ตอนที่ 14 ค่าความเข้าใจสองเท่าและความทรงจําด้วยรูปภาพ!
ตอนที่ 14 ค่าความเข้าใจสองเท่าและความทรงจําด้วยรูปภาพ!
เจิ้งเหรินซินยังคงนิ่งอยู่และตรวจดูศพบนพื้นอย่างระมัดระวัง
หลังจากที่ตรวจสอบดูแล้วเจิ้งเหรินซินจึงพูดอย่างใจเย็นว่า “เมื่อพิจารณาจากอาการบาดเจ็บแล้ว หลายคนถูกฆ่าตายด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวจากโจร ซึ่งผู้ที่สามารถโจมตีด้วยพลังเช่นนี้ได้จะต้องเป็นนักศิลปะการต่อสู้ที่แข็งแกร่งและมีขอบเขตสูงระดับหนึ่ง”
"นักศิลปะการต่อสู้ที่มีขอบเขตสูงในระดับหนึ่งงั้นหรือ?"
"มีนักศิลปะการต่อสู้ในกลุ่มโจรด้วยเหรอ?"
"ท่านผู้นำแน่ใจจริงๆหรือ?"
เมื่อได้ยินคําว่า "นักศิลปะการต่อสู้มีขอบเขตสูงในระดับหนึ่ง" ทุกก็ถึงกับเงียบ
เห็นได้ชัดว่า "การข่มขู่" ที่เกิดขึ้นโดยนักศิลปะการต่อสู้มีขอบเขตสูงในระดับหนึ่งนั้นกำลังสร้างการท้าทายอยู่แม้กระทั่งกับสำนักเมียวชูด้วยก็เช่นกัน
แต่ถึงอย่างนั้น สำนักเมียวชูก็ยังมีนักศิลปะการต่อสู้ที่มีพลังและได้รับการฝึกตนอยู่ด้วย
แม้แต่เจิ้งเหรินซินเองก็เป็นนักศิลปะการต่อสู้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม จํานวนนักศิลปะการต่อสู้ที่ได้รับการฝึกตนจนถึงขอบเขตในสำนักเมียวชูนั้นมีน้อยมาก หากพวกเขาต้องต่อสู้กับโจร มันคงเป็นเรื่องยากสําหรับสำนักเมียวชู
“เพิ่มความเข้มงวดในการลาดตระเวนและมอบส่งผู้คุ้มครองไปที่ร้านขายยาของเราเพิ่มซะ!”
“นอกจากนี้ รีบสั่งให้หน่วยรักษาความปลอดภัยของเมืองดําเนินการค้นหาพวกโจรทั่วทั้งเมืองทันที!”
เจิ้งเหรินซินกําลังออกคำสั่งอย่างจริงจัง
อันที่จริง คําสั่งของเขานั้นก็เพื่อทำให้ทุกคนสบายใจเท่านั้น
เพราะมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่จะจับโจรหรือป้องกันเหตุที่จะเกิดขึ้นได้
เจิ้งเหรินซินแค่หวังว่าพวกกลุ่มโจรนั้นจะรีบหนีไปที่อื่นระหว่างที่เมืองหยานหนางกำลังตกอยู่ในความวุ่นว่าย
ส่วนเรื่องการแก้แค้นนั้น สำนักเมียวชูไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย
ลู่ชางเฉิงนั้นสังเกตท่าทีของเจิ้งเหรินซินอย่างละเอียด
เขาจึงเข้าใจความเจตนาที่แท้จริงของเจิ้งเหรินซินได้ทันที
การที่สำนักเมียวชูยินยอมที่จะไม่หาทางแก้แค้นต่อเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นมีความหมายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นคือมีนักศิลปะการต่อสู้ที่แข็งแกร่งมากๆอยู่ในกลุ่มโจร!
และเป็นนักศิลปะการต่อสู้เพียงคนเดียวที่แข็งแกร่งถึงขนาดข่มขู่สำนักเมียวชูได้
“นักศิลปะการต่อสู้คนเพียงคนเดียวที่ผ่านการฝึกตนจนสามารถทําให้สำนักเมียวชูไม่สามารถทำอะไรได้ จะต้องแข็งแกร่งมากแน่ๆ”
“ข้าเกรงว่าคนๆนั้นจะเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตศักดิ์สิทธิ์แน่ๆ ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริงๆ เขาสามารถทําให้สำนักเมียวชูยอมจํานนและต้องฟังคำขอของคนๆนั้นแน่ๆ...”
ในขณะนี้ ลู่ชางเฉิงก็เริ่มตระหนักถึงความสําคัญของความแข็งแกร่งในการเป็นนักศิลปะการต่อสู้มากขึ้น
เพราะในโลกนี้ผู้ที่แข็งแกร่งคือผู้ที่มีอำนาจ
และศิลปะการต่อสู้ก็เป็นสิ่งสําคัญอย่างยิ่ง!
ตกกลางคืน ลู่ชางเฉิงได้นำหม้อเหล็กขนาดใหญ่เข้ามาไว้ในห้องของเขา
หม้อใบนี้เต็มไปด้วยทรายเหล็ก ซึ่งเป็นทรายเหล็กชนิดพิเศษที่เขาได้มาด้วยความพยายามอย่างมาก ซึ่งมันมีไว้เพื่อการฝึกวิชาหมัดทรายเหล็กโดยเฉพาะ
วิชาหมัดทรายเหล็กของเขายังคงอยู่ในขั้นตอน "เชี่ยวชาญมาก" เนื่องจากขาดทรายเหล็กที่ใช้ในการฝึก
หลังจากนั้น ลู่ชางเฉิงจึงเริ่มฝึกด้วยการใช้มือทั้งสองข้างต่อยเข้าไปที่ทรายเหล็ก
1 ครั้ง 2 ครั้ง 3 ครั้ง...
เสียง "ซ่าซ่า" นั้นดังก้องอยู่ในห้อง
เขาไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว แต่ทันใดนั้นข้อความเล็กๆก็ปรากฏขึ้นในใจของลู่ชางเฉิง
"วิชาหมัดทรายเหล็กอยู่ในระดับความสมบูรณ์แบบ ค่าความเข้าใจ +2"
"วิชาหมัดทรายเหล็กระดับสมบูรณ์แบบงั้นเหรอ?"
ลู่ชางเฉิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
วิชาหมัดทรายเหล็กนั้นเป็นเพียงวิชาต่อสู้ระดับที่สองเท่านั้น และเมื่อมันอยู่ในระดับสมบูรณ์แบบแล้ว ค่าความเข้าใจจึงเพิ่มขึ้น 2 แต้ม
ภายใต้สถานการณ์ปกติ ความเข้าใจที่เพิ่มขึ้น 2 แต้มนั้นไม่ได้สำคัญมากนัก
แต่ในตอนนี้มันแตกต่างออกไป
ความเข้าใจของลู่ชางเฉิงมีมากถึง 198 แต้มและการเพิ่มอีก 2 แต้ม จะทำให้ตอนนี้เขามีค่าความเข้าใจ 200 แต้ม หรือสองเท่าของค่าความเข้าใจของคนธรรมดา!
และเมื่อเป็นแบบนี้ มันจะทำให้เข้าพัฒนาทุกอย่างได้มากขึ้น
"วุ้ววว"
ทันใดนั้น ลู่ชางเฉิงก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาอย่างแปลกๆ
แม้ว่าจะรู้สึกเหมือนคิดไปเอง แต่เขากลับรู้สึกว่าความคิดของเขานั้นเฉียบคมขึ้นมาก
ราวกับว่าเขาได้รับการอัปเกรดร่างกายขึ้นมาอย่างฉับพลัน!
ลู่ชางเฉิงหลับตาลงและดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นอยู่ในใจของเขา
"โอ้ววว"
หลังจากนั้น จู่ๆลู่ฉางเฉิงก็ลืมตาขึ้น
กริชในมือของเขาส่องแสงเป็นประกาย และร่างกายของเขาก็เบาและคล่องแคล่วขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
แต่จู่ๆเขาก็ต้องตกใจมากขึ้นอีกครั้ง
"เทคนิคการเสริมสร้างร่างกระทิงอยู่ในขั้นสมบูรณ์แบบ ค่าความเข้าใจ +5"
ประโยคเล็กๆบรรทัดหนึ่งปรากฏขึ้นอยู่ในใจของลู่ชางเฉิง
"เทคนิคการเสริมสร้างร่างกระทิงอยู่ในขั้นสมบูรณ์แบบงั้นรึ?..."
การจ้องมองของลู่ชางเฉิงนั้นยังคงสงบนิ่ง
เพราะเรื่องนี้ก็อยู่ในการคาดการณ์ของเขาแล้ว
เพราะเมื่อครู่นี้ หลังจากที่ค่าความเข้าใจของเขามากถึง 200 แต้ม ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจกุญแจสู่ความสมบูรณ์แบบของเทคนิคการเสริมสร้างร่างกระทิงได้ในใจของเขา และทันใดนั้นมันก็กลายเป็นระดับสมบูรณ์แบบทันที
ด้วยค่าความเข้าใจ 200 แต้ม พลังของความเข้าใจนั้นจึงมีผลอย่างมากแล ทําให้เทคนิคการเสริมสร้างร่างกระทิงสมบูรณ์แบบ
“เทคนิคการเสริมสร้างร่างกระทิงได้ค่าความเข้าใจถึง 5 แต้ม นั่นหมายความว่ามันเป็นวิชาต่อสู้ระดับที่ห้า ไม่ใช่ระดับที่สามหรือสี่อย่างที่ข้าคาดเดาเอาไว้ก่อนหน้านี้เลย”
“ข้าไม่คิดเลยว่าข้าจะมีวิชาต่อสู้ระดับที่ห้าได้ในช่วงขอบเขตการเสริมสร้างเลือดด้วยซ้ำ”
ลู่ชางเฉิงค่อนข้างแปลกใจอย่างมาก
เพราะเขาไม่เคยเห็นวิชาต่อสู้ระดับห้ามาก่อน
เทคนิคการเสริมสร้างร่างกระทิงนั้นเป็นวิชาต่อสู้ระดับที่ห้าเพียงวิชาเดียวที่เขาได้พบมาจนถึงตอนนี้!
หลังจากนั้น ลู่ชางเฉิงจึงตรวจสอบแผงคุณลักษณะของเขาทันที
โฮสต์ : ลู่ชางเฉิง
ค่าความเข้าใจ: 205 (ค่อนข้างมีศักยภาพ)
เทคนิคการเสริมสร้างร่างกระทิง : สมบูรณ์แบบ
วิชาหมัดทรายเหล็ก: สมบูรณ์แบบ
ขอบเขตเลือด 6 สวรรค์ : ระดับที่สี่
ในแผงคุณลักษณะ ด้วยค่าความเข้าใจถึง 200 แต้ม การประเมินของเขาได้ถูกเปลี่ยนจาก "ปานกลาง" เป็น "ค่อนข้างมีศักยภาพ"
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นเพราะ "การเปลี่ยนแปลง" ของค่าความเข้าใจ
ก่อนหน้านี้ ค่าความเข้าใจของลู่ชางเฉิงได้เปลี่ยนจาก "ปานกลาง" เป็น "ธรรมดา" และมันก็ให้ผลที่ค่อนข้างดี
ตอนนี้การที่เปลี่ยนจาก "ธรรมดา" กลายเป็น "ค่อนข้างมีศักยภาพ" อาจมีผลกระทบนั้นที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่านั้นก็ได้
"ค่าความเข้าใจที่เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่านั้นส่งผลให้เกิดการพัฒนาเชิงคุณภาพจริงๆ"
"แล้วมันต้องใช้ค่าความเข้าใจเท่าไหร่สําหรับการอัปเกรดครั้งต่อไปล่ะเนี่ย?"
ลู่ชางเฉิงส่ายหัวและไม่แน่ใจ
บางทีอาจเป็น 300 แต้ม หรือบางทีอาจจะเป็น 500 แต้ม
แต่ถึงอย่างนั้น แม้ว่าจะมีค่าความเข้าใจเพียง 205 ในตอนนี้ แต่มันกลับรู้สึกเหมือนลู่ชางเฉิงกําลังมีมองโลกทั้งใบนี้เปลี่ยนไปอย่างมาก
โลกยังคงเป็นเหมือนเดิมและผู้คนยังคงเป็นผู้คนดังเดิม
แต่การรับรู้ของลู่ชางเฉิงนั้นแตกต่างขึ้นจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง
ความรู้สึกนี้ค่อนข้างอธิบายได้ยาก แต่เขาก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเขาแตกต่างจากเมื่อก่อนจริงๆ
ลู่ชางเฉิงจึงคิดวิธีที่จะทดสอบเรื่องนี้
เขาหยิบหนังสือแพทย์จากชั้นวางหนังสือมาเล่มหนึ่ง
ในหนังสือนั้นมีสมุนไพรมากกว่าสามพันชนิด ซึ่งลู่ชางเฉิงไม่เคยจำมันได้ทั้งหมดเลย
แต่ตอนนี้ เขาเพียงแค่เขาเหลือบมองมันแบบผ่านๆ มันราวกับว่าเขาอ่านมาแล้วหลายครั้งและอ่านได้อย่างรวดเร็ว
"ปั้บ"
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง ลู่ชางเฉิงได้ปิดหนังสือ
จากนั้นเขาเริ่มหลับตาลง
ในขณะนี้ ในใจของลู่ชางเฉิงกำลังนึกถึงเนื้อหาของหนังสือที่เขาพึ่งเปิดอ่านผ่านไป
แม้ว่าเนื้อหาบางส่วนจะไม่ชัดเจนนัก แต่ส่วนใหญ่มันก็อยู่ในใจของเขาแล้ว
"ความทรงจำด้วยรูปภาพงั้นเหรอ?..."
แววตาของลู่ชางเฉิงเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
ตอนนี้เขาแน่ใจว่าเขามีความทรงจำด้วยรูปภาพแน่ๆ
นี่อาจเป็นความสามารถที่ได้มาจากการมีค่าความเข้าใจ 200 แต้มก็ได้
แต่ถึงแม้จะมีความสามารถดังกล่าว แต่มันก็อยู่ในหมวดหมู่ประเภทความจำเท่านั้น
เพราะการพัฒนาค่าความเข้าใจไม่ได้มีเพียงแค่ความจําเพียงอย่างเดียว
นอกจากนี้ยังรวมถึงความเข้าใจ การสังเกต และอื่นๆอีกมากมาย
"อืม..."
ลู่ชางเฉิงค่อยๆตั้งสติและใจเย็นขึ้นเล็กน้อย
การปรับปรุงความเข้าใจทําให้เขาตื่นเต้น
“ถ้าข้าต้องการพัฒนาค่าความเข้าใจของข้าต่อไป ข้าจะต้องฝึกฝนวิชาต่อสู้ไปควบคู่กันด้วย”
“แต่ในตลาดมืดนั้นมีวิชาต่อสู้ระดับที่สองเหลืออยู่ไม่มากนัก”
“เมื่อเชี่ยวชาญวิชาต่อสู้ระดับที่สองได้แล้ว ข้าจะต้องฝึกวิชาต่อสู้ระดับสาม ซึ่งราคาของวิชาต่อสู้ระดับที่สามนั้น แพงกว่าวิชาต่อสู้ระดับที่สองมาก”
เมื่อคิดได้แบบนี้ ลู่ชางเฉิงจึงขมวดคิ้วเล็กน้อย
“นี่ข้าต้องใช้เงินอีกแล้วงั้นเรอะ?!”
ก่อนหน้านี้ลู่ชางเฉิงได้ใช้เงินไปเป็นจํานวนมากในการซื้ออาหารสมุนไพรแล้ว
และตอนนี้ถ้าเขาจะซื้อวิชาต่อสู้ระดับสาม เขาก็ต้องใช้เงินอีกจํานวนมาก
สมุนไพรในภูเขาตอนนี้ก็เหลือไม่มากแล้ว
แล้วเขาจะหาเงินเพิ่มได้ยังไง?
“เอ๊ะ ถ้าจำไม่ผิด รู้สึกว่าโจรพวกนั้นไปปล้นร้านขายยาและได้เงินสดไปมากกว่าสามพันเตลนี่”
“ถ้าหากข้าตามหาพวกโจรเหล่านั้นและกําจัดพวกมันได้ล่ะก็...”
แววตาของลู่ชางเฉิงเริ่มเปลี่ยนไป
แต่หลังจากนั้นเขาก็ส่ายหัวอย่างรวดเร็ว
“ไม่ได้ๆๆ ตอนนี้ข้าแค่อยู่ขอบเขตการเสริมสร้างเลือดเท่านั้น และในบรรดาโจรเหล่านั้นยังมีนักศิลปะการต่อสู้ที่แข็งแกร่งด้วย”
“แม้ว่าเทคนิคการเสริมสร้างร่างกระทิงของข้าจะสมบูรณ์แบบแล้ว แต่ข้าก็ยังไม่ค่อยมั่นใจในพลังของนักศิลปะการต่อสู้คนนั้นมากนัก”
“เว้นแต่ว่าวิชาขอบเขตเลือด 6 สวรรค์ของข้าจะไปถึงระดับที่หก หรือข้าเข้าสู่ขอบเขตการแบ่งเบากระดูกเท่านั้น...”
ลู่ชางเฉิงพึมพําเบา ๆ