ตอนที่ 29 แลกเปลี่ยนเลือด!
ตอนที่ 29 แลกเปลี่ยนเลือด!
เขาตายแล้ว…
เก๋ายู่เชิงตายแล้วจริงๆ
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังตายตาไม่หลับ..
ดูเหมือนเขาจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมแผนที่เขาเตรียมไว้ถึงล้มเหลวก่อนที่จะตาย
ส่วนเก๋าซานฮูนั้นได้แต่ตกตะลึงเมื่อได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น
เขาถึงกับอ้าปากค้างและต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ส่วนลูกน้องของเก๋ายู่เชิงตายนั้นเริ่มตั้งสติได้
แต่ไม่ว่าพวกเขาจะคิดยังไง พวกเขาก็ไม่รู้เลยว่าจะมีคนอื่นนอกจากพวกเขาเข้ามาที่นี่ด้วย
แน่นอนว่าลู่ชางเฉิงนั้นตามนักศิลปะการต่อสู้ทั้งห้าคนไปจนถึงห้องลับใต้ดิน
แต่นักศิลปะการต่อสู้ทั้งห้านั้นกลับไม่รู้อะไรเลย
นอกจากนี้ ลู่ชางเฉิงเองก็ได้เห็นโศกนาฏกรรมของน้องชายที่ฆ่าพี่ชายและลูกชายที่กำลังจะฆ่าพ่อด้วยเช่นกัน
ลู่ชางเฉิงก้มลงและหยิบไข่มุกแลกโลหิตจากมือของเก๋ายู่เชิงออกมา
ไข่มุกแลกโลหิตนั้นดูเหมือนจะสามารถช่วยให้นักศิลปะการต่อสู้บรรลุถึงขอบเขตพลังศักดิ์สิทธิ์ได้ ซึ่งสมบัติดังกล่าวนั้นหาได้ยาก ซึ่งทำให้ลู่ชางเฉิงนั้นถูกครอบงำด้วยความโล�
ลู่ชางเฉิงได้ซ่อนไข่มุกแลกโลหิตเอาไว้แล้วคว้ากริชของเขาก่อนที่จะจ้องมองไปที่นักศิลปะการต่อสู้ทั้งห้าที่กำลังเป็นอัมพาตอยู่บนพื้น
นักศิลปะการต่อสู้ทั้งห้าคนถึงกับตัวสั่นและเริ่มรู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น
“ในเมื่อเจ้าได้ไข่มุกแลกโลหิตไปแล้ว ได้โปรดไว้ชีวิตพวกเราด้วยเถอะ พวกเราคือ...”
นักศิลปะการต่อสู้ทั้งห้าคนกำลังจะเริ่มเปิดเผยตัวตนของพวกเขา
"วิ้งง"
ร่างของลู่ชางเฉิงหายไปพร้อมกับลำแสงสีขาว
นักศิลปะการต่อสู้ทั้งห้ากระตุกก่อนที่เลือดของพวกเขาจะไหลออกมาจนเริ่มหายใจไม่ออก
ในที่สุดพวกเขาก็ตายไปแล้ว
ก่อนที่พวกเขาจะทันได้เปิดเผยตัวตนของพวกเขา ลู่ชางเฉิงก็ได้ฆ่าพวกเขาไปแล้ว
ลู่ชางเฉิงนั้นไม่สนใจที่จะรู้ถึงตัวตนของพวกเขาเลยแม้แต่น้อย
หลังจากนั้น ลู่ชางเฉิงได้เข้าไปค้นหาสิ่งของจากร่างของศพอย่างระมัดระวัง
ซึ่งนี่เป็นนิสัยที่เขานั้นเริ่มทำจนเป็นนิสัยไปแล้ว
แต่น่าเสียดายที่ทั้งห้าคนนั้นไม่มีอะไรดีๆติดตัวอยู่เลย
ลู่ชางเฉิงค่อยๆลุกขึ้นยืนก่อนจะหันหน้าไปมองเก๋าซานฮูที่เหลืออยู่กับเขาเพียงคนเดียว
"ไข่มุกแลกโลหิตนี่ใช้อย่างไรรึ?"
ลู่ชางเฉิงถามขึ้น
"เสียงของเจ้า..."
เก๋าซานฮูที่ได้ยินเสียงของลู่ชางเฉิงถึงกับเบิกตากว้างและดูเหมือนจะรู้อะไรบางอย่าง เสียงของเขาสั่นขณะที่เขาพูดว่า "เจ้าคือ..."
เห็นได้ชัดว่าเก๋าซานฮูนั้นคาดเดาตัวตนของลู่ชางเฉิงได้
“ฮึๆๆ ข้าไม่คิดเลยว่าจะเป็นข้าเองที่ปล่อยพวกหมาป่าเข้ามาในบ้านของข้าเองแบบนี้”
"เจ้ามาที่นี่เพื่อไข่มุกแลกโลหิตงั้นสินะ?"
“นอกจากนี้ เจ้ายังฆ่าทั้งห้าคนนั้นด้วย การที่เจ้าจะใช้ไข่มุกแลกโลหิตและไม่เข้ามาควบคุมตระกูลเก๋านั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องร้ายเพื่อเรื่องที่ดีในอนาคตก็แล้วกัน”
“ข้าจะบอกเจ้าถึงวิธีใช้ไข่มุกแลกโลหิตก็ได้ เจ้าเพียงแค่ต้องสร้างบาดแผลบนร่างกายของเจ้าและสอดไข่มุกเข้าไปในแผล ไข่มุกแลกโลหิตนั้นจะค่อยๆละลายและผสานเข้ากับเลือดของเจ้า”
“แต่ถึงอย่างนั้น ข้าก็ยังมีลูกชายและลูกสาวที่อายุน้อยกว่าอยู่ ข้าหวังว่าเจ้าจะไว้ชีวิตพวกเขา เพราะพวกเขานั้นไม่รู้อะไรเลย”
ดวงตาของเก๋าซานฮูนั้นเต็มไปด้วยการอ้อนวอน
"ข้าต้องการแค่ไข่มุกแลกโลหิตเท่านั้น!"
หลังจากนั้นไม่นานลู่ชางเฉิงก็ตอบกลับ
"ชั้วะ"
วินาทีต่อมา กริชของลู่ชางเฉิงก็เฉือนเข้าที่คอของเก๋าซานฮูเบาๆ
ลู่ชางเฉิงนั้นไม่สามารถปล่อยเก๋าซานฮูไปได้เพราะเขารู้ตัวตนของเขาแล้ว
แต่ลูกชายและลูกสาวคนเล็กของเก๋าซานฮูซึ่งเขาไม่เคยได้พบมาก่อนนั้นเขาจะไม่ทำอะไร
เก๋าซานฮูเอามือปิดคอของเขาและค่อยๆตายอย่างสงบ
ลู่ชางเฉิงเริ่มค้นร่างของเก๋าซานฮู แต่ก็ไม่พบอะไรเลยเช่นกัน
จากนั้นเขาจึงเริ่มเปิดห้องลับออกทีละห้อง
ในห้องลับนั้นมีเสบียงจํานวนมาก ซึ่งรวมถึงอาหาร เครื่องเหล็ก ชุดเกราะ อาวุธ และอื่นๆ
ลู่ชางเฉิงไม่ได้สนใจสิ่งของเหล่านี้ เขาต้องการค้นหาวิชาและทักษะศิลปะการต่อสู้
น่าเสียดายที่ดูเหมือนว่าจะไม่มีวิชาหรือทักษะศิลปะการต่อสู้อยู่ในห้องลับเลย
สิ่งที่ ลู่ชางเฉิงต้องการมากที่สุดคือวิชาศิลปะการต่อสู้ระดับขอบเขตพลังศักดิ์สิทธิ์
แม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถบรรลุถึงขอบเขตพลังศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่การทําความเข้าใจมันตั้งแต่เนิ่นๆจะเป็นประโยชน์ต่อเขาอย่างมาก
น่าเสียดายที่ไม่มีศิลปะการต่อสู้ขอบเขตพลังศักดิ์สิทธิ์อยู่ในห้องลับ หรือบางทีมันอาจถูกซ่อนไว้ในที่ลับมากกว่าที่ลู่ชางเฉิงจะหาได้
หลังจากที่ค้นหาอยู่นาน ลู่ชางเฉิงจึงเลิกหา
เขาออกจากห้องลับใต้ดินไปและปิดประตู
ห้องลับถูกซ่อนเอาไว้อย่างดีและเป็นที่รู้จักเฉพาะผู้นำรุ่นก่อนของตระกูลเก๋าเท่านั้น
แม้ว่าตระกูลเก๋าจะรู้ว่า เก๋าซานฮู , เก๋ายู่เชิง และ เก๋ายู่จื่อ นั้นหายตัวไปและเริ่มทำการค้นหา แต่พวกเขาก็จะไม่ได้พบกับทั้งสามคนนั้นง่ายๆ
หลังจากนั้น ลู่ชางเฉิงจึงกลับไปที่ห้องของเขา
ในตอนนี้เขากำลังได้ยินเสียงหายใจอย่างต่อเนื่องของหลายๆคนและวู่จิงอาจารย์ของเขาที่อยู่ห้องใกล้ๆกัน
การหายใจของพวกเขานั้นคงที่ซึ่งเป็นสัญญาณว่าพวกเขาเข้ากำลังหลับสนิท
เมื่อเป็นแบบนี้ ลู่ชางเฉิงจึงรู้สึกสบายใจ
ซึ่งนั่นเขาไม่รีบร้อนที่จะนอน แต่หยิบไข่มุกแลกโลหิตออกจากกระเป๋าของเขาแทน
ไข่มุกแลกโลหิตนั้นดูเหมือนจะทําจากวัสดุที่เขาไม่รู้จัก
เขาถือไข่มุกแลกโลหิตเอาไว้และดูมัน
ไข่มุกแลกโลหิตนี้เป็นสมบัติหายากอย่างแท้จริง และลู่ชางเฉิงเองก็อดใจไม่ไหวที่จะใช้มันได้อีกต่อไป
ลู่ชางเฉิงหยิบกริชของเขาออกมาและกรีดแขนของเขา
"ชั้วะ"
หลังจากนั้นลู่ชางเฉิงได้วางไข่มุกแลกโลหิตเอาไว้บนบาดแผลทันที
เมื่อไข่มุกแลกโลหิตได้สัมผัสกับเลือดสดๆ ไข่มุกแลกโลหิตเริ่ม "ละลาย" อย่างรวดเร็ว
ในตอนนี้ ดูเหมือนว่าไข่มุกแลกโลหิตกำลังจะรวมเข้ากับเลือดและกระจายไปทั่วร่างกายของเขาตามเส้นเลือดอย่างรวดเร็ว
ลู่ชางเฉิงหลับตาลงและตรวจดูผลของไข่มุกแลกโลหิตอย่างระมัดระวัง
เขาสัมผัสได้ถึงออร่าเย็นยะเยือกที่เกาะติดกับบริเวณรอบๆหัวใจของเขาทุกครั้งที่หัวใจเต้น
"ตึ้กๆ ตึ้กๆ ตึ้กๆ"
ทุกจังหวะการเต้นของหัวใจของเขา ออร่าที่เยือกเย็นจะแผ่กระจายออกไปและไหลเวียนไปทั่วร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว
ภายใต้การแพร่กระจายอย่างต่อเนื่องของออร่านี้ ลู่ชางเฉิงรู้สึกว่าสิ่งสกปรกในร่างกายของเขาค่อยๆถูกขับออกมา
นอกจากนี้เขายังหมุนเวียนพลังฉีและเลือดของเขาอย่างช้าๆ
"วู้มมม"
ด้วยความประหลาดใจของเขา พลังฉีและเลือดของเขาจึงเพิ่มขึ้นอีกครั้งอย่างไม่น่าเชื่อ
พลังฉีและเลือดของเขาในตอนนี้มาถึงจุดสูงสุดแล้ว ซึ่งในทางทฤษฎี พวกมันไม่ควรจะเพิ่มขึ้นได้อีกถ้าหากยังไม่ก้าวไปสู่ขอบเขตพลังศักดิ์สิทธิ์
แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้าเขานั้นจะเป็นของจริง
ลู่ชางเฉิงใช้ไข่มุกแลกโลหิตซึ่งทำให้ขีดจํากัดพลังของเขาเพิ่มขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม ลู่ชางเฉิงดูเหมือนจะมีความเข้าใจเล็กน้อยเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“การเข้าสู่ขอบเขตพลังศักดิ์สิทธิ์ จะต้องเปิดประตูแห่งความเป็นและความตาย ผ่านการแลกเปลี่ยนไขกระดูก และสร้างมันขึ้นมาใหม่”
“แต่การใช้พลังของไข่มุกแลกโลหิต มันสามารถ 'แลกเปลี่ยนเลือด' ได้โดยตรง”
“ซึ่งด้วยพลังของไข่มุกแลกโลหิตนั้น ทำให้มันง่ายมากที่จะก้าวสู่ขอบเขตพลังศักดิ์สิทธิ์ได้”
ไข่มุกแลกโลหิตภายในร่างของลู่ชางเฉิงนั้นเป็นสมบัติหายากอย่างแท้จริง และไม่น่าแปลกใจเลยที่ผู้คนจํานวนมากต่างต้องการมัน
ซึ่งในกระบวนการและประสิทธิภาพของการแลกเปลี่ยนเลือดนั้น ลู่ชางเฉิงจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งเดือนเพื่อให้กระบวนการทั้งหมดเสร็จสมบูรณ์
ในช่วงหนึ่งเดือนนี้ คุณสมบัติทางกายภาพของเขาจะได้รับการพัฒนาขึ้นทุกด้านซึ่งเป็นผลมาจากการแลกเปลี่ยนเลือด
นี่เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการเกิดใหม่
นอกจากนี้ ลู่ชางเฉิงเองก็ยังพยายามฝึกฝน "เทคนิคกระดูกเยือกแข็ง" ด้วย
เขาพบว่าประสิทธิภาพของการฝึกเทคนิคกระดูกเยือกแข็งเองก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก
แม้จะไม่มีน้ำแข็งหรือใช้อาหารสมุนไพร แต่ประสิทธิภาพก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“จุดเด่นที่สําคัญที่สุดของไข่มุกแลกโลหิตคือดูเหมือนจะไม่ส่งผลกระทบต่อการแลกเปลี่ยนไขกระดูกในอนาคตของข้าเมื่อข้าเปิดประตูแห่งความเป็นและความตายได้”
“หรือก็คือ ถ้าข้าเปิดประตูแห่งความเป็นและความตายได้สําเร็จและผ่านการแลกเปลี่ยนไขกระดูกในอนาคต มันก็จะเทียบเท่ากับเป็นการแลกเปลี่ยนเลือดครั้งที่สอง”
“ซึ่งการแลกเปลี่ยนเลือดแต่ละครั้ง คุณภาพร่างกายของข้าจะดีขึ้นอย่างมาก เมื่อข้าไปถึงระดับขอบเขตพลังศักดิ์สิทธิ์ได้จากการแลกเปลี่ยนเลือดสองครั้ง ความแข็งแกร่งของข้าจะเหนือกว่าคนอื่นๆระดับเดียวกันมาก!”
ลู่ชางเฉิงรู้สึกพอใจมาก
การเดินทางมาที่ตระกูลเก๋าในครั้งนี้ช่างคุ้มค่ามากจริงๆ!