ตอนที่ 22 ดูเหมือนว่าเจ้าต้องการความช่วยเหลือ!
ตอนที่ 22 ดูเหมือนว่าเจ้าต้องการความช่วยเหลือ!
ตลาดมืดในตอนนี้คึกคักไปด้วยผู้คน
ลู่ชางเฉิงตรงไปที่แผงที่ผู้หญิงคนนั้นมักจะมาขายของของเธอ
"อ้าว ไม่มีใครอยู่หรอกเหรอ?"
ลู่ชางเฉิงสังเกตว่าที่ตั้งแผงขายของของผู้หญิงคนนั้นตอนนี้ไม่มีแผงอะไรตั้งอยู่เลย
หรือว่าเธอจะย้ายไปขายที่อื่นแล้ว?
ลู่ชางเฉิงจึงเข้าไปสอบถามถึงสาเหตุที่เธอไม่มาตั้งแผงขายของ
หนึ่งในนักศิลปะการต่อสู้นิรนามอธิบายว่า "อ๋อ เหมือนเธอจะมีปัญหาอะไรบางอย่างน่ะ"
“เมื่อไม่กี่วันก่อน เจาลู่เซี่ยวทายาทของตระกูลเจาของเมืองหนานหยางนั้นมีปากเสียงกับผู้หญิงที่ขายของตรงนั้น ทำให้เธอฆ่าเขาไป”
“ซึ่งนั่นทำให้ตระกูลเจาโกรธมากและส่งคนไปตามล่าผู้หญิงคนนั้นทันที”
“ซึ่งมันทำให้เธอไม่ได้มาที่นี่เลยในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา”
ลู่ชางเฉิงพยักหน้าเมื่อได้รู้เรื่องนี้
เขาเองก็พอรู้เรื่องของตระกูลเจาซึ่งเป็นหนึ่งในตระกูลมหาอํานาจในเมืองหนานหยางที่คล้ายๆกับตระกูลเจิ้ง
แต่เนื่องจากตระกูลเจานั้นเป็นที่รู้จักจากความสามารถด้านการต่อสู้ ซึ่งพวกเขาคอยทำหน้าที่เป็นผู้คุ้มกันและมีโรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้เป็นของตัวเอง
ซึ่งนั่นทำให้ความแข็งแกร่งด้านการต่อสู้ของพวกเขานั้นเหนือกว่าสำนักเมียวชูมาก
การฆ่าทายาทของตระกูลเจา ก็เหมือนกับการแหย่รังแตน ซึ่งมันจะทำให้เธอต้องอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆในเมืองหนานหยาง
"น่าเสียดายจัง..."
ลู่ชางเฉิงส่ายหัวเบาๆ
หลังจากนั้นลู่ชางเฉิงก็ยังคงเดินดูในตลาดมืดต่อไปอีกครู่หนึ่งและเห็นแผงขายของที่มีวิชาและทักษะการต่อสู้จัดตั้งอยู่
เขาเดินเข้าไปและสอบถามทันที
ศิลปะการต่อสู้ส่วนใหญ่ที่ถูกจัดตั้งอยู่นั้นเป็นศิลปะการต่อสู้ระดับที่สองและเกือบทั้งหมดเป็นศิลปะการต่อสู้ที่ลู่ชางเฉิงได้ฝึกฝนไปแล้ว ทําให้มันไร้ประโยชน์สําหรับเขา
และศิลปะการต่อสู้ทั้งหมดนั้นก็อยู่ในขอบเขตการเสริมสร้างเลือดเท่านั้น
ลู่ชางเฉิงจึงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
ตอนนี้เขามีเงิน แต่เขากลับไม่สามารถตามหาศิลปะการต่อสู้ที่เขาต้องการได้
“ในแง่ของศิลปะการต่อสู้ ดูเหมือนว่าศิลปะการต่อสู้ระดับที่สามจะไม่ค่อยถูกเผยแพร่ออกมามากนัก ซึ่งทำให้มันมีจำนวนที่จํากัด”
“ส่วนศิลปะการต่อสู้ที่เหนือกว่าขั้นการปรับแต่สภาพร่างกายนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะซื้อ...”
(***ขั้นแรกของศิลปะการต่อสู้คือ การปรับแต่งสภาพร่างกาย ซึ่งประกอบด้วยสามระดับ : การเสริมสร้างเลือด การแบ่งเบากระดูก และการปรับแต่งอวัยวะ***)
เมื่อระดับทักษะและศิลปะการต่อสู้ของเขาสูงขึ้น การตามหาทักษะและศิลปะการต่อสู้ที่สูงในระดับเดียวกันกับเขาจึงหายากมากขึ้นเช่นกัน
ลู่ชางเฉิงนั้นได้แต่คิดถึงผู้หญิงคนนั้น เพราะบางทีเธออาจจะมีศิลปะการต่อสู้ระดับที่สาม ที่อยู่ในขอบเขตการปรับแต่ง หรืออาจอยู่เหนือขั้นการปรับแต่งสภาพร่างกายด้วยซ้ำ
น่าเสียดายที่ตอนนี้เขาไม่ได้เจอกับเธอ
ลู่ชางเฉิงยังคงเดินเตร่ในตลาดมืดอยู่อีกพักหนึ่งแต่ก็ไม่พบศิลปะการต่อสู้ใดๆที่ถูกใจ ซึ่งมันทำให้เขาผิดหวังมากขึ้น
ลู่ชางเฉิงใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงอยู่ในตลาดมืด และตอนนี้ก็เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว
นอกจากตลาดมืดทางตอนใต้แล้ว ถนนส่วนที่เหลือของเมืองหนายหยางนั่นเงียบสงบมาก เพราะผู้คนส่วนใหญ่ตอนนี้กำลังหลับไหลอยู่
ขณะที่ลู่ชางเฉิงกำลังเดินออกจากตลาดมืด เขาเหลือบไปเห็นคนประมาณสองสามคนที่กำลังแอบอยู่
แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่ได้มุ่งเป้ามาที่ลู่ชางเฉิง แต่กำลังดักรอใครสักคนอยู่
ลู่ชางเฉิงเองก็ไม่สนใจพวกเขา
ตลาดมืดนั้นเป็นสถานที่ที่วุ่นวายและมีผู้คนทุกประเภท นอกจากนี้ ความขัดแย้งและการต่อสู้ก็เป็นเรื่องปกติในตลาดมืดเช่นกัน
ไม่ว่าคนเหล่านี้จะดักรอใคร มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับลู่ฉางเฉิง
เขาจึงหันหลังและเดินจากไปก่อนที่จะค่อยๆหายไปในความมืด
"ชิ้งง"
ทันใดนั้น ลู่ชางเฉิงก็ได้ยินเสียงอาวุธที่ถูกชักออกมา
ในขณะเดียวกัน ผู้หญิงที่สวมผ้าคลุมในชุดสีแดงก็ถูกขวางทางเอาไว้โดยกลุ่มคนที่ซ่อนอยู่ในเงามืด
“หลี่หงจวง ในที่สุดเจ้าก็ปรากฏแล้วงั้นรึ?!”
"คนของตระกูลเจางั้นเหรอ?"
หลี่หงจวงไม่ลังเลและวิ่งหนีทันที
แต่ทันใดนั้น นักศิลปะการต่อสู้เจ็ดถึงแปดคนก็ปรากฏตัวขึ้น ซึ่งพวกเขาทั้งหมดเป็นของตระกูลเจาและเข้าไปล้อมหลี่หงจวงเอาไว้
การแสดงออกของบนใบนหน้าของหลี่หงจวงภายใต้ผ้าคลุมนั้นเริ่มเปลี่ยนไป
นักศิลปะการต่อสู้ทั้งแปดคนนี้ล้วนอยู่ในขอบเขตการปรับแต่งอวัยวะ
การสังหารเจาลู่เซี่ยวนั้นทําให้ตระกูลเจาโกรธมาก และพวกเขาได้ส่งนักศิลปะการต่อสู้จํานวนมากไปตามล่าเธอ
หลี่หงจวงนั้นมีฝีมืออยู่บ้างก็จริง แต่ถ้าต้องเผชิญกับนักศิลปะการต่อสู้ขอบเขตการปรับแต่งอวัยวะจํานวนมาก เธอเองก็ไม่สามารถต้านทานได้จริงๆ
“ก็ได้ ถ้าตระกูลเจา ต้องการชีวิตของข้า ก็เข้ามาเอามันไปได้เลย!”
หลี่หงจวงชักมีดของเธอออกมา
เนื่องจากเธอเป็นคนนักศิลปะการต่อสู้ ทำให้เธอไม่กลัวพวกเขา
เมื่อบรรยากาศที่ตึงเครียดเริ่มทวีความรุนแรงขึ้นทั้งสองฝ่าย ทันใดนั้น พวกเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเบาๆดังขึ้น
"ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ"
ฝีเท้านี้ดังเป็นจังหวะ
ดูเหมือนว่ากำลังมีคนเดินเข้ามาใกล้ๆทีละก้าว
คนของตระกูลเจามองหน้ากันและจ้องไปที่ต้นเสียง
ในความมืด ตอนนี้พวกเขากำลังเห็นร่างลางๆปรากฎอยู่
คนๆแต่งกายด้วยชุดสีดํา สวมหมวกฟางและปกปิดใบหน้า ทําให้ไม่สามารถระบุตัวตนได้
คนๆนั้นไม่ได้ชักอาวุธอะไรขึ้นมาและกําลังก้าวไปข้างหน้าทีละก้าว
"ดูเหมือนเจ้ากำลังแย่สินะ?"
คนในชุดดํามองไปที่หลี่หงจวงและพูดช้าๆ
เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยนี้ หลี่หงจวงจึงสั่นสะท้านไปร่างและนึกถึงตัวตนของคนที่อยู่ในชุดดําได้
"เจ้างั้นรึ?..."
ใช่แล้ว คนๆนั้นก็คือลู่ชางเฉิง
ถึงเขาจะไม่ได้มาบ่อย แต่เมื่อเขาได้ยินเสียงที่คุ้นเคยของผู้หญิงที่ขายของนั้น เขาจึงเข้ามาช่วยทันที
ซึ่งแน่นอนว่าผู้หญิงที่ตั้งของขายให้เขาก็คือหลี่หงจวงคนนี้
ส่วนคนที่กำลังล้อมเธออยู่นั้นคือคนของตระกูลเจา
"ดูเหมือนว่าเจ้ากำลังต้องการความช่วยเหลืออยู่สินะ?"
การจ้องมองของลู่ชางเฉิงนั้นจ้องไปที่นักศิลปะการต่อสู้ของตระกูลเจาทีละคน
ผู้นําของทั้งแปดคนอย่าง เจาหลี่ นั้นรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เขารู้สึกว่าชายในชุดดำคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาๆเลย
ซึ่งนั่นออกมาจากสัญชาตญาณของเขา!
เพียงแค่เหลือบมองไปที่ชายชุดดำเพียงครั้งเดียว เขาก็รู้สึกไม่ปลอดภัยอย่างมาก
แต่ในฐานะสมาชิกของตระกูลเจา เขาค่อยๆก้าวไปข้างหน้าและเตือนลู่ชางเฉิงว่า "หลี่หงจวงฆ่าทายาทของตระกูลเจา และพวกเราจะไม่เลิกราจนกว่าพวกเราจะจัดการเรื่องนี้ได้ และเรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า ดังนั้นข้าหวังว่าเจ้าจะไม่เข้ามายุ่งกับเรื่องของพวกข้าเช่นกัน”
เขาใช้ชื่อเสียงของตระกูลเจาเพื่อจะข่มลู่ชางเฉิง
ในเมืองหนานหยาง ตระกูลเจานั้นมีอำนาจอย่างมาก
แต่ลู่ชางเฉิงก็ยังไม่จากไป
ใบหน้าของเจาหลี่เริ่มเปลี่ยนไป เขาจ้องไปที่ลู่ชางเฉิงอย่างเย็นชาและพูดว่า "นี่เจ้าคิดจะเป็นศัตรูของตระกูลเจาจริงหรือ?"
"ศัตรูของตระกูลเจาเหรอ?"
“ไม่หรอก ข้าน่ะไม่อยากเป็นศัตรูกับตระกูลเจา ดังนั้นข้าจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องฆ่าพวกเจ้าทุกคน”
“ตราบใดที่พวกเจ้าทุกคนตาย ตระกูลเจาก็จะไม่รู้ว่าเรื่องนี้เป็นเพราะข้าและข้าก็จะไม่ได้เป็นศัตรูกับตระกูลเจา”
ทันทีที่ลู่ชางเฉิงพูดจบ สีหน้าของเจาหลี่ก็เปลี่ยนไปทันที
"ฟุ้บบ"
ร่างของลู่ชางเฉิงเริ่มขยับเล็กน้อย
ทันใดนั้น เจาหลี่ได้ยกดาบขึ้นโดยสัญชาตญาณเพื่อป้องกันด้านหน้าของเขา
"วิ้งงง"
แสงสีขาวส่องผ่าน
จู่ๆ เจาหลี่รู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่ลําคอของเขา
"แก๊งง..."
ดาบของเขาตกลงกับพื้น
เจาหลี่ป้องคอของเขาไว้แน่นด้วยมือทั้งสองข้าง
แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ช่วยให้เขารอดไปได้อยู่ดี
"เจ้า….อั่ก"
“ตุ้บ”
เจาหลี่ค่อยๆล้มลงกับพื้นด้วยร่างกายที่กระตุกอยู่สองสามครั้ง
นักศิลปะการต่อสู้ในขอบเขตการปรับแต่งอวัยวะไม่สามารถต้านทานการโจมตีนี้ได้และตายอย่างรวดเร็ว
ไม่ใช่แค่เจาหลี่เท่านั้น
ลู่ชางเฉิงเริ่มเคลื่อนไหวร่างกายของเขาอีกครั้ง
ร่างของเขาไปปรากฏข้างๆนักศิลปะการต่อสู้ของตระกูลเจาอย่างรวดเร็ว
จากนั้นแสงสีขาวก็ปรากฎขึ้น
นั่นคือแสงที่กระทบเข้ากับคมกริชของเขา
แม้แต่หลี่หงจวงที่เฝ้าดูจากด้านข้างก็ยังมองไม่เห็นการเคลื่อนไหวของลู่ชางเฉิงได้ทัน
หลังจากนั้นเพียงครู่เดียว ศพจำนวนมากก็นอนกองอยู่บนพื้นและเริ่มมีกลิ่นเลือดคละคลุ้งไปทั่ว
ลู่ชางเฉิงยืนอยู่นิ่งๆต่อหน้าหลี่หงจวง โดยที่ร่างกายของเขาไม่มีเลือดเปื้อนอยู่เลย
"ข้าจัดการปัญหาให้เจ้าแล้ว"
ลู่ชางเฉิงพูดอย่างใจเย็น
ขณะที่หลี่หงจวงจ้องมองไปที่ศพบนพื้นและมองไปที่ลู่ชางเฉิง เธอจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่สบายใจ
ถึงแม้ว่าเขาจะช่วยเธอเอาไว้ แต่เธอกลับรู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างแปลกๆ
"ขอบคุณ..."
เสียงของหลี่หงจวงเองก็สั่นเล็กน้อย
"เจ้าต้องการเงินงั้นเหรอ?"
ลู่ชางเฉิงถาม
แม้ว่าหลี่หงจวงจะหนีไปแล้ว แต่เธอก็เสี่ยงที่จะมาที่ตลาดมืด
ซึ่งนั่นหมายความว่าเธออยากได้เงิน
หลี่หงจวงกัดฟันและพูดว่า "ใช่ ตอนนี้ข้าต้องการเงินอย่างมาก"
"เจ้าคงไม่ได้ช่วยข้าโดยไม่มีเหตุผลหรอกสินะ?"
"บอกมาว่าเจ้าต้องการอะไร?"
ลู่ชางเฉิงที่ได้ยินแบบนี้จึงรีบความต้องการของเขาทันที “เทคนิคการต่อสู้ในขอบเขตการปรับแต่งอวัยวะ และถ้าหากมีเทคนิคอื่นๆที่อยู่ในขอบเขตการปรับแต่งอวัยวะก็ยิ่งดี นอกจากนี้ข้ายังต้องการศิลปะการต่อสู้อีกจํานวนมาก!”
“เทคนิคการต่อสู้กับศิลปะการต่อสู้งั้นรึ...”
หลี่หงจวงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "ตราบใดที่เจ้ามีเงินมากพอเรื่องนั้นก็ไม่ใช่ปัญหา"
"ตามข้ามา..."
ลู่ชางเฉิงที่ได้ยินแบบนี้จึงเดินตามหลังหลี่หงจวงไปโดยไม่ลังเล และทั้งสองก็หายตัวไปอย่างรวดเร็วในตลาดมืด