ตอนที่ 15 เลื่อนตําแหน่งเป็นนักจ่ายยา!
ตอนที่ 15 เลื่อนตําแหน่งเป็นนักจ่ายยา!
วันเวลาผ่านไปอีกสองเดือนอย่างรวดเร็ว
ในวันนี้ ลู่ชางเฉิงก็กําลังเรียนรู้อยู่กับอาจารย์เหวินตามปกติ
ทันใดนั้น อาจารย์เหวินก็ถอนหายใจยาวๆและมองไปที่ลู่ฉางเฉิงด้วยความพอใจและพูดว่า "ชางเฉิง ตอนนี้เจ้าศึกษาจนครบทุกอย่างและจบหลักสูตรแล้ว"
"จบหลักสูตรแล้วงั้นหรือ?" ลู่ชางเฉิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
หลังจากที่อยู่กับอาจารย์เหวินเพียงไม่กี่เดือน เขาก็เรียนจบหลักสูตรแล้วจริงหรือ?
ภายใต้การสั่งสอนของอาจารย์เหวิน ลู่ชางเฉิงได้เรียนรู้มากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการระบุสมุนไพรและทําความเข้าใจถึงคุณสมบัติของสมุนไพร ซึ่งนี่คือประสบการณ์ของอาจารย์เหวินที่ใช้เงินซื้อไม่ได้ เพราะสมุนไพรหลายชนิดไม่ได้ถูกบันทึกไว้ในร้านขายยาด้วยซ้ำ แต่อาจารย์เหวินกลับรู้จักพวกมันได้และแบ่งปันความรู้ของเขาทุกอย่างให้กับลู่ชางเฉิง
“ใช่ ข้าได้สอนเจ้าทุกอย่างที่ข้าควรสอนแล้ว และเจ้าก็ไม่มีอะไรให้ข้าสอนอีกแล้ว”
"ตอนนี้ เจ้าสามารถเป็นผู้จ่ายยาได้อย่างเต็มตัวแล้วเช่นกัน"
“ข้าจะรายงานไปยังสำนักเมียวชูและจะมีคนพาเจ้าไปพูดคุยเรื่องสัญญาและเงื่อนไขเดิมของเจ้า”
อาจารย์เหวินนั้นเต็มไปด้วยความพึงพอใจ เขาเคยเห็นอัจฉริยะมาแล้วหลายคนแต่ไม่มีใครพิเศษเท่าลู่ชางเฉิงเลย การได้เป็นนักจ่ายยากรในเวลาเพียงไม่กี่เดือนเป็นความสําเร็จที่น่าเหลือเชื่อมาก
"ขอบคุณท่านอาจารย์เหวินมากครับ" ลู่ชางเฉิงโค้งคํานับให้อาจารย์เหวิน เขารู้ว่าจากคําแนะนําของอาจารย์เหวิน ทุกอย่างจะดําเนินไปอย่างราบรื่น
แน่นอนว่าในช่วงบ่าย ผู้จัดการจากสำนักเมียวชูได้เข้ามาพบลู่ชางเฉิง ซึ่งผู้จัดการคนนี้มีนามสกุลเจิ้งและเป็นสมาชิกของตระกูลเจิ้ง หนึ่งในผู้สูงส่งในสำนักเมียวชู
ผู้จัดการเจิ้งมอบสัญญาเดิมด้วยรอยยิ้มและอ่านข้อตกลงให้ลู่ชางเฉิงฟัง โดยกล่าวว่า “ลู่ชางเฉิง เจ้าอยู่ในสำนักเมียวชูมาเป็นเวลา 1 ปี 1 เดือนแล้วและจากสัญญาเดิม ตอนนี้เจ้ายังเหลือเวลาอีก 1 ปี 11 เดือน”
“แต่จากรายงาน พี่เหวินได้บอกว่าเจ้ามีคุณสมบัติที่จะได้เป็นนักจ่ายยาเต็มตัวแล้ว ซึ่งสำนักเมียวชูนั้นมีกฎว่าเมื่อมีคนได้เป็นนักจ่ายยาหรือหมอ พวกเขาจะต้องเปลี่ยนไปใช้สัญญาว่าจ้างแทน”
“อ่านสัญญาว่าจ้างซะและถ้าหากเจ้ามีคําถามใดๆก็ถามข้ามาได้เลย”
ลู่ชางเฉิงตรวจสอบสัญญาว่าจ้างอย่างละเอียดก่อนที่จะพยักหน้า หลังจากที่ได้อ่านแล้ว นักจ่ายยาในสำนักเมียวชูจะได้รับเงินเดือน 2 เตล ต่อเดือน และในช่วงเทศกาลสําคัญ พวกเขาจะได้รับโบนัสต่างๆจากสำนักเมียวชูด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าหากอยู่ในสำนักเมียวชูนานกว่าสามสิบปี พวกเขาสามารถแต่งตั้งลูกศิษย์สายตรงให้เป็นนักจ่ายยาฝึกหัดได้โดยไม่ต้องเริ่มจากการเป็นผู้ฝึกตนที่ต่ำต้อย พูดง่ายๆ สำนักเมียวชูได้เสนอการสัญญาที่ดีที่สุดในเมืองหนานหยางอย่างไม่ต้องสงสัย
ลู่ชางเฉิงเองก็ไม่มีความคิดที่จะออกจากสำนักเมียวชูอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงยอมรับเงื่อนไขอย่างง่ายดาย
“ถ้าอย่างนั้น เซ็นชื่อของเจ้าในสัญญาและประทับตราของเจ้าตามด้วย”
ลู่ชางเฉิงเซ็นสัญญาและผู้จัดการเจิ้งก็มอบสัญญาเก่าให้กับเขา ลู่ชางเฉิงจึงเหลือบไปมองมันแล้วเผาทิ้งทันที
แม้ว่าตอนนี้ลู่ชางเฉิงจะไม่สนใจสัญญาเก่า แต่ด้วยสถานะในตอนนี้ของเขา เขาจึงทำแบบนั้นเพราะอยากให้คนอื่นยอมรับว่าเขาเป็นนักจ่ายยามากกว่าผู้ฝึกตนทั่วไป
ผู้จัดการเจิ้งจึงจากไปด้วยรอยยิ้ม
นักจ่ายยาได้รับพื้นที่แยกเป็นของตัวเองในสำนักเมียวชู ดังนั้นลู่ชางเฉิงจึงย้ายไปที่สถานที่ทำงานใหม่ของเขาอย่างรวดเร็ว
พื้นที่แห่งนี้ค่อนข้างสวย ไม่หรูหราแต่เงียบสงบและไม่มีใครมารบกวนเขาเลย
“นักจ่ายยางั้นหรือ...” ลู่ชางเฉิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหยิบผงวิเศษกระตุ้นเลือด 8 ทิศออกมาแล้วชิมมันเล็กน้อย
จากนั้นเขาก็หลับตาลง
“อืมม มี ตังกุย, โสม, เขากวาง...” ลู่ชางเฉิงกำลังนึกถึงสมุนไพรที่มีอยู่ในผงวิเศษกระตุ้นเลือด 8 ทิศ ทีละอย่าง โดยเฉพาะสมุนไพรที่หายากทั้งแปดชนิด
ในฐานะนักจ่ายยา มันเป็นเรื่องง่ายสําหรับเขาที่จะระบุสมุนไพรในยาได้ แต่ถ้าเขาต้องการทำสูตรยาขึ้นด้วยตัวเอง กุญแจสําคัญในการสร้างสูตรยาคือปริมาณที่เหมาะสมของสมุนไพร ซึ่งเป็นสิ่งที่หมอรุ่นต่อรุ่นได้คิดค้นออกผ่านความพยายามอย่างอุตสาหะ นอกจากนี้ การสร้างสูตรยายังต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับหลักร่างกายมนุษย์ตามหลักการของการแพทย์แผนจีนด้วย
ลู่ชางเฉิงนั้นอยากสร้างสูตรยาของตัวเองมาโดยตลอด ไม่ใช่แค่เพราะการซื้อสูตรยานั้นมีราคาแพง แต่มันยังเป็นเพราะผลของผงวิเศษกระตุ้นเลือด 8 ทิศ ที่ค่อยๆส่งผลกับเขาน้อยลง ดังนั้นเขาจึงที่จะสร้างสูตรยาที่มีศักยภาพมากขึ้นด้วยตัวเอง
แต่ถ้าหากไม่มีความเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับหลักการแพทย์และความสามารถด้านการวินิจฉัยผู้ป่วย ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างสูตรอย่างถูกต้องขึ้นมาได้
“ดูเหมือนว่าการเป็นนักจ่ายยาจะไม่พอสินะ ถ้าอย่างนั้นข้าก็ต้องเป็นหมอให้ได้!”
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีความท้าทายอยู่ เพราะลู่ชางเฉิงจะต้องฝึกงานภายใต้การแนะนำของหมอ ซึ่งเขาไม่มีรู้จักหมอคนใดในสำนักเมียวชูเลยและเขาไม่รู้ว่าจะต้องเข้าหาหมอคนไหน และถึงแม้ว่าเขาจะได้พบกับหมอที่เก่งกาจ แต่ก็ไม่รับประกันว่าพวกเขาจะยอมรับเขาเป็นเด็กฝึก
การได้เป็นหมอนั้นจะเป็นประโยชน์สำหรับเขาอย่างมาก เนื่องจากได้ทําความเข้าใจร่างกายมนุษย์นั้นเป็นสิ่งจําเป็นแม้กระทั่งสําหรับศิลปะการต่อสู้เองก็เช่นกัน ดังแพทย์แผนจีนที่มีคํากล่าวที่ว่า "แพทย์และนักศิลปะการต่อสู้นั้นล้วนมีจุดตัดที่เชื่อมต่อกัน" ซึ่งลู่ชางเฉิงเชื่อในประโยคนี้มาก
ดังนั้นเขาจึงมุ่งมั่นที่จะเป็นหมอให้ได้
คนเดียวในสำนักเมียวชูที่ลู่ชางเฉิงรู้จักเป็นอย่างดีคืออาจารย์เหวิน
เมื่อนึกได้แบบนี้ ลู่ชางเฉิงจึงลุกขึ้นและไปหาอาจารย์เหวินทันที
“อาจารย์เหวิน ตอนนี้ข้าได้เป็นนักจ่ายยาแล้ว แต่ข้าก็อยากเป็นหมอด้วย ท่านพอจะมีคําแนะนําอะไรให้กับข้าบางไหม?” ลู่ชางเฉิงถามตรงๆ
อาจารย์เหวินเงยหน้าขึ้นแต่เป็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความดีใจ “ยอดจริงๆ ข้าคิดแล้วว่าข้าไม่ได้เลือกคนผิด ด้วยความสามารถของเจ้า การได้ฝึกเป็นหมอจะไม่สูญเปล่าแน่ๆ”
“ในสำนักเมียวชูนั้นมีหมอหลายคน แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เก่งกาจและโด่งดัง”
“ซึ่งหมอวู่จิงเองก็คือคนๆ ไม่เพียงแต่ในเมืองหนานหยางเท่านั้น แต่ทั่วโลกต่างรู้จักเขาในฐานะหมอที่เก่งกาจและโด่งดังอย่างมาก”
“ถ้าเจ้าได้ฝึกกับหมอวู่จิงได้ล่ะก็ ความสามารถในอนาคตของเจ้าจะไร้ขอบเขตแน่ๆ”
อาจารย์เหวินกำลังพูดถึงหมอวู่จิง
“หมอวู่จิงงั้นหรือ?” ลู่ชางเฉิงพยายามคิดเพราะเขาเคยได้ยินชื่อของหมอวู่จิงมาก่อน เขาเป็นหมอที่มีชื่อเสียงมาก แต่เขาจะดูเป็นคนแปลกๆ และลู่ชางเฉิงเองก็ไม่เคยได้ยินว่ามีใครได้ฝึกกับหมอวู่จิงด้วย
การเป็นหมอที่ดีนั้นไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นอาจารย์ที่ดีเสมอไป แต่ลู่ฉางเฉิงไม่ได้กังวลเรื่องนี้ เพราะค่าความเข้าใจที่สูงของเขา
“อาจารย์เหวิน ข้าไม่รู้จักหมอวู่จิงและข้าเองก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะรับข้าเป็นเด็กฝึกของเขาหรือไม่?”
อาจารย์เหวินผายมือของเขา “ไม่ต้องห่วง ข้าน่ะสนิทกับหมอวู่จิง ข้าจะบอกเรื่องของเจ้าให้กับเขาเอง”
“ตอนนี้เจ้าสามารถกลับไปพักผ่อนเถอะ แล้วข้าจะมาบอกเจ้าอีกครั้งหลังจากข้าคุยกันเสร็จแล้ว”
"ขอบคุณมากครับท่านอาจารย์เหวิน!" ลู่ชางเฉิงแสดงความขอบคุณออกมาอย่างสุดซึ้ง
หลังจากได้เป็นนักจ่ายยาแล้ว ลู่ชางเฉิงจึงได้หยุดเป็นเวลาสามวัน และเนื่องจากเขาไม่มีอะไรทํา เขาจึงฝึกฝนการเสริมสร้างเลือดของเขาด้วยวิชาขอบเขตเลือด 6 สวรรค์
ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ค่าความเข้าใจที่เพิ่มขึ้นของเขาทําให้เขาเข้าใจวิชาขอบเขตเลือด 6 สวรรค์ได้ดีขึ้น แม้ว่าค่าความเข้าใจจะไม่สามารถแทนที่ความต้องการอาหารสมุนไพรได้ แต่มันก็ช่วยเพิ่มค่าความเข้าใจในศิลปะการต่อสู้ของเขา ซึ่งเป็นผลให้ประสิทธิภาพของเขาในการฝึกฝนนั้นเพิ่มขึ้นและนําไปสู่การพัฒนาอย่างรวดเร็ว
1 ครั้ง 2 ครั้ง 3 ครั้ง...
ลู่ชางเฉิงกำลังหมกมุ่นอยู่กับการฝึกฝนวิชาขอบเขตเลือด 6 สวรรค์อย่างจริงจัง
เขาไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน แต่แล้วจู่ๆก็...
"บู้มมมม!"
ลู่ชางเฉิงรู้สึกตกใจมาก จู่ร่างกายของเขาก็รู้สึกแสบร้อนราวกับว่าพลังงานที่ลุกเป็นไฟกําลังพลุ่งพล่านอยู่ในตัวเขา
เขาสามารถสัมผัสได้ถึงกลุ่มพลังฉีและเลือดภายในร่างกายของเขาได้อย่างชัดเจน ด้วยขนาดที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนั้น ราวกับว่ามันกําลังจะห่อหุ้มร่างกายของเขาเอาไว้ทั้งหมด
ในขณะเดียวกัน ข้อความเล็กๆก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา
"วิชาขอบเขตเลือด 6 สวรรค์อยู่ในระดับสมบูรณ์แบบ ค่าความเข้าใจ +6 แต้ม"