตัวแข็งไปแล้ว”เสี่ยวอวิ๋นหลัวเม้มปากและค่อยๆขยับเข้าใกล้เพ่ยเหลียนเสวี่ย ขออย่างอายๆ“ข้าขอนั่งใกล้เจ้าได้ไหม?”
“เจ้าหนาวขนาดนั้นเลยเหรอ.?”
“มือข้าแข็งไปหมดแล้ว.>’
เพ่ยเหลียนเสวี่ยคิดสักพัก จากนั้นก็ถอดเสื้อคลุมชั้นนอกออก ขยับเข้าใกล้เสี่ยวอวิ๋นหลัว ห่มรอบทั้งสอง จากนั้นก็จับมือนางและถูมันอย่างอ่อนโยน
เสี่ยวอวิ๋นหลัวที่โดนทำแบบนี้ตกตะลึงและก้มหัวด้วยใบหน้าแดงก่ำ
แต่ หน้าที่แดงของนางไม่ได้มาจากความเขินอาย แต่เป็นละอายใจ
นางคือลูกสาวของประมุข คุณหนูของสำนักดาวดำ และมีพรสวรรค์สูง นางเพลิดเพลินกับทรัพยากรไร้สิ้นสุดตั้งแต่เด็ก
ผู้อาวุโสทั้งหมดที่สั่งสอนนางชมว่านางมีพรสวรรค์โดดเด่น
นางมักภาคภูมิใจตัวเองและไม่เคยหย่อนยาน
นางไม่เสียเวลากับชีวิตเรื่อยเปื่อย ทุกครั้งที่นางฝึกกระบี่ นางจะฝึกหนักกว่าใคร
เสี่ยวอวิ๋นหลัวฝึกมาสิบปี ตั้งแต่ห้าขวบถึงสิบห้า
ดังนั้น ตอนนางพบเพ่ยเหลียนเสวี่ยครั้งแรก นางจึงมองว่านี่ไม่ใช่ผู้บ่มเพาะที่เก่งมาก และตอนนางคุยด้วยวันนั้น นางแค่อยากอวด
“ฮึ่ม ข้าสุดยอดไหม?ข้าทนได้15นาทีต่อหน้าผู้บ่มเพาะก่อตั้งรากฐานก่อนจะโดนซัดตกลาน!”
นั่นคือคำที่นางอยากพูดตอนทดสอบกระบี่ แต่จากนั้นนางก็เห็นเพ่ยเหลียนเสวี่ยซัดศิษย์พี่ไป่ตกลานในกระบวนท่าเดียว
ตอนนี้ พอเห็นเพ่ยเหลียนเสวี่ยไม่เป็นไรกับอากาศหนาวเย็นนี้ เสี่ยวอวิ๋นหลัวก็ตกใจอีกครั้ง
นางเม้มปาก ถามอย่างอิจฉา“ทำไมเจ้าถึงเก่งนัก..”
“หืม?”เพ่ยเหลียนเสวี่ยได้ยินไม่ชัดและเอียงหัว“อะไรเหรอ?”
“ข้าหนาวจะตาย แต่มือเจ้าอุ่นเหมือนเตาไฟเลย”เสี่ยวอวิ๋นหลัวขมวดคิ้ว และมองนาง“ทำไมเจ้าถึงเก่งนัก?!”
“ข้าเหรอ?”
“เจ้าแกล้งโง่เหรอ?หรือเจ้าอยากให้ข้าชมเจ้าเพิ่มหะ?”เสี่ยวอวิ๋นหลัวไม่พอใจ“เห็นได้ชัดว่าฐานบ่มเพาะเจ้าต่ำกว่าข้า เจ้าซัดศิษย์พี่ไป่ล้มได้ไง?เจ้าฝึกวิชากระบี่อะไรกันแน่?”
“..วิชาที่พี่ชายสอน”
“พี่ชายเจ้า..”
พอเห็นรอยยิ้มบนหน้านาง เสี่ยวอวิ๋นหลัวก็ขมวดคิ้ว
เด็กสาวคนนี้จะยิ้มทุกครั้งที่พูดถึงพี่ชาย
นางเห็นมันหลายครั้งแล้ว
เสี่ยวอวิ๋นหลัวกลายเป็นอยากรู้เกี่ยวกับพี่ชายนาง นางจึงพูดใหม่“สหายเพ่ย บอกข้าเกี่ยวกับพี่ชายเจ้าหน่อยสิ”
“บอกเกี่ยวกับพี่ชายข้า?”เพ่ยเหลียนเสวี่ยตกตะลึง“เจ้าอยากให้ข้าบอกอะไรเจ้า?”
“เขาเป็นคนยังไง?เจ้าสองคนมักทำอะไรกัน..แบบเนี่ย?”
“อืม..เขา..”เพ่ยเหลียนเสวี่ยกัดริมฝีปากและคิด อยากพูดด้านดีของพี่ชาย แต่ตอนนางเห็นใบหน้าสวยของเสี่ยวอวิ๋นหลัว นางก็เปลี่ยนใจ“พี่ชายข้าคืออันธพาล!”
“อันธพาล?”เสี่ยวอวิ๋นหลัวงุนงง
“ใช่ เขาบุกเข้ามาตอนข้าอาบน้ำ ทุบตีข้าจนเนื้อตัวช้ำ หักกระดูกข้า โยนข้าเข้ารังอสูร วางยาพิษข้า..”
“???”เสี่ยวอวิ๋นหลัวอึ้ง“นี่มันคนชั่วร้ายแบบไหนกัน?!”
“ใช่ พี่ชายข้าคือโคตรคนชั่ว เป็นมนุษย์ใจยักษ์มาร”เพ่ยเหลียนเสวี่ยพยักหน้า
พอมองสีหน้าจริงจังของนาง เสี่ยวอวิ๋นหลัวก็หยุดและถาม’งั้น อดีตเจ้าก็คงทรมานมากเลยใช่ไหม?”
“ใช่!ข้าทรมานมาก..”
“งั้นเหรอ..”เสี่ยวอวิ๋นหลัวพยักหน้าและถาม“งั้น ข้าช่วยเจ้าเอาไหม?”
“หะ?ช่วย..ช่วยข้า?ช่วยอะไร?”
“พอการทดสอบจบ ข้าจะบอกผู้อาวุโสเรื่องพี่ชายเจ้า และจากนั้น พวกเขาจะจับกุมเขา ข้ารับรองเลยว่าเขาจะต้องใช้ชีวิตที่เหลือในคุกสำนักดาวดำ”
หลังได้ยิน เพ่ยเหลียนเสวี่ยก็อ้าปากค้าง
นางแค่ไม่อยากให้เสี่ยวอวิ๋นหลัวคิดว่าพี่ชายนางเป็นคนดีและมีความคิดจะเข้าใกล้เขา มันลงเอยแบบนี้ได้ไง?
นางรีบโบกมือ“อา ไม่ ไม่เอานะ!”
“ขยะอย่างนั้นควรอยู่ในคุก’
“อา..ไม่..ข้า”เพ่ยเหลียนเสวี่ยตื่นตระหนก แต่ไม่รู้จะพูดอะไร สุดท้า ยนางเลยคว้าคอเสื้อของเสี่ยวอวิ๋นหลัว และขู่“อย่ามาจับพี่ชายข้านะ!!!”
“..”เสี่ยวอวิ๋นหลัวหดหัวกลัวๆ
“อา ขอโทษ”พอรู้ตัวว่านางขาดสติ เพ่ยเหลียนเสวี่ยก็รีบขอโทษ“คือ จริงๆแล้ว พี่ชายข้าไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอก เขา ค่อนข้างดีเลยแหละ”
???
เสี่ยวอวิ๋นหลัวเลิกคิ้วและถาม“สรุปพี่ชายเจ้าดีหรือเลว?ไหนเจ้าบอกว่า..”
“คือ..”เพ่ยเหลียนเสวี่ยลังเลสักพัก จากนั้นก็ขมวดคิ้ว พูดขู่“ยังไงซะ ก็ห้ามใครจับกุมพี่ชายข้า!พี่ชายข้าเป็นของข้าคนเดียว!ไม่งั้น..”
“ไม่งั้น จะอะไร?”
เพ่ยเหลียนเสวี่ยมองมือขาวซีดของเสี่ยวอวิ๋นหลัวและพูด”ไม่งั้น ข้า..ข้าจะไม่อุ่นมือให้เจ้าอีก!’
“..”
เสี่ยวอวิ๋นหลัวอ้าปากค้าง หลังคิดสักพัก นางก็เข้าใจว่าเพ่ยเหลียนเสวี่ยหมายความว่าอย่างไร
“โอ้ ข้าเข้าใจแล้ว!เจ้าอยากแก้แค้นเองใช่ไหม?”
“หะ?”
“เจ้าไม่อยากให้ข้าช่วยเพราะเจ้าอยากพึ่งพาตัวเองและตอนระดับบ่มเพาะเจ้าสูงขึ้น เจ้าจะกลับไปเอาคืนพี่ชายเจ้า”
“???”เวลานี้มันถึงคราวของเพ่ยเหลียนเสวี่ยที่อึ้งบ้าง
หลังหยุด นางก็พูด“เอิ่ม นั่นแหละ ข้าแค่ไม่อยากให้เจ้าจับกุมพี่ชายข้า”
“…”
“อย่าจับพี่ชายข้า!เจ้าได้ยินข้าไหม?พูดอะไรบ้างสิ!”
“ข้าได้ยินเจ้า..”
เสี่ยวอวิ๋นหลัวถอนหายใจและรู้สึกสงสารนาง
จากนั้นก็มองไปที่ทางเข้าถ้ำและถาม“ว่าแต่ ทำไมไอโง่ผมขาวนั่นถึงยังไม่กลับมา?นางออกไปครึ่งชั่วโมงได้แล้วมั้ง?”
เพ่ยเหลียนเสวี่ยยิ้ม“ไอโง่นั่นอาจโดนหมีกินไปแล้วก็ได้”
“โอ้..”เสี่ยวอวิ๋นหลัวยักไหล่ พยายามไม่คิดถึง และเบียดเข้าใกล้เพ่ยเหลียนเสวี่ยขึ้น“เจ้ารู้สึกไม่สบายตัวไหมถ้าข้าจับเจ้าไว้แบบนี้?”
“ไม่ ถ้าเจ้าหนาวก็ขยับเข้ามาใกล้ได้เลย”
“เจ้าพูดแล้วนะ..”เสี่ยวอวิ๋นหลัวยิ้ม กอดเพ่ยเหลียนเสวี่ย วางหน้าบนไหล่นางและพูด“จากนี้เจ้าจะเป็นเพื่อนของข้า ถ้าเจ้าเจอปัญหาอะไรในสำนักดาวดำ แค่บอกชื่อข้าและจะไม่มีใครกล้ามารบกวนเจ้า”
“อา..ได้เลย”