ตอนที่แล้วตอนที่ 29 แลกเปลี่ยนเลือด!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 31 รักความยุติธรรมงั้นรึ?

ตอนที่ 30 หลงเฟย


ตอนที่ 30 หลงเฟย

ในวันรุ่งขึ้น ลู่ชางเฉิงตื่นขึ้นตั้งแต่เช้า

แม้ว่าเขาจะนอนดึกเมื่อคืน แต่บางทีอาจเป็นเพราะผลของการแลกเปลี่ยนเลือดอย่างต่อเนื่อง ทำให้เขาดูมีชีวิตชีวาและกระฉับกระเฉงอย่างไม่เหนื่อยล้า

ข้ารับใช้ของตระกูลเก๋าก็นําอาหารเช้ามา

หลังจากที่ลู่ชางเฉิงกับอาจารย์ของเขาทานอาหารเช้าเสร็จ จากนั้นพวกเขาก็จะไปอําลาผู้นำของตระกูลพร้อมกับคนอื่นๆ

แต่ที่นั่น พวกเขากลับไม่ได้เจอเก๋าซานฮูแต่เจอภรรยาของเขาแทน

เธออธิบายว่า เก๋าซานฮูนั้นมีเรื่องที่ต้องจัดการทำให้ไม่สามารถออกมาร่ำลาวู่จิงและคนอื่นๆด้วยตัวเองได้

ซึ่งเรื่องนี้ทําให้วู่จิงค่อนข้างโกรธ

ส่วนลู่ชางเฉิงนั้นรู้ดีว่าเก๋าซานฮูได้ตายไปแล้ว

แม้ว่าเธอจะดูสงบมาก แต่ลู่ฉางเฉิงก็เห็นความตื่นตระหนกและความเหน็ดเหนื่อยในแววตาของเธอ

บางทีสําหรับเธอนั้น การหายตัวไปของ เก๋าซานฮู และคนอื่นๆนั้นค่อนข้างผิดปกติ

ลู่ชางเฉิงเองก็ไม่ต้องการอยู่ที่นี่อีกต่อไป เขาจึงรีบพูดให้อาจารย์ของเขาออกไปอย่างรวดเร็ว

ดังนั้นพวกเขาจึงขึ้นรถม้าและค่อยๆออกไปจากพื้นที่ของตระกูลเก๋า

ระหว่างทาง เด็กฝึกงานนั้นดูเหมือนจะค่อนข้างคิดถึงชีวิตที่หรูหราในตระกูลเก๋า….

ซึ่งในเวลาเพียงวันเดียว ความมั่งคั่งของตระกูลเก๋าก็ทําให้พวกเขาถึงกับติดใจได้

การเดินทางกลับนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งพวกเขากลับไปที่สำนักเมียวชูได้อย่างปลอดภัย

ในตระกูลเก๋านั้น วู่จิงไม่ได้รับการปฏิบัติด้วยความเคารพทำให้เขาระบายความโกรธใส่เด็กฝึกงานแทน

ส่วนลู่ชางเฉิงนั้นยังคงเสริมสร้างกระดูกของเขาตามปกติและกินอาหารสมุนไพรของเขาอย่างสม่ำเสมอ

เนื่องจากลู่ชางเฉิงยังอยู่ระหว่างการแลกเปลี่ยนเลือดอย่างต่อเนื่อง การทานอาหารประจําวันของเขาจึงเพิ่มขึ้นอย่างมาก

ในนักจ่ายยาเอง เขารู้ว่านี่เป็นเพราะการ "แลกเปลี่ยนเลือด" ซึ่งทำให้เขาต้องการอาหารเป็นจํานวนมาก ดังนั้นเขาจึงซื้ออาหารสมุนไพรมาเพื่อตอบสนองความต้องการของร่างกาย

หลังจากนั้น เวลาได้ผ่านไปยี่สิบวัน

"วิชาดาบใบไม้ร่วงเสร็จสมบูรณ์ ค่าความเข้าใจเพิ่มขึ้น 3  แต้ม"

"วิชาร้อยหมัดไร้พ่ายเสร็จสมบูรณ์ ค่าความเข้าใจเพิ่มขึ้น 3  แต้ม"

“ทักษะรอยเท้าเก้ากำลังวังชาเสร็จสมบูรณ์ ค่าความเข้าใจเพิ่มขึ้น 3 แต้ม”

ในตอนนี้ ประโยคเล็กๆได้ปรากฏขึ้นต่อหน้าของลู่ชางเฉิง

“ในที่สุดวิชาและทักษะการต่อสู้ของข้าก็สมบูรณ์แบบแล้ว”

“ทักษะและวิชาต่อสู้เหล่านี้เป็นระดับสามแน่ๆ ไม่อย่างนั้นด้วยระดับความเข้าใจปัจจุบันของข้า มันคงจะเป็นไปไม่ได้ที่จะทำได้สําเร็จในเวลาเพียงยี่สิบวัน”

ลู่ชางเฉิงนั้นไม่ได้รู้สึกแปลกใจมากนัก เขาเริ่มตรวจสอบแผงคุณสมบัติของเขาเพื่อยืนยัน

โฮสต์ : ลู่ชางเฉิง

ค่าความเข้าใจ : 265 แต้ม(ค่อนข้างมีศักยภาพ)

เทคนิคกระดูกเยือกแข็ง : ระดับที่ 5

เก้าสายฟ้ากลั่นกายา : ยังไม่ได้เริ่ม

ในเวลาเพียงยี่สิบวัน ลู่ชางเฉิงได้สําเร็จทักษะการต่อสู้ระดับสามไปแล้วสิบอย่าง ซึ่งทําให้เขาได้รับค่าความเข้าใจถึง 30 แต้ม

ดังนั้น ในแผงคุณสมบัติของเขา ค่าความเข้าใจของลู่ชางเฉิงจึงสูงถึง 265 แต้ม

แต่ถึงแม้จะมีค่าความเข้าใจที่สูงขนาดนี้ เขาก็ยังไม่สามารถเริ่มฝึกเก้าสายฟ้ากลั่นกายาได้

ลู่ชางเฉิงประเมินว่าเขาต้องมีค่าความเข้าใจอย่างน้อย 300 แต้มเพื่อเริ่มฝึกเก้าสายฟ้ากลั่นกายา

ดังนั้นเขาจึงฝึกเทคนิคกระดูกเยือกแข็งแทน

ด้วย "ผลประโยชน์" ของการแลกเปลี่ยนเลือดอย่างต่อเนื่อง ความก้าวหน้าของเทคนิคกระดูกเยือกแข็งจึงรวดเร็วมากและเขาได้มาถึงระดับที่ห้าแล้ว ซึ่งเมื่อมาถึงจุดนี้ ลู่ชางเฉิงได้หลอมกระดูกของเขาไปถึงชั้นในแล้วเช่นกัน

กระดูกนั้นถูกแบ่งออกเป็นชั้นผิวนอก ชั้นใน และไขกระดูก

หลังจากที่ไปถึงชั้นในได้ แม้ว่าจะได้ใช้อาหารสมุนไพรและ "การแลกเปลี่ยนเลือด" แต่ประสิทธิภาพของเทคนิคกระดูกเยือกแข็งนั้นจะลดลงอย่างรวดเร็ว

สาเหตุหลักคือการขาดเงื่อนไขที่สําคัญที่สุดสําหรับเทคนิคกระดูกเยือกแข็งซึ่งนั่นก็คือความเย็น

ประสิทธิภาพของเทคนิคกระดูกเยือกแข็งนั้นจะถึงจุดสูงสุดได้ก็ต่อเมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่หนาวเย็นเท่านั้น

“อากาศเริ่มเย็นลงแล้วก็จริง แต่มันอาจต้องใช้เวลาอีกหนึ่งหรือสองเดือนกว่าที่เมืองหนานหยางนั้นจะหนาวกว่านี้”

“การเสียเวลาไปถึงหนึ่งหรือสองเดือนนั้นไม่คุ้มค่ามากๆ และข้าเองก็ได้ยินมาว่าไกลออกไปทางทิศเหนือในเมืองอู่ซานนั้นมีหิมะตกแล้ว แม้แต่แม่น้ำก็แข็งแล้วเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลางเมืองอู่ซาน อุณหภูมิน่าจะต่ำยิ่งกว่านั้นอีก”

“บางทีข้าอาจจะเดินทางไปที่เมืองอู่ซานถ้าหากข้ามีเวลาว่างและทําให้เทคนิคกระดูกเยือกแข็งสมบูรณ์แบบได้”

ลู่ชางเฉิงคิดอยู่ครู่หนึ่งและตรงไปที่ร้านขายยาเพื่อไปพบกับวู่จิง

“ท่านอาจารย์ ข้ามีเรื่องส่วนตัวที่ต้องจัดการและข้าอาจจะไม่อยู่ประมาณหนึ่งถึงสองเดือน”

วู่จิงเงยหน้าขึ้นมองลู่ชางเฉิง

ถ้าเป็นคนอื่น วู่จิงคงจะไม่อนุญาติแน่ๆ

แต่ลู่ฉางเฉิงนั้นต่างออกไป วู่จิงนั้นพอใจอย่างมากกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ลู่ชางเฉิงทำ และตอนนี้เขาได้ถือว่าลู่ชางเฉิงเป็นผู้สืบทอดของเขาเอง มากกว่าลูกชายของเขาไปแล้ว

“การอ่านหนังสือหนึ่งหมื่นเล่มไม่เทียบเท่าการเดินทางหนึ่งหมื่นไมล์ ว่าแต่เจ้ามีเงินพอเดินทางหรือไม่?”

วู่จิงถามด้วยความกังวล

"ท่านอาจารย์ ข้ามีเงินเพียงพออยู่ครับ"

“ดีมาก ถ้าหากเจ้าออกไปนอกเมืองก็จงพยายามหลีกเลี่ยงปัญหาให้ได้มากที่สุดก็แล้วกัน”

"ครับท่านอาจารย์"

หลังจากนั้นลู่ชางเฉิงก็จากไป

วู่จิงนั้นเป็นคนที่ดีกับเขามาก เขาแบ่งปันความรู้ด้านการแพทย์ของเขาและเกือบทุกอย่างที่เขารู้ ซึ่งทําให้ลู่ชางเฉิงซาบซึ้งมาก

ส่วนเด็กฝึกงานคนอื่นๆ พวกเขาได้แต่มองลู่ชางเฉิงด้วยความอิจฉา

แต่พวกเขาไม่ใช่ลู่ชางเฉิง หากพวกเขากล้าขอแบบที่ลู่ชางเฉิงทำ พวกเขาอาจจะถูกไล่ออกจากสำนักเมียวชูได้

หลังจากนั้นลู่ชางเฉิงจึงกลับมาที่บ้านเพื่อเตรียมตัว

การเดินทางไปที่เมืองอู่ซานในครั้งนี้น่าจะใช้เวลาอย่างน้อยสิบถึงสิบห้าวัน

และการฝึกเทคนิคกระดูกเยือกแข็งก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งเดือน

ในช่วงเวลาที่ยาวนานเช่นนี้ ลู่ชางเฉิงจึงต้องเตรียมผงบำรุงกระดูก 9 ชนิดไปด้วย

และอาวุธนั้นจะมีแค่กริชก็คงจะไม่พอ

ในโลกการต่อสู้ กระบี่หรือดาบนั้นเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้

ลู่ชางเฉิงจึงเลือกดาบสั้น

การใช้ดาบสั้นนั้นก็เพื่อใช้ร่วมกับวิชาสังหารเร็วซึ่งมันไม่ต่างจากการใช้กริชมากนัก ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยเจ้าคุณสมบัติทางกายภาพของเขาในตอนนี้ ความแข็งแกร่งของเขาก็ไม่ได้ต่ำไปกว่าผู้ฝึกตนขอบเขตการปรับแต่งอวัยวะเลยเมื่อใช้วิชาดาบและหมัดต่างๆร่วมด้วย

"เมื่อเดินทางสู่โลกแห่งการต่อสู้ การปลอมตัวก็เป็นสิ่งที่จําเป็น"

แต่น่าเสียดายที่ลู่ชางเฉิงไม่รู้ว่าจะต้องปลอมตัวอย่างไร

ศิลปะการปลอมตัวเป็นความลับที่ไม่ได้ฝึกกันง่ายๆ

แต่ด้วยการเปลี่ยนเสื้อผ้า การเพิ่มเครา และการใช้สมุนไพรเพื่อทำให้ให้ผิวของเขาเข้มขึ้นเล็กน้อย รูปลักษณ์ของลู่ชางเฉิงจึงเปลี่ยนไปอย่างมาก

นอกจากคนที่รู้จักเขาเป็นอย่างดีแล้ว คนอื่นๆอาจจะจําเขาไม่ได้เลยแม้แต่คนเดียว

หลังจากนั้น ลู่ชางเฉิงจึงออกเดินทางอย่างรวดเร็ว

เขาเช่ารถม้าและใช้เวลาสามวันในการไปถึงเมืองอู่ซาน

เมื่อมาถึงเมืองอู่ซาน เขารู้สึกหนาวสั่นในทันที

นี่เป็นครั้งแรกที่ลู่ชางเฉิงได้เดินทางสู่โลกแห่งการต่อสู้ ดังนั้นเขาจึงต้องระมัดระวังในทุกสิ่งที่เขาทํา

แม้แต่ตอนที่เลือกร้านอาหาร เขาก็ยังไปหลายๆที่ก่อนที่จะตัดสินใจไปจบที่ร้านที่ชื่อ "ฟุราอิ"

ภายในที่ร้านอาหารนั้น ลู่ชางเฉิงได้สั่งเนื้อวัวต้มซอสหนึ่งจานและไวน์หนึ่งแก้ว

ผู้คนรอบตัวเขารวมถึงพ่อค้า และนักศิลปะการต่อสู้ต่างก็มีกระบี่และดาบติดตัว

นักศิลปะการต่อสู้บางคนที่มีประสบการณ์สูงกําลังแบ่งปันเรื่องราวที่น่าสนใจจากโลกการต่อสู้ให้ผู้อื่นได้ฟัง

“เจ้าเคยได้ยินเรื่องนี้มั้ย? เมื่อไม่นานมานี้”ดาบมังกรทะยาน“หลงเฟยกำลังไล่ตามพี่น้องโหยวเป็นระยะทางหลายพันกิโลเมตรและในที่สุดก็ฆ่าพวกเขาเมื่อมาถึงเมือง อู่ซาน”

“นอกจากนี้ข้ายังได้ยินมาว่าหลงเฟยนั้นได้รับบาดเจ็บและกำลังซ่อนตัวอยู่ในเมืองอู่ซานของเราด้วย ซึ่งศัตรูของเขาบางคนกําลังออกค้นหาเขาจากทุกที่ในเมืองเห่งนี้อยู่...”

ดูเหมือนว่าหลงเฟยนั้นจะค่อนข้างมีชื่อเสียงในโลกแห่งการต่อสู้

นักศิลปะการต่อสู้เหล่านี้ดูเหมือนจะชื่นชม “ดาบมังกรทะยาน” หลงเฟย เป็นอย่างมาก

"แกร๊ง แกร๊ง"

ในขณะเดียวกัน นักศิลปะการต่อสู้ที่ดูแข็งแกร่งและน่ากลัวทั้งเจ็ดคนเดินเข้ามาจากประตู

ทั้งร้านอาหารเงียบลงทันที

นักศิลปะการต่อสู้ทั้งเจ็ดเปล่งออร่าที่โหดร้ายและตรวจผู้คนในร้านอาหารด้วยตาของพวกเขา

ในที่สุด การจ้องมองของพวกเขาก็ไปหยุดลงบนโต๊ะที่มุมร้าน

คนที่นั่งอยู่บนโต๊ะนั้นเป็นชายที่สวมเสื้อคลุม มีดาบและของบางอย่างอยู่บนโต๊ะ แต่งตัวเหมือนนักศิลปะการต่อสู้

นักศิลปะการต่อสู้ทั้งเจ็ดเดินตรงไปหาชายในเสื้อคลุมทันที

ขณะที่พวกเขาเดินไป พวกเขาชักดาบและล้อมชายคนนั้นเอาไว้

“หลงเฟย อย่าคิดว่าพวกข้าจะจําเจ้าไม่ได้เพียงเพราะเจ้าสวมเสื้อคลุมนะ”

“เมื่อเจ็ดปีที่แล้ว เจ้าได้ฆ่าน้องชายของข้า และวันนี้ข้าก็จะมาชำระแค้นให้น้องชายของข้า!”

เมื่อคําพูดนั้นจบลง ทุกคนในร้านต่างก็ประหลาดใจ

ชายในเสื้อคลุมคนนั้นคือ “ดาบมังกรทะยาน” หลงเฟยจริงๆงั้นหรือ?!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด